วิธีรักษาความดี - พระเทพคุณาภรณ์
ธรรมะวันหยุด พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร วรวิหาร /www.watdevaraj.com
มนุษย์ที่เกิดมาในโลกนี้ รักสุข เกลียดทุกข์ อยากเป็นอยู่ ไม่อยากตายด้วยกันหมดทั้งสิ้นจะประสบความสุข ความเจริญได้ ต้องทำความดี ทางกาย วาจา และใจ ให้เว้นห่างจากความชั่วทางกาย วาจาและใจ ดังมีคำพูดว่า สุขทุกข์ใช่อยู่ที่ไกล อยู่ที่ใจนี่เอง เมื่อเป็นเช่นนี้ บุคคลทุกคนก็ต้องแสวงหาความดีความเจริญให้แก่ตนทั้งสิ้น เมื่อมีความดีแล้ว ก็ควรรักษาความดี ความเจริญให้แก่ตน เมื่อมีความดีแล้ว ก็ควรรักษาความดีของตนไว้ ไม่ให้เสื่อมสูญสิ้นไป
ความดีและความชั่ว ให้ผลแตกต่างกัน คนทำความดี สุจริต ย่อมมีความเจริญงอกงาม ไม่ต้องอยู่ร้อนนอนทุกข์ มีแต่ความสุขใจ ตรงกันข้าม คนทำความชั่ว ทุจริต ย่อมอยู่ร้อนนอนทุกข์ไม่สุขใจ ความดี คนดีทำได้ง่าย ความดี อันคนชั่วทำได้ยาก
สิ่งที่ควรทำสม่ำเสมอ ได้แก่ บุญกิริยาวัตถุ 3 คือ ทาน การให้แบ่งปัน ศีล การรักษา กาย วาจา ให้สงบระงับเป็นปกติ ภาวนา การเจริญอบรมจิตให้รู้แจ้งเห็นจริง จนจิตตั้งมั่นไม่หวั่นไหว เป็นสมาธิ
บุคคลผู้ให้ทาน จัดเป็นผู้มีจิตใจกว้างขวาง ไม่คับแคบเป็นคนมั่งมีศรีสุขไม่ยากจน ย่อมพ้นจากภัยอันตรายต่างๆ ได้ ดังคำพูดที่ว่า คนจะรวยมั่งมี ต้องหมั่นให้ทาน คนจะสวยต้องหมั่นรักษาศีล คนจะมีปัญญา ต้องหมั่นอบรมเจริญภาวนา ทำจิตให้ตั้งมั่นไม่หวั่นไหว ในอารมณ์ต่างๆ ก็จะอยู่เย็นเป็นสุขในชาตินี้
บุคคลรักษาศีล 5 เป็นต้น เป็นประจำ ย่อมกำจัดโรคภัยไข้เจ็บให้หายไปได้ ยังช่วยเหลือผู้อื่นได้ด้วย
บุคคลผู้หมั่นอบรมจิตด้วยการเจริญสมถภาวนาและวิปัสสนาเป็นประจำ ย่อมทำจิตให้เจริญด้วยคุณธรรมความดี มีจิตสงบระงับจากความโลภ ความโกรธและความหลง
ในร่างกายของมนุษย์อวัยวะที่สำคัญก็คือจิต คนจะทำดี พูดดี ก็เกิดจากจิต เพราะว่าจิตเป็นธรรมชาติสั่งให้ทำให้พูด การจะทำจะพูดต้องมีสติ ความระลึกได้ สัมปชัญญะ ความรู้ตัว กำกับอยู่ทุกขณะจิต หมายถึงทำพูดด้วยปัญญา จึงจะบริสุทธิ์สะอาดได้
ปัญญาเปรียบเหมือนแสงสว่าง คนจะศึกษาเล่าเรียน ประกอบการงานต่างๆ ได้ ก็ต้องอาศัยแสงสว่าง ถ้าปราศจากแสงสว่าง ก็มืดมน ทำไม่สำเร็จ ปัญญาที่เกิดจากการศึกษาเล่าเรียน จะเป็นสัญญาปัญญา เกิดจากการจำได้หมายรู้ ปัญญาประเภทนี้ หลงลืมได้ง่าย เพราะไม่ได้เกิดจากจิตที่สะอาดปราศจากกิเลส ส่วนปัญญาที่เกิดจากการเจริญสมถะและวิปัสสนา จึงเป็นปัญญาที่รู้แจ้งเห็นจริงในสังขารร่างกาย เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา จนเกิดความเบื่อหน่าย สามารถระงับความโลภ ความโกรธ และความหลง ให้เบาบางลงได้
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสสอนให้รักษาความดีของตนไว้ ความดีมี 2 อย่างคือ ความดีภายนอก และความดีภายใน ความดีภายนอก ได้แก่ การรักษากายกรรม 3 คือ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม วจีกรรม 4 คือ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ ความดีภายในได้แก่ มโนกรรม 3 คือ ไม่โลภอยากได้ของเขา ไม่คิดปองร้ายผู้อื่น ไม่เห็นผิดจากทำนองคลองธรรม
บุคคลผู้ฉลาด ควรตั้งตนไว้ในความดี 3 ประการ ดังกล่าวมาและพึงรักษาความดีของตนไว้ ดังเกลือรักษาความเค็ม ฉะนั้น
หน้า 23
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ กราบนมัสการขอบพระคุณ พระเทพคุณาภรณ์
อาทิตยวารสิริสวัสดิ์ค่ะ
Create Date : 25 มกราคม 2558 |
Last Update : 25 มกราคม 2558 8:06:23 น. |
|
0 comments
|
Counter : 475 Pageviews. |
|
|