....OUR FAMILY'S JOURNEY....
++ ขับไปเที่ยวไป จากกอร์.. สู่.. ดะเนดิน ++








อ่านตอนที่ 3 : คลิ๊ก
อ่านตอนที่ 5
: คลิ๊ก



ล๊อกก่อนหน้านี้เราเดินทางกลับจากไปล่องเรือชมความสวยงามของ Fjord ที่ Milford Sound มา ขากลับเรากลับทางเดิมผ่านเมือง Te Anau จากนั้นก็เดินทางต่อมาพักค้างคืนที่โรงแรม Heartland Hotel Croydon ในเมือง Gore ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ แต่เป็นทางผ่านที่ผู้คนจะเดินทางไป Te Anau หรือ Dunedin หรือ Invercargill ทางใต้สุดของเกาะ โดยเรามาถึงที่พักก็เย็นมากแล้ว 18.30 น. (18.30 น. ในหน้าหนาวถือว่ามืดแล้วครับ เพราะหน้านี้ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าประมาณ 17.30 น. แค่นั้นเอง)




เส้นทางระหว่าง Te Anau - Gore




GPS นำทางเราเข้าไปที่โรงแรมแบบไม่หลงและไม่อ้อม เพราะตัวโรงแรมตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 94 ก่อนถึงกลางเมือง Gore ประมาณ 2 กม. ได้กุญแจห้องจากพนักงานต้อนรับสาวแล้วเราก็ไปสำรวจห้องพัก ซึ่งอยู่ชั้นสองของโรงแรม โดยที่ชั้นล่างสุดเขาทำเป็นที่จอดรถ คือตัวอาคารเป็นแบบใต้ถุนสูง โล่ง ซึ่งน่าจะเป็นผลดีสำหรับเราเพราะไม่ต้องกลัวน้ำแข็งมาเกาะรถในตอนกลางคืนและเช้า ... ส่วนห้องพักกว้างมาก มีที่ทางเดินมากมาย




รูปปั้นปลาเทร้ายักษ์..สัญญลักษณ์เมืองนี้







"
Gore
เป็นเมืองเล็กๆ อยู่ทางเหนือของเมือง Invercargill
ประมาณ 64 กม. จะว่าเมืองนี้เป็นชุมทางก็ว่าได้
ร้านค้าในเมืองเป็นประเภท Farm Services เสียส่วนมาก
จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาเอารูปปั้นปลาเทร้ายักษ์
มาโชว์ไว้ตรงทางเข้าเมือง

ตามข้อมูลมีว่าเมื่อปี 2014 มีประชากรในพื้นที่ทั้งหมด 12,400 คน
แต่เฉพาะในเมืองมี 9,800 คนเท่านั้นเอง
Gore ถูกแบ่งโดย Mataura River ออกเป็นเมืองสองฝั่งน้ำ
Gore ตะวันออกและ Gore ตะวันตก
เมืองหลักจะอยู่บนฝั่งแม่น้ำด้านตะวันตกครับ
Gore จะมีทางรถไฟที่มาจาก Dunedin ผ่านไป Invercargill ด้วย

จากคำแนะนำของเวปไซต์เมือง Gore บอกว่า
กอร์เป็นเมืองแห่งดนตรี การบิน (เครื่องบินเล็ก)
และแหล่งตกปลาครับ

"



พอทุกอย่างลงตัว ท้องก็หิวล่ะสิ ถาม Reception คนสวยว่าในเมืองมีร้านอาหารยังเปิดอยู่ไหม? เธอบอกว่าพอมีส่วนมากเขาจะปิดหลัง 2 ทุ่ม เราเลยถามต่อไปว่าอยากทานอาหารไทย ไม่ทราบว่ามีไหม? เธอก็บอกว่ามี ชื่อร้าน Bamboo อยู่ตรงใจกลางเมือง ใกล้ๆกับวงเวียน หาง่าย แถมเธอยังเอาแผนที่เมืองมามาร์คตรงร้านให้ด้วย..(คนอะไร นอกจากสวยแล้วยังอัธยาศัยดีอีกด้วย .... นี่คือธรรมชาติของเจ้าบ้านแบบนิวซีแลนด์) เราขับออกไปวนในเมืองหน่อยหนึ่งก่อนวกมาจอดแถวๆวงเวียนที่เธอบอกมา เดินไปหน่อยก็เจอร้านอาหารไทยแล้ว




ร้านอาหาร Bamboo ในเมือง Gore



ร้านอาหารไทยที่นี่เจ้าของคือคุณอ้อม มาซื้อร้านต่อเขาประมาณ 4-5 ปีแล้ว ถามเธอว่าขายดีไหม ก็บอกว่าพออยู่ได้ .... คือหน้าหนาวฝรั่งเขาจะมาซื้อกลับไปกินกันที่บ้าน ส่วนหน้าร้อนช่วง ธันวา มกรา นั่นขายดี คนเข้าร้านเยอะ คนฝรั่งชอบแกงพะแนงกัน คือรสชาติจะออกหวานๆหน่อย ทำไม่เหมือนบ้านเราเลยเสียทีเดียว (อาจจะเอาใจฝรั่ง)

