รู้จัก โจ๊กเปิดหม้อ ไหม?
คำถามนี้อาจทำให้คนถูกถาม ซึ่งไม่รู้จักร้านนี้มาก่อน เกิดความสงสัยได้ว่า มันคืออะไร ทำไมต้องเปิดหม้อ ต่างจากโจ๊กที่เราเคยกินอย่างไรและพิเศษตรงไหน?...เมื่อถามไปแล้วก็ต้องหาคำตอบมาเฉลย จึงไปตามหาร้านที่ว่า ซึ่งมีการพูดถึงในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กหรือเครือข่ายสังคมออนไลน์
แรกพบ...ก็สงสัยว่า ร้านเล็กๆ ที่ติดป้าย โจ๊กเปิดหม้อ ซึ่งเป็นสาขา 2 ตั้งอยู่เยื้องๆ ค่ายมวยคงสิทธา ในซอยลาดพร้าว 71 กรุงเทพฯ เนี่ยเหรอที่คนพูดถึง ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะดูธรรมดามาก แต่ปรากฏว่า ยังไม่ถึงเวลาที่ร้านจะเปิดก็มีลูกค้าเข้ามานั่งรอกันแล้ว ไม่ใช่คนสองคน แต่มากกว่านั้นซะด้วย จึงไม่รีรอที่จะเข้าไปสั่งมาดูว่าของจริงหน้าตาเป็นอย่างไร
ด้วยความที่ชอบท่องโลกออนไลน์ ก่อนไปได้หาข้อมูลไว้พอสมควร จึงทราบว่าที่ร้านมีทั้งโจ๊กธรรมดาและโจ๊กต้มยำ ...อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ มันคือโจ๊กต้มยำจริงๆ ซึ่งเมนูเด็ดของร้านคือ โจ๊กกุ้งแม่น้ำต้มยำ จึงคิดจะสั่งมารับประทานบ้าง ในขณะที่พนักงานยื่นเมนูมาให้ดูด้วย ซึ่งไม่ได้มีแค่อย่างที่รู้มา แต่มีอีกหลายแบบที่เมื่อนึกถึงหน้าตาของมันแล้วทำให้อยากกินขึ้นมาทันที
ความน่าสนใจจากเมนูที่ดู ทำให้อยากคุยกับเจ้าของร้าน... เจ้าของสาขานี้มี 3 คน คือ เล็ก สุทธิดา สุวรรณเจริญ, บอย อภินันท์ คงศุภลักษณ์ และ แบม ภูเบศ บัวเทศ โดยหุ้นส่วนที่เป็นหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวคือ เล็ก อาสาเป็นตัวแทนตอบทุกคำถาม
ซึ่งเปิดด้วยจุดเริ่มต้นที่สานต่อจากโจ๊กเปิดหม้อ ร้านแรกที่พุทธมณฑลสาย 1 ที่เธอร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน ซึ่งไม่ใช่ 2 คนนี้ เปิดขึ้นมาจากแนวคิดที่อยากทำธุรกิจกับสิ่งที่ใช่และใจชอบ
ตอนแรกเกิดจากเพื่อนคนหนึ่งอยากทำธุรกิจสักอย่าง ในขณะที่เล็กเองก็มีงานประจำ แต่เวลาเลิกงานเราชอบนัดไปสังสรรค์กัน ก็คิดกันเล่นๆ ว่า ทำโจ๊กดีไหม โจ๊กต้มยำไงล่ะ ตอนนั้นลองหาข้อมูลก็ยังไม่มีใครทำ จึงลองทำดู ใส่ท็อปปิ้งโน่นนี่นั่นลงไป หน้าตาออกมาดี
เมนูส่วนใหญ่เกิดจากความชอบของแต่ละคนนี่แหละคะ จึงได้เปิดสาขาแรก ตอนนั้นเป้าหมายคือคนนอนดึก แต่เปิดรอถึงตี 4 ตี 5 ไม่ไหว มันไม่คุ้ม จึงเปลี่ยนไปขายช่วงเย็น และมองไปที่ลูกค้าเป็นครอบครัว ปรากฏว่าขายดีมาก
