19 แมตช์ 99 วัน หนึ่งเดียว "ปีศาจพันปี"

วิเชียร เสนา เรื่อง ทศพร โหลขุนเซียม ภาพ

แค่เพียง 1 ครั้งในชีวิตสำหรับการได้เกาะขอบสนามนัดเหย้าของทีมโปรดก็คงเพียงพอแล้ว

แต่สำหรับเขาคนนี้ นับตั้งแต่แมตช์แรกในชีวิตปี ค.ศ.1995 จนถึงล่าสุด แฟนพันธุ์แท้แมนฯ ยู ผู้นี้ตีตั๋วบุก "โรงละครแห่งความฝัน" มาแล้ว 51 แมตช์ และคงยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้

เฉพาะฤดูกาล 2013-2014 สุธน อภินันทเวช หรือ "ปีศาจพันปี" คงจะเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติเพียง "หนึ่งเดียว" ที่บินไปเกาะขอบสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดครบทั้ง 19 แมตช์

นั่นจึงเป็นที่มาของหนังสือเล่มนี้ "ปีศาจพันปี เหยียบถิ่น โอลด์แทร็ฟฟอร์ด" 1 เดียว 1 ฤดูกาล 19 แมตช์ 99 วัน พิมพ์สี่สี 220 หน้า ราคา 240 บาท ที่พร้อมให้แฟนคลับเร้ดเดวิลส์และแฟนบอลอังกฤษร่วมสัมผัสครบทุกอรรถรส

โหมโรง ศึกพรีเมียร์ลีก 2014-2015 จะเปิดฤดูกาลในวันเสาร์ที่ 16 ส.ค.นี้ "ปีศาจพันปี"สุธน อภินันทเวช ผู้เขียน นำผลงานล่าสุดที่เพิ่งพิมพ์เสร็จ พร้อมผ้าพันคอฤดูกาลที่แล้วครบทั้ง 19 ผืน ร่วมด้วยของสะสมและถ้วยโทรฟี่แฟนพันธุ์แท้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2007 มาร่วมเปิดอกพูดคุยกันสดๆ ที่ข่าวสด

เจ้าของนามปากกาปีศาจพันปี ย้อนอดีตให้ฟังว่าได้เห็นแมนฯ ยู เล่นครั้งแรกจากเทปบันทึกการแข่งขันเกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอ คัพ เมื่อปีค.ศ.1976 กับ เซาแธมป์ตั้น ทางช่อง 4 บางขุนพรหม แม้ว่าเกมดังกล่าวขุนพลปีศาจแดงจะพลาดท่าแพ้ 0-1 แต่สุธนกลับชื่นชอบสไตล์การเล่นที่เน้นเกมรุกเป็นหลัก ไม่ยอมถอดใจแพ้จนกว่าจะได้ยินเสียงนกหวีด

ต่อมาในปี 1977 ปีศาจแดงเข้าชิงเอฟเอ คัพ อีกครั้งพบกับ "หงส์แดง"ลิเวอร์พูล ครั้งนี้ปีศาจแดงเป็นฝ่ายคว้าแชมป์ด้วยชัยชนะเหนือคู่แข่งตัวฉกาจ 2-1 จึงตัดสินใจหาข้อมูลนับแต่นั้น

แต่เนื่องจากในยุคนั้นหนังสือที่เป็นภาษาไทยเกี่ยวกับทีมนี้แทบไม่มี ต้องฟังทางวิทยุชอร์ตเวฟ (SW) ของบีบีซี ลอนดอน ซึ่งออกอากาศเป็นภาษาอังกฤษ ถ่ายทอดสดเกมจากอังกฤษ ในขณะที่สุธนเป็นคน ที่เกลียดภาษาอังกฤษเข้าไส้

แต่ด้วยใจ ที่ต้องการรู้ความเป็นมาของทีมรักทีมนี้ จึงตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษให้เก่ง เรียนหนังสือให้ดี เพื่อให้ได้งาน เก็บเงินเดินตามฝัน โบยบินสู่เธียเตอร์ ออฟ ดรีม "โรงละครแห่งความฝัน" ที่อังกฤษนี้ให้จงได้

แต่กว่าจะได้ไปอังกฤษต้องรอถึงปี 1995 ระหว่างที่สุธนศึกษาปริญญาโท และต้องเดินทางไปฝรั่งเศส นึกขึ้นได้ว่าอังกฤษอยู่ใกล้ฝรั่งเศสแค่นี้เอง ความฝันที่วางไว้ผลักดันให้ตัดสินใจแยก ออกจากคณะมุ่งหน้าข้ามสู่เกาะอังกฤษเพื่อชมเกมแมนฯ ยู ที่ โอลด์แทร็ฟฟอร์ดครั้งแรกในชีวิต เมื่อ 17 เม.ย. 1995 ในศึกมันเดย์ไนต์กับเชลซี

