....OUR FAMILY'S JOURNEY....
++ พาเยือนถิ่นแมน-ยู โอลด์แทรฟฟอร์ด เมืองแมนเชสเตอร์ ++







อ่านสองพ่อลูกขับรถตะลุยเกาะอังกฤษ : ตอนที่ 9 (สแทรตฟอร์ดริมแม่น้ำเอวอน และเชสเตอร์)
อ่านสองพ่อลูกขับรถตะลุยเกาะอังกฤษ : ตอนที่ 11 (เยือนถิ่น The Kop ที่เมืองลิเวอร์พูล)




อนที่แล้วเราพาท่านเดินทางไกล เริ่มจากเมือง Oxford ขึ้นไปทางเหนือเพื่อเยี่ยมชมบ้านเกิดของกวีเอกของโลก เชกสเปียร์ ที่เมือง Stratford upon Avon จากนั้นก็ขับยาวขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษ ไปที่เมือง Chester แล้วมาจบที่ที่พักเมือง Liverpool ครับ

เรามาถึงโรงแรม Trivelles, Stanley Rd. เมืองลิเวอร์พูลตอนเย็นๆแต่สภาพแสงยังไม่มืดเพราะเป็นหน้าร้อน เราจึงมีเวลาพอที่จะขับไปที่สนาม Anfield Stadium ของทีมหงส์แดง แต่สนามเขาปิดเรียบร้อยแล้วได้แต่เดินชมด้านหน้าพอให้หายอยาก..ส่วนเรื่องราวของการชม Museum ของที่นี่จะยกไปบล๊อกหน้าพร้อมกับทัวร์เมืองเลยนะครับ





Top View of OLd Trafford Stadium, Manchester (ขอบคุณภาพจากเวบ)
ในภาพอัฒจรรย์ด้านตะวันออกจะอยู่ทางมุมขวาของภาพ หรือด้านหน้า




บล๊อกนี้จะพาคุณๆทั้งที่เป็นแฟนผีหรือไม่ใช่ก็ตามไปทัวร์สนาม Old Trafford ของ Manchester United เอาพอได้ไอเดียนะครับ ลงภาพให้ชมมากมายเลยในบล๊อกนี้ ส่วนคำบรรยายก็จะใส่ประปราย เพราะคิดว่าแฟนๆผีตัวจริงคงมีข้อมูลมากมาย (กว่าผู้เขียน) อยู่แล้ว.




แผนการเดินทาง



วันนี้สบายๆ ออกเดินทาง 7.30 น. ไม่รีบเร่งเท่าไหร่ เพราะระยะทางไปที่เมืองแมนเชสเตอร์ไม่ไกลนัก วิ่งตามมอเตอร์เวย์ 6 เลนส์สะดวกสุดด้วยความเร็ว 70 ไมล์/ชม. ( 113 กม/ชม)

ตามแพลนวันนี้เช้าจะไปทัวร์สนามแมนเชสเตอร์ ส่วนตอนบ่ายจะกลับมาที่สนามแอนฟิลด์ของชาวหงส์แดง....วันนี้ทัวร์ 2 สนามคู่แข่งตลอดกาลครับ ถ้ามีเวลาก็จะไปทัวร์เมืองลิเวอร์พูลด้วย




ด้านหน้าสนาม



รูปปั้น 3 ตำนาน BOBBY CHARLTON - GEORGE BEST - DENIS LAW




ระยะทางจากเมืองลิเวอร์พูลไปเมืองแมนเชสเตอร์แค่ 34 ไมล์ หรือประมาณ 54 กม. ใช้เวลาขับเรื่อยๆรวมทั้งการหลงทางนิดหน่อย (ทางไปสนามแยกเยอะ งงนิดหน่อย) ประมาณชั่วโมง เราก็มาถึงถิ่นของผีแดง Manchester United ที่สนาม Old Trafford ซึ่งอยู่ออกมาทางตะวันตกของเมืองเกือบถึงถนนวงแหวน M60 ถ้าเรามาจาก Liverpool ตามทางมอเตอร์เวย์ M 62 ก็จะใกล้ (หมายถึงขับไปเองนะครับ)

เมื่อเข้าถึงสนามโอลด์แทรฟฟอร์ดแล้ว สิ่งแรกที่เราแวะไปดูคือด้านข้างของ East Stand ที่มีทั้งคำไว้อาลัยและมุมแห่งความทรงจำในเหตุการณืที่มิวนิค ปี 1958 เช่นอุโมงค์มิวนิค






