....OUR FAMILY'S JOURNEY....
+ วันสบายๆ ... ที่ดาลัต ep2.+

 

 
 
อัพบล๊อกวันนีมาพาไปเที่ยวดาลัตต่อครับ วันนี้เรามีโปรแกรมไปเล่กอล์ฟที่สนาม Sam Tuyen Lam Golf Course ที่อยู่ห่างจากดาลัตไปประมาณ 15 นาที สนามกอล์ฟตั้งอยู่ในหุบเขามีรีสอร์ทสำหรับพักท่ามกลางธรรมชาติ ส่วนผู้ติดตามในช่วงเช้าจะไปชมสวนดอกไม้เทศกาลไม้ดอกเมืองดาลัตกัน ตอนเที่ยงเราจะไปเจอกันที่ร้านอาหาร แล้วไปเที่ยวเป็นกรุ๊ปเดียวกันที่เขาลางเบียง และจบทริปที่ตลาดกลางคืน หรือถนนคนเดิน (อยู่หน้าโรงแรมที่พัก) ... วันรุ่งขึ้นมีโปรแกรมไปเที่ยวน้ำตกดาทันลา วัดตั๊กลัม นั่งกระเช้า แล้วไปถ่ายภาพกับสถานีรถไฟเก่าดาลัต และรัประทานมื้อเที่ยง ก่อนเดินทางสู่มูยแน้ หรือ มุยเน่ที่คนไทยชอบเรียกกัน

บล๊อกนี้เลยถือโอกาสรวบวันที่ 13 กับเช้าวันที่ 14 กพ. 2020 เข้าด้วยกันเลย ภาพอาจจะเยอะหน่อย ค่อยๆชมไปเรื่อยๆครับ ให้ภาพช่วยบอกบรรยากาศตามสไตล์ของนายวิคเซอร์ละกัน .... ความเดิมวันที่ 12 กพ. 2020 เราเดินทางมาจากไยด้วยสายการบิน VietJet Air เที่ยวบินที่ VZ940 จากสุวรรณภูมิเวลา 11.10 มาถึงท่าอากาศยานนานาชติเลียเคือง 12.55 จากนั้นก็แยกกันเที่ยว นักกอล์ฟไปเล่นกอล์ฟที่สนาม Dalat Palace Golf Course ส่วนผู้ติดตามไปเที่ยววังเบ๋าได๋ เจดีลินซอน และสวนดอกไฮแดรนเยีย แล้วทั้งหมดมาเจอกันที่ร้านอาหาร เมื่อคืนเราพักกันที่ TCC Hotel Premium Ngoc Lan ริมทะเลสาบ Xuan Huong เป็นคืนที่ 2 .  (อ่านดาลัตบล๊อก 1)



แสงเช้าที่ Lake Xuan Huong, Dalat.
 
เช้าวันนี้ที่ดาลัตอุณหภูมิ 20 องศา อากาศสบายๆ ส่วนเมื่อคืนนี้ ก็นอนสบายๆแม้ไม่มีแอร์ (เมืองนี้เขาไม่ติดตั้งแอร์กันเพราะอากาศเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 16.5-26 องศาเท่านั้น) โรงแรม TCC Hotel Premium Ngoc Lan ที่เราพักตั้งอยู่บนเนิเขา ถนนที่หน้าโรงแรมจึงสูงกว่าถนนที่รอบๆทะเลสาบซวงฮวงเป็น 10 เมตร ทำให้เรามองเห็นทะเลสาบได้อย่างชัดเจน แถมยามเช้าพระอาทิตย์ขึ้นจากเขาส่องผ่านทะเลสาบ จึงทำให้ทะเลสาบสวยงามเป็นพิเศษ ... เช้าๆรอบทะเลสาบชาวเมืองหรือแม้แต่นักท่องเที่ยวเองก็ออกมาเดิน-วิ่งรอบๆทะเลสาบกัน สนามกอล์ฟ Dalat Palace Golf Course ก็อยู่ติดทะเลสาบนี้แค่ถนนเส้นเล็กๆกั้นไว้ พูดถึงเรื่องถนนแล้วในดาลัตมีถนนสี่เลนส์แค่ไม่กี่เส้นเนื่องจากภูมิประเทศอยู่ในเขาครับ
 


ยามเช้าริมทะเลสาบ Xuan Huong, Dalat.



กับต้นอาร์ติโชก (Artichoke) หรือ Atiso ในภาษาเวียตนาม ในห้องอาหาร



อาหารเช้าของที่นี่ดีครับเทียบเมืองไทยได้...ก๋วยเตี๋ยวหรือเฝอทำสดๆ





หน้าโรงแรม TCC Hotel กับป้ายินดีต้อนรับ
 
วันที่ 13 กพ. 2020 ช่วงเช้าเรามีโปรแกรมไปเล่นกอล์ฟกันที่สนาม Sam Tuyn Lam Golf Course เวลา 07.30 น. ต้องเดินทางออกจากเมืองไป 20 นาที ซึ่งที่นี่เขามีที่พักด้วยครับ ... ส่วนผู้ติดตามเช้านี้จะออกจากที่พัก 8.00 น. ไปชมสวนดอกไม้เมืองดาลัต แล้วมาพบกันที่ร้านอาหารประมาณ 13.00 น. แล้วยุบรถจาก 2 คันเหลือคันเดียวเป็นรถบัส 28 ที่นั่ง เพื่อไปที่หมู่บ้านชาวลัต (Lat) แล้วนั่งรถจี๊บขึ้นยอดเขาลางเยียงอีก 6 กม. เพื่อชมบรรยากาศของดาลัตในมุมสูงครับ



