Rome trip เที่ยวเองง่ายๆไม่ต้องง้อทัวร์: Day1
ครั้งนี้เป็นการไป Italyเป็นครั้งที่2 แต่จะรวบเขียนรีวิวทีเดียวเลย เพราะครั้งแรกไปแบบงงๆ ไม่ค่อยรู้เรื่อง ครั้งนี้ไปแบบเจาะลึกมากกก โดยเฉพาะ Roma เมืองแสนเลิฟของเรา อิอิ เราเดินทางจาก MilanไปRome โดยรถไฟสาย frecciarossa ความเร็ว 300+km/hr เร็วจนหูอื้อเลย แถมมีน้ำเสิร์ฟด้วย เผลอแป๊บเดียว 3ชม. ก็ถึงRome ตอนนั้นก็4โมงเย็นแล้ว ต้องรีบทำเวลาหน่อย เพราะมีตารางเที่ยวเพียบบ เป้าหมายแรกคือเราต้องซื้อ Roma Pass ซึ่งจะใช้เข้า Museum ได้ 2 museum และไว้ขึ้นรถไฟ รถเมล์ ได้หมด คุ้มจริงๆ..ที่ Roma Termini เราสามารถซื้อpass ได้จากแผงหนังสือใหญ่ๆที่สถานีค่ะ พอบอกป้าคนขายปุ๊บ เค้าก็หยิบ pass มาให้ แอบอึ้งเล็กน้อย เพราะตอนอ่านหนังสือนำเที่ยวบอก 25 Euro แต่ตอนเราไปเป็น 34 Euro แล้ว ตอนแรกนึกว่าโดนป้าโกง แต่ไป check แล้ว ราคาขึ้นจริงๆอ่ะ (ล่าสุดแอบ check ใน web ขึ้นเป็น 36 Euro แล้ว คาดว่าจะขึ้นทุกปี เหอๆ)
โฉมหน้าของ Roma pass
เมื่อได้ pass แล้ว เราก็รีบไปเก็บของที่ โรงแรม ซึ่งเราเน้นที่มี wireless มีอาหารเช้าให้ ไม่ไกลสถานี และไม่แพงมาก
อันนี้เป็นแผนที่ metro ซึ่งเราใช้เป็นหลักใน trip นี้ค่ะ metroของ Rome มีไม่กี่สาย ศึกษาง่ายมาก แต่ไม่ค่อยทั่วถึง หลายครั้งเราต้องนั่งรถเมล์เอา แต่ไม่ยากเท่าที่คิด
Capitolium Hotel โรงแรมที่เราเลือก ขึ้นสายน้ำเงินจาก Roma termini ไป 1 สถานี ลง Castro pretorio ลงแล้วก็ลากกระเป๋าไปโรงแรม แอบหลงเล็กน้อย โชคดีเอากระเป๋าใบเล็กไปเลยสะดวก ในที่สุดก็ถึงโรงแรม location ดีมากๆ อยู่ตรงข้ามโรงหนัง adult vdo เลย -_-' แถมต้องขึ้นไปชั้นสอง โดยชั้นล่างต้องฝ่าด่านหมาห้องข้างล่างไป (จริงๆมันก็ไม่ถึงกับออกมาไล่กัดคนหรอกนะ แต่ถ้ามีเสียงดัง มันจะเห่าดังมาก) โรงแรมนี้จะเป็น style antique ฮ่ะ ดูได้จากลิฟท์
ประตูเป็นแบบ manual เปิดปิด 2 ชั้น จะว่าไปมันก็ไม่ได้แย่อะไรมาก ห้องก็สวยดี มีวิวสวนด้วย อุปกรณ์ห้องน้ำมีครบ แต่ติดอีกอย่างตรง จนท ไม่ได้อยู่ตลอด ดึกๆจะกลับ เพราะงั้นจะมา check-in ตอนดึกไม่ได้ และถ้ามีปัญหาอะไรต้องรีบแจ้ง
บรรยากาศห้อง
Santa maria della vittoria
โบสถ์นี้เป็นโบสถ์ที่ติดอันดับโบสถ์ที่หรูหราที่สุดของกรุงโรม โดยดูจากแผนที่เหมือนจะไกล แต่แป๊บเดียวก็ถึง ต้องรีบทำเวลา เพราะจะปิดตอน 18.00น.
