ต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว ที่เราไปชมวัดวังก์วิเวการาม ทั้ง 2 แห่งทั้งที่จมน้ำกับที่สร้างขึ้นมาใหม่... วันนี้เราจะพาคุณๆ ชมบรรยากาศทั่วไปใน อำเภอสังขละบุรี รวมทั้งสะพานมอญที่ขึ้นชื่อของที่นี่ครับ ส่วนภาพที่ถ่ายมาเป็นหน้าฝนฟ้าเลยไม่ได้ดั่งใจ

เรือนแพที่ตอนบนของเขื่อนวิชิราลงกรณ์ที่สังขละบุรี

อากาศหลังฝนตกค่ำวันนั้น น่าเดินเล่นมาก โดยเฉพาะบนสะพานมอญ จึงไม่แปลกเลยที่เราจะเจอผู้คนมากมายที่ทะยอยเข้าไปหามุมถ่ายภาพ จากทั้งสองฝั่ง โดยมีแบคกราวด์คือเรือนแพ ที่มีน้ำในเขื่อนน้อยเต็มที ภาพที่ออกมาจึงเสมือนเรือนแพนั้นลอยอยู่กลางแม่น้ำยังไงยังงั้น

ไปเดินเล่นบนสะพานมอญ

สะพานอุตตมานุสรณ์

สะพานอุตตมานุสรณ์ หรือสะพานมอญสะพานอุตตมานุสรณ์ หรือที่นิยมเรียกกันว่า สะพานมอญ หรือ สะพานไม้มอญ เป็น สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยมีความยาว 850 เมตร และเป็นสะพานไม้ที่ยาวเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสะพานไม้อูเบ็ง ในประเทศพม่า เป็นสะพานที่ข้ามแม่น้ำซองกาเรีย ที่ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี

สะพานมอญ ถ่ายจากด้านชุมชนชาวมอญ

สะพานนี้สร้างขึ้นโดยดำริของ หลวงพ่ออุตตมะ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม ในปี พ.ศ. 2529 จนถึง พ.ศ. 2530 โดยใช้แรงงานของชาวมอญ เป็นสะพานไม้ที่ใช้สัญจรไปมาของชาวมอญและชาวไทยที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี

อีกมุมที่ถ่ายจากสะพานมอญ

วันที่ไปเป้นช่วงฟ้าหลังฝน และเย็นมากแล้ว แต่ก็มีผู้คนมาเดินชมวิวบนสะพานมากมายรวมทั้งนักท่องเที่ยวด้วย ปัจจุบันสะพานนี้ปิดไม่ให้รถผ่าน แต่ชาวบ้านยังใช้สัญจรไปมาหาสู่กันกับฝั่งสังขละฯอยู่ และตัวสะพานเองก็ได้รับการซ่อมแซมเพื่อให้คงสภาพไว้เป็นอย่างดี แม้จะมีสะพานปูนอยู่ด้านตะวันตก ติดๆกับซองกาเลียรีสอร์ทแล้วก็ตาม

พี่สาวคนนี้แต่งหน้ามาแบบพม่า เลยขอถ่ายภาพมาให้ชม

ตะวันกำลังจะลับยอดเขาที่สังขละบุรี

จะมืดจะค่ำ ผู้คนก็ยังมาเดินรับลมชมวิวบนสะพานมอญไม่ขาด

กลับขึ้นมาทานขนมจีนน้ำยาหัวปลีที่จุดลงไปชมสะพาน

ที่ศาลาก่อนลงสะพาน มีร้านขายขนมจีนน้ำยาหัวปลี อยู่ร้านหนึ่งเคยมีทีวีช่องหนึ่งถ่ายออกรายการ เลยลองแวะชิมดู รสชาดก็ใช้ได้ครับ

วิวสะพานยามค่ำคืนจากร้านอาหารซองกาเลียรีสอร์ท

เย็นนั้นเราหาที่ทานอาหารแบบชมวิวริมน้ำไปด้วย ก็เจอที่รีสอร์ทซองกาเลีย ก่อนขึ้นสะพานปูนไปด้านวัดหลวงพ่ออุตตะมะ บรรยากาศดี เห็นวิวสะพานมอญเชื่อม อ.สังขละบุรีและชุมชนชาวมอญทอดยาวข้ามน้ำ เปิดไฟประดับสวยงาม แถมยังมีโคมไฟขนาดใหญ่บนฟ้าซึ่งก็คือดวงจันทร์ทอแสงนวลลงไปในน้ำในวันมาฆะบูชาให้ได้ชมด้วย ส่วนที่เวทีของร้านอาหาร ก้มีการแสดงของเยาวชนในพื้นที่เป็นการร่ายรำแบบพม่า น่ารักดีครับ.. วันนีั้นทอดปลาหมอแรดจากเขื่อนเขาแหลมที่ขึ้นชื่อมีรสดีเป็นพิเศษ แถมมีน้องไฮน์ (ไฮเนเก็น) มาชงรสแล้ว ทำให้บรรยากาศที่สังขละบุรีคืนนั้นงามยิ่งนัก.