ทางเข้าสนามกอล์ฟและรีสอร์ท
 
SAM Tuyen Lam Golf Club อยู่ห่างจากเมือง Dalat เพียง 15 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาทีจากในตัวเมือง หรือ 20 นาทีจากสนามบินมาที่นี่ สนามกอล์ฟแห่งนี้ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวแคนาดา ตั้งตระหง่านอยู่ในหุบเขาลึก และขนาบอยู่ทางฝั่งขวาของทะเลสาบ Tuyen Lam โดยโอบล้อมไปด้วยภูเขาและป่าสนสูงใหญ่รอบด้าน ช่วยสร้างภูมิทัศน์อันน่าประทับใจให้กับสนามแห่งนี้ อีกทั้งยังมีภูมิอากาศที่เย็นสบาย เหมาะแก่การเล่นกอล์ฟตลอดทั้งปี
 
 

ลงกระเป๋ากอล์ฟ แล้วให้เจ้าหน้าที่เช็คอุปกรณ์ของเราแล้วรับบัตร ตอนขากลับแค้ดดี้จะเช็คอุปกรณ์ให้ครบตามนั้น...อย่าทำบัตรหายนะเรื่องค่อนข้างยุ่งเลยล่ะ


สนามกอล์ฟแซมเตี่ยนลัม


วิวตอนรถเข้าไปเกือบถึงคลับเฮ้าส์



ทางลงและขึ้นสนามมีธงนานาชาติรวมทั้งไทยด้วย



ถ่าบภาพร่วมกันที่หลุม 10



โรงแรม & รีสอร์ท



ตีไปถ่ายภาพไป Locations ดีมากๆ


กรีนหลุม 9

 
โดยรวมแล้วเป็นสนามที่ดี แม้จะไม่ยาวนัก น่ามาเล่นครับ เป็นสนามภูเขาพัตต์ค่อนข้างยาก แฟร์เวย์บางหลุมแคบบต้องตีเลียบเขาและคลองไป มีบังเกอร์ค่อนข้างเยอะเอาไวักนักกอล์ฟตีไกล แม้จะเป็นสนามภูเขาแต่แฟร์เวย์นุ่มดีครับ แท่นทีแต่ละหลุมอยู่ห่างกัน เหมาะที่จะใช้รถครับ แต่ราคารถที่นี่ค่อนข้างแพง ... แค้ดดี้เก่ง พูดภาษาอังกฤษได้โดยเฉพาะภาษากอล์ฟ บอกระยะเป็นหลาแบบบ้านเรา บอกไลน์บนกรีนก็เก่ง ต้องเชื่อเลยล่ะ มีบางท่านถามว่าค่าทิปแพงไหม? อันนี้แล้วแต่ความพึงพอใจครับก็ประมาณ 400,000 VND หรือมากกว่าครับ ... รวมความแล้แค้ดดี้ที่นี่นิสัยน่ารักมาก  ส่วนนักกอล์ฟที่มาเล่นที่นี่ส่วนมากจะเป็นเกาหลีและเวียตนามประมาณครึ่งต่อครึ่ง ไทยมีมาบ้างแต่เขาบอกว่าไม่เยอะครับ



ดอกไฮแดรนเยียที่คลับเฮ้าใหญ่มากๆ



เช็คอุปกรณ์เสร็จเตรียมแพ๊คถุงเพื่อขึ้นเครื่อง เพราะอีก 3 วันที่เหลือไม่ได้เล่นกอล์ฟแล้ว เที่ยวอย่างเดีย




สำหรับนักกอล์ฟครับ



.................
 
ระหว่างที่พวกเรานักกอล์ฟออกไปเล่นกอล์ฟกัน ผู้ติดตามก็จะชมดอกไม้ที่สวน

สวนพฤษศาสตร์หรือสวนดอกไม้เมืองหนาว (Dalat Flower Garden)
สวนดอกไม้เมืองหนาว (Dalat Flower Gardens) ดาลัดได้รับการขนานนามให้เป็น เมืองดอกไม้ ที่นี่จึงมีดอกไม้บานสะพรั่งไปทั่วเมืองตลอดทั้งปี และหากต้องการที่จะจะเห็นพรรณไม้ของดาลัดก็ต้องไปสวนพฤกษศาสตร์ดาลัด ที่ได้ทำการรวบรวมไว้อย่างมากมายทั้งไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ต้น และกล้วยไม้ ที่มีมากทั้งกล้วยไม้ พันธ์แท้และกล้วยไม้ลูกผสมที่แสนจะตระการตา ซึ่งกล้วยไม้ตัดดอกที่มีอยู่ในเวียดนามเกือบทั้งหมดส่งออกไปจากดาลัด นอกจากนี้จำพวกผักเมืองหนาวก็ปลูกได้ผลดีในเมืองนี้ ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งผลิตพืชผักผลไม้ที่มั่งคั่งสุดของประเทศเวียดนาม สำหรับสวนดอกไม้แห่งนี้ได้รับการสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2409 เพือ่ให้คำปรึกษาแก่เกษตรกรทางภาคใต้ และนั่นเองที่ทำให้ดาลัดกลายเป็นเมืองเกษตรอันดับหนึ่งของเวียดนาม สวนพฤษศาสตร์ดาลัด อยู่ทางทิศใต้ของทะเลสาบซวนฮวาง บนถนนฟูดงเตียนหวุง
 











................