มุมแห่งความทรงจำ เหตุการณ์ 6 กุมภาพันธ์ 1958... โศกนาฏกรรมมิวนิก เยอรมัน




โศกนาฏกรรมมิวนิก

โศกนาฏกรรมมิวนิก เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1958 เมื่อเครื่องบินของสายการบินบริติชยูโรเปียนแอร์เวย์ส เที่ยวบิน 609 พุ่งชนกับรันเวย์ของสนามบินมิวนิก-รีม ในมิวนิก ประเทศเยอรมนีตะวันตก (ในขณะนั้น) โดยเครื่องบินลำดังกล่าวเป็นลำที่ผู้เล่นของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ชุดที่ได้รับการขนามนามว่า "บัสบีเบบส์" โดยสารอยู่ด้วย เหตุการณ์นี้มีผู้โดยสารเสียชีวิต 23 คน จากทั้งหมด 44 คน ซึ่ง 8 คนเป็นผู้เล่นของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ส่วนศพที่เหลือเป็นเจ้าหน้าที่สโมสร, แฟนบอล และนักข่าว นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 3 คน








ด้านหน้าสนามจะติดภาพนักเตะดังๆมากมายไว้เป็นกำแพง เลยรูปปั้นทองแดงของ 3 ตำนาน (BOBBY CHARLTON - GEORGE BEST - DENIS LAW) ออกมา ไม่ว่าจะเป็นไรอัน กิ๊ก รูนนี่ โรนันโด้ รอย คีน ตลอดจนภาพผู้จัดการคนดัง เซอร์ อเลกซ์ เฟอร์กูสัน เอาไว้ให้แฟนๆได้ถ่ายภาพ .... ทางด้านหน้าหรืออัฒจรรย์ตะวันออกนี้จะมีทางเข้าไปที่ Mega Store ของแมนยูด้วย ซ้ายมือจะเป็นมุมไว้อาลัยเหตุการณ์ 6 กุมภาพัน์ 1958 ที่สนามบินมิวนิค





แม้วันที่ไม่มีแข่ง ยังมีคนขายผ้าพันคอ






เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน สแตน ทางเข้าชมมิวเซียมและทัวร์สนาม





ขวา : Sir Matt Busby




กว่าจะมาที่ Old Trafford

ย้อนกลับไปกว่าหนึ่งศตวรรษที่แล้ว "แทร็ฟฟอร์ด ปาร์ค" ซึ่งตอนนั้น มีสถานะเป็นเพียงผืนแผ่นดินว่างเปล่าบนนิคมอุตสาหกรรม แทร็ฟฟอร์ด พาร์ค ถูกซื้อด้วยเงินจำนวน 60,000 ปอนด์ และนำมาเนรมิตให้กลายบ้านแห่งใหม่ของสโมสร สนาม "โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด" ที่ทุกวันนี้ได้แปรสภาพเป็นหนึ่งในสนามฟุตบอลชั้นดีที่สุดในโลกของเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ มีความจุผู้ชมได้ สูงถึงกว่า 80,000 คน และนี่คือเรื่องราวทั้งหมดของ "โรงละครแห่งความฝัน" หรือ "Theatre of Dream"
เมื่อครั้งที่สมัยยอดทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังใช้ชื่อเดิมว่า "นิวตัน ฮีธ" พวกเขายังเป็นเพียงสโมสรฟุตบอลเล็กๆ ทีมหนึ่ง ซึ่งได้เข้าร่วมแข่งขัน ฟุตบอลลีกในปี 1892 และมีสนามเหย้าที่เข้าขั้นแย่ที่สุดอย่าง "นอร์ท โร้ด" ในมอนซอลล์ ซึ่งสนามมีสภาพราวกับปลักโคลน และห้องแต่งตัวก็อยู่ห่างไกลออกไปกว่าครึ่งไมล์ที่ผับ ทรีคราวน์ส

อย่างไรก็ตาม แม้จะได้ย้ายสนามจาก "นอร์ท โร้ด" มาสู่ "แบงค์ สตรีท" นั้น แต่ทั้งสองสนามก็มีสภาพไม่แตกต่างกันมากนัก และก็ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์กันว่าพื้นสนามนั้นย่ำแย่มากเช่นเดิม ด้วยเหตุนี้ ประธานสโมสร จอห์น เดวี่ส์ จึงได้ตัดสินใจย้ายห่างจากตัวเมืองไปอีก 5-6 ไมล์ ที่นั่นคือ "แทร็ฟฟอร์ด พาร์ค" ย่านชานเมือง แมนเชสเตอร์
"โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด" เริ่มออกมาให้ได้ยินกันเป็นครั้งแรกในระหว่างฤดูกาล 1909/10 โดยพื้นที่ซึ่งใช้ในการสร้างสนามนั้นซื้อโดยบริษัทแมนเชสเตอร์ บริวเวอรี่ (จอห์น เฮนรี่ เดวี่ส์) และให้สโมสรเช่าต่ออีกที เดวี่ส์เองเป็นคนจ่ายเงินค่าก่อสร้างด้วยเงินจำนวน 60,000 ปอนด์ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี 1908 ภายใต้การควบคุมของอาร์ชิบัลด์ ลีทช์ สถาปนิกชื่อดัง เมื่อย่างเข้าปี 1910 สโมสรก็ขนย้ายข้าวของจากสนามเดิมที่แบงค์สตรีทเข้ามาปักหลักที่นี่แทน และเนรมิตให้กลายบ้านแห่งใหม่ของสโมสร สนาม "โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด" มีความ จุผู้ชมได้สูงถึง 80,000 คน
ที่มา : https://www.glory-manutd.com/