บริเวณหน้าโบสถ์
ด้านข้างมีรูปแม่พระอยู่ด้วย
เข้ามาชมในโบสถ์กันค่ะ
บริเวณแท่นบูชา
highlight หลักของโบสถ์นี้คือรูปปั้น "Ecstasy of St.Teresa" โดย Bernini ซึ่งเป็นตอนที่ St.Teresa ฝันว่าโดนแทง จะเห็นว่าสีหน้าจะมีความสุขและเจ็บปวดไปพร้อมๆกัน เสียดายมุมที่ถ่ายมืดไปหน่อย บวกกับความสามารถของกล้องเราเลยเห็นได้ไม่ชัด ต้องมาดูด้วยตาัวเองค่ะ
นอกจากนี้ยังมีงานศิลป์ที่สำคัญอีกอย่างตรงหลังคา คือ The Virgin Mary Triumphing
ออกจากโบสถ์มา เราเดินไป Piazza della republica เพื่อไปดู Fountain of Naiads ซึ่งเป็นนำ้พุที่พุ่งแรงที่สุดใน Italy ปรากฎเดินไปถึง น้ำพุไม่เปิดซะงั้น เราก็เอ๊ะ หรือเค้าเปิดเป็นเวลา เดินวนไปวนมาหลายรอบ ก็ยังไม่เปิด จนไปถามคนแถวนั้น ได้ความว่าปิดปรับปรุงอ่ะ เซ็งเลย คือดูในรูปมันอลังมาก สูงเท่าตึกข้างหลังเลยอ่ะ บริเวณจตุรัส ดูสวย classic
เอาน่า ก่อนกลับเมืองไทยจะลองแวะมาอีกที ไหนๆก็อยู่ใกล้โรงแรม ระหว่างนั้นเราก็นั่งเพ่งพิศรูปพรายน้ำทีละรูป ดูเก่าแก่มากๆ ในหนังสือบอกว่าน้ำพุนีสร้่งมาตั้งแต่ปี 1888 เลยทีเดียว
บริเวณนี้้มีโบสถ์ที่สำคัญอีก 1 แห่งคือโบสถ์ "Santa Maria degli Angeli" ซึ่งเป็นโบสถ์ขนาดใหญ่มาก โดยพระสันตปาปา มอบหมายให้ Michelangelo ดัดแปลงจากโรงอาบน้ำเก่า ภายนอกดูเหมือนอิฐเก่าๆแต่ภายในสวยงามอลังการมาก
โบสถ์อยู่ตรงน้ำพุเลย
ภายในใหญ่มาก ที่นี่จึงจัดเป็น Basilica
ที่นี่ยังมี Meridian line โดยมีแสงจากหลังคาตกเข้ามา และสะท้อนมาตามเส้น เป็นการบอกวันเวลา
เดินไปข้างหลังจะมีสวนเล็ก มีรูปปั้นกาลิเลโอขนาดใหญ่อยู่
หลังจากออกจากโบสถ์มา จุดหมายต่อไปคือ Colosseum ยามเย็น ซึ่งคราวที่แล้วเรามาแต่ตอนกลางวัน แต่มีเพื่อนบอกว่าตอนกลางคืนสวยมาก เลยขอซะหน่อย การเดินทางก็ไม่ยาก นั่งรถสายน้ำเงิน ลงที Colosseo ถึงข้างหน้า colosseum เลย ไปถึงเกือบทุ่มแล้ว ยังไม่มืดเลยแฮะ (ข้อดีของการเที่ยวหน้าร้อนจริงๆ)
Arch of Constantine ดูโล่งกว่าปกติ ถ่ายกับลูกทัวร์ซะหน่อย เห็น Vittorio emanuele ไกลๆ
รอนานมาก ทุ่มก็แล้ว 2ทุ่มก็แล้ว ไม่มืดซะที
มืดซะที
กลางคืนมียิงแสงสีด้วย
จบโปรแกรมวันแรกของ Rome ต้องรีบกลับไปนอนเอาแรง เพราะพรุ่งนี้program อีกเพียบ
Create Date : 18 พฤษภาคม 2557 |
Last Update : 21 พฤษภาคม 2557 23:53:20 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2246 Pageviews. |
|
|
|