....OUR FAMILY'S JOURNEY....
++ ยอร์ค..เมืองเก่าแก่และสวยงาม ในอังกฤษ ++







อ่านสองพ่อลูกขับรถตะลุยเกาะอังกฤษ : ตอนที่ 16 ( เดอรัม ... เมืองมหาวิทยาลัยเก่าแก่ เล็กๆแต่สวยงาม )
อ่านสองพ่อลูกขับรถตะลุยเกาะอังกฤษ : ตอนที่ 18 (เคมบริดจ์ ... เมืองมหาวิทยาลัยเก่าแก่อันดับสองของอังกฤษ )




เที่ยวอังกฤษตอนนี้เป็นตอนที่ 17 แล้ว เราอยู่ที่เกาะอังกฤษนี้กว่าครึ่งเดือนแล้วตอนนี้ และการเดินทางของเราในอังกฤษก็ใกล้วันสิ้นสุดลงแล้วเช่นกัน ... วันนี้ลูกชายไม่มีโปแกรมเรียนเลยมีโอกาสเดินทางร่วมกันกับพ่ออีกวัน เราเลือกที่จะไปเมืองก่าแก่ "ยอร์ค" ห่างจากนิวคาสเซิลลงไปทางใต้ประมาณ 88 ไมล์ ซึ่งถือว่าไม่ไกลมากสำหรับการขับรถเที่ยวและสามารถกลับไปพักที่ Newcastle upon Tyne ได้ด้วย




ที่ทางเข้า Museum Gardens




เมื่อเราเลือกสถานที่ๆจะไปได้ เราก็ขับลงทางใต้ตามถนน A1(M) ซึ่งบางช่วงก็เป็น 4 เลนส์บางช่วงก็เป็น Motorway แบบ 6 เลนส์ ซึ่งก็ถือว่าสะดวกมากๆสำหรับการขับรถ เราใช้ speed Limit 113 กม/ชม. ตลอดการขับ (เห็นฝรั่งกดมากกว่านั้นเหมือนกัน..ปล่อยเขาไป) เพราะถ้ามีปัญหากับการใช้ความเร็ว เราจะโดนใบสั่งมาถึงไทยเลยล่ะ ที่นั่นเขาไม่เอาตำรวจมายืนโบกจับแบบบ้านเรานะ เขาเอากล้องจับเลย ซึ่งกล้องก็ถูกคอนโทรลโดยบริษัทอีกต่างหาก ไม่ใช่ตำรวจ

พูดถึงเรื่องการใช้กล้องเข้าควบคุมระบบการจราจร เช่น ฝ่าไฟสัญญาณ ความเร็ว ฯลฯ จขบ.คิดว่าเป็นระบบที่ดี นอกจากขจัดระบบการรีดไถแบบบางประเทศ ยังแฟร์หรือยุติธรรมอีกต่างหาก เพราะกล้องถ่ายให้เห็นชัดๆเลยว่าคุณจอดผิดที่ หรือใช้ความเร็วเฉลี่ยเกินกฏหมายกำหนดหรือไม่ เป็นต้น วิธีการปรับเขาก็ให้เสียผ่านทางบัตรเครดิต หรือ Internet Banking ซึ่งนั่นหมายความว่าเงินเข้าหลวงแน่ๆ ทำให้พวกขับซิ่งแล้วจ่ายเงินผีนั่นหมดไป เนื่องจากการโดนปรับแบบนั้นเขาสามารถบันทึกรายละเอียดการทำผิดกฏหมายไว้ในระบบและเพิ่มมาตรการลงโทษสูงขึ้นไปเรื่อยๆได้ .... แต่ก็ได้แต่หวังนะครับ





แผนการเดินทางวันนี้ นิวคาสเซิล-ยอร์ค-นิวคาสเซิล



เมื่อถึงยอร์ค เราใช้สูตรเดิม คือ จอดรถไว้นอกเมือง ที่ Park & Ride แล้วนั่งรถเข้าไปในเมือง ซึ่งเขาก็มาส่งเราที่ใกล้กับ Information Centre ถนน Museum Street ใกล้ๆกับ Museum Garden เราลงตรงนั้นและคนขับบอกเราว่าให้มารอรถตรงไหนขากลับ .... ลงรถแล้วเดินเข้าสวนเลย การเดินเที่ยวยอร์คเราเริ่มจากตรงนั้น




ที่ Museum Gardens



เข้าไปเดินในสวน Museum Gardens ที่มีกำแพงเก่าๆให้เห็น ซึ่งนั่นก็คือส่วนหนึ่งของ St Mary's Abbey ส่วนพื้นหญ้าที่เขียวขจีนั้นก็คือพื้นของวัด St Marry ในอดีตครับ.