เราสั่งผัดกระเพราหมูมา 2 ชุด ราคาชุดละ 16 NZD ... กินแทบไม่หมด ไม่รู้ว่าเขาจะให้จานใหญ่ขนาดนั้น คงเป็น size ฝรั่งอะนะ (รู้งี้สั่งกับ 1 ข้าว 2 ดีกว่า) ผมสั่งไวน์จากเด็กเสริฟที่น่าจะเป็นนักเรียนหรือนักศึกษามาแก้วหนึ่ง 12 เหรียญ ส่วนลูกชายเอาโค๊กกระป๋อง .... หมดไวน์ 2 แก้วเราก็เริ่มง่วง เลยขอจ่ายค่าอาหาร จ่ายเสร็จคุณอ้อมเธอเพิ่งออกกจากครัวมาถาม คงอยากจะลดราคาให้เพราะเป็นคนไทย เราว่าไม่เป็นไรหรอกจ่ายเขาไปแล้ว เลยได้ถามไถ่กันก่อนกลับที่พัก




น้ำแข็งจับบนยอดหญ้ายามเช้า





เส้นทางขับรถในวันนี้



ตื่นเช้า 7 โมงตามเวลาที่เคยตื่น แต่ก็ออกไปไม่ได้ เพราะตะวันยังไม่ขึ้น น้ำแข็งที่เกาะบนถนนยังคงไม่ละลาย เรารอจนกว่าพระอาทิตย์ขึ้นประมาณ 8 โมงกว่าๆ จึงออกเดินทางโดยไม่ลืมที่จะไปคืนกุญแจและบอก Reception (วันนี้คนสวยยังไม่มา) ว่าเราไม่ได้ใช้บริการอะไรที่ตู้เย็นหรอกนะ เขาก็รับทราบและยังไม่เช็คเดี๋ยวนั้น ... สมมติว่าเรากินอะไรเขาไป เขาก็จะหักเงินจากบัตรเครดิตที่เราให้หมายเลขเขาไว้เองนั่นแหละ



เส้นทางจาก Gore สู่ Dunedin (SH1) ในยามเช้า



คุณๆอาจจะสงสัยว่าเราให้เบอร์บัตรเครดิตเขาไว้อย่างนั้น ไม่กลัวหรอกเหรอ? จริงๆแล้วก็กลัวเหมือนกันครับ แต่ที่นิวซีแลนด์คุณๆใช้บัตรเครดิตได้แทบทุกอย่าง แม้แต่ซื้อของเล็กๆน้อยๆ 4-5 เหรียญ เท่าที่ผ่านมาไม่มีปัญหานะครับ ที่เขาขอหมายเลขบัตรเราไว้ก็เพื่อ Protect ธุรกิจเขา เผื่อมีอะไรเขาจะได้โทรบอกเราและขอหักจากบัตรเราได้แค่นั้นเอง



ตามถนนที่ผ่านจะเจอป้ายเตือนเรื่องถนนรื่นเพราะมีน้ำแข็งอยู่เป็นระยะๆ





หมอกยังคลุมพื้นที่อยู่เลยแม้เวลาเกือบเที่ยง



หลังแปดโมงเช้า เราก็ออกเดินทางโดยเข้าไปขับชมเมืองก่อน ก่อนที่จะขับตาม State Highway 1 ไปทางตะวันออกโดยมีเป้าหมายที่เมือง Dunedin ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในแถบทางใต้นี้ โดยเราจะแวะเที่ยวที่นั่นก่อนเดินทางต่อ

ขับไปได้ซักพักเจ้า GPS ก็พาเราไปทางลัดซะแล้ว โดยเข้าไปตามฟาร์มเลี้ยงแกะในชนบท ซึ่งบางครั้งเราขับโดยอาศัย GPS อย่างเดียวก็มีโอกาสผิดพลาดได้เหมือนกันนะครับ ควรดูแผนที่ประกอบด้วยก่อนออกเดินทาง ... จริงๆแล้วเมื่อวานตอนเย็นก็พาเราลัดครั้งหนึ่งแล้ว แต่เราเห็นในแผนที่แล้วว่าไม่ไกลนักเราก็เลยตาม GPS ไป .... หลายคนบอกว่าขับที่นิวซีแลนด์ไม่ต้องใช้ GPS ก็ได้ ก็มีส่วนจริงอยู่ครับ ถ้าเราแม่นแผนที่และมีคนบอกทางดีๆ แต่ผมว่าใช้ดีกว่าครับ ตอนอยู่ในเมืองเขาจะแม่นมากๆ ทำให้เราไม่เสียเวลาหาที่เที่ยว



