ผมเป็นคนหนึ่งที่เมื่อไปที่ไหนหากมี "ก๋วยเตี๋ยวเรือ" ขาย ยังไงก็ต้องขอลอง สมัยหนุ่มๆ ไปกับเพื่อนๆ กินกันไม่บันยะบันยัง ต่อชามตั้งรวมกันเป็นกองพะเนิน แต่เดี๋ยวนี้แก่ตัวลง แค่แห้งชาม น้ำชาม หรือเกาเหลาข้าวเปล่า ก็รีบเตือนใจว่า "พอ" ทั้งๆ ที่รสชาติติดปากและอยาก "ต่อ"
ส่วนที่ไปประจำเมื่อก่อนไม่ "รังสิต" ก็หลัง "อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ" ตั้งแต่สมัยขายจากในเรือ จน "ขึ้นบก" เป็นร้านริมคลอง ร้อนเหงื่อตก แต่ได้บรรยากาศ และไม่ได้สนใจเจ้าไหนเป็นใคร กินตะลุยไปเรื่อยๆ ไม่ว่า "เจ้าเก่า" "เจ้าใหม่" หรือรุ่นลูกของ "โก" และ "เจ๊" คนไหน
เดี๋ยวนี้ก๋วยเตี๋ยวเรือ "ติดแอร์" กันเกือบหมด หากินได้ตามห้างและฟู้ดคอร์ต บางเจ้ายังคงโฆษณาว่า "ดั้งเดิม" มาจากแห่งหนใด มีความหลากหลายมากของเมนู มีอาหารเครื่องเคียงขายเสริม
แต่สำหรับผม ซื้อคูปองกินก๋วยเตี๋ยวเรือตามห้างไม่ได้ "อรรถรส" เหมือนเดิม และที่สำคัญ บางเจ้านั้น "วัตถุดิบ" ที่ใช้ไม่ดีเท่าที่ควร ถึงเด็กประจำร้านจะตั้งใจ แต่ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่พบ "ตัวเป็นๆ" ของ "เจ้าของ" ที่ลวกเส้น ใส่เครื่อง ตักน้ำซุปกลิ่นหอมจากหม้อร้อนๆ จนถึงการที่ต้องส่งชามคืน และเห็นปฏิบัติการ "ล้าง" เพื่อนำมาใช้ใหม่
แม้จะรู้สึกว่าไม่ถูก "สุขลักษณะ" สักเท่าใด แต่ "อนุโลม" ได้ "น้ำคลอง" 30-40 ปีที่แล้วไม่ "เน่า" เท่าทุกวันนี้!!
เจ้าหนึ่งที่กลายเป็น "เจ้าประจำ" ของผม เห็นจะไม่พ้น "ก๋วยเตี๋ยวเรือน้าชู" อยู่หลังกระทรวงการคลัง ซอยอารีย์สัมพันธ์ ถนนพระรามหก กินกันจริงๆ จังๆ สมัยรับราชการไปหาเพื่อน หรือไปประชุมที่กระทรวง ต้องดอดไปทาน
ติดพันกันมาจนทุกวันนี้ มีงานที่ไหน ใครขอให้ไปออกร้าน ต้อง "เหมา" เจ้านี้ไป
ตอนแรกเข้าใจผิดว่า เจ้าของที่ทั้งลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวและ "บัญชาการ" อยู่ที่ร้าน คือ "น้าชู" ต่อมาภายหลังได้นั่งคุย จึงได้ความว่า "ไม่ใช่" (หน้าแตกตามเคย) เพราะจริงๆ เขาชื่อ "พัช" ซึ่งเป็นลูก "น้าชู"
"คุณพัช" เล่าให้ฟังว่า ตอนที่กระทรวงการคลังเริ่มก่อสร้าง ร่วม 20 ปีที่แล้ว
เห็นโอกาสเลยมาจับจองที่เป็นเจ้าแรกเลย ส่วนคุณแม่ หรือ "น้าชู" เมื่อก่อนขายอยู่ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ตั้งแต่ยุคพายเรือมาขาย จนถึงยุคที่ผู้ว่าฯ กทม. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ให้ก๋วยเตี๋ยวเรือ "ขึ้นบก" ซึ่งผมทำหน้าร้อง "อ๋อ" แต่ในใจจำไม่ได้จริงๆ ว่าเคยกินฝีมือคุณแม่หรือไม่
ปะเหมาะเคราะห์ดี วันก่อน "น้าชู" มาเยี่ยมคุณพัช จึงขอไปพบขอคุยซะหน่อย!!
"น้าชู" ปัจจุบันอายุ 75 ดั้งเดิมเป็นคนอำเภอเสนา อยุธยา เลี้ยงหมูเลี้ยงไก่ เป็นหนี้ ปี 2512 มีญาติมาขายก๋วยเตี๋ยวในกรุงเทพฯ เลยลองตามมา พายเรือขายก๋วยเตี๋ยวตั้งแต่ชามละ 1 บาท
ขายก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำ และก๋วยเตี๋ยวน้ำใสโบราณ ไม่มีเครื่องปรุง กินแล้วต่อทีละชาม คือกินเสร็จยื่นชามมาต่อเอง มีม้านั่งเล็กๆ นั่งกินกันริมน้ำ
ขายได้วันละ 700-800 ชาม ต้องจ้างคนมาช่วยล้างชาม วันละ 3 บาท "น้าชู" บอกเอาเข้าจริง กินกันไป นับไม่ได้เป๊ะๆ กินฟรีไป แถมบ้าง แจกบ้าง
ลูกค้าบางคนเคย "ชักดาบ" พออายุมากมีงานมีการทำ "รู้สึกผิด" มายอมรับ และกลายเป็น "เจ้าประจำ" ที่เหมาไปเลี้ยงตามที่ต่างๆ แก้บาปความคะนองวัยหนุ่ม
ที่น่าชื่นชม คือ "น้าชู" ขายก๋วยเตี๋ยวจนส่งลูก 4 คนเรียนจบ "คุณพัช" เป็นลูกสาวคนเดียว จบพาณิชย์ดุสิต รับไม้ต่อจากแม่ เพื่อให้แม่ได้พักผ่อนบ้าง ร้านแรกที่แฟลตหลังกระทรวงการคลังนี่แหละ เพิ่มเครื่องปรุง ทำน้ำตกหมู น้ำตกเนื้อ เย็นตาโฟ กากหมู (อร่อยมาก - กินเปล่าๆ หยุดไม่ได้ ขอบอก)
ช่วงวิกฤตการเมืองต่อเนื่อง ตัดสินใจไปลองเปิดสาขาที่พัทยา แต่ไม่เวิร์ก กลับมาตั้งหลักกรุงเทพฯ โน้มน้าวลูกสาว "โบว์" ที่เรียนจบปริญญาตรีธุรกิจบัณฑิตย์ ออกจากโรงแรมที่มีงานทำอยู่ ให้มาขายก๋วยเตี๋ยว เปิดร้านในซอยเสนานิคม
และอีกสาขาที่แจ้งวัฒนะให้ลูกชาย "บีม" ทำ โดยคุณพัชซึ่งยังคงร้านหลังกระทรวงไว้ มาช่วยกำกับสอนงานลูกทั้งสอง และมี "น้าชู" แวะเวียนมาทั้งให้กำลังใจ และช่วยตรวจตราดูแลรับแขกในร้าน
เป็น "น้าชู 3 รุ่น" ที่ทำก๋วยเตี๋ยวเรือขาย อร่อยถึงใจ ไม่ผิดหวัง!!