Museum Gardens เป็นสวนแบบ Botanic Garden สร้างขึ้นเมื่อปี 1830 ริมแม่น้ำอูส (Ouse) ในย่านใจกลางเมืองยอร์ค มีพื้นที่ประมาณ 25 ไร่ (10 เอเคอร์) ในบริเวณนั้นก็จะมี St Mary's Abbey, St Olave's Church, York Museum และอาคารติดกันที่มีกำแพงโรงมันจะเป็น York Explore Library Learning Center ซึ่งเล่าเรื่องเมืองยอร์คพร้อมภาพครับ




Abbey Precinct Wall




ที่ Museum Gardens










กำแพงโรมันที่ทางเข้า Local History Service



เมืองยอร์คในสายตาของผูเขียน (แม้จะมีเวลาสัมผัสไม่มากนัก) รู้สึกได้ถึงความเป็นเมืองเก่าแก่ที่ยังคงความเป็นเมืองโบราณไว้ได้อย่างครบถ้วนนะ .... และอย่าบลืมว่าเมืองนี้ในอดีตเกือบจะได้เป็นเมืองหลวงของอังกฤษเลยนะ ... มาถึงเมืองยอร์ค (York) แล้วมาทำความรู้จักกับเมืองนี้หน่อยเป็นไรครับ


ยอร์ค (York)

เป็นเมืองมรดกด้าน ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอังกฤษคือ เมืองยอร์ค (York) เป็นเมืองที่มีอายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี เคยได้รับรางวัลเมืองท่องเที่ยวแห่งยุโรปเมื่อปี 2007 มีทั้งกำแพงเมืองเก่าแก่และมหาวิหารศิลปะแบบกอธิค มีชื่อว่า York Minster นอกจากนี้ยังมีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ได้รับอิทธิมาจากพวกโรมัน ไวกิ้ง และยุโรปชาติอื่นๆที่เคยเข้ามาตั้งรกรากที่นี่ด้วย

ยอร์ค (York) เป็นนครและเมืองที่ยังมีกำแพงเมืองโบราณล้อมรอบที่ตั้งอยู่ในมณฑลยอร์คเชอร์เหนือในภาคยอร์คเชอร์และแม่น้ำฮ้มเบอร์ของอังกฤษ เมืองยอร์คตั้งอยู่ในบริเวณที่แม่น้ำอูสและแม่น้ำฟอสส์

ยอร์คเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และมีบทบาทมาเกือบตลอด 2,000 ปีที่ก่อตั้งมา เมืองยอร์คก่อตั้งเป็นเมืองป้อมปราการเอบอราคุม (Eboracum) ในปี ค.ศ. 71 โดยโรมัน และได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงของบริทาเนียน้อย (Britannia Inferior) ระหว่างสมัยโรมันบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์เช่นจักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราชมีส่วนเกี่ยวข้องกับเมือง จักรวรรดิโรมันทั้งหมดปกครองจากยอร์คเป็นเวลาสองปีโดยจักรพรรดิเซ็พติเมียส เซเวรัส (Septimius Severus)

หลังจากชนแองเกิลเข้ามาตั้งถิ่นฐานยอร์คก็ได้รับชื่อใหม่เป็น “Eoferwic” ของราชอาณาจักรนอร์ทธัมเบรีย เมื่อชนไวกิงเข้ายึดเมืองในปี ค.ศ. 866 ก็เปลี่ยนชื่อเมืองเป็นจอร์วิคของราชอาณาจักรจอร์วิค (Jórvík) ที่มีอาณาบริเวณครอบคลุมทางบริเวณตอนเหนือของอังกฤษเกือบทั้งหมด จนกระทั่งราว ค.ศ. 1000 เมืองจึงมารู้จักกันในชื่อ “ยอร์ค”

ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 14 พระเจ้าริชาร์ดที่ 2 มีพระราชประสงค์ที่จะตั้งยอร์คเป็นเมืองหลวงของอังกฤษแต่ก่อนที่จะสำเร็จพระองค์ก็ทรงถูกถอดจากการเป็นพระมหากษัตริย์เสียก่อน หลังจากสงครามดอกกุหลาบ ยอร์คก็กลายเป็นที่ตั้งของสภาแห่งภาคเหนือ (Council of the North) และมีฐานะที่ยอมรับกันว่าเป็นเมืองหลวงของภาคเหนือ จนกระทั่งหลังจากการฟื้นฟูราชวงศ์เท่านั้นที่ความสำคัญทางการเมืองของยอร์คเริ่มลดถอยลง สังฆเขตยอร์คเป็นหนึ่งในเขตการปกครองของนิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์ร่วมกับสังฆเขตแคนเตอร์บรี

ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 คำว่า “นครหลวงยอร์ค” หมายถึงบริเวณที่รวมทั้งบริเวณรอบนอกออกไปจากเขตตัวเมืองเก่า บริเวณปริมณฑลยอร์คมีประชากรด้วยกันราว 137,505 คน แต่เมื่อรวมทั้งรอบนอกแล้วก็มีด้วยกัน 193,300 คน





ใกล้ๆมหาวิหารยอร์ค





York Theater Royal






Saint Wilfrid's Catholic Church




York Minster



มหาวิหารยอร์ค

มหาวิหารยอร์ค (York Cathedral) มีชื่อเป็นทางการว่า "The Cathedral and Metropolitical Church of St Peter in York” เป็นคริสต์ศาสนสถานระดับมหาวิหารที่สร้างเป็นแบบกอธิคที่ใหญ่ที่เป็นที่สองรองจากมหาวิหารโคโลญในประเทศเยอรมนี (ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ) ทางตอนเหนือของทวีปยุโรป มหาวิหารยอร์คตั้งอยู่ที่เมืองยอร์คในมณฑลยอร์คเชอร์ ทางตอนเหนือของ สหราชอาณาจักร เป็นที่ตั้งของอัครสังฆราชแห่งยอร์คซึ่งเป็นตำแหน่งรองจากอัครสังฆราชแห่งแคนเตอร์บรีผู้เป็นประมุขของนิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์ มหาวิหารยอร์คถือกันว่าเป็น “high church” ของแองโกล-คาทอลิก (Anglo-Catholicism) ของวัดแองกลิคัน

มหาวิหารมีทางเดินกลางที่สร้างแบบกอธิควิจิตร (Decorated Gothic) และหอประชุมสงฆ์ บริเวณร้องเพลงสวดและทางด้านหลังเป็นแบบกอธิคแบบ กอธิคสูง (Perpendicular Gothic) ทางด้านเหนือของแขนกางเขนเป็นแบบกอธิคอังกฤษตอนต้น ทางเดินกลางมีหน้าต่างเหนือบานประตูที่สร้างเมื่อ ค.ศ. 1338 และด้านตรงข้ามทางหลังวัดบริเวณชาเปลพระแม่มารี มีหน้าต่างใหญ่ชื่อ “Great East Window” สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1408 ซึ่งเป็นหน้าต่างประดับกระจกสีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทางด้านเหนือของแขนกางเขนมีหน้าต่างที่เรียกว่า “Five Sisters Window” แต่ละแกนของหน้าต่างสูงถึง 16 เมตร หรือประมาณ 9 ชั่วคน ทางด้านใต้เป็นหน้าต่างกุหลาบที่มีชื่อเสียงมาก