แวะ Rest Area ทานอาหารก่อนไปต่อ



เจ้า GPS ที่เราเช่ามาจากเฮิร์ท จะคอยเตือนเราเมื่อขับเกิน speed limit หรือ เข้าย่านชุมชนซึ่งต้องขับ 50 กม./ชม. และเมื่อเราขับเกิน 2 ชั่วโมงก็จะมีเสียงสาวๆบอกให้เราพัก .... ก็ดีนะผมว่า สำหรับที่พักตามถนนสายหลักจะมีอยู่มากมายตลอดสาย ทั้งแบบมีห้องน้ำด้วยและไม่มี แต่ที่ไม่ขาดเลยคือโต๊ะนั่งทานอาหาร





Lake Waihola



มาถึงเมือง Waihola ก็อยากจะเข้าห้องน้ำ พอดีเห็นป้ายบอกทางไป Rest Area เราเลี้ยวซ้ายเข้าไป ผ่านทางรถไฟไปใช้ห้องน้ำสาธารณะที่ Lake Waihola พอขาออกมาเจอรถยางซ้ายหลังแบน เอาล่ะซีทีนี้ จะทำอย่างไงดี ... พอดีมีฝรั่งชาวนิวซีแลนด์ที่ผ่านมาใช้ห้องน้ำเหมือนกันกะเรา เราเลยถามว่าแถวนี้ Garage (การาจ) ไหม? เขาบอกว่ามีแต่อยู่ในเมือง และถามเราว่าทางบริษัทรถเช่าไม่ให้ยางอะไหล่เรามาเหรอ? เออจริงสิ ลืมไป เขาเลยช่วยเราเปลี่ยนจนเสร็จ ตอนก่อนเปลี่ยนก็ถามเขาว่าจะรีปไปไหม? เขาบอกว่ายังมีเวลาอยู่ เพราะลูกชายเขาจะแข่งรักบี้เกือบบ่าย .... ช่างมีน้ำใจเหลือเกิน เลยขอถ่ายภาพมาเป็นที่ระลึกโดยบอกว่าจะเอาไปโชว์ภรรยาที่เมืองไทยว่ามีคนใจดีมาช่วยเราเปลี่ยนยางอะไหล่ ..... ขอขอคุณ Phillip เพื่อนต่างแดนผู้มีน้ำใจผ่านสื่ออีกครั้งครับ



กับมิตรต่างแดนผู้มีน้ำใจ



ออกจาก Waihola Lake แล้วเราขับไปทาง Dunedin ก่อนเข้าเมืองประมาณ 10 กว่า กม. มีทางบอกว่าไปสนามบินนานาชาติ Dunedin เราเอาแผนที่ศูนย์บริการของ Hertz มาดูปรากฏว่าที่นี่ก็มีศูนย์ เราก็เลยแวะเข้าไปเพื่อจะให้เขาเอายางอะไหล่มาให้เราใหม่ แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ที่ office ... อาจะมาสายเพราะเป็นวันหยุด

ในสนามบินมีที่จอดรถเป็นล๊อคๆ ถ้าเราจอดไม่เกิน 10 นาทีก็จะไม่เสียตังค์ โดยวิธีการก็คือขาเข้ารับบัตรจากตู้อัตโนมัติ แล้วขับไปหาที่จอด ขาออกก็ป้อนบัตรในตู้แล้วจะมีตัวหนังสือบอกว่าต้องจ่ายหรือไม่ เท่าไหร่....เมื่อไม่เจอเราก็ไปต่อทั้งๆที่ไม่มียางอะไหล่ โดยหวังว่าจะเจอศูนย์ที่ Dunedin.




เข้าสู่ Dunedin



Dunedin (ดะเนดิน)

ดะเนดินเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "สก๊อตแลนด์แห่งนิวซีแลนด์ " เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงซึ่งตั้งอยู่ในเขตโอตาโก (Otago) บนเกาะใต้ของประเทศนิวซีแลนด์ โดยเมืองดะนีดินเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของนิวซีแลนด์ คือ มหาวิทยาลัยโอตาโก้ (University of Otago) อีกด้วย เมืองดะเนดินเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของเกาะใต้ และเป็น 1 ใน 4 ของเมืองหลักที่มีเรืองราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์วัฒนธรรมและภูมิศาสตร์ที่สำคัญของนิวซีแลนด์ ดะเนดินตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกของโอตาโก ซึ่งตัวเมืองตั้งอยู่รอบๆอ่าว Otago มีประชากรประมาณ 126,400 คน (เมื่อเดือนมิถุนายน 2014)