จากการคุยกันในช่วงแรก สรุปได้ว่า โจ๊กเปิดหม้อ เกิดจาก ความกล้า ของเจ้าของที่ลุกขึ้นมาทำอะไรฉีกแนวออกจากรูปแบบเดิมๆ ด้วยการ สร้างความแปลกใหม่ คิดและทำ "โจ๊กสูตรต้มยำ" เป็นอีกทางเลือกให้ลูกค้า แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งโจ๊กธรรมดาที่มีดีตรงน้ำซุป
พร้อมกับเพิ่มความพิเศษด้วย ท็อปปิ้ง ที่มีให้เลือกเติมลงไป ทั้งซีฟู้ด หมู ไก่ เครื่องในสัตว์ ไข่ไก่ ไข่เค็ม ผักนานาชนิด ปาท่องโก๋ บะหมี่กรอบ และหมี่กรอบ ฯลฯ โดยนำท็อปปิ้งวางลงบนปลายข้าวหอมผสมข้าวเหนียวที่นอนอยู่ก้นหม้อดิน แล้วตักราดด้วยน้ำต้มยำหรือน้ำซุปตามที่ลูกค้าเลือก
โดยหม้อดินนั้นเมื่อนำไปตั้งบนเตาถ่านแล้ว เปลวไฟจะทำให้หม้อดินร้อนไปทั่วชนิดที่ทำให้โจ๊กในหม้อนั้นๆ ร้อนหรือยังอุ่นจนถึงคำสุดท้าย โดยไม่ต้องปิดฝา ซึ่งเป็นที่มาของชื่อร้าน
ความสำเร็จจากสาขาแรกทำให้ เล็ก คิดต่อยอด จึงร่วมหุ้นกับ บอย และ แบม เปิดสาขา 2 ซึ่งให้บริการเวลา 17.00-24.00 น. ทุกวัน โดยเช่าสถานที่บริเวณต้นซอยสตรีวิทยา 2 (แยกโรงไม้) ที่เชื่อมต่อกับซอยหลักคือ ลาดพร้าว 71 ทำเป็นร้านขนาดเล็ก แต่มีที่จอดรถ มีพนักงาน 12 คน
มีพื้นที่สำหรับห้องครัวที่เปิดให้ลูกค้ามองเห็นถึงกระบวนการทำ มี นางวิไล คงศุภลักษณ์ เป็นแม่ครัว โดยพวกเขาและเธอใช้งบประมาณในการลงทุนประมาณแสนกว่าบาท เปิดเมื่อเดือนตุลาคม 2557 ผ่านมาถึงตอนนี้ มีอายุได้ประมาณ 10 เดือนแล้ว
ด้วยชื่อเสียงของร้านแรก ทำให้ สุทธิดา เจ้าของร้านวัย 26 ปี เชื่อมั่นว่าจะส่งผลดีต่อสาขา 2 แต่ผลที่ออกมากลับตรงกันข้าม
เล็กคิดว่าโจ๊กเปิดหม้อ ซึ่งดังในย่านฝั่งธนบุรี ถ้ามาเปิดแถวลาดพร้าวน่าจะได้รับความสนใจเช่นกัน เล็กทำงานอยู่เบื้องหลังวงการบันเทิง ทราบว่ามีทีมโปรดักชั่นและรายการทีวีอยู่แถวนี้เยอะ
คิดว่าน่าจะง่ายต่อการประชาสัมพันธ์ แต่นั่นคือความคิด ในความเป็นจริง เมื่อมาเปิดแล้วไม่เป็นอย่างที่คิด เงียบมากๆ ไม่มีใครรู้จักว่าโจ๊กเปิดหม้อคืออะไร ไม่มีใครรู้จักเรา ผ่านมาเกือบ 5 เดือน ขาดทุนเป็นแสน
ตัวเลขขาดทุนขนาดนี้ หากไม่อดทนและใจเย็นพอ คงบอกลากันไปแล้ว แต่พวกเขาและเธอผ่านมันมาได้ เพราะ มีการวางแผนการทำงานตั้งแต่เริ่มต้น โดยได้กันเงินสำรองไว้ก้อนหนึ่ง เพื่อรองรับผลขาดทุน