 
หลังมื้อเที่ยงเรารวมกลุ่มมาที่รถบัสขนาด 28 ที่นั่งเพื่อเดินทางไปขึ้นเขาลางเบียง (Lang Biang) ที่หมู่บ้านชาว Lat ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองไป 12 กม. รถผ่านกรีนเฮ้าส์ที่ใช้ปลูกพืชเมืองหนาวตลอดทาง จนเข้าสู่ลานจอดรถขนาดใหญ่ เห็นรถจี๊บสีเขียวจอดกันเต็ม ด้านหลังลานจอดเป็นป้ายเขียนว่า "LANGBIANG" อยู่บนเนิน



รถจี๊บที่จะพาขึ้นสู่ยอดเขานั่งคนละ 5-6 คน (ไป-กลับ คันเดิม .. ต้องจำหมายเลขรถด้วย)
 
ถ้าอยากเห็นวิว เมือดาลัตทั้งเมือง ก็ต้องนี่เลยครับ ยอดเขาลางเบียง Lang Biang (ชาวเวียตนามจะออกเสียงว่า ลาง-บี-ยัง) ซึ่งบนนี้จะเป็นจุดชมวิวมุมสูงของเมืองดาลัต... มีกล้องให้ส่องดูด้วย บนนั้นจะมีร้านอาหาร ห้องน้ำ ถ่ายภาพกับชนเผ่า มีรถจี๊บทหารอเมริกันยุคสงครามให้เราขึ้นไปแอคชั่นถ่ายภาพด้วย ... เข้าสู่ลานจอดรถจะต้องซื้อบัตรเข้าสถานที่ 20,000 VND

🚙และการขึ้นสู่ยอดเขาจะต้องเช่ารถจี๊บขึ้นไปอีกคนละ 100,000 VND (เวียตนามด่อง) ซึ่งรถหนึ่งคันก็นั่งได้ 5-6 คนครับ ระยะทาง 6 กม. ผ่านป่าสนสวยงาม ส่วนทางก็มีชันบ้างเป็นบางช่วง
 
 
 


ทางขึ้น-ลงเขาลางเบียง
 
ภูเขาลางเบียง (Lang Biang) เป็นหนึ่งในเทือกเขาที่สูงที่สุดของจังหวัดเลิมด่ง Lam Dong Province ยอดเข้าที่สูงที่สุดคือ ยอดเขาจือยังซิน(Chugianxin) สูง 2.600 เมตร, ยอดบีดู๊ป(Bidup) สูง 2.164 เมตร และยอดลางเบียง(LangBiang)สูง 2.167 เมตร. ข้างล่างของภูเข้านี้เป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่า Lat Chill ซึ่งชนเผ่าต่างๆแถบนี้ยังคงรักษาความเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของเอาไว้อยู่.
 

ถ่ายภาพกับรถจี๊บ





วิวเมืองดาลัต

 
ชื่อของภูลางเบียงนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องราวความรักอันสวยงามของหนุ่มลาง (Lang) ของเผ่า Lat และเจ้าสาวชื่อเบียง (Biang) เป็นลูกสาวของหัวหน้าเผ่า Chill. ตำนานเล่าว่า ทั้งสองคนนี้บังเอิญได้เจอกันตอนที่ไปเก็บผลไม้ในป่า ขณะที่เจ้าสาวเบียงเจอพวกหมาป่าดุร้ายเข้ามาทำลาย เจ้าชายลางก็ได้เข้าไปช่วยเหลือเบียงได้ทันที่ หลังจากนั้นเข้าก็ได้รักกัน แต่เพราะความผิดกันหลายอย่างรวมไปถึงขนบทำเนียบที่แตกต่างกันของทั้งสองชนเผ่านี้ทำให้สองคนนี้แต่งงานกันไม่ได้ และทั้งสองคนนี้เข้าก็ได้ฆ่าตัวตายเพื่อแสดงถึงความรักอันซื่อสัตย์ของตน และต่อต้านกฎเกณฑ์ที่ไม่ถูกต้องของทั้งสองชนเผ่านี้ หลังจากนั้นชาวบ้านแถบนี้ก็ได้เอาชื่อของหนุ่มสาวคู่นี้มาตั้งชื่อให้ภูเขานี้