มื้อค่ำที่ร้านอาหารซองกาเลียรีสอร์ท

อำเภอสังขละบุรี

อำเภอสังขละบุรี เมืองสามหมอก ดินแดนสามวัฒนธรรม เมืองแห่งสายน้ำ ขุนเขา และผืนป่าอันอุดม เมืองที่มีความงามหลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรมของพี่น้องต่างเผ่าพันธุ์ ทั้งมอญ กระเหรี่ยง ไทย ลาว พม่า อำเภอสังขละบุรี เดิมเรียกว่า “สังเคลียะ” ซึ่งเป็นภาษาพม่า และ “สังคละ” เป็นภาษาเรียกของชนพื้นเมืองเดิม มีความหมายว่า การผสมผสานคละเคล้าของคนต่างชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอ

ยามเช้าที่ตลาดสังขละบุรี

ตามประวัติศาสตร์อำเภอสังขละบุรี เป็นเมืองหน้าด่าน มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศพม่า เนื่องด้วยอำเภอมีที่ตั้งอยู่ชายแดนมีอาณาเขตติดต่อกับเขตแดนประเทศพม่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีนั้นทหารฝ่ายพม่ามักยกทัพเข้ามาโจมตีเพื่อรุกรานประเทศไทย ฝ่ายพม่าจะใช้เส้นทางผ่านเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ของอำเภอ จึงเกิดประวัติศาสตร์มากมาย ในปี พ.ศ. 2438 ได้รับการยกฐานะเป็นอำเภอ ชื่อ "อำเภอวังกะ" ต่อมาได้ยุบอำเภอวังกะเป็นกิ่งอำเภออีกหลายครั้ง จนปี พ.ศ. 2482 มีฐานะเป็นกิ่งอำเภอสังขละบุรี และยกฐานะเป็นอำเภอสังขละบุรี เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2508

โรตีทอดกรอบในตลาด

คำขวัญของอำเภอ "สะพานไม้ ด่านเจดีย์ นทีสามประสบ มรดกทุ่งใหญ่ ไทย กระเหรี่ยง รามัญ สารพันธรรมชาติ อภิวาทหลวงพ่ออุตตมะ เมืองสังขละชายแดน สุดแคว้นตะวันตก"

ปลากดคังสดๆ

ออกเดินทางสู่ด่านเจดีย์สามองค์

ด่านเจดีย์สามองค์

ช่องเขาดังกล่าวเชื่อมอำเภอสังขละบุรี ทางตอนเหนือของจังหวัดกาญจนบุรี กับอำเภอพะยาตองซู ทางตอนใต้ของรัฐกะเหรี่ยง

ช่องเขานี้ได้เคยเป็นเส้นทางสัญจรทางบกเข้าสู่ทางตะวันตกของประเทศไทยมาตั้งแต่ครั้งอดีตกาล และเชื่อกันว่าเป็นจุดที่พระสงฆ์ชาวอินเดียซึ่งเดินทางมาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศไทยเข้าสู่ประเทศในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 3 ระหว่างอาณาจักรอยุธยา (คริสต์ศตวรรษที่ 14-18) ช่องเขาดังกล่าวเป็นเส้นทางรุกรานหลักสำหรับชาวพม่า โดยมีบางครั้งที่กองทัพอยุธยาได้ใช้เป็นเส้นทางรุกรานพม่าเช่นกัน สงครามระหว่างอยุธยากับพม่าครั้งแรก คือ สงครามพระเจ้าตะเบ็งชเวตี้ ช่องเขาดังกล่าวได้ชื่อตามกองเจดีย์ขนาดเล็กสามองค์ ซึ่งอาจถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายสมัยอยุธยาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ ปัจจุบัน ด่านเจดีย์สามองค์ตั้งอยู่บนพรมแดนไทย บางส่วนของพรมแดนไทย-พม่ายังมีกรณีพิพาทมาจนถึงปัจจุบัน

เจดีย์สามองค์

ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นได้สร้างทางรถไฟสายมรณะผ่านช่องเขาแห่งนี้ จึงมีอนุสรณ์รำลึกถึงเชลยศึกชาวออสเตรเลียหลายพันคน (โดยมีชาติสัมพันธมิตรและพลเรือนเอเชียจำนวนหนึ่ง) เสียชีวิตเนื่องจากใช้งานหนักในการก่อสร้างทางรถไฟ

พื้นที่แห่งนี้เป็นที่อยู่ของชาวเขาหลายเผ่า รวมไปถึงกะเหรี่ยงและม้ง ผู้ซึ่งไม่ได้รับหรือไม่ต้องการได้รับสัญชาติพลเมืองจากทั้งไทยและพม่า กองทัพแบ่งแยกดินแดนพยายามที่จะยึดครองช่องเขานี้จากพม่า โดยชาวม้งได้ควบคุมช่องเขามาจนกระทั่ง ค.ศ. 1990 แต่ในปัจจุบัน กองทัพพม่าได้เข้าควบคุมช่องเขานี้อีกครั้งหนึ่ง

ที่มา : วิกิพีเดีย

สุดแดนสยาม

กาแฟสดแบบนี้ก็มี

พัดสวยๆ

ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ด่านเจดีย์สามองค์ ที่ปิดชั่วคราวในวันนี้

เราออกจากด่านเจดีย์สามองค์เดินทางกลับไปทาง อำเภอทองผาภูมิเพื่อชมเขื่อนวชิราลงกรณและเดินทางต่อเข้ากาญจน์บุรี โดยมีโปรแกรมข้างคืนที่รีสอร์ทแถวๆสะพานข้ามแม่น้ำแคว...แล้วพบกันใหม่ในตอนต่อไปครับ

ลาด้วยภาพเณรชาวพม่าออกบิณฑบาตช่วงสาย