แฟนคนนี้ยังไม่ใช่! เดี๋ยวก็ได้เลิก! แฟนคนต่อไปก็ไม่ใช่ อีกหน่อยจะได้ไปอยู่เมืองนอก ตัวจริงจะได้เจอกันที่เมืองนอก อายุ ๓๐ จะมีเงิน มีบ้าน มีรถ มีงาน มีทุกอย่าง!
เสียงพูดของพระรูปงามปานเทพบุตรดังกึกก้องในหู ในใจก็ถามว่ามันจะเป็นไปได้หรือ ทำใจไม่ได้จริงๆ เพราะแฟนคนนี้เรารักมาก หากจะต้องได้เลิกกันมันคงเจ็บปวดเกินจะรับไหว
เที่ยงคืนของวันหนึ่งเพื่อนชวนนั่งรถแท็กซี่จากสาทร ตรงไปยังวัดแห่งหนึ่งที่ดาวคะนอง วันนี้ไม่คุ้นชื่อมาก่อน แต่ก็ไปเพราะความอยากรู้ พอไปถึงก็มีคิวยาวจากหน้ากุฏิจนถึงเมรุ มีทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ คนธรรมดา ทุกคนถือพานพร้อมดอกไม้ธูปเทียนอยู่ในมือ จิตใจจดจ่อรอพระรูปนี้ลงมาที่กุฏิในตอนเช้า กว่าจะถึงคิวฉันกับเพื่อน ก็ต้องนั่งรอตั้งแต่ตี ๒ จนถึง ๑๐ โมงเช้า ถ้าไม่มานั่งรอก็จะไม่ได้ดู เพราะท่านรับดูจำนวนจำกัดต่อวัน
ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก็ ๑๐ กว่าปี คำพูดของพระรูปงาม ยังฝังลึกอยู่ในจิตใจมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะทุกอย่างที่ท่านพูดเกิดขึ้นไปตามลำดับ
วันนี้ฉันได้มาอยู่เมืองนอก ฉันกับแฟนใหม่คนนี้ เราสองคนรักกันมาก ตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยเจอใครดีเท่านี้มาก่อน แม้จะไม่ร่ำรวยอะไร แต่ก็มีความสุขใจที่ได้อยู่ใกล้ๆ เงินทองของนอกกายไม่ตายก็คงหาได้
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ช่วงเวลา ๓ - ๔ ปี ที่ผ่านมา มันช่างงดงาม โรแมน และน่าจดจำ เหมือนเทพนิยายในหนังสือนิทานตอนเด็ก ยิ่งอยู่ด้วยก็ยิ่งรัก ยิ่งอยู่ด้วยก็ยิ่งใช่ ในใจก็พรรณนาว่า โอ้หนอ คงไม่มีอะไรที่จะวิเศษไปกว่านี้แล้วในชีวิตของคนๆหนึ่ง
จากห้องเช้าเล็กๆ ข้าวของสองสามชิ้น ธุรกิจก็เล็กๆ สบายๆ ไม่เครียด เวลาผ่านไปไม่นานนักฉันกับแฟนก็เริ่มขยายธุรกิจใหญ่ขึ้น ทุกอย่าแลดูจะไปได้สวย ต่างคนก็ต่างทำงาน แทบจะไม่มีเวลาพัก จากปรกติจะมีเวลาหยอกล้อกัน ดูหนังฟังเพลงด้วยกัน ตอนนี้ทุกคนเหน็ดเหนื่อยกับงาน กลับถึงบ้านก็ต่างคนต่างนอน ตื่นเช้ามาต่างคนก็ต่างเร่งรีบไปทำงาน
ตอนนี้กิจการใหญ่ขึ้น ปัญหาก็มากขึ้น เวลาน้อยลง แต่ก็พอมีเงินขึ้นมาบ้าง ก็เลยตัดสินใจซื้อบ้านหลังงาม จนในที่สุดก็มีบ้านเป็นของตัวเอง บรรยากาศดี สวยงาม ร่มรื่น อาจจะไกลจากตัวเมืองสักหน่อย แต่ส่วนตัวแล้วเราชอบบรรยากาศ ความเป็นธรรมชาติ จะได้มีเวลาพักผ่อนเต็มที่หลังจากทำงานมาเหนื่อยๆ
ตอนนี้ย่างเข้าปีที่หก จากธุรกิจเล็กๆมีลูกน้องสองคน ตอนนี้มีลูกน้องสิบกว่าคน สังคมก็มากขึ้น ประชุมก็บ่อย ออกงานก็บ่อย จากปรกติแฟนจะเป็นคนเงียบๆ รักครอบครัว ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร พอเราเห็นเขาเริ่มมีเพื่อนใหม่ๆเข้ามาเราก็ดีใจ ที่เขาจะได้พักผ่อนด้วยการพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงบ้าง ตอนนี้แม้จะมีเรื่องตึงเครียดเกี่ยวกับงานมาก แต่อีกด้านก็ดีใจและมีกำลังใจเกินร้อยที่เราจะก้าวผ่านจุดนี้ไปด้วยกัน คิดไว้เสมอว่าธุรกิจ ชีวิตครอบครัว ต้องมีการพัฒนาให้เจริญขึ้น เรามีกำลังใจเต็มร้อยและให้กำลังใจแฟนเราอยู่เสมอ
ปรกติเราจะเป็นคนชอบสวดมนต์นั่งสมาธิ ในช่วงเวลา ๒ - ๓ ปีที่ทำธุรกิจ เวลาที่จะสวดมนต์นั่งสมาธิก็ไม่ค่อยมี เลยทิ้งห่างไป เอาเวลาที่มีให้กับงานและครอบครัวเต็มร้อย ยิ่งงานมากก็ยิ่งเครียด เราก็เครียด สามีก็เครียด ปัญหาเล็กๆน้อยๆก็เริ่มมีมา พันกันมากขึ้นๆเหมือนด้ายที่พันกันเป็นกระจุก จากปรกติจะไม่ทะเลาะกัน ตอนนี้ก็ทะเลาะกัน เรื่องเล็กๆน้อยๆก็ไม่เข้าใจกัน พอมากเข้าๆ ความสุขสงบที่เคยมีมันก็หายไป..