ดะเนดิน มีชาวสกอตเข้ามาตั้งรกรากและวางผังเมือง พร้อมทั้งก่อสร้างอาคารต่างๆให้เหมือนกับเอดินบะระ เมืองหลวงของสกอตแลนด์ มีอาคารที่สวยงามคือ สถานีรถไฟและมหาวิทยาลัยโอตาโก




ถนนในดะเนดิน



เราออกจากสนามบินขับมาถึง Dunedin ประมาณเที่ยงครึ่ง และเริ่มเห็นไฟเขียวไฟแดงแล้ว เราขับลงจากเนินเขาเข้าสู่เมืองโดยตั้งเป้าไปที่ศูนย์ของเฮิร์ทก่อนเพื่อเปลี่ยนยางอะไหล่ (รู้สึกว่าขับรถไม่มียางอะไหล่มันไม่มั่นใจยังไงก็ไม่รู้) ... ไปตาม GPS ที่ตั้งไปที่ศูนย์ปรากฏว่าเลิกไปเสียแล้ว ตั้ง GPS อีกรอบปรากฏว่าคราวนี้เข้าหมู่บ้านไปที่บ้าน Mr. Hertz ซะเลย .... คราวนี้ไม่หาแล้ว เที่ยวดีกว่า






หาที่จอดรถในย่านจัตุรัสแอนแซค (Anzac Square) โดยเลือกจอดตรงป้ายที่ไม่จำกัดเวลาจอด แต่ต้องหยอดเหรียญนะเราหยอดไป 2 ชั่วโมง 4 เหรียญ ได้ใบรับเงินออกมาบอกว่าจอดได้จอดได้จนถึงบ่าย 2 โมงครึ่ง ซึ่งเราคิดว่าน่าจะพอ แต่ถ้าไม่พอเราค่อยมาหยอดเพิ่มอีกเพราะเดินเที่ยวอยู่บริเวณนั้นนั่นเอง







ถนนเมืองนี้จะตัดสูงๆต่ำๆตามเขา ถนนบางแห่งชันขึ้นไปจนมองดูบ้านเรือนเรียงกันแบบต่างระดับสวยงาม ที่เราจอดรถก็ไม่แพ้กันเขาตีเส้นไว้ตามแนวลาดชันของถนน ติดตั้งที่หยอดเหรียญไว้ในบริเวณนั้น เราต้องไปหยอดเหรียญแล้วเอาใบ receipt มาวางไว้หน้าคอลโซลรถให้ตำรวจมองเห็นว่า ฉันจ่ายตังค์ค่าจอดแล้วนะ ไม่งั้นพี่ตำรวจอาจจะล๊อกล้อเราไว้ก็ได้ .... เวลาจะจอดก็ดูป้ายที่ให้้จอดดีๆนะครับ เช่น P10 ก้หมายความว่าจอดได้ไม่เกิน 10 นาที P30 ก็จอดได้ไม่เกิน 30 นาที เป็นต้น





ที่แรกที่เราไปถ่ายภาพก็คือมหาวิหาร St.Paul แต่วันนี้ไม่ได้เข้าไปชมด้านใน เพียงแต่เดินถ่ายภาพอยู่รอบๆ




มหาวิหาร St. Paul



มหาวิหาร St. Paul ตั้งอยู่ใกล้ๆกับจตุรัสแอนแซค (Anzac Square) ใจกลางของดะเนดิน เป็นที่ประทับของ Bishop Henry Jenner บิช้อบพระองค์แรกที่ประทับที่นี่ ที่ดินที่ใช้สร้างมหาวิหารนี้ได้รับการบริจาคจากนักล่าแมวน้ำและปลาวาฬ ชื่อ Johnny Jones of Waikouaiti.

ด้านหน้าจะมีอนุสาวรีย์กวีชาวสก๊อต ชื่อโรเบิร์ต เบินส์ ตั้งอยู่ .... เดินลงไปด้านหน้าอีกนิดเป็นลานแสดงต่างๆ วันที่ไปเป็นวงดนตรีคณะหนึ่งคล้ายๆเพื่อชีวิตบ้านเรา ... ส่วนทางขวามือของมหาวิหาร St. Paul คือ Dunedin City Hall.



