หลังพระราชมงคลวุฒาจารย์ มรณภาพ มหาเถรสมาคมก็ได้มอบหมายให้ พระพรหมสุธี มาทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาสระหว่างปี 2547 - 2552 รวมระยะเวลาครองวัด 5 ปีเต็ม ระหว่างการดูแลวัดโสธรฯ ช่วง 2549 พระอุโบสถหลังใหม่ของวัดโสธรฯ ถูกเปิดให้ประชาชนเข้านมัสการหลวงพ่อโสธร ได้ตามความศรัทธา แต่ห้ามนำธูปเทียนเข้าไปจุด ซึ่งช่วงนี้เองที่นายเอกวัฒน์ ฝังมุข น้องชายของเจ้าคุณเสนาะ นำดอกกล้วยไม้ของสวนตัวเองเข้าไปเสนอ เพื่อให้ประชาชนนำเข้าไปสักการะภายในพระอุโบสถ ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการช่วยเอื้อประโยชน์ให้กับคนในครอบครัว กระทั่งปี 2552 เจ้าคุณเสนาะได้เสนอชื่อพระราชมงคลรังษี เจ้าอาวาสวัดท่าสะอ้าน เป็นเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ รูปใหม่แต่ปัญหาภายในวัดก็ยังไม่จบ โดยช่วงต้นปี 2553 ผู้ช่วยเจ้าอาวาสทั้ง 7 รูป ออกมาคัดค้านการแต่งตั้งบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นเจ้าอาวาส ทำให้เจ้าคุณเสนาะในฐานะเจ้าคณะภาค 12 มีคำสั่งพักงานทุกตำแหน่งของผู้ช่วยเจ้าอาวาสทั้ง 7 รูป เพื่อสอบพระจาริยาสังขาธิการ ซึ่งเรื่องนี้ถูกปล่อยทิ้งไว้นานเกือบ 5 ปี โดยไม่มีคำสั่งใดๆ ออกมา ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า มหาเถรสมาคม (มส.) ได้มีคำสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบเจ้าคุณเสนาะ ในกรณีทุจริตเงินบริจาคของวัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เป็นประธาน ส่วนเรื่องที่หลายคนเชื่อว่าเป็น ปม อันนำไปสู่การทำอัตวินิบาตกรรมของเจ้าคุณเสนาะนั้น เห็นจะหนีไม่พ้นกรณีการทุจริตการจัดซื้อโต๊ะหมู่บูชาในงานพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) มูลค่า 67 ล้านบาท เรื่องนี้มีที่มาที่ไปสืบเนื่องจากสำนักตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พบความผิดปกติในการเบิกจ่ายงบประมาณ ที่เจ้าคุณเสนาะเป็นผู้ดูแลอยู่ ซึ่งเป็นเงินที่ใช้ในการจัดงานพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ และอดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช จำนวน 67 ล้านบาท โดยสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้มีหนังสือแจ้งรายงานทางลับกับผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ถึงความผิดปกติในการใช้งบประมาณดังกล่าว สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เห็นว่าทาง สตง.ได้มีหนังสือแจ้งรายงานถึงความผิดปกติของการใช้งบประมาณแผ่นดิน ที่ใช้ในพิธีพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช จำนวน 67 ล้านบาท มาอย่างต่อเนื่อง จำนวน 3 ฉบับ โดยฉบับสุดท้าย คือ วันที่ 8 มกราคม 2558 ซึ่ง สตง.ได้มารายงานทางลับโดยตรง กับผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งผมก็อยู่ด้วยในเหตุการณ์ดังกล่าว และเนื่องจากเป็นเรื่องลับที่ สตง.มารายงานตรงต่อหลวงพ่อ ผมก็ต้องออกมาจากห้องของท่านด้วย ดังนั้น เรื่องการปลดพระพรหมสุธี จึงมีสาเหตุหลักมาจากตรวจสอบการใช้งบประมาณแผ่นดิน จำนวน 67 ล้านบาท นายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แจกแจง ปมของเรื่องนี้อยู่ตรงที่เจ้าคุณเสนาะ ได้เบิกเงินงบประมาณแผ่นดินจำนวน 67 ล้านบาทเพื่อซื้อโต๊ะหมู่บูชา นำไปแจกให้กับวัดวาอารามต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งๆ ที่โดยข้อเท็จจริงแล้ว