ตอนนี้เราหันกลับมาหาดูแลจิตใจของตัวเอง ด้วยการปฏิบัติสมาธิภาวนาอย่างจริงจัง สวดมนต์เช้าเย็น ฟังธรรม ภาวนาตลอดทั้งวัน จนกระทั้งหลายเดือนผ่านไป จิตใจเริ่มกลับคืนสู่สภาวะสงบเยือกเย็นเป็นสมาธิแบบไม่เคยมีมาก่อน เวลาผ่านไปหลายเดือน ธุรกิจดีขึ้น การงานคล่องตัว เราก็มีความสุข สงบ ร่มเย็น แต่แฟนเขากลับตรงกันข้าม ยิ่งนานวันเขาก็ยิ่งเปลี่ยน ปรกติเขาจะไม่เป็นคนชอบโซเซียล ตอนนี้วันทั้งวันเข้าก็จะแชท Viber กับเพื่อนๆ เราเองก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันมา มีแต่ความรักความหวังดีและความไว้ใจที่ให้ต่อกันมาโดยตลอด
ก้าวเข้าเดือน พ.ค เธอเริ่มออกไปดื่มนอกบ้านกับเพื่อนๆ กลับบ้านมาก็ดึกๆตีหนึ่งตีสอง บางวันเธอก็ไม่กลับบ้าน แต่เราก็ไม่ได้สงสัยอะไรเพราะคิดเสมอว่า ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมา ทำดีต่อกันมาตลอด เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นแน่นอน!
อีกสองสามวันก็ใกล้จะถึงวันเกิดเราแล้วสินะ.. ในใจก็คิดว่าน่าจะหาเวลาพากันไปพักผ่อนที่ไหนสักแห่ง เพื่อชดเชยความเหนื่อยล้าจากการทำงาน ๑ วันก่อนจะถึงวันเกิดเรา เขาก็หายจากบ้านไป.. เราก็คิดว่าเขาคงไปทำงานต่างจังหวัด โทรหาก็ไม่รับสาย ผ่านมาจนถึงวันเกิดเรา เขาก็ไม่อยู่.. เอ๊ะเขาคงงานยุ่งจริงๆ? ปลอบตัวเองไม่เป็นไรนะ..
หนึ่งวันหลังจากวันเกิดเรา เธอก็กลับมาบ้านกลิ่นน้ำหอมฟุ้ง ท่าทางอารมณ์ดี ยิ้มแย้มหน้าแดง เธอเงียบกับเราไม่สนใจใยดีเรา วันๆเธอก็จิ้มแต่โทรศัทพ์จิ้มไปยิ้มไป เราเองก็ไม่ได้คิดอะไร ยังมีความสุขทำตัวตามปรกติ หลังจากเลิกงานกลับมาบ้าน เธอก็หายไปอีก เราก็วางใจเป็นอุเบกขาสบายๆ อยู่ในสัมมาสติ สัมมาสมาธิที่เราฝึกมาดีแล้ว ทำงานปฏิบัติภาวนาของเราไป
วันหนึ่งในขณะที่เราภาวนาดูลมหายใจอยู่นั้น ในสมาธิจิตบอกกับเราว่า คนที่เธอรักและไว้ใจคนนั้นเขากำลัง ทำไม่ดีกับเธอ ในใจเราก็สงสัยในเสียงนั้น แต่ก็คิดว่ามันเป็นแค่อุปาทานในจิต หนักเข้าๆรุ่นแรงเข้า ก็เลยตั้งสัจจะอธิฐานหากเป็นจริงก็ขอให้ข้าพเจ้าพิสูจน์ได้ด้วยตาเนื้อ และแล้ววันนั้นเองความจริงก็ปรากฏเป็นประจักษ์พยานตรงหน้า
ตั้งสติ เรียกแฟนมานั่งคุย เธอจะทำอย่างไง?
ถาม: รักเขาหรือ?
ตอบ: รัก
ถาม: เจอกันานหรือยัง
ตอบ: เจอกันได้ ๓ อาทิตย์
โอเคถ้ารักกันจริงก็ไปเถอะ.. ไม่ว่าอะไร..
ขอให้โชคดี.. และมีความสุขมากนะ..
ห้าสัปดาห์ผ่านไปเธอก็ขนของออกจากบ้านเพื่อจะไปเช่าห้องพักอยู่กับผู้หญิงคนนั้น เราก็ทำใจนะ ช่วยเก็บของช่วยขนของไปไว้ที่เรือนหอใหม่ของเขา แล้วก็ปลอบเขาว่า ขอให้เธอโชคดีและมีความสุข ในใจคิดเสมอว่า ความรักคือ ปรารถนาให้คนที่เรารักมีความสุข ถามว่าเราเจ็บปวดไหม คำตอบคือเจ็บปวดแต่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกนินา.. พูดง่ายเจ็บจนชินเจ็บจนชาเสียแล้ว ความจริงที่เจ็บปวดก็เพราะไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่า คนที่ทำดีมาตลอดทั้งหกปีกว่า เขากลับมองไม่เห็นคุณค่า แต่กลับไปให้คุณค่ากับคนที่พึ่งเจอกันได้เพียงแค่ไม่กี่อาทิตย์..
"ติดตามตอนต่อไปนะจ๊ะ"