ประวัติ

ยอร์คมีผู้นับถือคริสต์ศาสนามา ตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 4 วัดแรกที่สร้างตรงจุดนี้เป็นวัดไม้ที่สร้างอย่างเร่งด่วนในปี ค.ศ. 627 เพื่อใช้ในการทำพิธีศีลจุ่มให้แก่เอ็ดวินพระมหากษัตริย์แห่งนอร์ทธัมเบรีย ในคริสต์ทศวรรษ 630 ก็มีการสร้างวัดที่ถาวรขึ้น ต่อมาในปี ค.ศ. 637 นักบุญออสวอลด์แห่งเบอร์นิเซียก็สร้างวัดให้เป็นหินและอุทิศให้แก่นักบุญปีเตอร์ แต่วัดก็เสื่อมโทรมลงจนในที่สุดก็อยู่ในสภาพที่เกินกว่าที่จะซ่อมแซมได้ง่ายๆ เมื่อมาถึงปี ค.ศ. 670 เมื่อวิลฟริดได้ รับตำแหน่งเป็นประมุขของสังฆมณฑลยอร์คท่านก็ได้สั่งให้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ โครงสร้างใหม่ โรงเรียนและห้องสมุดมาก่อตั้งในคริสต์ศตวรรษที่ 8

ในปี ค.ศ. 741 มหาวิหารก็ถูกเพลิงไหม้ทำลายลง แต่วัดที่สร้างใหม่แทนที่ก็เป็นวัดที่มีโครงสร้างที่เป็นที่น่าประทับใจ มากกว่าเดิมที่มีแท่นบูชาถึงสามสิบแท่น หลังจากนั้นมหาวิหารก็ถูกขโมยกวาดทรัพย์สินหลายครั้งโดยผู้รุกรานหลายกลุ่ม และไม่มีประวัติที่ทราบแน่นอนมาจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 10 เมื่อมีอัครสังฆราชเบ็นเนดิคตินหลายองค์ที่รวมทั้งนักบุญออสวอลด์,วูลฟตัน และอัลเดรดผู้เดินทางไปแอบบีเวสต์มินสเตอร์เพื่อไปทำพิธีสวมมงกุฎให้แก่สมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1066 อัลเดรดเสียชีวิตปี ค.ศ. 1069 ร่างของท่านยังบรรจุอยู่ภายในมหาวิหาร





มหาวิหารยอร์ค (York Minster)




มหาวิหารยอร์ค




ด้านหลัง มหาวิหารยอร์ค





มหาวิหารยอร์ค





ด้านหลัง มหาวิหารยอร์ค




บ้านที่หน้ามหาวิหารยอร์ค




ข้างมหาวิหารยอร์ค





Monk Gate




เดินต่อไปอีกก็จะเจอประตูเมืองโบราณแบบนี้ ประตูนี้เรียกว่า Monk Gate เดินต่อไปจะมีถนนเล็กๆ (น่าเรียกซอยมากกว่า) มีร้านรวงเก่าๆมากมาย ผู้คนเข้ามาเดินชมเยอะมาก รวมทั้งซื้อของที่ระลึกซึ่งมีอยู่มากเช่นกัน ด้านในจะมีลานขายของคล้ายๆถนนคนเดินบ้านเรา เหมือนจะเป็นของเก่าและสินค้าหัตกรรม พวกเทปเพลงเก่าๆก็มี รวมถึงของใช้ต่างๆ วางขายเหมือนในตลาดนัดบ้านเรา










เดินเข้าซอยสู่ Shamble's Market








สุดท้ายก็มาถึงตรงนี้จนได้ครับ Clifford's Tower, York ตั้งโดดเด่นอยู่เดี่ยวๆบนเนินดิน ข้างๆมีลานจอดรถด้วย อีกด้านเป็น York Castle Museum ตรงนี้ก็จะเป็นไฮท์ไลท์อีกที่ที่ผู้คนชอบมาถ่ายภาพกันครับ





ภาพปราสาทยอร์คในอดีต (ขอบคุณภาพจากเวบ)