Dunedin City Hall





อนุสาวรีย์กวีชาวสก๊อต ชื่อโรเบิร์ต เบินส์
ผู้แต่งเพลง โอ แลง ซาย (Auld Lang Syne)
อนุสาวรีย์นี้ตั้งหน้ามหาวิหารเซ็นต์พอล






เดินจากมหาวิหาร St. Paul ลงไปอีกไม่ไกลมากก็จะเห็นสิ่งปลูกสร้างที่โดดเด่นอีกแห่งหนึ่งของเมืองดะเนดิน หรืเป็นแลนด์มาร์คของที่นี่ก็ว่าได้ และใครๆที่มาที่นี่มักจะหาโอกาสมาเก็บภาพเสมอนั่นก็คือ "สถานีรถไฟดะเนดิน"





สถานีรถไฟดะเนดิน



สถานีรถไฟแห่งดะนีดิน ได้ชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างสำคัญที่สุดของเมือง ตั้งอยู่ในจัตุรัสแอนแซค ออกแบบก่อสร้างโดย George Troup มีศิลปะก่อสร้างแบบ Flemish ลักษณะเด่นคือ หินที่ใช้ในการก่อสร้างเป็นหินบะซอลต์สีดำที่เกิดจากการระเบิดของภูขาไฟที่นำมาจากดินแดนใกล้เมือง ทางด้านใต้ของสถานีมีหอนาฬิกาสูง 37 เมตร มีรูปแบบการก่อสร้างเหมือนกับอาคารในสกอตแลนด์ที่ต้องมีหอนาฬิกาอยู่ตรงกลางหรือด้านใดด้านหนึ่งของอาคาร








ไปไหนต่อ





นั่งพักที่ข้างศาลของเมืองก่อน (อาคารสีน้ำตาลในภาพบน)



หายเหนื่อยก็เดินต่อไม่ไกลไปที่สวนควีนการ์เด้น สวนที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ทหารผ่านศึก ก่อนเดินขึ้นเนินมาที่ First Church ซึ่งเป็นโบสถ์แห่งนิกายเพรสไบเซนไทน์แห่งแรกของเมืองที่มีอายุเก่าแก่ถึง 150 ปี



First church of Dunedin



เข้าไปในบริเวณ First Church ตรงด้านหลัง
จะสามารถมองเห็นสวนควีนการ์เด้น และเมืองดะเนดินในมุมสูง




วิวจาก First Church of Dunedin



แนะนำว่าเมื่อมาถึงย่าน Anzac Square แล้วควรเดินเที่ยวครับ เพราะว่าเราสามารถเห็นสถาปัตยกรรมแบบสก๊อตได้รอบๆบริเวณ อีกอย่างสถานที่เที่ยวแต่ละแห่งก็ไม่ไกลกันมากด้วย



University of Otago



University of Otago
ออกจาก Anzac Square เราตั้ง GPS ไปที่มหาวิทยาลัยโอตาโก ... University of Otago ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1869 เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศนิวซีแลนด์ มีวิทยาเขตอยู่ทั่วประเทศ

มหาวิทยาลัยโอตาโกใช้ชื่อจากจังหวัดภาคใต้ที่สวยงามของโอตาโก และยังเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ด้านการวิจัย มีชื่อเสียงด้านความเป็นเลิศทางวิชาการ วิทยาเขตหลักตั้งอยู่ในเมือง Dunedin ซึ่งมีประชากร 120,000 กว่าคน เป็นเมืองของวัฒนธรรมและการเรียนรู้แห่งเกาะใต้ มหาวิทยาลัย Otago มีชื่อเสียงด้านการวิจัยเกี่ยวกับการแพทย์ Biomedical, ชีวะวิทยา, กฎหมาย และ วิทยาศาสตร์





ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก



เข้าไปเดินชมในบริเวณมหาวิทยาลัยได้ไม่รู้ว่าถึงครึ่งหรือเปล่า อาการเหนื่อยก็มาเยือน เดินอ้อมไปที่ตึก (ข้อมูลบอกว่าเป็นคณะศึกษาศาสตร์) ที่มีหอนาฬิกาสูงเด่นเป็นสง่า ด้านหน้ามีต้นไม้ดอกมามาย (แต่ดอกยังไม่ผลิ) เข้าใจว่าน่าจะเป็นซากุระ มีคลองน้ำผ่ากลางมหาวิทยาลัย เราแอ๊คชั่นถ่ายภาพยังกะเป็นนักศึกษาที่นั่น ท่ามกลางวัยรุ่นที่เล่นเสก็ตผ่านไปแบบน่าหวาดเสียว





บางมุมในมหาวิทยาลัยโอตาโก



ที่เที่ยวในดะเนดินที่นิยมยังมีอีหลายที่ ไม่ว่าจะเป็น Otago Museum, Cadbury World ซึ่งเป็นโรงงานช็อกโกแลตที่ใหญ่ที่สุดนิวซีแลนด์ หรือจะไปชมปราสาท Lanarch ต่อก็ได้ครับ

จขบ. ไม่ได้เข้าชม 3 ที่ด้านบนเพราะเวลาตอนที่อยู่มหาวิทยาลัยก็เกือบบ่าย 3 โมงเย็นแล้ว เรายังต้องขับรถไปต่อเพื่อให้ถึง Oamaru เพื่อพักค้างคืนที่เมืองนั้น