มีประชาชนได้บริจาคเงินสร้างโต๊ะหมู่บูชาให้จนครบจำนวนอยู่แล้ว นั่นจึงเป็นเหตุให้ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ลงนามพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช สั่งปลดเจ้าคุณเสนาะ ออกจากตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2558 และถูกสั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ในวันต่อมา ขณะเดียวกัน พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา ในฐานะเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ได้แต่งตั้งพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ให้ดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสวัดสระเกศแทน เมื่อสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาให้เจ้าคุณเสนาะออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระเกศ จึงส่งผลให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง เจ้าคณะภาค 12 ด้วย กระทั่งต่อมา 20 มกราคม 2558 มหาเถรสมาคม (พศ.)ได้มีคำสั่งปลดจากตำแหน่ง ประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ การสั่งพักงานเจ้าคุณเสนาะทั้ง 3 ตำแหน่ง ได้แก่ เจ้าอาวาส เจ้าคณะภาค และประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ เป็นไปตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 23 ว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ. 2541 และอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลของพระสงฆ์ ที่มีคุณสมบัติและมีความเหมาะสมที่จะเป็นกรรมการ มส.รูปใหม่ ต่อไป ส่วนแนวทางแก้ปัญหางบประมาณ 67 ล้านบาทนั้น พระเถระชั้นผู้ใหญ่เห็นว่าควรที่จะคืนเงินให้แก่ พศ .เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้น และไม่ให้กระทบต่อคณะสงฆ์โดยภาพรวม ผอ.พศ.แจกแจง มีรายงานว่า สำหรับการตรวจสอบของ สตง. นั้น อ้างคำสัมภาษณ์ของ นายพิศิษฐ์ เมื่อมกราคม 2558 พบว่าช่วงแรก พระพรหมสุธี ไม่ค่อยให้ความร่วมมือนัก แต่เมื่อมีการทำความเข้าใจ รวมถึง สตง. ได้ส่งหนังสือไปยังประธานกรรมการมหาเถรสมาคม เพื่อรายงานเกี่ยวกับการตรวจสอบเป็นระยะ ทำให้ได้รับความร่วมมือจากทางวัดสระเกศมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น เจ้าคุณเสนาะยังถูกโจมตีอย่างหนัก ถึงพฤติกรรมที่น่าเคลือบแคลงหลายอย่าง โดยมีข้อมูลตีแผ่ออกมาทางโซเชียลเน็ตเวิร์คผ่านเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า ตีแผ่ความจริง คนไร้คุณธรรม ไร้ความเป็นผู้นำ ที่ระบุถึง ความร่ำรวยผิดปกติของ พระพรหมสุธี เช่น ธุรกิจสวนกล้วยไม้กว่า 300 ไร่ มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท, สวนมะยงชิด, ฟาร์มเพาะพันธุ์ไก่ชน, เพาะพันธุ์ปลากัด, เพาะพันธุ์นกเขา, ธุรกิจปล่อยเงินกู้, รวมถึงการเป็นเจ้าของรีสอร์ทหรู ธุรกิจบ้านจัดสรร รวมแล้วมีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าว เปิดเผยรายละเอียดเป็นเอกสารกว่า จำนวน 19 หน้า ทั้งนี้ พระพรหมสุธี ยอมรับว่าธุรกิจที่ถูกอ้างถึงในสื่อสังคมออนไลน์ เป็นธุรกิจของครอบครัวที่มีอยู่เดิม แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน ขณะที่ทรัพย์สิน เช่น รถยนต์ราคาแพงกว่า 20 คัน ได้มาโดยการบริจาคของลูกศิษย์ โดยส่วนใหญ่นำไปใช้ในกิจการของวัด พร้อมทั้งปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจรีสอร์ท หรือบ้านจัดสรร ตามที่ถูกกล่าวหา แต่อย่างใด
|