นี่คือส่วนที่เหลือของปราสาทยอร์คในอดีตที่เป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุด ... ซึ่งสถานที่ตรงนี้คือสถานที่ฆ่าตัวตายมากที่สุดในประวัติศาสต์อังกฤษด้วย .. คือเมื่อศตวรรษที่ 11 (ค.ศ.1190) เกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงระหว่างชุมชนชาวยิวและชาวคริสเตียน โดยชาวคริสเตียนเป็นหนี้ยิวมากได้ก่อจราจลไปทั่วเมือง กองทัพบางส่วนที่เกลียดยิวก็เข้าร่วมม้อบครั้งนี้ด้วย ชาวยิวที่ร่วมต่อสู้คิดว่าหาที่ปลอดภัยที่ไหนไม่ได้อีกแล้วนอกจากในปราสาทและหอคอยแห่งนี้ จึงเข้าไปหลบอยู่ในปราสาทภายใต้หอคอย และพยามปกป้องปราสาทนั้นไว้ ม้อบได้ปิดล้อมปราสาทแห่งนี้อย่างหนาแน่น ส่วนชาวยิว 150 คนก็ได้พยามปกป้องปราสาทแห่งนี้ไว้อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็มีข่าวลือว่ากษัตริย์ริชาร์ดที่ 1 มีคำสั่งให้สังหารคนพวกคนยิวเหล่านั้น (ซึ่งว่ากันว่าไม่ใช่เรื่องจริง) ... จนชาวยิว 150 ที่ร่วมกันต่อสู้กับม้อบนั้นสัญญาญาว่าจะสู้ตายพร้อมกันภายในนั้น ... ในที่สุดเมื่อไม่มีทางสู้กับม้อบชาวคริสเตียนได้ ผู้นำชุมชนชาวยิวจึงได้ฆ่าครอบครัวของเขาก่อนและตามด้วยตัวเขา จากนั้นหอคอยที่หลังคาทำด้วยไม้แห่งนี้ก็ถูกจุดไฟเผา จนเป็นการสังหารหมู่หรือการฆ่าตัวตายที่มากที่สุดครั้งหนึ่ง ... อ่านเพิ่ม






Clifford's Tower, York







River Ouse



ในแม่น้ำ Ouse ก็มีการล่องเรือชมเมืองด้วย







ออกจากริมแม่น้ำ Ouse ที่บริเวณ Tower Gardens เราก็เดินกลับขึ้นมาทาง Clifford's Tower อีกครั้ง แล้วเดินตามถนน Clifford Street ผ่าน Spurrier Gate เข้าถนน Coney ซึ่งเป็นย่านช้อปปิ้ง ก่อนเข้าสู่ Museum Street แล้วข้ามสะพานเพื่อไปเดินชมกำแพงเมืองซึ่งอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ





St Helen's Church York


St Helen's Square







Coney Street





กำแพงเมืองยอร์ค




กำแพงรอบเมืองยอร์คนี้สร้างขึ้นเมื่อประมาณ ค.ศ. 71 (71 AD.) เมื่อครั้งที่โรมันได้มาสร้างป้อมปราการที่นี่ ซึ่งตัวกำแพงก็เป็นส่วนหนึ่งของป้อมปราการเหล่านั้น (อ่านเพิ่ม)













บนสะพาน @ Museum Street




ประมาณบ่ายโมงเศษๆ เราก็เดินกลับมาที่หน้า Museum Gardens เพื่อรอรถกลับไปที่ Park & Ride นอกเมืองที่เราจอดรถไว้ วันนี้เดินซะเกือบหมดแรงในบริเวณรอบในเมืองเก่ายอร์ค ยังมีอีกหลายที่ที่เราไม่ได้เข้าไปเยี่ยมชม เพราะถ้าจะเอาให้ได้ทุกที่คงต้องใช้ตัวช่วยคือรถ เดินคงไม่รอดแน่ ... วันนี้พาท่านเดินชมบางส่วนของนครเก่าแก่ยอร์คพอได้ไอเดียในการมาเที่ยวที่นี่นะครับ บ่ายคล้อยเราพ่อลูกก็ขับกลับเมือง Newcastle upon Tyne



ขอบคุณที่ตามอ่านมาตลอดครับ





ลาด้วยภาพจากกำแพงเมืองยอร์คภาพนี้ครับ












______________









Create Date : 27 ธันวาคม 2559
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2565 9:36:07 น. 13 comments
Counter : 12035 Pageviews.

