"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
กันยายน 2557
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
15 กันยายน 2557
 
All Blogs
 
โลกออนไลน์สู่โลกหนังสือ "พูดกันอย่างคนโง่" พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ

ชลระดา หมื่นไธสง
























จากที่โพสต์ภาพชูสามนิ้วลงเฟซบุ๊กพร้อมขึ้นสเตตัสว่า "ในพระพุทธศาสนามีที่พึ่งอันควรแก่การยึดเหนี่ยวอยู่ 3 ประการ คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เฉกเช่นในสังคมประชาธิปไตยมีที่พึ่งอันควรแก่การยึดถืออยู่ 3 อย่าง คือ เสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ ไม่ว่าจะดีจะร้ายแค่ไหน ก็ทิ้งหลักทั้ง 3 ประการนี้ไม่ได้"

แล้วเกิดการแชร์ภาพต่อกันเป็นจำนวนมาก ทำให้ พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ วัดสร้อยทอง เป็นที่รู้จักมากขึ้นในสังคมออนไลน์ ล่าสุดได้จัดทำหนังสือ "พูดกันอย่างคนโง่"


อยากทราบที่มาของการทำหนังสือเล่มนี้

อาตมาไม่ได้ตั้งใจที่จะพิมพ์เป็นหนังสือ แต่ที่ผ่านมาได้ใช้เฟซบุ๊กในการเขียนบทความและแสดงความคิดเห็นในเรื่องราวต่างๆ แล้วมีคนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ถ้าวันหนึ่งเฟซบุ๊กถูกปิด หรือมีปัญหาที่ไม่สามารถเข้าใช้งานได้ ก็กลัวว่าบทความเหล่านั้นจะสูญหายไป

จึงเริ่มเก็บรวบรวมบทความที่โพสต์ลงในเฟซบุ๊กทั้งหมด ทำให้รู้ว่ามีเยอะมาก คิดว่าน่าจะมีประโยชน์บ้าง หากทำเป็นหนังสือให้คนได้อ่าน ได้นำไปคิด และแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

รายได้ส่วนหนึ่งหลังหักค่าใช้จ่าย อาตมาจะถวายให้สำนักเรียนวัดสร้อยทอง เพื่อเป็นค่าภัตตาหารเพลแก่พระภิกษุและสามเณรที่ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย และภาษาบาลี ซึ่งมีมากกว่า 100 รูป

ส่วนรายได้ที่เหลือ อาตมาจะมอบให้โยมมารดาทั้งหมด เพราะท่านทำงานหนัก และมีอาตมาเป็นลูกคนเดียว แต่อาตมาไม่สามารถอยู่ช่วยเหลือแบ่งเบาภาระท่านได้


ทำไมถึงใช้ชื่อว่า "พูดกันอย่างคนโง่"

คิดว่ามันตรงประเด็น เพราะสิ่งที่อาตมาแสดงความคิดเห็นหรือบทความที่โพสต์ลงเฟซบุ๊ก ไม่ใช่บทความที่มีความเป็นวิชาการมากเกินไป หรือมีข้อมูลเยอะ แต่เป็นบทความง่ายๆ ใช้ภาษาพูดในการเขียน แล้วแสดงความเห็นตามทัศนะตามปรากฏการณ์หรือเรื่องราว ที่เกิดขึ้น โดยใช้ความคิดในการวิพากษ์วิจารณ์ อาตมาเป็นเพียง พระหนุ่มรูปหนึ่ง ความรู้ทางโลกก็ไม่มี จบแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนวัด

ถ้าทำหนังสือออกมาก็ควรจะประกาศหรือให้คนอ่านเข้าใจไปเลยว่า สิ่งที่เขียน คือ เขียนจากคนโง่ ถ้าอยากรู้หรืออยากรับฟังเสียงของคนโง่ หนังสือเล่มนี้น่าจะเหมาะกับการที่จะเปิดมุมมองในการอ่านและศึกษา

เนื้อหาในหนังสือเกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้าง

มีเนื้อหาหลักอยู่ 3 เรื่อง ส่วนที่ 1 เป็นเรื่องศาสนา ทั้งแนวความเชื่อและพิธีกรรมของชาวพุทธที่ปฏิบัติต่อกันมา แล้วเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคม ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องงมงายและไม่มีเนื้อหาสาระ