ไปดูนกเพนกวินตาเหลือง



เราขับเลียบชายทะเลด้านตะวันออกของเกาะใต้ตามถนนสาย SH1 ขึ้นไปทางเหนือ เพื่อให้ใกล้เป้าหมายในวันต่อไปคือ Mt. Cook ... วิวชายทะเลที่ผ่านไปก็สวยดีนะครับ แต่ไม่เห็นผู้คนมาเล่นน้ำเลย คงหนาวมั๊ง ... ช่วงนี้ขับรถระวังมากๆเพราะไม่มียางอะไหล่เลย และวันนี้เป็นก็วันหยุดด้วยพวก Garage ทั้งหลายก็มักจะปิดเสียด้วย ... ชักคิดถึงร้านปะยางบ้านเราเสียแล้วสิ ตลอด 24 ชั่วโมง

ประมาณ 16.30 น. เราก็มาถึง Alpine Motel เมือง Oamaru เข้าไปบอกคุณป้า (อาจจะน้า) ว่าเราจองมาชื่อนายวิคเซอร์ เธอก็จัดแจงให้แบบไม่ต้องเสียเวลา เราได้ห้องบนชั้น 2 ของโมเทล ที่ไม่ใหญ่โตนัก แต่ของใช้ของสอยมีครบ แถมสะอาดด้วย

เราถามแกว่าที่นี่เขาไปดูนกเพนกวินกันที่ไหน เธอก็สาธยายเรื่องเพนกวินตาสีน้ำเงิน (ที่นี่เขามีให้ชม 2 ชนิดนะครับ คือ Blue eyes penguin กับ Yellow eyes penguin) แต่เราบอกว่าอยากดูเจ้า yellow eyes (เพราะฟรี) .... เธอก็บอกให้รีบไปเลย เพราะเจ้าเพนกวินกำลังจะเดินกลับที่พักแล้ว เพราะหน้านี้มืดเร็ว ถามถนนเธอเสร็จเราก็รีบบึ่งไปที่ Bushy Beach ทันที

ไปถึงเห็นรถแบบ Camper Van จอดอยู่ 2-3 คัน และรถเก๋งอีก 2 คน เราก็ใจชื้นว่าคงได้เห็นเจ้าเพนกวินแน่ .... เดินตามทางเดินไปที่หน้าผาที่สามารถมองเห็น Beach ได้ ที่เขาจัดให้นักอยากดูนกเพนกวินไปยืนชม รอแล้วรออีกจนแสงตะวันเกือบจะหายไปจากพิภพ ก็ไม่เห็นเพนกวินที่รักเลย เลยเดินเข้าไปคุยกะลุง (ดูท่าทางจะเป็นเจ้าถิ่น) ลุงแกบอกว่า ถ้าเหลือยังไม่กลับมาก็น่าจะ 2-3 ตัวนะ เพราะช่วงนี้มืดเร็ว เขาก็กลับเร็ว และลุงแกบอกว่าให้มาดูตอนเช้าที่เขาจะลงไปหากินในทะเลก็ได้ ประมาณ 07.00 น. เพราะใกล้จะสว่างแล้ว ... โถลุงตอนนี้ก็หนาวแบบเข้ากระดูกดำอยู่แล้ว พรุ่งนี้อากาศหนาวที่สะสมมาตลอดทั้งคืนจะไม่ทำให้เราแข็งตายเลยเหรอ? .... รออยู่พอประมาณเราก็กลับ ไม่เจอแม้แต่รอยเพนกวิน.






รอชมบนหน้าผา...นกจาผ่านมาตรงชายหาด



กลับไปที่ๆพัก กลับไปคุยกับป้าคนดูแลโมเทลอีก ถามถึง Garage เธอบอกว่าท่าจะยากนะพ่อหนุ่ม (ที่จริงแก่แล้วล่ะ) เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ วันหยุด คือปกติ Garage จะเปิดแค่ครึ่งวันเท่านนั้นเอง แกเลยบอกให้ไปคุยกะคนที่ Pump BP ดูเพราะเขาจะรู้จักช่างเยอะ

ได้การเราไปที่ปั๊มซื้อขนมและน้ำอัดลมแกที่ร้านในปั๊ม และถามหาคนปะยางที่แกรู้จัก เธอยกโทรศัพท์ติดต่อซักพักก็ส่งสายให้เรา สิ่งที่ช่างเขาอยากรู้สิ่งแรกคือ "รถเช้า หรือ รถเราเอง" พอได้คำตอบว่าเป็นรถเช่าเขาก็บอกว่าอีก 15 นาทีเจอกัน



ข้างๆที่พักเป็นถนนลงไปสู่ทะเล (ถ่ายตอนเช้า)