พูดจบสุธนหยิบตั๋วนัดแรกในชีวิต หนึ่งในของสะสมที่เก็บไว้อย่างดีขึ้นมาโชว์พร้อมรอยยิ้มและนัยน์ตาอิ่มสุขเมื่อได้ย้อนห้วงเวลาที่ฝันเป็นจริง

ด้วยความที่เป็นคนรู้แทบทุกเรื่องราวกับ "เอนไซโคลพีเดีย" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พ่วงด้วยดีกรี สุดยอดแฟนพันธุ์แท้แมนฯ ยู จึงมีบริษัทว่าจ้างให้เป็นผู้นำลูกค้าบริษัททัวร์เกมในบ้านทุกนัดของปีศาจแดงเมื่อฤดูกาล 2013/2014 ที่ผ่านมาครบทั้ง 19 นัด

จบฤดูกาลสุธนบุกสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งบอกเล่าถึงการออกหนังสือเล่มนี้ เจ้าของสำนักพิมพ์ตอบมาว่าขอให้ส่งต้นฉบับมาดูก่อน

สิ่งที่สุธนส่งกลับในทันทีทันใดคือ รอยยิ้มและคำตอบว่า "ผมยังไม่ได้เขียน ทุกอย่างยังอยู่ในหัว"

ท้ายสุดตัดสินใจทำหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเอง ช่วงบอลโลก 2014 เขียนเอง ส่งพิมพ์เอง เสร็จภายใน 1 เดือน!! เพื่อให้คลอดออกมาทันฤดูกาลนี้

แม้ระยะเวลาจะกระชั้นชิด แต่เนื้อหา งานเขียน รูปเล่มพร้อมภาพประกอบ น่าหยิบ น่าจับ น่าอ่าน น่าซื้อ และน่าเก็บไว้เป็นที่ระลึก

"อย่างที่เรารู้กันดีอยู่ว่าซีซั่นที่ ผ่านมาเป็นฤดูกาลที่ไม่ดีเลยสำหรับยูไนเต็ด แต่ตลอดทั้ง 19 นัดมันมีมุมแปลกๆ นอกเหนือจากเกมฟุตบอล จึงคิดว่าจะเก็บเอาประสบการณ์เหล่านี้มาเขียนเป็นหนังสือ

ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จะมีทั้งหมด 19 บท ล้อ 19 เกมทั้งหมด อย่างเช่นบทแรกผมใช้ชื่อ "มอยส์ คนใครคอย" ประมาณว่ามี ใครคอยการมาของ เดวิด มอยส์ หรือ แต่ที่แน่ๆ คือมอยส์มาแล้ว จึงแนะนำบางเรื่องเกี่ยวกับนายใหม่พร้อมทั้งผลการแข่งขันอย่างเป็นทางการนัดแรกในลีกที่เสมอกับ โฮเซ่ มูรินโญ่ ของเชลซี 0-0

บทที่สองบังเอิญก่อนเดินทางไปถึงอังกฤษ แมนฯ ยูซื้อ มารูยาน เฟลไลนี่ พอไปถึงทั้งเมืองเหมือนอยู่ในดงแอฟโฟร่ ผมจึงตั้งชื่อเรื่องว่า "ฟูเฟื่องหรือฟรุ้งฟริ้ง" เป็นการถามว่าตกลง เฟลไลนี่ คือฟูเฟื่องหรือตัวจริงแค่ฟรุ้งฟริ้ง หวือหวา

อย่างบทที่ 4 ผมใช้ชื่อ "ป้ายบอกทางกับเด็กมหัศจรรย์" เพราะว่าก่อนที่เราจะไปดูบอล 4 วันที่เมืองแมนเชสเตอร์ เขามีการเปิดป้ายถนนเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เวย์ เพื่อเชิดชูเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมปีศาจแดง ผมจะเล่าเรื่องว่าทำไมต้องเปลี่ยนชื่อถนน แต่เรื่องที่เฟอร์กูสันสร้างมามันจะต่อยอดไม่ได้ ถ้าไม่มีอนาคต ผมจึงโยงไปถึง อัดนัน ยานูไซ ที่ได้ลงเล่นในเกมนั้นพอดี และทุกตอนจะ เป็นอย่างนี้หมด จะมีเรื่องอื่นๆ มาเกี่ยวโยงทั้ง 19 นัด"

ปีศาจพันปีกล่าวต่อว่าความจริงแล้ว อยากให้คนที่อ่านหนังสือเล่มนี้ได้รับบรรยากาศเหมือนได้เดินทางไปพร้อม กับเขา ได้รับรู้เรื่องอื่นบ้างนอกจากเกมฟุตบอลในสนาม

อย่างบทสุดท้ายผมใช้ชื่อว่า "ร่ำลาตำนาน รอรับคนที่ใช่" คือผมเชื่อมโยงมาถึง หลุยส์ ฟานกัล คำว่าร่ำลาตำนานเพราะ เนมันย่า วิดิช เลิกเล่น และมารู้ตอนหลังอีกว่า ริโอ เฟอร์ดินานด์ ตัดสินใจเลิกเช่นเดียวกัน จึงเอาเรื่องเหล่านี้มาเชื่อมโยงกัน

