483 .. ยิ้มเข้าหา
ยิ้ ม เ ข้ า ห า
บทความโดย..พระไพศาล วิสาโล จาก...นิตยสารสารคดี : ปีที่ ๒๙ ฉบับที่ ๓๔๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ คอลัมน์รับอรุณ
หนึ่งในบรรดาการต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองที่โด่งดังทั่วโลกและกลายเป็นตำนานไปแล้ว ก็คือ การคว่ำบาตรรถประจำทางที่เมืองมองต์โกเมอรี สหรัฐอเมริกา เมื่อปี ๒๔๙๘ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้โลกรู้จักมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ นักเทศน์ซึ่งเพิ่งผ่านวัยเบญจเพสมาหมาด ๆ
เช่นเดียวกับเมืองอื่น ๆในรัฐอลาบามา มองต์โกเมอรี เป็นเมืองที่มีการเหยียดผิวมาก คนดำถูกห้ามไม่ให้ใช้ห้องน้ำหรือภัตตาคารเดียวกับคนขาว หากจำเป็นต้องใช้บริการสาธารณะร่วมกัน เช่น สนามบิน ก็ต้องแยกที่นั่งอย่างชัดเจน จะใช้ปะปนกันไม่ได้ นโยบายนี้ใช้กับรถประจำทางด้วยเช่นกัน กล่าวคือคนดำนั่งข้างหลัง ส่วนคนขาวนั่งข้างหน้า หากรถเต็ม ถ้ามีคนขาวขึ้นมา คนดำก็ต้องสละที่นั่งทั้งแถวให้คนขาว แล้วถอยไปยืนด้านหลัง
แล้ววันหนึ่งโรซ่า พาคส์ หญิงผิวดำ ก็ปฏิเสธที่จะสละที่นั่งให้คนขาว เธอจึงถูกจับเข้าคุกทันที เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความไม่พอใจแก่คนดำทั้งเมือง จึงพร้อมใจกันไม่ขึ้นรถประจำทาง หันมาใช้การเดินทางด้วยวิธีอื่น เช่น ใช้รถส่วนตัวร่วมกัน (คาร์พูล) นั่งแท็กซี่ซึ่งเก็บค่าโดยสารเท่ากับค่ารถประจำทาง แม้รถมีไม่มากพอ ผู้คนจำนวนไม่น้อยก็เลือกขี่จักรยาน หรือเดินเท้าแทน ซึ่งเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยเพราะช่วงนั้นเป็นฤดูหนาว
การคว่ำบาตรดังกล่าวทำให้บริษัทรถประจำทางของคนขาวสูญเสียรายได้ไปมาก ที่สำคัญนี้เป็นครั้งแรกที่คนดำที่นั่นท้าทายระบบเหยียดผิว จึงสร้างความไม่พอใจแก่คนขาวมาก มีการพยายามกลั่นแกล้งทุกวิถีทาง เช่น ปรับรถแท็กซี่ที่เก็บค่าโดยสารถูก ๆ หรือบีบบริษัทประกันภัยรถยนต์เพื่อกดดันไม่ให้มีการใช้คาร์พูล แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการคว่ำบาตร ซึ่งดำเนินต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือน ยิ่งมีการข่มขู่ด้วยการวางระเบิดบ้านของคิงและผู้นำคนอื่น ก็ยิ่งปลุกเร้าให้คนดำผนึกรวมพลังกันเหนียวแน่นกว่าเดิม
ในที่สุด ไม้ตาย หรือมาตรการสุดท้ายที่คนขาวใช้ ก็คือ การขู่ว่าจะจับแกนนำการประท้วงเข้าคุก วิธีนี้สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงแก่แกนนำมาก เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นคนมีฐานะดีทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจ มีการศึกษาสูง และมีประวัติดีมาตลอด การติดคุกหมายถึงการเสื่อมเสียชื่อเสียงทั้งของตนเองและวงศ์ตระกูล ไม่ต้องพูดถึงความยากลำบากในคุกและเรื่องยุ่งยากอีกมากมายที่จะตามมา หลายคนเริ่มคิดถึงการยกธงขาว ขณะที่อีกส่วนหนึ่งรอตำรวจมาจับด้วยความวิตกกังวล