ขณะเดียวกันก็คิดหาวิธีการที่จะทำให้ โจ๊กเปิดหม้อ สาขา 2 ก้าวไปติดตลาด เป็นที่รู้จักของคนในย่านนี้ คือถ้านึกถึงโจ๊กก็ต้องมาที่นี่ ด้วยการโปรโมททางอินสตาแกรม Joke perd mor รวมถึงเฟซบุ๊ก //www.facebook.com/โจ๊กเปิดหม้อสาขา 2 ลาดพร้าว 71 และสามารถติดต่อเจ้าของได้โดยตรงที่ 08-3130-3777
เราเชื่อว่าของเราดี หากตีตลาดย่านนี้สำเร็จ มันจะดังไปโดยอัตโนมัติ เราจัดโปรโมชั่นประจำเดือน เช่น ลูกค้าโต๊ะไหนครบ 300 บาท จะได้จับสลากลุ้นกินฟรีทั้งโต๊ะ ซึ่งบางโต๊ะรวมกันเป็นหลักพันบาทก็ยังได้ฟรีมาแล้ว บางเดือนหากลูกค้าแชร์หรือเช็กอินที่ร้านก็จะได้รับส่วนลด ได้รับประทานขนมหวานและเครื่องดื่มฟรี
และเราก็ยังโชคดีที่มีสื่อต่างๆ สนใจนำไปเสนอ รวมถึงการบอกต่อปากต่อปาก และในที่สุดฝันก็เป็นจริงอย่างที่พวกเราคิดไว้ เราเริ่มขายดีขึ้นช่วงเดือนที่ 6 เป็นต้นมา
"หลายคนคิดว่าโจ๊กเราซึ่งใส่ท็อปปิ้งลงไปแน่นหม้อคงจะแพง ไม่ใช่อย่างที่คิดค่ะ เพราะราคาแตกต่างกันไปตามเซตและท็อปปิ้งที่เลือก โดยเซตหลักคือเซตเปิดหม้อ อาทิ ปลาแซลมอน กุ้งแม่น้ำ ประมง หมูหมู และสุขภาพ ราคาเป็นเซต
เริ่มต้นที่ 39-159 บาท บางเดือนก็จะมีโปรโมชั่นพิเศษ เช่น โจ๊กต้มยำกุ้งมังกร, โจ๊กต้มยำล็อบสเตอร์ แคนาเดียน และในเดือนสิงหาคมนี้ก็มีเมนูใหม่ต้อนรับวันแม่ คือ โจ๊กปลาดอลลี่ เป็นโปรโมชั่น 12 สิงหาคม 2558 ลูกค้าที่พาคุณแม่มารับประทานโจ๊กเปิดหม้อ ทั้ง 2 สาขา จะได้รับรับส่วนลด 10 เปอร์เซ็นต์ต่อโต๊ะด้วยค่ะ"
แม้ร้านขายความแปลกใหม่ แต่ เล็ก มองว่า มันไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้ร้านอยู่ได้ สิ่งสำคัญเช่นกันคือ การใส่ใจเรื่องคุณภาพทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบที่สดใหม่ รวมถึงกระบวนการทำที่เน้นความสะอาดและอร่อย จึงทำให้สาขา 2 มีกลุ่มลูกค้าประจำ
ซึ่งช่วงแรกๆ เป็นเด็กนักเรียนที่มากินแล้วกลับไปเล่าให้พ่อแม่ฟังและชวนมากินด้วยกัน ซึ่งออกอาการงงๆ เล็กน้อย ผู้ใหญ่จะมองว่าเหมือนข้าวต้มมากกว่า เนื่องจากคุ้นชินกับโจ๊กแบบเดิมๆ แต่กินไปกินมาส่วนใหญ่จะติดใจในที่สุด เพราะข้าวของร้านยิ่งโดนความร้อนก็จะยิ่งเหลว