 
บ้านเมืองเค้าสวยงามดีนะคะ

ก็พูดไป บ้านเราก็ไม่ได้แย่ เพียงแต่ไม่สวยเท่าบ้านเค้าเนาะคะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Tui Laksi Photo Blog ดู Blog
lovereason Literature Blog ดู Blog
ฟ้าใสวันใหม่ Literature Blog ดู Blog
mambymam Music Blog ดู Blog
sawkitty Diarist ดู Blog
The Kop Civil Movie Blog ดู Blog
ตุ๊กจ้ะ Topical Blog ดู Blog
wicsir Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 27 ธันวาคม 2559 เวลา:20:28:42 น.  

 
wicsir Travel Blog ดู Blog
ติใจเมืองเล้กๆ เก่าแก่นี้ให้เต็มๆ เลยค่ะ จะรอ...สักวันต้องไปเยือนให้ได้จริงๆ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ แปลมาให้คนอ่านได้อ่านสบายๆ ด้วย
ขอให้สุขภาพแข็งแรง ต้อนรับปีใหม่ค่ะ


โดย: Maeboon วันที่: 28 ธันวาคม 2559 เวลา:0:30:12 น.  

 
มาเที่ยวด้วยค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Photo Blog ดู Blog
Mitsubachi Food Blog ดู Blog
wicsir Travel Blog ดู Blog


โดย: newyorknurse วันที่: 28 ธันวาคม 2559 เวลา:2:54:17 น.  

 
wicsir Travel Blog ดู Blog
ไปเที่ยวเมืองเก่า เหมือนหลุดเข้าไปในเทพนิยาย
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรปีใหม่จ้า คุณวิก

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: หอมกร วันที่: 28 ธันวาคม 2559 เวลา:10:55:17 น.  

 
มีความสุขมากๆ ได้ท่องเที่ยวไปทั่วโลกเลยนะคะ สวัสดีปีใหม่ค่ะ


โดย: kae+aoe วันที่: 28 ธันวาคม 2559 เวลา:13:45:28 น.  

 
สวัสดีคะคุณวิค
ภาพประกอบสวยมากๆ เราไม่มีโอกาสได้ไปถึงที่นี่
ก็ได้ติดตามผ่านบล๊อกคุณวิค คุ้มจริงๆ
เมืองแห่งประวัติศาสตร์ในอดีตที่ทรงคุณค่าในยุคปัจจุบัน
ขอบคุณคะ ... ได้ไปเมืองลิเวอร์พูล มัยคร้า
สาวกหงส์ฯ อย่างเรา อยากไปเที่ยวที่นี่จัง คริ คริ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Rinsa Yoyolive Travel Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
wicsir Photo Blog

ปล. ขอขอบคุณการ์ดรับปีใหม่ สวยไฉไลมีคุณค่าแบบไทย
น่ารักและปลื้มกับคำอวยพร .... เช่นกันคะ

ในในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ขออนาจคุณพระศรีรัตนตรัย
จงดลบันดาลให้ คุณวิคและครอบครัว พบแต่ความสุข
ความเจริญตลอดไปเทอญ...


โดย: Tui Laksi วันที่: 28 ธันวาคม 2559 เวลา:18:32:46 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ 2560 ค่ะ

ขอให้คุณ wic และครอบครัว มีความสุข สุขภาพแข็งแรงนะคะ



โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 28 ธันวาคม 2559 เวลา:20:07:53 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 29 ธันวาคม 2559 เวลา:4:04:20 น.  

 
สวยน่าเดินเที่ยวค่ะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 1 มกราคม 2560 เวลา:15:37:16 น.  

 
เมืองสวย น่าเที่ยวมากค่ะ

สวัสดีปีใหม่ 2017 ค่ะคุณวิค

ขอกราบอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยโปรดดลบันดาลให้คุณวิคและครอบครัว
ประสบแต่ความสุข สดชื่น มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง
และสมปรารถนาในทุกสิ่งที่ตั้งใจไว้ตลอดปีนี้นะคะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 1 มกราคม 2560 เวลา:23:27:44 น.  

 
ขอบคุณคุณวิคสำหรับภาพสวยๆและคำอวยพรค่ะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 5 มกราคม 2560 เวลา:0:54:36 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ครับ คุณwicsir
มาช้าเลยครับ ปีนี้
ตามมาเที่ยวด้วยครับ ท้องฟ้าน่าไปถ่ายรูปมากครับ


โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 8 มกราคม 2560 เวลา:23:14:22 น.  

 
ทำไมหาปุ่มโหวตไม่เจอค่ะ
ภาพสวย หาตามไปเที่ยว


โดย: อุ้มสี วันที่: 12 มกราคม 2560 เวลา:8:35:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2559
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
27 ธันวาคม 2559
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.