พระสูตร ที่น่าสนใจ (73) - เสฐียรพงษ์ วรรณปก
ฟ้าสางเมื่อใกล้ค่ำ เสฐียรพงษ์ วรรณปก
พราหมณ์ผู้ถือลัทธิโลกายัด (ลัทธิวัตถุนิยม) 2 คน ไปเฝ้าพระพุทธเจ้ากราบทูลว่า เจ้าลัทธิชื่อ นิครนถ์ นาฏบุตร และเจ้าลัทธิชื่อว่า ปูรณะกัสสปะ ต่างก็อ้างว่าตนเป็น "สัพพัญญู" (ผู้รู้สิ่งทั้งปวง) และเป็น "สัพพหัสสาวี" (ผู้เห็นสิ่งทั้งปวง) รู้เห็นโลกไม่มีที่สิ้นสุด ด้วยญาณไม่มีที่สิ้นสุด ข้าพระพุทธเจ้าทั้งสองขอกราบทูลถามพระองค์ว่า ทั้งสองท่านนี้ใครพูดเท็จ ใครพูดจริง
พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ใครจะพูดเท็จ ใครจะพูดจริง ช่างเขาเถอะ เราจะแสดงธรรมให้ท่านทั้งสองฟังดีกว่า" แล้วพระองค์ตรัสต่อไปว่า
"บุรุษ 4 คน มีฝีเท้าเร็วอย่างยิ่ง ออกวิ่งหาที่สุดโลกโดยไม่พักเลย แม้มีอายุถึง 100 ปี ก็จะตายเสียก่อนถึงที่สุดโลก ใน "อริยวินัย" นี้ คำว่า "โลก" หมายถึง กามคุณ 5 คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฎิฐัพพะ (สัมผัส) ธรรมารมณ์ (ความคิดคำนึง) อันน่าใคร่ น่าปรารถนา น่าพอใจ เป็นที่รัก ยั่วยวนชวนให้กำหนัด ภิกษุผู้สงัดจากกาม (คือ ปลีกกลายปลีกใจออกจากกาม) สงัดจากอกุศลธรรม ได้บรรลุรูปฌาน 4 (ฌานที่ได้จากการเพ่งรูปธรรม) อรูปฌาน 4 (ฌานที่ได้จากการเพ่งอรูปธรรม) และสัญญาเวทยิตนิโรธ เข้าฌานสมาบัติถึงขั้นดับสัญญา หรือความจำ และเวทนา หรือความเสวยอารมณ์ได้) บรรลุเป็นพระอรหันต์หมดสิ้นอาสวะ ภิกษุเช่นนี้แหละ จึงจะเรียกว่า ได้ไปถึงที่สุดแล้ว"
พุทธวจนะนี้มาจากอังคุตตนิกาย นวกนิบาต ให้ข้อคิดว่า ถึงใครคิดพิสดารว่าจะแสวงหาที่สิ้นสุดของโลก โดยวิธีใดก็ตาม ไม่สามารถค้นพบได้ (หรือถึงจะค้นพบได้ ก็เป็นโลกภายนอก ไม่นับว่าถึงที่สุดจริงๆ) โลกจริงๆ คือ "โลกภายใน" ถ้าใครละกามคุณได้ บำเพ็ญสมาธิภาวนาจนได้ฌานขั้นต่างๆ แล้วบรรลุอรหัต หมดกิเลสตัณหาโดยสิ้นเชิง จึงจะนับว่าได้ค้นพบที่สุดโลกจริงๆ
ในพระสูตรอีกสูตรหนึ่ง พระองค์ตรัสว่า "โลกก็คือทุกข์ ที่สุดโลกก็คือความสิ้นทุกข์" เพราะฉะนั้นที่สิ้นสุดโลกจึงไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยการไป แต่จะเข้าถึงได้ด้วยการ "ไม่ไป" คือ หยุด หรือลด ละ เลิก กิเลส ตัณหา
หน้า 27
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์
ฟ้าสางเมื่อใกล้ค่ำ ศ.เสฐียรพงษ์ วรรณปก
สิริสวัสดิ์วุธวารค่ะ
Create Date : 21 มกราคม 2558 |
Last Update : 21 มกราคม 2558 11:41:45 น. |
|
0 comments
|
Counter : 485 Pageviews. |
|
|