จุดชมวิว Lang biang



ร้านอาหารบนจุดชมวิว
 
รถขึ้นสู่ยอดเขาตามทางที่ไม่ชันมากนัก เมื่อเทียบกับแถวๆแม่ฮ่อสอนบ้านเรา เมื่อถึงลานจอดเขาจะจอดรอเราเพื่อกลับลงเขาไปคันเดิมควรจำหมายเลขทะเบียน หรือ หมายเลขรถที่กระจกหน้าด้านคนขับ (ทางซ้าย) ไว้ให้ดีนะครับ เพราะมีรถขึ้นมาส่งนักท่องเที่ยวเยอะมาก ... ด้านบนนั้นมีรถจี๊บสมัยสงครามไว้ให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพอยู่ 2 คน คันหนึ่งใกล้ๆที่จอดรถ อีกคันอยู่ติดกับกล้องส่องดูเมือง ... ถ้านักท่องเที่ยวอยากถ่ายภาพก็เสียค่าเช่าถ่ายครั้งละ 10,000 VND หรือจะเหมาก็ตกลงราคากันเองครับ ... เมื่อเดินวนไปทางซ้ายจากลานจอด เราก็จะเห็นกล้องตั้งเรียงกันอยู่ ให้เราไปเช่าส่องดูเหมือง ถัดไปเป็นรถจี๊บอีคันสำหรับถ่ายภาพ และเราสามารถชมเมืองดาลัตได้ชัดเจนจากจุดนี้ .. เดินลงไปพักล่างของยอดเขา เป็นวิวเมืองดาลัตพร้องป้าย LANGBIANG ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพ ... วนกลับมาทางขวา ก็จะเห็นวิวแม่น้ำ (จำชื่อไม่ได้แล้ว) ที่ไกด์บอกว่าไหลยาว 400 กม. ไปบรรจบกับแม่น้ำไซ่ง่อนก่อนออกสู่ทะเล และมีร้านขายของที่ระลึกใกล้ๆจุดชมวิวนี้ ซึ่งที่ร้านนี้เราสามารถติดต่อถ่ายภาพกับชนพื้นเมืองลัตที่แต่งกายสวยงามแบบชาวเขา และวนกลับไปทางจอดรถก็จะมีจุดชมวิวหลายที่

บนสุดของยอดเขาคือร้านอาหาร Langbiang ขึ้นไปถ่ายภาพได้ครับ ด้านล่างร้านอาหารนี้ก็เป็นร้านอาหารเช่นกัน ด้านหลังร้านเป็นห้องน้ำสะอาดฟรีครับ





ชาวลัต (ชาวพื้นเมืองของดาลัต) ที่มาขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยว
 
ผู้เขียนเห็นป้าชาวลัตคนนี้มาขายของที่ระลึกข้างๆรถเรา และไม่ยอมไปไหนเลย เลยเอาตังค์ให้แก 20,000 VND เพื่อขอถ่ายภาพ ซึ่งแกก็งงว่าทำไมเราไม่ยอมรับของ ... พูดถึงเรื่องชาวลัต (LAT) นี้ก็น่าเห็นใจเหมือนกันนะครับ คือเมื่อสมัยฝรั่งเศสล่าอณานิคมแล้วปกครองเวียตนาม ก็มีนักสำรวจเดินทางมาถึงเมืองดาลัตปัจจุบันและชอบอากาศของที่นี่มากจนอยากตั้งเป็นศูนย์กลางการปกครองของอินโดจีน (อันมี เวียตนาม เขมร และลาว)  แล้วพยามจะให้ชาวพื้นเมืองย้ายออกจากพื้นที่ พวกเขาที่เคยอยู่มานานนมก็ไม่ยอมครับ จะฆ่าจะแกงยังไงก้ไม่ยอมออกจากพื้นที่ เมื่อหาทางยังไงชาวลัตก็ไม่ยอม ท้ายที่สุดก็ใช้วิธีแบบสุดโหด โดยฝรั่งเศสได้ทำเขื่อนเบี่ยงเบนแม่น้ำให้มาท่วมเมืองดาลัตที่เป็นที่อยู่ของชาวลัตในสมัยนั้น จนในที่สุดฝรั่งเศษก็ได้เมืองนั้นมา และสร้างเมืองและตั้งชื่อใหม่ว่า "ดาลัต" จนถึงปัจจุบัน แต่ท้ายสุดเมืองนี้ก็ไม่ได้เป็นศูนย์อำนาจของอินโดจีน เป็นเพียงเมืองวิจัยด้านการเกษตรของเวียตนามและเมืองพักผ่อนของชาวฝรั่งเศส ตึกรามบ้านช่องที่เห็นจึงออกสไตล์โคโลเนี่ยล ... ต่อมาเมื่ออเมริกามารบในเวียตนามก็ต่อเติมเมืองนี้ตามแบบฉบับของตน ปัจจุบันคนเวียตนามก็สร้างอาคารบ้านเรือตามแบบของตะวันตกกัน...เมืองดาลัตจึงเป็นเมืองสวยงามแบบตะวันตกที่บางคนเรียกว่า "ปารีสแห่งตะวันออก".
 
 
...................

 
ลงจากเขาลางเบียง เราไปทานมื้อเย็นก่อนที่จะเข้าโรงแรม ผู้เขียนถือโอกาสกลับลงมาเดินเที่ยวที่ถนนคนเดินที่อยู่หน้าโรงแรมที่พัก ... บรรยากาศเหมือนบ้านเราเปรี๊ยบครับ มีขายพวกเสื้อผ้า อาหาร ของใช้ ของกิน ดอกไม้ และอื่นๆเหมือนถนนคนเดินบ้านเรา แถมมีดนตรีเปิดหมวกที่เป็นเครื่องดนตรีพื้นบ้านมาแสดงด้วย.