เราไปจ่ายตลาดทุกวัน จะพยายามไม่เก็บของเหลือ ถ้าจำเป็นก็ต้องรักษาคุณภาพ เราเข้าใจว่า ถ้าเราเอามาเยอะก็จะมีให้ลูกค้ากินได้จนถึงเที่ยงคืน แต่หากขายไม่หมด ของที่เหลือจะทำให้กำไรลดลง ของค้างคืนลูกค้ากินยังไงก็รู้ เราต้องใส่ใจทุกขั้นตอน ที่สำคัญต้องอร่อยด้วย ไม่งั้นลูกค้าจะไม่ติด
บรรยากาศต้องดี ทำเลที่ตั้งก็สำคัญ บางวันรถติดอยู่ ลูกค้าหนีรถติดเข้ามากินโจ๊กที่ร้าน ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นประจำ ทุกวันนี้เราอยู่ได้เพราะลูกค้าประจำ ทำให้ยอดขายดีขึ้น ขายได้วันละประมาณ 500-1,000 หม้อต่อวัน แม้ยังไม่คืนทุน แต่สถานการณ์ก็ดีขึ้น
ในส่วนเมนูที่ลูกค้าให้ความสนใจมากที่สุด สุทธิดา กล่าวว่า ลูกค้าชิมแล้วบอกว่าอร่อยคือน้ำต้มยำ โดยเมนูฮิตคือ โจ๊กต้มยำกุ้งแม่น้ำ ตามด้วย โจ๊กต้มยำแซลมอน รองลงมาคือ โจ๊กหมูหมู
คติของเราคืออาหารต้องมีคุณภาพ หม้อต้องร้อน เพราะเคล็ดลับของร้านคือโจ๊กเปิดหม้อที่ร้อนหรือยังอุ่นจนถึงคำสุดท้าย แม้ต้องใช้เวลาในการทำให้หม้อร้อนนานแค่ไหนก็ต้องรอ เราขายความเป็นโจ๊กในหม้อดิน ถ้าเราทิ้งความเป็นเรา อีกหน่อยลูกค้าก็จะหายไป
นั่นคือบทสนทนาทิ้งท้ายจาก สุทธิดา สุวรรณเจริญ หนึ่งในหุ้นส่วน โจ๊กเปิดหม้อ สาขา 2 ก่อนจะขอตัวไปดูแลลูกค้าที่ทยอยเข้ามานั่งจนเต็มร้าน โดยยืนยันว่า โจ๊กเปิดหม้อไม่ได้ขายดีเพราะกระแสเท่านั้น แต่มาจาก คุณภาพ และ ความอร่อย ที่คงเส้นคงวา ที่จะทำให้ธุรกิจโจ๊กธรรมดาๆ ที่ไม่ธรรมดา กลายเป็นธุรกิจสร้างเงินแสนเงินล้านได้ในอนาคต
เสียงจากลูกค้า
บอย อภินันท์ คงศุภลักษณ์ วัย 35 ปี ซึ่งเป็นหุ้นส่วนที่ดูแล โจ๊กเปิดหม้อ สาขา 2 และเป็นคนไปจ่ายตลาดเองทุกเช้า เล่าให้ฟังว่า จากบรรยากาศร้านที่เงียบเหงาในช่วงแรกๆ ตอนนี้คึกคักขึ้นมาก บางวันมีลูกค้าต่อแถวรอเข้าร้านด้วย โดยส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำ
คำพูดของเจ้าของร้านคงไม่สามารถยืนยันได้ดีเท่ากับเสียงจากลูกค้า โดย น้องจิ๊บ น.ส.ตติยา ภูชมศรี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนลาดปลาเค้าวิทยาคมกล่าวว่า
ปกติจิ๊บไม่ชอบทานโจ๊ก แต่เห็นในอินสตาแกรมถึงร้านนี้ ซึ่งอยู่แถวบ้าน แปลกดีค่ะ มีโจ๊กต้มยำ อร่อยด้วย จากนั้นชวนใครมาทานก็ติดใจเหมือนกัน ทุกวันนี้ก็เลยกลายเป็นลูกค้าประจำไปแล้วค่ะ
ขอบคุณ คม ชัด ลึกออนไลน์
คมคิดธุรกิจนิวเจน
คุณปทุม กลิ่นหอม-คุณชาลินี ถิระศุภะ
สิริสวัสดิ์วุธวารค่ะ