เมื่อเขามาดูแล้วเขาก็ขอเบอร์ติดต่อบริษัทรถเช่าคือ Hertz แอบฟังได้ความว่ายางเราปะไม่ได้เพราะวิ่งบดมาแล้ว เขาขอเปลี่ยนใหม่ (ที่นิวซีแลนด์เวลาปะยางเขาจะดูรายละเอียดต่างๆตามสเปคก่อนครับ ว่ายางที่โดน punch มาจะทน pressure ได้กี่มากน้อย....อ่านมาขณะนั่งรอ) ทางผู้รับสายก็บอกว่าเขาตกลงใจเองไม่ได้ต้องรอให้ Boss เขาอนุญาตในวันจันทร์ แต่เราบอกว่าเปลี่ยนเถอะ แล้วค่อยว่ากัน เพราะพรุ่งนี้เราจะขึ้นเขาด้วย

สุดท้ายก็เปลี่ยนยางใหม่ให้ที่ Bridgestone Garage ของเขา โดยคิดค่าล่วงเวลาและค่าเปลี่ยน 125 NZD และค่ายางอีก 175 NZD รวมแล้ว 300 NZD (7200 บาท) แม่เจ้าโว้ย อะไรเนี่ย ..... เมื่อยังไม่มีผู้จ่ายที่แท้จริง (เรา หรือ Hertz) เขาเลยขอเบอร์บัตรเครดิตเราไว้ แล้วเขาจะเคลียร์ค่าใช้จ่ายกับ Hertz ในวันจันทร์ เราก็ต้องเสี่ยง เพราะไม่อยากไปกินข้าวลิงหน้าหนาวในนิวซีแลนด์ .... มาถึงเมืองไทยเชครายการหักบัตรไม่มี แสดงว่า Hertz จ่ายเอง รอดไป





Alpine Motel ที่พักคืนนี้ที่ Oamaru



หมดปัญหาเรื่องยางอะไหล่แล้ว เราก็สบายใจเฉิบ สั่งไวน์ที่ร้านอาหารไทยมาฉลองความพยามของเรา พร้อมกับอาหารไทยแบบเป็นกับและข้าวแยกกัน ราคาก็ไม่แพงมากประมาณชุดละ 16 เหรียญ ไวน์นิวซีแลนแก้วละ 12 เหรียญ วันนี้กดไปซะ 3 แก้วเกือบเดินเซ .... ร้านอาหารที่นี่ก็มีแบบ Takeaway ด้วย สังเกตุว่าฝรั่งมารับไปเรื่อยๆ ส่วนคนในร้านก็มีพอประมาณ คนขายหน้าร้านเป็นหญิงสาวชาวนิวซีแลนด์ แต่ได้ยินเสียงคุยกันเป็นภาษาไทยในครัวเหมือนกัน



ร้านอาหารไทยที่ Oamaru



กลับถึงห้องพักอาบน้ำอุ่น (อุ่นจนไม่อยากเลิกอาบ) ให้สบายตัวแล้วเปิด Heater เกือบสุด เพราะหนาวมาก อ่านเส้นทางที่จะไปต่อในวันรุ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายที่ Timaru, Lake Tekapo, Lake Pukaki และ พักที่ Mt. Cook จำจนขึ้นใจก่อนที่จะหลับรวดเดียวยัน 7 โมงเช้า


ขอบคุณที่ตามอ่านครับ




ยามค่ำที่ Oamaru .... ลาด้วยภาพนี้ครับ






_____________







Create Date : 22 กันยายน 2558
Last Update : 1 พฤษภาคม 2563 11:39:27 น. 16 comments
Counter : 4078 Pageviews.

 
วิวสวยมากกกก ค่ะ
เขารับผิดชอบดีจังนะคะ
ออแลงซาย เกิดที่นี่เอง


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 22 กันยายน 2558 เวลา:21:15:15 น.  

 
สวัสดีตอนดึกๆเช่นกันค่ะ
ขอบคุณสำหรับการทักทายค่ะ
เมืองสะอาด น่าอยุ่มากๆคะ เห็นแล้วอยากไปเลยย


โดย: สมาชิกหมายเลข 2572942 วันที่: 22 กันยายน 2558 เวลา:21:47:29 น.  

 
ตามมาเที่ยวต่อคะ ภาพสวยมาก ชอบหมดเลยคร้า
เก่งจังขับรถท่องเที่ยวไปแวะถ่ายภาพไปเป็นความสุขที่ได้รับจากการเดินทางจริงๆ
เห็นแล้วสนุกไปด้วย ขอบคุณคะคุณวิค

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
คนบ้านป่า Home & Garden Blog ดู Blog
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Diarist ดู Blog
wicsir Travel Blog


โดย: Tui Laksi วันที่: 22 กันยายน 2558 เวลา:22:10:54 น.  

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 23 กันยายน 2558 เวลา:4:14:38 น.  

 
สนุกค่ะ คุณ wic เล่าละเอียด เห็นภาพชัดมาก (รวมทั้งรีเซฟชั่นคนสวย....)