แต่สถานการณ์เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อ อี.ดี. นิกสัน แกนนำผู้อาวุโส แทนที่จะรอให้ตำรวจมาจับ กลับเป็นฝ่ายเดินไปมอบตัวแก่ตำรวจด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม คุณกำลังตามหาผมใช่ไหม ? นี่ไง ผมมาแล้ว ปรากฏว่าตำรวจพากันมองหน้ากันด้วยความงงงวย หลังจากที่พิมพ์ลายนิ้วมือ ถ่ายรูป เขาก็ได้รับการประกันออกมาในเวลาไม่นาน ข่าวดังกล่าวแพร่กระจายไปยังหมู่คนดำอย่างรวดเร็ว
การเดินให้ตำรวจจับด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น มีผลทางจิตวิทยาต่อคนดำอย่างมาก เพราะเขาได้ทำให้คนเหล่านั้นเห็นว่า การถูกตำรวจจับหรือเข้าคุกนั้นไม่ใช่เรื่องน่ากลัว อีกทั้งการมอบตัวก็ไม่ได้ยุ่งยากแต่อย่างใด สบายกว่าและเร็วกว่าการไปทำฟันเสียอีก ผลก็คือแกนนำคนดำต่างพากันมามอบตัวต่อตำรวจ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของคนนับร้อย บรรยากาศในศาลเต็มไปด้วยความครึกครื้น ว่ากันว่าคนดำบางคนรู้สึกเสียใจที่ไม่อยู่ในรายชื่อที่ตำรวจต้องการ ฝ่ายตำรวจแทนที่จะดีใจที่รวบแกนนำได้ครบหมด กลับหัวเสียที่คนดำแห่กันมาเชียร์เพื่อนที่มอบตัว ถึงกับตะโกนว่า ที่นี่ไม่ใช่งานบันเทิงนะ(โว้ย)
ถึงตอนนี้ไม่มีอะไรหยุดยั้งการประท้วงของคนดำได้อีก หลังจากคว่ำบาตรถึง ๓๘๑ วัน ชัยชนะก็เป็นของคนดำ ศาลสูงสหรัฐตัดสินว่าการแยกที่นั่งระหว่างคนขาวกับคนดำเป็นการกระทำที่ผิดรัฐธรรมนูญ เมืองมองต์โกเมอรีจำต้องออกคำสั่งอนุญาตให้คนดำนั่งที่ใดก็ได้ในรถประจำทาง แต่ผลของการคว่ำบาตรที่เมืองมองต์โกเมอรีไม่ได้ยุติเพียงเท่านั้น มันได้กลายเป็นแบบอย่างให้แก่การต่อสู้เพื่อสิทธิของคนดำทั้งประเทศอย่างต่อเนื่องนานกว่าทศวรรษ อีกทั้งเป็นแรงบันดาลใจให้แก่การต่อสู้ของผู้ถูกกดขี่ทั่วทั้งโลก
คุกนั้นไม่น่ากลัวเท่ากับความกลัวคุก เมื่อไม่กลัวคุกเสียแล้ว คุกก็ไม่สามารถทำอะไรได้ สิ่งที่นิกสันทำก็คือช่วยให้ผู้คน ตาสว่าง ไม่กลัวคุกอีกต่อไป ซึ่งทำให้อำนาจการข่มขู่ของคนขาวลดน้อยถอยลงทันที ใช่หรือไม่ว่า อำนาจอยู่ที่การยอมรับ เมื่อเราไม่ยอมรับอำนาจของสิ่งใด สิ่งนั้นก็คลายพิษสงไปทันที ไม่ว่า สิ่งนั้นจะเป็นคุก คน หรือเหตุร้ายก็ตาม
อำนาจของผู้ปกครอง ขึ้นอยู่กับการยอมรับของประชาชน เมื่อประชาชนไม่ยอมรับเสียแล้ว ผู้ปกครองก็ไม่สามารถมีอำนาจเหนือประชาชนได้อีกต่อไป แม้จะข่มขู่คุกคามด้วยคุกตะรางหรือศัสตราอาวุธ แต่หากประชาชนไม่กลัวสิ่งเหล่านั้นเสียแล้ว การข่มขู่คุกคามก็ไร้ผล ในที่สุดก็ต้องลงจากอำนาจหรือระเห็จหนีไป นี้คือความจริงที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในประวัติศาสตร์
