ทรัพย์ภายใน - พระเทพคุณาภรณ์
ธรรมะวันหยุด พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร www.watdevaraj.com
ความจนภายนอกเป็นทุกข์ แต่เป็นทุกข์ด้วยเรื่องภายนอกไม่รุนแรงมากนัก แต่ความจนภายในเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ใจก็เดือดร้อนกระสับกระส่าย มองไม่เห็นเหตุและผล เพราะฉะนั้น จึงควรบำเพ็ญธรรมะ 5 ประการให้ปรากฏขึ้นที่ใจ คือ
ความเชื่อ ได้แก่ เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เชื่อว่าสัตว์เป็นอยู่ด้วยกรรม มีกรรมเป็นเหตุเป็นปัจจัย และเชื่อพระปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า คำสอนของพระองค์เป็นคำสอนที่ดีจริง แต่ถ้าเชื่อโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาถึงเหตุผล อย่างนี้เป็นศรัทธาที่งมงาย ต้องพิจารณาให้เห็นจริงก่อนแล้วเชื่อ จึงเป็นศรัทธาที่ถูกต้องตามหลักในพระพุทธศาสนา ศรัทธามีลักษณะทำใจให้ใสสะอาด เหมือนเครื่องกรองน้ำทำน้ำให้ใสสะอาด ฉะนั้น
ความละอายใจ ไม่กล้าทำความชั่ว ละอายต่อสิ่งภายนอก เช่นไม่กล้าทำความชั่ว เพราะละอายว่าคนอื่นจะเห็น แล้วไม่ทำความชั่ว เป็นหิริโดยอ้อม ละอายใจตัวเอง แม้จะสามารถทำความชั่วได้ในที่ๆ ไม่มีใครรู้ใครเห็น แต่นึกละอายใจว่า ถึงไม่มีใครรู้ใครเห็น แต่ตัวเองย่อมรู้เห็นได้ แล้วไม่ทำความชั่ว จัดเป็นหิริโดยตรง คือความละอายแท้
ท่านเปรียบไว้ว่า เหมือนคนรักษาความสะอาดอาบน้ำชำระกายเรียบร้อยแล้ว ขยะแขยงสะอิดสะเอียนต่อ สิ่งโสโครก ไม่กล้าเข้าใกล้หรือจับต้อง คนมีหิริย่อมสะอิดสะเอียนต่อความชั่ว กิเลสจะมาชักจูงใจให้ทำกรรมชั่วไม่ได้ ฉะนั้นความสะดุ้งกลัวต่อผลของความชั่ว คู่กับหิริ หิริกลัวเหตุ โอตตัปปะกลัวผล หิริมีลักษณะรักษาความสะอาด กาย วาจา ใจ โอตตัปปะกลัวที่จะเดือดร้อนใจในภายหลัง ท่านอุปมาไว้ว่า เหมือนท่อนเหล็กที่ปลายข้างหนึ่งเปื้อนสิ่งโสโครก ปลายข้างหนึ่งเผาร้อนระอุด้วยแรงไฟ คนไม่กล้าจับท่อนเหล็กข้างเปื้อนสิ่งโสโครก เป็นลักษณะของหิริ คนไม่กล้าจับท่อนเหล็กข้างที่เผาร้อนระอุด้วยแรงไฟ เป็นลักษณะของโอตตัปปะ คนมีที่โอตตัปปะประจำใจ แม้กิเลสจะมาชักจูงใจให้ทำความชั่ว ก็เกรงกลัวว่า จะได้รับผลเป็นทุกข์เดือดร้อนในภายหลัง โอตตัปปะจึงเป็นตัวเหตุสกัดกั้นสรรพกิเลสให้สงบระงับไป
ความเพียร มีลักษณะทำใจให้กล้าหาญ ให้บากบั่นไม่ท้อถอย ให้มุ่งไปข้างหน้า ในการละความชั่วประพฤติความดี ทำให้ผู้ปฎิบัติล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร
ความรอบรู้ หรือความรู้ทั่ว คนมีปัญญาย่อมหายมืดหายหลง เกิดความรู้ความฉลาด คนไม่มีปัญญา แม้มีทรัพย์สมบัติก็รักษาไว้ไม่ได้ ดังคำว่าไร้ทรัพย์เพราะอับปัญญา คนมีปัญญาแม้จะไม่มีทรัพย์มรดกมาแต่เดิม แต่ก็จะหาเพิ่มเติมได้ด้วยปัญญา ดังคำว่าบุญมาวาสนาช่วย คนมีบุญวาสนาก็คือคนมีปัญญา ถึงคราวอับจนก็ไม่อับจน เหมือนมีดวงประทีปอยู่ในมือสำหรับส่องดูในที่มืด ให้เกิดความสว่างขึ้น ปัญญาจึงทำคนโง่ให้เป็นคนฉลาด ทำคนจนให้เป็นคนมั่งมี คนมีปัญญาจึงเป็นเหมือนแก้วสารพัดนึก นึกต้องการอะไรได้ตามปรารถนา พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ปัญญาเป็นดวงแก้วของนรชน
ธรรมะ 5 ประการนี้ เรียกว่า ทรัพย์ภายใน เป็นธรรมะต้นทุน เมื่อเรามีธรรมะต้นทุนแล้ว ก็สามารถที่จะให้เกิดดอกออกผลงอกงามยิ่งๆ ขึ้นได้
หน้า 23
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ กราบนมัสกรขอบพระคุณ พระเทพคุณาภรณ์
อาทิตยวารสิริสวัสดิ์ค่ะ
Create Date : 09 พฤศจิกายน 2557 |
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2557 8:41:00 น. |
|
0 comments
|
Counter : 433 Pageviews. |
|
|