ส่วนที่ 2 เป็นเรื่องสังคม และส่วนที่ 3 เป็นเรื่องการเมือง ในช่วงของการรัฐประหาร เรื่องราวส่วนใหญ่จะมาจากข่าว ถ้าเห็นว่าเป็นเรื่องที่นำมาพูดได้ในแง่ของธรรมะและพระพุทธศาสนา อาตมาก็จะเขียนแสดงความเห็นโพสต์ลงเฟซบุ๊ก















อย่างเรื่อง "จะให้วางเฉยแบบไหน" เป็นทัศนะความเห็นของ พระกับการเมือง ที่คนส่วนมากมองว่า พระไม่ควรมีสิทธิ์มีเสียงกับเรื่องการเมือง ท่านควรจะวางเฉย ไม่ใช่กิจของสงฆ์ อาตมามองว่า ในสังคมปัจจุบัน พระควรที่จะกล้าแสดงความคิดเห็นในเรื่องการเมือง แต่แสดงความเห็นในทัศนะของการใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรม การเบียดเบียนรังแกคนเล็กคนน้อย การไม่ได้รับความยุติธรรม

เรื่องพวกนี้พระต้องพูด ถ้าพระเอาแต่อวยหรือสรรเสริญอย่างเดียว แล้วใครจะกล้าไปเตือนผู้นำหรือเป็นคนที่คอยถ่วงดุล แต่เรื่องการเล่นการเมืองอย่างการลงสมัคร ส.ส. หรือการที่มีพระรูปหนึ่งไปนั่งเป็นบอร์ดประชุมพลังงาน แบบนั้นไม่ได้แน่นอน เพราะถือว่าไปก้าวก่ายกับฝ่ายการเมืองชัดเจน

หน้าที่ของพระในส่วนของศาสนจักร คือ พระจะต้องเป็นคนคอยตักเตือน คอยแสดงความคิดเห็นหรือยับยั้ง อย่างสมัยที่ยังเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ พระเถระสมัยก่อนที่ท่านเห็นว่าบ้านเมืองกำลังจะไปไม่รอดแล้ว ท่านก็จะเข้าไปเตือนสติผู้นำ

พระต้องทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตร คอยเตือนหรือบอกในสิ่งที่ ถูกต้อง แต่ส่วนมากมีแต่คนไม่กล้า เพราะกลัวว่าพูดแล้วเขาไม่ชอบ แล้วจะมีปัญหา อาตมาไม่ได้ด่าทอหรือปลุกปั่นปลุกระดมให้คนไป ต่อต้าน แต่เห็นว่าสิ่งที่ท่านทำอาจจะไม่ถูกต้อง เราต้องช่วยกันเตือน ส่วนเขาจะฟังหรือไม่ก็แล้วแต่เขา แต่ถือว่าเราได้ทำหน้าที่ของเราแล้ว

ส่วนเรื่อง "ภิกษุ แปลว่า ผู้ขอเขากิน" มีโยมเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า ตราบใดที่ยังขอชาวบ้านกินอยู่ ยังขึ้นรถเมล์ฟรี ขึ้นเรือฟรี ไม่เสียภาษี อย่ามาก้าวก่ายหรือมาทำตัวเป็นพวกสั่งสอน อาตมาเห็นว่าสิ่งที่โยมพูดก็ถูก แต่ถูกไม่หมด น่าจะมีอะไรที่มากไปกว่านั้น แต่ยอมรับว่าพระแปลว่าผู้ขอเขากินก็ใช่

พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่าตัวเองไว้ชัดเจนว่า พระองค์เปรียบเสมือนเปรตผู้อาศัยอาหารของคนอื่นเป็นอยู่ แต่ในฐานะของผู้ที่ขอเขากิน พระไม่ได้มีสถานะเหมือนยาจกหรือขอทานทั่วไป แต่มีหน้าที่ของความเป็นพระ คำว่าขอ ไม่ใช่ขอแบบไปเคาะประตูหน้าบ้าน แล้วเอ่ยปากขอก็ไม่ใช่ แต่ขอโดยที่ไม่เอ่ย ถ้าเขาอยากให้ก็รับ ถ้าเขาไม่ให้ก็เอาของเขาไม่ได้