มองให้ใกล้ตัวเข้ามาหน่อย มีหลายอย่างที่ดูน่ากลัวในความรู้สึกของเรา เช่น ความล้มเหลว แต่ก็เช่นเดียวกันกับที่กล่าวมา ความล้มเหลวไม่น่ากลัวเท่ากับความกลัวล้มเหลว ตราบเท่าที่เรายังกลัวความล้มเหลว ความล้มเหลวก็จะมีอำนาจครอบงำเราได้ ทำให้เราทำงานไม่เป็นสุข พยายามเลี่ยงงานยากที่เสี่ยงต่อความล้มเหลว แต่เมื่อใดก็ตามที่เราไม่กลัวความล้มเหลว เราจะทำงานอย่างมีความสุขมากขึ้น และเมื่อเกิดความล้มเหลว ก็จะยิ้มรับและหาประโยชน์จากมัน เช่น เก็บเกี่ยวบทเรียนอันทรงคุณค่าจากมันได้
โรคร้ายก็เช่นกัน มะเร็งไม่น่ากลัวเท่ากับความกลัวมะเร็ง หลายคนพอรู้ว่าเป็นมะเร็งก็ล้มทรุดทันที ทั้ง ๆ ที่มะเร็งยังอยู่ในระยะแรก นั่นเป็นเพราะความกลัวมะเร็งต่างหาก บางคนตายเร็วกว่าที่หมอพยากรณ์เสียอีก ในทางตรงข้าม หากทำใจยอมรับมันหรือยิ้มรับมันได้ กลับอยู่ได้อย่างมีความสุข มีหลายคนที่อยู่กับมะเร็งได้โดยไม่ต้องใช้ยาระงับปวด ทั้ง ๆ ที่มีความเจ็บปวดเกิดขึ้น มีคนหนึ่งเล่าว่า เวลารู้สึกปวดขึ้นมา เธอจะ กล่อมมันให้หลับ เหมือนกับที่เคยกล่อมลูก วิธีนี้ทำให้เธออยู่กับมะเร็งได้โดยไม่ทุกข์ทรมาน เช่นเดียวกับอีกคนซึ่งเป็นโรคสะเก็ดเงินและมีอาการลุกลามจนต้องนอนบนใบตอง แต่เธอก็ไม่ได้กลัวหรือเกลียดมันเลย ทุกวันเธอแผ่เมตตาและอุทิศส่วนบุญให้มัน โดยบอกมันว่า ถ้าเธอจะไป ก็ขอให้เอาบุญกุศลไปด้วย แต่ถ้าเธอจะอยู่ ก็ต้องระวังตัวนะเพราะอาจโดนยาเล่นงานได้
เมื่อต้องเจอกับปัญหาหรือเหตุร้าย การยิ้มรับมันย่อมดีกว่าการปฏิเสธมันด้วยความกลัว เพราะการยิ้มรับนั้นในแง่หนึ่งหมายถึงการไม่ยอมรับอำนาจคุกคามของมัน และทำให้มันไม่น่ากลัวอีกต่อไป แทนที่จะมองเป็นศัตรู กลับเห็นเป็นมิตรไปเสีย ท่าทีเช่นนี้ยังสามารถใช้ได้กับความตาย ซึ่งเป็นความจริงที่ไม่มีใครหนีพ้น เมื่อจะต้องเจอมันอย่างแน่นอน ควรเรียนรู้ที่จะยิ้มรับมันเสียแต่ตอนนี้ หรือถึงจะไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อนเลย เมื่อถึงคราวที่ต้องเจอมันอย่างเลี่ยงไม่ได้ การเดินยิ้มเข้าหามัน ย่อมดีกว่าการพยายามเบือนหน้าหรือหลีกหนีมันด้วยความกลัว
ขอขอบคุณ
ภาพ.......จากอินเตอร์เน็ท บทความโดย..พระไพศาล วิสาโล จาก...นิตยสารสารคดี : ปีที่ ๒๙ ฉบับที่ ๓๔๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ คอลัมน์รับอรุณ //www.visalo.org/article/sarakadee255702.htm เครื่องแต่งบล็อกจาก ..... บล็อกชมพร /บล็อกญามี่
ธรรมสวัสดี
ร่มไม้เย็นค่ะ
Create Date : 20 สิงหาคม 2557 |
Last Update : 28 มีนาคม 2558 6:00:46 น. |
|
26 comments
|
Counter : 4007 Pageviews. |
|
|
บ