หนังสือเล่มนี้พิมพ์ออกมาเพียง 3,000 เล่ม เป็นเพราะว่าพรีเมียร์ลีกจบพฤษภาคม และจะเริ่มเขียนทันทีเพื่อ ให้วางหนังสือก่อนฤดูกาลใหม่จะเริ่มประมาณ 2 สัปดาห์ แต่พอพูดกับสำนักพิมพ์ สำนักพิมพ์บอกว่าปลายๆ ปีน่าจะได้หนังสือออกมา ผมจึงตัดสินใจใช้เงินตัวเองสร้างหนังสือเล่มนี้ เพื่อให้หนังสือออกมาทันตามกำหนด เรียกว่าทำเอามัน ตอบความต้องการของตัวเอง หากจำนวนที่ออกมาขายหมด อาจจะตัดสินใจพิมพ์ เพิ่มหรืออาจจะไม่พิมพ์อีกแล้ว"

ด้วยบุคลิกที่เป็นคนไม่ค่อยเปิดตัวมากนัก หนังสือของสุธนจึงไม่เปิดตัวหวือหวา และมีวางขายเฉพาะที่

"ตอนนี้วางขายที่ร้านน้องท่าพระจันทร์ ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงร้านเมกะสโตร์ของแมนฯ ยู ในห้างสรรพสินค้าเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป และที่ร้านเจริญภัณฑ์ จ.อุบลราชธานี ซึ่งเชิญผมไปเปิดตัวในงานสัปดาห์หนังสือที่นั่นด้วย

แต่จากนี้อาจจะค่อยๆ คุยกับที่อื่นเพิ่มเติม เดิมทีผมต้องการขายให้กับแฟนเพจ "ปีศาจพันปี" ของผม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแฟนแมนฯ ยู แต่หนังสือเล่มนี้คนที่ไม่ใช่แฟนฟุตบอลก็อ่านได้ดูได้เช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ในวันเปิดฤดูกาลเสาร์ที่ 16 ส.ค.นี้ ซึ่งแมนฯ ยูจะพบกับสวอนซี ที่ร้านแชมเปียนส์บาร์ สุขุมวิท 11 จะจัดงานเพื่อชวนกันมาชมการถ่ายทอดสดจากสนาม ได้เชิญผมไปร่วมงานด้วย อาจจะนำหนังสือติดไปด้วยเผื่อให้แฟนบอลซื้อหา"

ก่อนจากกันแฟนพันธุ์แท้ปีศาจแดงยังฝากข้อความถึงแฟนแมนฯ ยู กับฤดูกาลใหม่ที่ใกล้จะมาถึงนี้

"แม้ฤดูกาลที่แล้ว เดวิด มอยส์ ทำได้ไม่ดี แต่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สั่งแฟนบอลเอาไว้เลยในวันที่ประกาศเลิกทำทีมว่าแฟนแมนฯ ยู ต้องมีหน้าที่ "ยืนเคียงข้าง" ผู้จัดการทีมคนใหม่ต่อจากผม

ประโยคนี้ยังใช้ได้อยู่ในยุคของ ฟาน กัล นั่นคือคำว่า Believe หรือ เชื่อมั่น ดูกันต่อไป ผมเชื่อว่าสิ่งต่างๆ จะดีขึ้น และเชื่อว่าแฟนบอลแมนฯ ยู รุ่นเก่าๆ เชื่อมั่นอยู่แล้ว

โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าปีนี้แมนฯ ยู มีโอกาสกลับมาเป็นแชมป์ได้ เพราะผมพิมพ์เสื้อเบอร์ 21 ไว้ที่หลังเสื้อแข่งฤดูกาลใหม่ซึ่งนั่นหมายถึงแชมป์สมัยที่ 21"

แน่นอนว่าในน้ำเสียงของสุธนสื่อถึงคำที่เขาไม่ต้องพูดซ้ำออกมาอีกครั้งว่า "Believe"

ก่อนทิ้งท้ายถึงแฟนฟุตบอลทีมอื่นว่า

"คุณได้เห็นฟอร์มแมนฯ ยู ในช่วงพรีซีซั่นแล้วว่าไม่แพ้ใครเลย

ถ้าคุณดูฟอร์มของเนเธอร์แลนด์ในฟุตบอลโลกซึ่งเข้าถึงที่ 3

และถ้าคุณดูสถิติของหลุยส์ ฟาน กัล ที่ไม่ว่าจะอยู่ทีมไหนก็ได้แชมป์ในประเทศทุกสโมสร

ฉะนั้นปีนี้ไม่ใช่ปีของพวกคุณแน่นอน"

555...

หน้า 21

ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์

คุณวิเชียร เสนา - คุณทศพร โหลขุนเซียม

สิริสวัสดิ์จันทรวารค่ะ    

Create Date : 11 สิงหาคม 2557
Last Update : 11 สิงหาคม 2557 8:54:40 น.		0 comments
Counter : 1119 Pageviews.
Share Tweet