ภาพนี้ถ่ายลงไปทางวงเวียนแถวทะเสาบ


สตอร์เบอรี่ที่ดลัตมีเยอะมาก



ดอกอาร์ติโชก
 

คัดลอกมาให้อ่านครับ

ดอกอาร์ติโชก
ชื่อทางวิทยาศาสตร์    Cymara seolymus, ชื่อสามัญ globe artichoke,  ชื่อวงศ์   Asteraceae

ลักษณะทางพฤษศาสตร์ :
ลักษณะทั่วไป เป็นไม้ประเภทล้มลุก วงศ์เดียวกันกับดอกทานตะวัน มีสองสายพันธุ์คือ พันธุ์ใบเขียวและพันธุ์ใบม่วง ดอกออกหน้าตาเหมือนกัน รสชาติเดียวกัน ลำต้นโปร่งไม่สูงนัก ขนาด 50 ซม. ถึง 100 ซม. รอบต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 120 ซม. อายุต้นสามารถเก็บเกี่ยวได้ยาวนาน 5 - 10 ปี การเก็บเกี่ยวต้องเก็บเกี่ยวด้วยแรงคน ต้องเลือกคัดดอกตามอายุที่ต้องการ เมื่อเก็บเกี่ยวจนหมดต้นแล้ว จะตัดต้นช่วงบนทั้งหมดทิ้ง คงเหลือเป็นตอต้นสูงจากพื้นดินสัก 8 - 10 นิ้วเท่านั้น เพื่อให้ตาใหม่แตกยอดเป็นต้นใหม่ต่อไป อาร์ติโชกเป็นพืชถิ่นดั้งเดิมในเขตเมดิเตอร์เรเนียน ที่ปลูกกินกัน ในปัจจุบันเป็นพันธุ์ที่เริ่มเพาะปลูกในซิซีลี ประเทศอิตาลี สมัยศตวรรษที่ 15 แต่บางกระแสก็บอกว่าเริ่มในแอฟริกาเหนือก่อน นี่เป็นเงื่อนไขข้อหนึ่งที่ครัวอิตาเลียนนิยมกินอาร์ติโชกกัน โดยเฉพาะหมู่ขุนน้ำขุนนาง ต่อมาอาร์ติโชกแพร่หลายพร้อมนางแคเทอรีน เมดิชี แห่งกรุงฟลอเรนซ์ สู่ราชสำนักฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 16 ทำให้เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายของครอบครัวราชสำนักของฝรั่งเศสมาอย่างต่อเนื่อง มีการเพาะปลูกมากในฝรั่งเศส

การใช้ประโยชน์และคุณค่าทางอาหาร เป็นผักที่ชาวอิตาเลียนชอบรับประทานกันมาก มีไขมันต่ำ นิยมนำดอกมาประกอบอาหารโดยตัดเอากลีบเลี้ยงดอกด้านนอกออก ส่วนกลีบดอกและเกสรด้านในใช้มีดคว้านออกให้หมด จะเหลือเพียงฐานรองดอกนำมาสอดไส้สมุนไพรทอดด้วยน้ำมันมะกอก นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นึ่ง ลวก ชุบแป้งทอด หรือรับประทานสดโดยใส่ในสลัด การกินอาร์ติโชกก็คือการกินดอกที่ยังตูม ตั้งแต่ดอกอ่อน ดอกขนาดกลางไปจนถึงดอกขนาดใหญ่ ซึ่งยังอยู่ในภาวะดอกตูมอยู่ ดอกอาร์ติโชกที่บานนั้นสวยงามเป็นกลีบสีม่วงอมขาว ซึ่งเขาจะปล่อยให้บาน เมื่อต้องการเมล็ดมาขยายพันธุ์

สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม :  
อาร์ติโชกชอบอากาศไม่ร้อนจัด ไม่หนาวจัด เย็นกำลังดี ความชื้นพอเหมาะ ดังนั้นที่ราบสูงตามภูเขาจึงเหมาะสำหรับการปลูกอาร์ติโชก เสน่ห์ของผักชนิดนี้อยู่ที่ฐานดอก ซึ่งถูกเรียกว่า “ใจอาร์ติโชก” (artichoke heart) ฤดูกาลเก็บเกี่ยวผักดอกชนิดนี้ ที่ไม่ใช่ของบ้านเมืองเอเชียหากแต่เป็นที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ในเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม และมีตลอดทั้งปี เพียงแต่ไม่มากเท่าเดือนดังกล่าว ดอกอาร์ติโชกขนาดเล็กขายแบบเป็นผักดอกสด ขนาดใหญ่จำนวนหนึ่งในสี่ นำมาทำใจอาร์ติโชกกระป๋อง มงกุฎอาร์ติโชกแช่แข็ง (artichoke crown) 

ที่มา : https://hkm.hrdi.or.th/knowledge/detail/152  
 
ดอกอาร์ติโชกถูกนำมาปลูกที่ดาลัต และปลูกได้ดีเสียด้วย ชาวดาลัตจึงถือเอาดอกอาร์ติโชกเป็นดอกไม้ประจำเมือง อาหาเที่ยงวันนี้ก็ทานแกงดอกอาร์ติโชกกันด้วย ผลิตภัณฑ์อื่นอย่างเช่นชาอาร์ติโชกก็อร่อยครับ
 
 

ถนนคนเดินจากวงเวียนริมทะเลสาบ มาสิ้นสุดเอาตรงวงเวียนรูปปั้นนี้


ดนตรีพื้นเมืองเปิดหมวก



พรุ่งนี้ 14 กพ. 2020 คือวันวาเลนไทน์ ดอกกุหลหาบช่อสวยๆมาก่อนเลย


.................
 

