เส้นทางความสุข - พระเทพคุณาภรณ์
คอลัมน์ ธรรมะวันหยุด พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร /www.watdevaraj.com
ตลอดทุกสมัยที่คนเราประกอบอาชีพการงานหรือทำกิจอะไรก็แล้วแต่ เมื่อพิจารณาถึงจุดสุดท้ายแล้วก็ไม่พ้นไปจากความสุขได้เลย แต่ก็มีบางคนเหมือนกันที่ไม่ได้พบกับความสุขสมหวัง เพราะเดินผิดทาง
มีความปรารถนา แต่ประพฤติที่ไม่ตรงกัน คือ ตั้งความปรารถนาไว้ทางหนึ่ง แต่กลับประพฤติไปเสียอีกทางหนึ่ง เช่น อยากร่ำรวย แทนที่จะขยันหมั่นเพียรทำการงาน แต่กลับตั้งหน้าตั้งตาเล่นการพนัน หรืออยากแสวงหาความบันเทิง แทนที่จะหาโดยวิธีที่ไม่มีโทษ แต่กลับไปเสพสุราเมรัย เที่ยวเตร่หาโรคภัยมาใส่ตัว ทำเช่นนี้ย่อมพลาดหวังเป็นธรรมดา
ทางไหนควรเดิน ไม่ควรเดินนั้น ไม่ต้องหนักใจ เพียงแต่ให้ยึดคำสอนของพระพุทธเจ้าไว้เป็นหลักปฏิบัติเท่านั้น เพราะพระองค์ทรงชี้ทางไว้โดยละเอียดแล้วด้วยพระหฤทัยที่บริสุทธิ์เปี่ยมด้วยพระมหากรุณา หวังความสุขแก่สัตว์โลกโดยมิได้เลือกชาติชั้นวรรณะ ทั้งมิได้หวังการตอบแทนจากใคร
พระธรรมของพระองค์จึงประเสริฐสุดแม้จะล่วงกาลผ่านเวลามาแล้วถึง 2,500 ปีเศษ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้คร่ำคร่า ล้าสมัยไปเหมือนกับสิ่งอื่น ยังทรงคุณภาพยอดเยี่ยมอยู่ตลอดเวลา ปฏิบัติเวลาไหนก็ย่อมได้รับผลดีเวลานั้น ปฏิบัติน้อยก็ได้รับผลน้อย ปฏิบัติมากก็ได้รับผลมาก ปฏิบัติเป็นประจำก็ได้รับผลสม่ำเสมอ พระธรรมจึงได้นามว่า อกาลิโก คือให้ผลได้ตลอดกาลซึ่งไม่เหมือนผลไม้ที่ผลิตผลเพียงเฉพาะฤดูกาลเท่านั้น
พระธรรมมีอานุภาพอันประเสริฐเช่นนี้ หากใครได้นำมาปฏิบัติแล้วย่อมสามารถทำผู้นั้นให้ประเสริฐไปด้วย เช่นเดียวกับเพชรที่ล้ำค่า ซึ่งตามธรรมดาก็มีค่าสูงอยู่ในตัวแล้ว ถ้าใครโชคดีมีไว้ประดับ ย่อมบันดาลให้ผู้นั้นพลอยมีค่าตัวสูงขึ้นอีกมากทีเดียว
ผู้ปฏิบัติพระธรรมเรียกกันว่าคนดี ส่วนผู้ที่ออกนอกทางธรรมเป็นคนชั่ว ในบางกรณีอาจมีผู้เห็นตรงกันข้าม เช่น เห็นว่าการแสวงหาโดยสุจริต รวยช้าไม่ทันใจ สู้โกงเขาปล้นเขากินไม่ได้ทันใจดี
อีกทั้งการปฏิบัติธรรมก็เป็นเรื่องล้าสมัย ถ่วงความเจริญ ในทำนองนี้ นับว่าเป็นความเห็นที่ผิด ไม่รอบคอบ เพราะความดีนอกทางชนิดนี้ ย่อมมีโทษทุกข์ติดตามอยู่ด้วย เหมือนคนไข้กินของแสลงได้ผลอิ่มก็จริง แต่เป็นความอิ่มที่แฝงไว้ด้วยพิษร้าย อาจทำลายชีวิตผู้นั้นเสียก็ได้
ความดีจริงๆ ตามแบบฉบับของพระพุทธเจ้านั้น หากผู้ใดได้ลงมือปฏิบัติแล้วเป็นเห็นผล แต่จะมากน้อยเพียงใดนั้นก็สุดแต่กำลังของผู้ปฏิบัติ
ความดีตามที่พระบรมศาสดาทรงแสดงไว้มีมาก หากอนุวัติให้เหมาะกับกาลสมัย จึงจะแสดงเฉพาะสมุฏฐานของความดี ที่มีชื่อเรียกว่า กุศลมูล แปลว่า รากเหง้าของความดีอันจัดเป็นธรรมชั้นวิเศษ
ธรรมอันเป็นส่วนวิเศษ 3 อย่าง ได้แก่ ความไม่โลภ ความไม่ประทุษร้าย ความไม่หลงงมงาย ทั้ง 3 อย่างนี้ ท่านเรียกว่าเป็นรากเหง้าของความดี ก็เพราะเป็นต้นเหตุให้เกิดความดีทั้งปวง เหมือนกับรากของต้นไม้ เป็นมูลเหตุให้เกิดลำต้น กิ่งก้าน ใบ ดอก และผล ฉะนั้น
หน้า 23
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ คอลัมน์ ธรรมะวันหยุด กราบนมัสการขอบพระคุณ พระเทพคุณาภรณ์
อาทิตยวารสิริสวัสดิ์ค่ะ
Create Date : 15 มิถุนายน 2557 |
Last Update : 15 มิถุนายน 2557 9:48:00 น. |
|
0 comments
|
Counter : 550 Pageviews. |
|
|