คิดว่าจะมีผลตอบรับกลับมาในทางไม่ดีหรือไม่

น่าจะมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ หรือไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เราเขียนไปในหนังสือ แต่คิดว่าน่าจะยิ่งเป็นประโยชน์ ถ้ามีคนมาแสดง ความเห็นต่าง หรือเพิ่มเติมความคิดเห็นในหนังสือที่เราเขียน แสดงว่าหนังสือของเรา เกิดประโยชน์กับคนแล้ว ดีกว่าเขียนหนังสือธรรมะเแบบสำเร็จรูปที่ขายกันตามร้านหนังสือทั่วไป เป็นธรรมะตลกบ้างหรือธรรมะใช้ได้ไม่จริงบ้าง

นอกจากหนังสือ คิดจะทำวัตถุมงคลบ้างไหม

ไม่ใช่แนวทางของอาตมาอยู่แล้ว อาตมา มีจุดยืนที่ค่อนข้างชัดเจนมานาน ถ้าคนที่ติดตามจะรู้ว่า แนวทางของเราจะเน้นการให้ปัญญากับคนมากกว่า โดยเน้นการแสดงความเห็นที่เป็นประโยชน์มากกว่าการเน้นที่วัตถุ ซึ่งมีพระหลายรูปที่เน้นและทำแนวทางนี้ ความจริงก็มีพระหลายรูปที่เขียนหนังสือ แต่เขียนในแนวที่กล้าจะวิพากษ์วิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นตรงไปตรงมาแบบอาตมา น่าจะมีน้อย หรือไม่มีเลย

มองอย่างไรกับพระที่ทำวัตถุมงคลให้เช่าบูชา

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดจากพระอย่างเดียว เห็นมีข่าวว่าพระปลุกเสกเครื่องรางของขลัง แล้วก็โทษพระกัน แต่ความจริงต้องโทษคนในสังคมด้วย เราต้องยอมรับว่าโยมชอบเรื่องพวกนี้ คนพุทธของเราชอบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีอภินิหาร จะดีหรือไม่ดีก็ขอไว้ก่อน ทำให้พระส่วนหนึ่งที่เห็นประโยชน์จากความงมงายของคนนำมาเป็นสิ่งที่ใช้ในการเลี้ยงชีพ หรือทำในสิ่งที่ผิดกับหลักของศาสนา

แสดงความเห็นแบบนี้ จะมีกระแส ตีกลับจากพระหรือไม่

ต้องมีแน่นอน อาตมามองว่าพระกับโยมก็ไม่ต่างกัน ยังเชื่อในเรื่องสิ่งศักดิ์ สิทธิ์ วัตถุมงคล หรือเครื่อง รางของขลัง เรามาวิพากษ์วิจารณ์หรือแสดงความเห็นต่าง แล้วไปกระทบต่อความเชื่อ อาจทำให้มีปัญหาและมีคนไม่เห็นด้วย

ตามหลักพระพุทธศาสนา อาตมาย้ำหลายครั้งว่า พุทธศาสนาคือศาสนาของผู้รู้และตื่นรู้ คือตื่นจากความงมงาย แล้วใช้ปัญญาในการดำเนินชีวิต โดยใช้วิธีคิดพิจารณาด้วยเหตุและผล ไม่ใช่สอนให้คนต้องเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเทพเจ้า

เพราะอะไรคนถึงยังยึดติดกับวัตถุ

อาตมามองว่าส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่คนขาดที่พึ่ง ขาดสิ่งยึดเหนี่ยว ส่วนหนึ่งมาจากศาสนา เพราะศาสนาไม่สอนให้คนรู้จัก หรือเห็นความสำคัญของศักยภาพในตัวเอง พอไม่มีความเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง เมื่อเจอสิ่งที่สามารถบันดาลให้ได้ ทำให้ ตนเองประสบความสำเร็จ โดยไม่ต้องลงทุน คนก็ต้องการแน่นอนอยู่แล้ว