เช้าวันที่ 14 กพ. 2020 วันนี้เรายังมีโปรแกรมเที่ยวดาลัตอีกครึ่งวันก่อนเดินทางไปมุยเน่ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณ 4 ชั่วโมง เช้านี้เรามีโปรแกรมไปน้ำตกดาทันลา ไหว้พระที่วัดตั๊กลัม นั่งกระเช้ากลับไปที่ดาลัต ชมบ้านเพี้ยน และจบด้วยมื้อเที่ยงที่ร้านใกล้ๆทะเลสาบ ก่อนเดินทางลงเขาไปมุยเน่
 


รถนักท่องเที่ยวจอดที่ทางลงน้ำตกดาทันลา


น้ำตกดาทันลา (Datanla Waterfall)

น้ำตกดาทันลาเป็นสถานที่เที่ยวยอดนิยมอีกที่หนึ่งของดาลัต ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากดาลัตประมาณ 6 กม. ... การลงไปชมน้ำตกซึ่งอยู่ลึกลงไปในหุบเขา ซึ่งที่นี่ใช้วิธีนั่งรถราง (Rolling coaster) ลงไป-และกลับขึ้นมา ทำให้เพิ่มความสนุกมากขึ้น ราคาคนละ 170,000 VND  เมื่อก่อนสถานีจะอยู่ใกล้ๆทางแยกจากถนนใหญ่ ใช้เวลานั่งลงไปชมน้ำตกประมาณ 5 นาที ซึ่งต่อมาเขาทำให้ระยะทางนั่งรถรางนานาขึ้น มีโค้งวนให้สนุกมากขึ้นโดยต่อทางเลื่อนขึ้นไปบนเขเาอีกเป็นกิโลเมตร (จากคำบอกเล่าของไกด์) ..... เมื่อจัดการซื้อตั๋วเสร็จก็ไปนั่งรถ Roller Coaster ที่นั่งได้ 2 ที่นั่ง โดยคนขับจะนั่งด้านหลังพร้อมกับมือจับที่คันเบรกทั้ง 2ด้าน วิธีการก็คือดึงคันเบรกกลับรถจะเบรก เมื่อปล่อยันเบรกรถจะแล่นไปด้านหน้าโดยใช้แรงโน้มถ่วงดึงรถลงสู่ที่ต่ำ โดยรถแล่นบนรางกลมและมีรางเบรกไว้ข้างล่างรางทั้ง 2 ข้างครับ ในกรณีรถวิ่งไปโดยเบรกไม่ทัน ที่รถก็จะมีบั้มเปอร์ทั้งด้านท้ายและด้านหัวรถ ไม่อันตรายครับ และ Technology ที่ใช้เป็นของเยอรมัน (เยอรมันสร้างให้ด้วย) .... ตามทางที่ผ่านจะมีกล้องจับภาพเราอัตโนมัติ แลตามทางที่จะมีโค้งเกลียวหมุนให้หวาดเสียวเหมือนกัน (แต่เข้าใจว่าเขาควบคุมอัตราการแล่นไว้โดยเบรกอัตโนมัติด้วย).
 


 




นั่งรถราง Roller Coaster ลงไปชมน้ำตกจากสถานีใหม่


 
ที่น้ำตกดาทันลา ซึ่งเป็นน้ำตกไม่ใหญ่มากนักเมื่อเทียบกับน้ำตกแถวบ้านเรา... เมื่อถึงบริเวณชมน้ำตกเราจะลงจากรถไปถ่ายภาพกับน้ำตก ที่ซุ้มบริเวณน้ำตกเขาปริ้นภาพที่กล้ออัตโนมัติตามทางที่เราผ่านมาขายให้เราด้วย ถ้าชอบก็ซื้อถ้าไม่ชอบก็ไม่เป็นไร .... หลังจากชมและถ่ายภาพกับน้ำตกแล้วเวลาขึ้นเขาจะใช้สลิงดึงรถรางขึ้นจนถึงเนินสูงสุด แล้วปล่อยลงเป็นช่วงๆ ดูเหมือนจะ 2 ช่วงครับ
 
 



...................

 
ไหว้พระวัดพุทธตั๊กลัง  (Thien Vien Truc Lam)
จากน้ำตกรถไปส่งเราที่ทางขึ้นวัดตั๊กลัม ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก เมื่อลงจากรถที่ลานจอดแล้วเราต้องเดินขึ้นบันไดขึ้นไปแต่ไม่สูงมากนัก ค่อยๆเดินขึ้นไปเดี๋ยวเดียวก็ถึงครับ วันนี้ผู้คนทั้งนักท่องเที่ยวและคนเวียตนามมาไหว้พระที่วัดนี้มากเหมือนกันครับ เมื่อขึ้นไปจนสุดบันไดก็จะเจอศาลาใหญ่ มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่สีทองอร่ามเป็นพระประธาน หน้าพระเป็นที่ให้นั่งไหล้พระ และด้านขวามีบาตรใบใหญ่ให้เราไปทำบุญโดยใส่เงินเข้าไปในบาตรนั้น พระที่ประจำอยู่จะเคาะที่บาตรมีเสียงดังคล้ายๆระฆัง เราก็ถือโอกาสไปบริจาคด้วย 50,000 VND ด้านระเบียงศาลามีดอกไม้สวยงาม และที่ลานหน้าศาลามีกระถางธูปใบใหญ่ตั้งอยู่ให้เราจุดธูปที่นั่นครับ เลยลานกระถางธุปจะเป็นสวนดอกไม้เมืองหนาวกำลีังออกดอกสวยงามมาก.


ภายในศาลา


ที่ทางเข้าศาลาวัด


ทางขึ้นวัด


ศาลาวัดตั๊กลัม  (Thien Vien Truc Lam)
 


วัดตั๊กลัม (Thien Vien Truc Lam)
วัดตั๊กลัม (Thien Vien Truc Lam) ที่นี่คือวัดพุทธในนิกายเซน (ZEN) แบบญี่ปุ่น มหายาน ซึ่งแม้จะเป็นพุทธเช่นนิกายเถรวาทแบบบ้านเรา แต่ธรรมเนียมปฏิบัติหลายๆ ก็มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง.

