ค่าครองชีพไทยแพงกว่าอเมริกา วัฒนธรรมฮิปสเตอร์ กินกาแฟแก้วละร้อย นั่งกระดิกเท้าถ่ายรูปใชว์ลงในโซเชียล ทั้งที่กินเงินเดือนขั้นต่ำเพียง 15,000 บาท กลายเป็นที่ถกเถียงกันในสังคมออนไลน์เช่นกันในเชิงเปรียบเทียบ ว่า ทีกาแฟแก้วละ 100 กินได้ แต่ทำไมกับอาหารจานละ 100 กลับบ่น แต่บางคนก็ออกมาแย้งว่า ประเด็นนั้นคือกาแฟแก้วละ 100 เราอาจไม่ได้กินทุกวัน แต่กับอาหารแล้วล่ะ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับประเด็นนี้ คุณวิชาญ หนุ่มไทยผู้เคยไปใช้ชีวิตในอเมริกา ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลไว้ใน pantip ว่า ผมเคยอยู่อเมริกา ต้องถือว่าค่าครองชีพต่ำเมื่อเทียบกับรายได้ เพราะฉะนั้นคนที่ไม่ขี้เกียจในอเมริกาจะอยู่ดีกินดี ประเทศเขาถึงเรียกว่าเจริญ ส่วนเมืองไทยเราค่าครองชีพนับว่าสูงเมื่อเทียบกับรายได้ ประเทศเราถึงมีคนจนเยอะ ขนาดจบปริญญาตรี บางคนยังมีรายได้แทบไม่พอเลี้ยงตัวเอง แต่พูดกันตามความจริงทุกอย่างมันก็แพงขึ้นจริงๆ ครับ ด้วยต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ทำให้ทุกอย่างขึ้นตามกันไปหมด มีทั้งต้องขึ้นจริงๆ เพราะแบกรับต้นทุนไม่ไหว กับพวกที่ฉวยโอกาสขึ้นราคา และยังรวมถึงที่อยู่อาศัย ที่ราคาปรับเพิ่มเอาๆ จนราคาสูงเว่อร์ เนื่องจากบอกว่าต้นทุนมันเพิ่ม อนาคตผมคิดว่าอีกไม่นานคนที่กินเงินเดือน จะไม่สามารถซื้อบ้านเป็นของตนเองได้ ด้วยความเหลื่อมล้ำระหว่างเงินเดือนกับมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ ผมว่าการขึ้นค่าแรง 300 ทำให้ชนชั้นแรงงานได้ประโยชน์ก็จริงครับ แต่กลุ่มที่เป็นพวกพนักงานบริษัท ไม่ได้ขึ้นเงินเดือนแปรผันตามสภาวะของที่ปรับราคาขึ้นไปเพิ่มด้วย เพราะบริษัทถึงจะได้ลดภาษีนิติบุคคลตามที่รัฐส่งเสริมมาก็จริง ก็ไม่ได้เอาส่วนนี้ไปเพิ่มให้กับพนักงานกินเงินเดือนแต่อย่างไร ในทางเศรษฐศาสตร์ อลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้เคยวิเคราะห์ถึงเรื่องนี้ไว้ ซึ่งเมื่อมองดูแล้วอาจไม่ต่างไปจากสถานการณ์ของประเทศไทยในตอนนี้ โดย กรีนสแปน ชี้ว่าเราไม่สามารถจะเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำแบบกำหนดได้ เพราะการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ จะมีธุรกิจที่ปรับตัวไม่ทันและการไหลบ่าของแรงงานข้ามชาติมาชดเชยส่วนต่างจนหมดสิ้น... ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการเดินทางข้ามไปมาของแรงงานเราทำได้ง่าย เพราะแม้แต่ประเทศยุโรป ก็เจอปัญหาเดียวนี้เช่นกัน การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ..ทำให้ผู้ประกอบการ หาทางลดต้นทุนโดยการจ้างแรงงานต่างชาติแทน เพื่อจ่ายให้น้อยที่สุด และสร้างผลกำไรให้องค์กรได้มากที่สุด และปัญหาจะเกิดขึ้นทันทีถ้าการเปิด AEC เพราะแรงงานจะยิ่งไหลบ่าเข้ามาได้ง่าย เนื่องจากค่าแรงในประเทศเพื่อนบ้านเราถูกกว่าเรามาก เพราะอย่าลืมว่าแรงงานต่างด้าวเอง ก็มีการพัฒนาเรื่องระบบการสื่อสาร รวมถึงภาษาอังกฤษที่ดีกว่าคนไทยส่วนใหญ่ โดย กรีนสแปน ชี้ว่า ค่าครองชีพที่สูงนั้น มีทั้งข้อดีและเสีย เมื่อมองถึงข้อดี คือมันจะทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจกล่าวคือ เมื่อค่าครองชีพสูง เป็นธรรมชาติก็จะมีคนเข้ามาแชร์ส่วนต่างของกำไรกับต้นทุนเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดส่วนใหญ่ก็จะไม่เกิดความแตกต่าง ระหว่างค่าครองชีพกับรายได้มากนัก ดังตัวอย่างเช่น หากมีคาเฟ่แห่งหนึ่ง มีทำเลที่ดี ขายกาแฟแก้วละ 50 บาท ได้กำไรเยอะเพราะคู่แข่งน้อยและมีคนทานเยอะ ไม่นานก็จะมีร้านขายมาเปิดใกล้ๆ กัน เพราะเห็นโอกาสทางธุรกิจ โดยขายแก้วละ 45 บาท และสุดท้าย จะมีร้านมาเปิดจนกระทั่งราคามันใกล้เคียงต้นทุนเอง...(หากต่ำกว่าต้นทุนร้านนั้นจะอยู่ไม่ได้และปิดกิจการไปเอง) ดังนั้นค้าครองชีพที่สูงจึงมีทั้งข้อดีและข้อเสียเช่นกัน
|