จุดยืนตอนนี้ยังสนับสนุนประชาธิปไตยอยู่มั้ย

แน่นอนไม่เคยเปลี่ยน อาตมายังมีจุดยืนที่ชัดเจนว่า แนวทางนี้จะต้องคงไว้ ต้องทำให้เกิดเป็นรูปธรรม และเป็นประโยชน์แก่คน ส่วนใหญ่ในประเทศ

คาดว่าประเทศจะกลับมาเป็นประชาธิปไตยในเร็ววันนี้หรือไม่

เป็นไปไม่ได้ ความเป็นประชาธิปไตยต้องบ่มเพาะและเติบโตไปเรื่อยๆ เหมือนต้นไม้ต้นหนึ่งที่ต้องใช้เวลาในการหล่อเลี้ยง กว่าจะโตได้ต้องผ่านเวลายาวนาน แต่นี่เราปลูกกันมากี่ต้นแล้ว

ทุกครั้งที่มีการรัฐประหาร เราตัดต้นไม้ ที่ชื่อว่าประชาธิปไตยออกไป แล้วต้นไม้ประชาธิปไตยก็งอกออกมาใหม่ ขณะที่ มันกำลังงอกเงยขึ้นมา กำลังจะงอกงาม ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี จะมีกาฝากหรือไม่ แทนที่เราจะช่วยกันดูแล ประคับประคองให้เป็นประชาธิปไตยที่เติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ แต่พอมีปัญหา เราก็เลือกที่จะใช้วิธีในการตัดมันทิ้ง มันก็ไม่เติบโตสักที

ในฐานะที่เป็นพระสงฆ์ฝ่ายประชาธิปไตย คิดเห็นอย่างไรต่อรัฐบาลชุดนี้

อาตมาเคยส่งความปรารถนาดีไปเตือนแล้ว ในฐานะนักบวชและผู้นำทางจิตวิญญาณ เมื่อท่านได้อำนาจมาเป็นผู้นำประเทศแล้ว ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ท่านต้องฟังเสียงของคนส่วนใหญ่ ควรฟังเสียงเตือนให้มากกว่าเสียงชม

ถ้าบอกว่าอยากปฏิรูป อยากคืนความสุขให้ประชาชน ท่านควรทำงานให้ประชาชนจริงๆ อย่าบอกแต่คืนความสุขอย่างเดียว เขาอยากได้ความยุติธรรม ความเสมอภาค และเสรีภาพ ท่านคืนให้เขาได้ไหม

สุดท้ายนี้ขอทิ้งท้ายส่วนหนึ่งของคำนำในหนังสือที่นิยามโดยพระมหาไพรวัลย์ว่า

"สังคมมีแต่พื้นที่ให้คนฉลาด มีปัญญามาก รู้มาก ได้พูดได้แสดงความคิดเห็นมากมาย แต่ไม่ค่อยมีพื้นที่ให้คนโง่หรือมีปัญญา น้อยนิดแสดงความคิดเห็นสักเท่าไหร่ นั่นอาจเป็นเพราะว่า ไม่มีใครอยากรับฟังเสียงของคนโง่ แม้ว่าเสียงนั่นจะเป็นเสียง แห่งมโนธรรมสำนึก หรือเสียงแห่งกัลยาณ มิตร ที่อาจจะช่วยเตือนสติในสิ่งที่คนฉลาดอาจจะมองข้าม หรือไม่เคยให้ความสำคัญกับมันก็ได้"

ติดตามบทความและความคิดเห็นด้านอื่นๆ ของพระมหาไพรวัลย์ได้ในหนังสือ "พูดกันอย่างคนโง่" โดยสั่งจองได้ที่เฟซบุ๊ก "พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ" หรือสอบถามโทร.08-0066-8629

หรือติดตามทางโลกออนไลน์ https://www.facebook.com/ PhramahaPaiwan

หน้า 21


ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์

คุณชลระดา หมื่นไธสง

สิริสวัสดิ์จันทรวารค่ะ




Create Date : 15 กันยายน 2557
Last Update : 15 กันยายน 2557 9:24:56 น. 0 comments
Counter : 3408 Pageviews.

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.