นิกายเซ็น (Zen) เป็นนิกายหนึ่งในพระพุทธศาสนา อยู่ในฝ่ายมหายาน แต่มีความคล้ายคลึงกับเถรวาทในสายพระป่า เซ็นไม่นิยมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรืออิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ เซ็นจะเน้นการฝึกปฏิบัติ ฝึกการใช้ปัญญา และสมาธิ เพื่อให้ เกิดพุทธิปัญญาจนเข้าใจหลักธรรมด้วยตนเอง นับถือกันในแถบเอเชียตะวันออก (จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี)

เซน มีต้นกำเนิดจากประเทศอินเดีย จากนั้นถูกเผยแพร่มาสู่จีน เกาหลีและญี่ปุ่น โดยได้รับอิทธิพลมาจากลัทธิขงจื๊อและลัทธิเต๋า ในช่วงระหว่างที่เผยแผ่มาสู่ญี่ปุ่น การฝึกตนของนิกายเซน เน้นที่การนั่งสมาธิเพื่อการรู้แจ้ง ... เซน ยึดถือหลักปฏิบัติธรรมตามหลักของพระพุทธเจ้า ตามหลักของการฝึกสติ อริยสัจ 4 และมรรค 8 เซน ได้รับการยอมรับจากบุคคลที่ไม่ใช่พุทธศาสนิกชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลนอกทวีปเอเชีย ที่สนใจในเซนสามารถศึกษาและปฏิบัติธรรมได้ และได้เกิดนิกายสายย่อยออกมาที่เรียกว่าคริสเตียนเซน
 








ที่สวนดอกไม้ของวัด


เหนื่อยก็นั่งพัก



สวนดอกไม้วัด


............


ออกจากวัดตั๊กลัม เราเดินลงบันไดไปที่ลานจอดรถ ในบริเวณนั้นมีร้านขายของที่ระลึกหลายร้านเหมือนกัน เดินผ่านถนนไปที่สถานีกระเช้า เพื่อนั่งกระเช้าข้ามเขาจากวัดไปที่สถานีที่เขาอีกลูกหนึ่ง โดยนั่งผ่านป่าสน เห็นแปลงอาร์ติโชกอยู่ด้านล่างหลายแปลง ระยะทางก็ประมาณ 2 กม. กระเช้าผ่านหุบเขามองเห็นเมืองดาลัตชัดเจนครับ
 


สถานีกระเช้าวัดตั๊กลัม


ผ่านป่าสน...กระเช้าจริงๆแล้ไม่ได้ทำลายธรรมชาติอะไรเลย จะมีนิดหน่อยตอนสร้าง หลังจากนั้นก็จะเป็นแบบในภาพ



เห็นเมืองดาลัตแบบมุมสูง






ที่สถานีกระเช้าดาลัต

.................
 


บ้านเพี้ยน (Crazy House)
จากวัด Truc Lam และนั่งกระเช้า เราไปต่อที่ บ้านเพี้ยน หรือ Crazy  House ซึ่งเป็นที่พักและออกแบบให้แปลกตาให้คนเข้าไปชม ซึ่งเป็นอาคารสามหลังต่อเนื่องกัน มีทางเดิน สะพานและอุโมงค์ มีจุดให้ถ่ายภาพอยู่มากมาย รวมทั้งร้านกาแฟด้วย ... เห็นนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเข้ามาชมที่นี่เยอะพอสมควร

Crazy House นี้ออกแบบโดยหญิงชาวเวียตนามชื่อ ฮังหงา (Hang Nga) ซึ่งเป็นลูกสาวผู้มีบารมีในเวียตนามในยุคหนึ่ง (เขาว่าเป็นประธานาธิบดีคนที่ 3 ของเวียตนาม) เธอไปจบสถาปัตยกรรมมาจากรัสเซีย ซึ่งก็อยากออกแบบบ้านแบบนี้ขึ้นมา เธอได้รับแรงบันดาลใจจากนิทานเรื่อง อลิซ อิน วันเดอร์แลนด์ (Alice in Wonderland) ... โดยออกแบบบ้านรูปทรงพิศดารนี้ ให้มีลักษณะเป็นโพรงต้นไม้ ส่วนมากสร้างจากปูนเป็นหลัก เอามาตบแต่งให้เหมือนต้นไม้ในป่า แต่ละส่วนทะลุถึงกันได้ ถ้าจำทางไม่ดีอาจจะหลงได้.












....................
 


สถานีรถไฟดาลัต (Dalat Train Station)
ก่อนจากดาลัตในวันที่ 14 กพ. 2020 เราแวะไปถ่ายภาพกับสถานีรถไฟเก่าดาลัตกัน ... ทริปนี้เราจัดทัวร์กันเอง การตกลงว่าจะไปต่อหรือเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับมติ ซึ่งหลายรายการในนี้ก็ไม่มีอยู่ในทัวร์ เราโวตเปลี่ยนจากโปรแกรมที่มีอยู่เดิม เพื่อให้เหมาะสมกับความชอบและวัยเที่ยว อย่างเช่นคราวนี้สถานีรถไฟก็ไม่มี แต่เราอยากไปเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก ก็เลยได้ภาพพวกนี้มาครับ.


