ทาน คือ การให้ - พระเทพคุณาภรณ์
คอลัมน์ ธรรมะวันหยุด พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร www.watdevaraj.com
คนเราที่อยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะทุกวันนี้ ต่างก็ปรารถนาจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข มีความปลอดภัย มีความรักใคร่กลมเกลียวเป็นอันเดียวกัน ปรารถนาให้ตนเองเป็นที่รักนับถือ เป็นที่ไว้ใจและยอมรับของบุคคลอื่น ปรารถนามีมิตรสหายพวกพ้องที่มีไมตรี เห็นอกเห็นใจกันในทุกยาม เช่น ในยามจน ในยามเจ็บ หรือในยามจาก
แต่ความปรารถนาเช่นนี้จะสำเร็จได้ ต้องมีสิ่งที่เชื่อมประสานใจของกันและกันไว้ หากไม่มีสิ่งเชื่อม ก็ไม่อาจสมปรารถนาได้ จะมีแต่กระจัดกระจายไป
เพราะคนเรานั้นต่างจิตต่างใจ และมีอัธยาศัยไม่เหมือนกัน ขาดสิ่งเชื่อมประสานใจเสียแล้ว ก็ไม่อาจรวมกันหรืออยู่ร่วมกันโดยเรียบร้อยได้ ต่อมีสิ่งเชื่อมประสานใจจึงอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข สำเร็จประโยชน์ตามที่ปรารถนา
เหมือนสิ่งปลูกสร้างเช่นบ้านเรือนและของใช้เช่นโต๊ะเก้าอี้ ซึ่งแม้จะถูกสร้างมาจากวัสดุต่างชนิด แต่เชื่อมสนิทแน่นหนา อำนวยประโยชน์ให้แก่เจ้าของได้ ก็เพราะมีสิ่งเชื่อมประสานยึดเหนี่ยวไว้ สิ่งนั้น คือ ตะปูและกาว เป็นต้น
ส่วนสิ่งที่เชื่อมประสานใจของคน อันเปรียบด้วยตะปูและกาวนั้น ท่านแสดงไว้หลายประการ แต่ที่สำคัญเป็นอันดับแรกก็คือ การให้ ภาษาพระเรียกว่า ทาน นั่นเอง
ทาน เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า หมายถึง การให้ การเสียสละ การบริจาค การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ซึ่งมีประโยชน์และมีอานิสงส์มาก
ในทางพระพุทธศาสนา ได้แสดงประโยชน์หรืออานิสงส์แห่งทานไว้มาก เช่น
ทะทัง มิตตานิ คันถะติ ผู้ให้ย่อมผูกไมตรีไว้ได้
ทะทัง ปิโย โหติ ภะชันติ นัง พะหู ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก คนหมู่มากย่อมคบเขา
สุขัสสะ ทาตา เมธาวี สุขัง โส อะธิคัจฉะติ ปราชญ์ผู้ให้ความสุข ย่อมได้รับความสุข
มะนาปะทายี ละภะเต มะนาปัง ผู้ให้สิ่งที่ชอบใจ ย่อมได้รับสิ่งที่ชอบใจตอบแทน เป็นต้น และได้เชิญชวนไว้ว่า ทะเทยยะ ปุริโส ทานัง คนเราควรให้ทาน
กล่าวกันว่า โลกทุกวันนี้เร่าร้อน ขาดความสงบสุขและความปลอดภัย ไม่เหมือนสมัยก่อน ผู้คนเห็นแก่ตัวกันมากขึ้น ต่างถือคติตัวใครตัวมัน ไม่ค่อยช่วยเหลือกัน มีแต่จะเอารัดเอาเปรียบคนอื่น ทำนองมือใครยาวสาวได้สาวเอา คนส่วนใหญ่มุ่งเพื่อจะได้ ไม่มุ่งเพื่อจะให้
ที่เป็นเช่นนี้ หากคิดหาสาเหตุที่แท้จริงของเรื่อง ก็จะพบว่าในโลกทุกวันนี้ คนที่มุ่งเพื่อจะให้มีน้อยลง แต่คนมุ่งที่จะได้มีมากขึ้น กล่าวคือคนให้มีน้อยกว่าคนรับนั่นเอง
ในสังคมหรือในหมู่คณะที่ถือคติว่า เราจะได้อะไรจากเขาบ้าง มีจำนวนมากกว่า คนที่ถือคติว่า เราจะให้อะไรเขาได้บ้าง สังคมนั้นจึงเดือดร้อนร่ำไปไม่รู้จบสิ้น หากคนประเภทหลังมีมากกว่า สังคมก็จะสงบเย็น มีความปลอดภัยสูง
ที่สังคมพากันเดือดร้อนกันทั่วหน้า ก็เพราะคนไม่นิยมให้ทาน นอกจากไม่นิยมแล้วยังขัดขวางพูดจาระรานผู้ให้ทานเสียอีก คนที่ไม่นิยมให้ทาน ไม่สรรเสริญทานนั้น เข้าลักษณะเป็นคนพาล
ดังพระบาลีว่า พาลา หะเว นัปปะสังสันติ ทานัง คนพาลเท่านั้นไม่สรรเสริญทาน
หน้า 23
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ กราบนมัสการขอบพระคุณ พระเทพคุณาภรณ์
อาทิตยวารสิริสวัสดิ์ค่ะ
Create Date : 24 สิงหาคม 2557 |
Last Update : 24 สิงหาคม 2557 11:27:29 น. |
|
0 comments
|
Counter : 612 Pageviews. |
|
|