ว่าไปโชคดีนะคะ เจอคนใจดี ทั้งคนไทย คนถิ่น แถมผู้ให้บริการรถเช่า ก็รับผิดชอบดีมาก

เดินเที่ยวแบบนี้ชอบมากค่ะ ตึกอาคาร ร้านรวง ถนนหนทาง น่าถ่ายไปหมด


บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
พรหมญาณี Dharma Blog ดู Blog
toor36 Music Blog ดู Blog
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
tuk-tuk@korat Travel Blog ดู Blog
wicsir Photo Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

*** หลานชายได้ที่เรียนเรียบร้อยแล้ว รอเวลาอย่างเดียว ต้นปีหน้าแป๊บๆ เองค่ะ

รอเที่ยวกับคุณ wic อีกนะคะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 23 กันยายน 2558 เวลา:17:01:42 น.  

 
บรรยากาศหนาวน่าดูค่ะ


โดย: mariabamboo วันที่: 23 กันยายน 2558 เวลา:18:19:56 น.  

 
บล๊อกนี้คุณวิคพาเที่ยวเมืองเล็กและเมืืองใหญ่เลยนะคะ
เมืองกอร์กับคะเนดินน่าเที่ยวจังค่ะ มีร้านอาหารไทยที่เมืองกอร์ด้วย
อาคารของมหาวิทยาลัยโอตาโกทั้งรูปทรงและสีสันอาคารสวยมากค่ะ
อากาศหนาว ถนนลื่น แต่วิวในหน้าหนาวทุกภาพยังคงสวยมากๆ
ขอบคุณที่พาเที่ยวนะคะ
ส่งกำลังใจให้คุณวิคค่ะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
anigia Parenting Blog ดู Blog
wicsir Travel Blog ดู Blog
---------------------------------
นอนหลับฝันดีคืนนี้ค่ะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 24 กันยายน 2558 เวลา:0:37:50 น.  

 
สวัสดีค่า ^^
ตามมาเที่ยวแล้วค่า โอยยยย สวยมากเกินบรรยายเลย
ทริปน่าสนุก ได้เที่ยวที่สวยๆ
เห็นภาพวิวภูเขาไกลๆ แล้ว สวยจัง กลางคืนจะสวยขนาดไหนน๊อ
บ้านเค้าจตุรัสเยอะจังเลยนะคะ
แต่ละที่ก็น่าสนใจ ที่มาทุกที่เลย

ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆ และเรื่องราวดีๆค่า
แปะๆ ขอเก็บไว้อ่านด้วยนะคะ


โดย: lovereason วันที่: 24 กันยายน 2558 เวลา:2:04:29 น.  

 
ตามมาเที่ยวค่ะ
ภาพสวยจัง

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ravio Topical Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ที่เห็นและเป็นมา Art Blog ดู Blog


โดย: newyorknurse วันที่: 24 กันยายน 2558 เวลา:3:25:20 น.  

 
ตามมาอ่านต่อค่ะ น่าเที่ยวง่าาาา

วันนี้โหวตท่องเที่ยวไปแล้ว พรุ่งนี้มาโหวตให้นะคะ

เราเดินทางเพิ่งกลับมา เลยเพิ่งได้มาเม้นท์แหละ แหะๆ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 25 กันยายน 2558 เวลา:14:03:56 น.  

 
รูปสวย เต็มอิ่ม จุใจมากค่ะ


โดย: sawkitty วันที่: 27 กันยายน 2558 เวลา:17:24:10 น.  

 
มาโหวตให้ค่าา


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 28 กันยายน 2558 เวลา:11:19:50 น.  

 
ภาพสวย... ค่ายางแพงมากนะครับ.. ดีที่ไม่ต้องจ่ายเอง


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 29 กันยายน 2558 เวลา:6:09:14 น.  

 
wicsir Travel Blog ดู Blog
ขอบคุณมากถึงมากที่สุดที่พาไปเที่ยวนะคุณวิก
ข้อมูลละเอียดเหมือนเดินทางไปด้วยเลยทีเดียวจ้า



โดย: หอมกร วันที่: 1 ตุลาคม 2558 เวลา:14:03:59 น.  

 

นิวซีแลนด์น่าไปเที่ยวจังภาพบ้านเมืองเขาฟ้าใสดีจังพอลลูชั่นควน้อยกว่าบ้านเรานะคะ

wicsir Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: พรไม้หอม วันที่: 2 ตุลาคม 2558 เวลา:19:07:16 น.  

 
อ่านแล้วเห็นภาพจริงเลยครับ ดีมากๆ
ขอบคุณมากครับ


โดย: หนุ่ม IP: 203.147.7.22 วันที่: 6 ธันวาคม 2559 เวลา:16:23:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
<<
กันยายน 2558
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
22 กันยายน 2558
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.