116 สถานีรถไฟแห่งนี้เริ่มวางแผนและก่อนสร้างเมื่อปี 1932 โดย 2 สถาปนิกชาวฝรั่งเศษชื่อ Moncet และ Reveron เป็นผู้ออกแบบ และก่อสร้างแล้วเสร็จหลังจากนั้นอีก 6 ปีต่อมา ... ซึ่งก็ใช้เดินทางระหว่าง Dalat - Nha Trang และ Dalat - Saigon (ปัจจุบันไม่มีแล้ว) ... จนกระทั่งยุคสงครามสถานีแห่งนี้เป็นจุดที่ถูกโจมตีจนเกิดความเสียหาย จนกระทั่งปี 1975 หลังไซ่ง่อนแตกจึงได้รับการซ่อมแซมและนำกลับมาใช้อีก

ตั้งแต่ปี 1991 สถานีรถไฟดาลัตได้เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวเป็นระยะสั้นๆ 7 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที จาก Dalat - Trai Mat. ราคาค่าโดยสารสำหรับชาวต่างชาติ 106,000 VND (72,000 VND สำหรับชาวเวียตนาม) ... สถานีรถไฟดาลัตเป็นสถานีรถไฟเก่าแก่ที่สุดของเวียตนามและอินโดจีน สถานีมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ไม่ซ้ำกัน มีสามหลังคามุก และได้รับการยอมรับว่าเป็นวัฒนธรรมประจำชาติอันเก่าแก่ของเวียตนาม.





















 
จบจากดาลัต บ่ายนี้เรามีโปรแกรมเดินทางสู่มุยเน่ หรือมุยแน้เพื่อชมทะเลทรายขาว และทะเลทรายแดง (White & Red Sand Dunes) และพักที่ชายทะเลมุยเน่หนึ่งคืน ระยะทางจากดาลัตไปมุยเน่ก็ประมาณ 154 กม. ลงเขาไปตลอดจนถึงฝั่งทะเลจีนทางตะวันออก ระยะทางแค่นั้นรถเราต้องใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงเลยนะครับ ... บล๊อกหน้าจะพาไปชมภาพกัน

ปล. ท่านผู้อ่านบางท่านคงสงสัยนะครับว่า จขบ.ไม่เห็นเล่าเรื่องอาหารในทริปให้อ่านบ้างเลย ... บอกเลยว่า อยากเล่าให้ครบกระบวนความเช่นกัน แต่ข้องจำกัดในพื้นที่คือไม่อยากให้บล๊อกยาวจัดจนเบื่ออ่านน่ะครับ สรุปให้ฟังง่ายๆอย่างนี้ครับทริปนี้กินดีพักดี อาหารที่เสริฟแต่ละมื้อเหลือเฟือครับ คุณภาพร้านอาหารที่ดาลัตและทางเวียตนามใต้ใกล้ๆหรือเท่ากับบ้านเราบริการก็ดี คือปรับปรุงขึ้นเยอะมากเมื่อเทียบกับ 4-5 ปีก่อนนี้คับ
 


เส้นทางจากดาลัต-มุยเน่
 
สำหรับการเยี่ยมชมดาลัตเราทั้ง 2 บล๊อกก็ผ่านไป ขอบคุณที่ตามอ่านนะครับ มีเรื่องราวดีๆ นายวิคเซอร์จะเอามาเขียน มาเล่าให้ฟังเผื่อมีประโยขน์กับท่านผู้อ่าน สำหรับบล๊อกนี้ขอบคุณครับ
 


ลาด้วยภาพสถานีรถไฟดาลัต






 


Create Date : 16 มีนาคม 2563
Last Update : 21 มีนาคม 2563 11:04:05 น. 7 comments
Counter : 1338 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณSai Eeuu, คุณhaiku, คุณKavanich96, คุณอุ้มสี, คุณหอมกร


 
ครบทุกรสชาติเลยค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 16 มีนาคม 2563 เวลา:12:48:27 น.  

 
รูปสวยมากค่ะ น่าเที่ยว

อ่านเรื่องเมืองดาลัดที่สร้างเขื่อนไล่ชนพื้นเมืองแล้วหดหู่จังค่ะ ยุคล่าอาณานิคมนี่ โหดร้ายและเห็นแก่ตัวมากจริงๆ


โดย: Sai Eeuu วันที่: 16 มีนาคม 2563 เวลา:15:15:40 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 17 มีนาคม 2563 เวลา:4:41:31 น.  

 
อิอิอิ
ตรงภาพที่ 2 ข้อความบรรทัดแรกเลย
เขียนว่า
"เช้าวันนี้ที่ดาลัตอุณหภุฒฺ๖๋ฎฏซ๋ษ 20 องศา"


โดย: อุ้มสี วันที่: 19 มีนาคม 2563 เวลา:7:08:44 น.  

 
ขอบคุณ คุณอุ้มสีมากครับ...สงสัยเบลอ


โดย: wicsir วันที่: 21 มีนาคม 2563 เวลา:11:06:44 น.  

 
สงสัยค่ะ...
วันนี้มาโหวตท่องเที่ยวฯ ให้ค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 22 มีนาคม 2563 เวลา:7:37:26 น.  

 
wicsir Travel Blog ดู Blog
ภาพสวยมากพี่อ็อด



โดย: หอมกร วันที่: 18 เมษายน 2563 เวลา:14:20:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
 
มีนาคม 2563
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
16 มีนาคม 2563
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.