ธรรมะวันหยุด
พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร www.watdevaraj.com

สัมปรายิกัตถประโยชน์ คือ ประโยชน์ หรือความสุขในภายหน้า 4 อย่าง ได้แก่


1.สัทธาสัมปทา ถึงพร้อมด้วยศรัทธา
2.สีลสัมปทา ถึงพร้อมด้วยศีล
3.จาคสัมปทา ถึงพร้อมด้วยการบริจาค
4.ปัญญาสัมปทา ถึงพร้อมด้วยปัญญา

ธรรมที่เป็นไปเพื่อความเกื้อกูล และเพื่อความสุขในภายหน้า หรือในชาติหน้า เรียกว่า สัมปรายิกัตถประโยชน์

1.สัทธาสัมปทา ถึงพร้อมด้วยศรัทธา คือ เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ เช่น เชื่อว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นต้น ความเชื่อต่อสิ่งผิดๆ เหลวไหล ไร้เหตุผล โดยขาดการพิจารณาหาความจริง เช่น เชื่อตามผู้อื่น ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้จริง ไม่เห็นจริง ไม่จัดเป็นศรัทธาในข้อนี้

แต่ถ้าเป็นความเชื่อที่ประกอบด้วยเหตุผล คือ ได้ไตร่ตรองดีแล้ว พิสูจน์แล้วว่า ถูกต้องบัณฑิตสรรเสริญ เช่นเชื่อว่า บุญมีจริง บาปมีจริง พระธรรมคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคถ้าผู้ใดประพฤติปฏิบัติตามแล้วย่อมได้รับประโยชน์จริง อย่างนี้ จึงจัดเป็นศรัทธาได้

บุคคลผู้มีศรัทธาตั้งมั่นแล้ว ย่อมยังประโยชน์ให้สำเร็จ เพราะบุคคลผู้มีศรัทธาเช่นนั้นย่อมมีจิตใจมั่นคง เด็ดเดี่ยว สามารถใช้ศรัทธาเป็นสะพานนำเราเดินไปสู่จุดหมายแห่งการบำเพ็ญคุณงามความดีต่อไป

2.สีลสัมปทา ถึงพร้อมด้วยศีล คือ ถึงพร้อมด้วยการรักษากาย วาจา ให้เรียบร้อย ปราศจากโทษคืองดเว้น จากความชั่วทางกาย วาจา เช่นรักษาศีล 5 ศีล 8 เป็นต้น

บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยศีล ย่อมมีกาย วาจาสะอาด เหมือนกับเรา ได้ปัดกวาดความสกปรกออกจากตัวเรา เพื่อไว้รองรับคุณความดีที่จะบำเพ็ญในคราวต่อไป

3.จาคสัมปทา ถึงพร้อมด้วยการบริจาค การบริจาค หรือการเสียสละนี้ เป็นการแบ่งปันความสุขให้แก่ผู้อื่น เช่น ให้สิ่งของที่ควรให้ และให้แก่บุคคลที่ควรรับ คือ รู้จักให้ เช่น รู้ว่าของสิ่งนี้ให้แล้วจะมีประโยชน์ต่อคนผู้นี้ เป็นต้น

การบริจาค คือการสละนี้ เป็นการกำจัดความเห็นแก่ตัวให้เบาบางลง

4.ปัญญาสัมปทา ถึงพร้อมด้วยปัญญา คือรู้จักบาปบุญ คุณโทษ ประโยชน์มิใช่ประโยชน์เช่น รู้ว่า สิ่งนี้ เป็นความชั่ว ควรเว้น สิ่งนี้เป็นความดีควรทำ

ปัญญา คือ ความรอบรู้ เป็นตัวจักรสำคัญในการพิจารณา และตัดสินว่า สิ่งไหนถูก สิ่งไหนผิด แล้วจะได้ดำเนินไปให้ถึงจุดหมายปลายทางอย่างราบรื่น

สัมปรายิกัตถประโยชน์นี้ ท่านเรียกว่า ประโยชน์ในภายหน้า หรือชาติหน้า แต่ตามความจริงแล้ว ผู้สมบูรณ์ด้วยธรรม 4 อย่างนี้ ย่อมได้รับผลประโยชน์ในปัจจุบัน คือในชาตินี้ทีเดียว

ฉะนั้น จึงควรนับว่า ได้ประโยชน์ทั้งสอง คือ ประโยชน์ในปัจจุบันนี้และประโยชน์ในชาติหน้าด้วย

หน้า 23

ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์

กราบนมัสการขอบพระคุณ พระเทพคุณาภรณ์ 

สิริสวัสดิ์โสรวารค่ะ

Create Date : 13 ธันวาคม 2557
Last Update : 13 ธันวาคม 2557 10:40:17 น.		0 comments
Counter : 520 Pageviews.
Share Tweet