แฟนๆรุ่นเยาว์เตรียมเข้าทัวร์สนาม





ซื้อตั๋วเข้าชม




เราเดินอ้อมไปทาง Sir Alex Ferguson Stand ซึ่งเป็นจุดจำหน่ายบัตรเข้าชมสนามและมิวเซียม ต้องผ่านการตรวจอาวุธเหมือนสนามบินเลย เข้าไปด้านในก็เชคเวลาว่าเราจะเข้าชมในรอบไหน (คือว่างรอบไหนบ้างด้วย) ปกติ Stadium Tour จะเริ่มที่รอบ 9.40 และหมดที่รอบ 16.30 น. ถ้าเป็นวันอาทิตย์จะหมดที่รอบ 15.30 น. การทัวร์ในสนามจะใช้เวลาประมาณ 80 นาทีครับ ไม่นับรวมเวลา Museum Tour นะครับ ส่วนค่าเข้าชมรวมทั้งหมดแล้ว

เราเลือกเอารอบ 10.20 น. ซึ่งเหลือเวลาให้เราได้เดินถ่ายภาพด่านนอกได้อีกนานพอควร ส่วนราคาบัตร ก็ตกคนละ 18 ปอนด์สำหรับค่าทัวร์สนามและชมมิวเซียม ถ้าหากว่าเราจะชมมิวเซียมอย่างเดียวก็จ่าย 11 ปอนด์ครับ ค่าสายใส่บัตรคล้องคออีกเส้นละ 3.5 ปอนด์ (ไม่ได้แจกฟรีนะครับ) .... ช่วงที่เราไปซื้อบัตรก็มีกลุ่มเยาวชนมาทัวร์เช่นกัน ประมาณว่าพวกเขามาเป็นกรุ๊ปและจองเวลามาแล้วทางเวป. (ดูเพิ่มเติม Museum & Stadium Tour)

ได้บัตรแล้วคั้นจะนั่งทานกาแฟรอด้านในก็เสียเวลาคนบ้านไกลอย่างเรา เลยขออนุญาต security ที่เฝ้าอยู่ว่าจะไปเดินชมรอบๆสนามหน่อย เมื่อเขาโอเค เราเลยถือโอกาสเดินรอบๆสนามจนใกล้ถึงเวลาถึงกลับมา





ซ้าย : แฟนแมนยูตัวน้อย ขวา : สายใส่บัตรนี้จ่าย 3.5 ปอนด์





แนะนำก่อนทัวร์



กลับมาก็มายืนรอที่ใกล้ๆที่ขายตั๋ว นึกว่าไกด์จะมารอรับที่ประตูทางเข้า แต่เหลืออีก 5 นาทียังไม่มีใครมาเรียก เลยเดินไปถาม เขาบอกว่าไกด์จะรอรับที่หน้า Museum ชั้นบน ... เกือบแล้วไหมล่ะนาย wicsir ... เดินจ้ำอ้าวขึ้นบันไดไปที่ชั้นบน ก็มีลุงมารอเรียกว่า "ใครจะทัวร์สนาม มาทางนี้" เราก็ถามต่อว่า ใช่รอบ 10.20 น.ไหม? ลุงบอก Yab ที่นี้เราตามเลย.

ก่อนออกไปที่อัฒจรรย์ก็จะเข้าห้องบริฟท์กันเล็กน้อย แนะนำตัวไกด์ที่พากลุ่มเราทัวร ลุงแกชื่อ อลัน (Alan L) แต่จำนามสกุลไม่ได้ แกบอกว่าการทัวร์แต่ละจุดต้องทำเวลาให้ได้พอดี ไม่งั้นกลุ่มอื่นจะต้องรอคิว...เห็นไหมครับ คนเยอะยังกะวันแข่งของทีมบ้านเราเลยล่ะ





จุดแรกที่ Sir Alex Ferguson Stand




จุดแรกที่เราได้นั่งฟังเขาบรรยายที่ไปที่มาของทีมและสนาม (ได้ quote มาให้อ่านด้านบนแล้ว) ก็ที่ Sir Alex Ferguson Stand ครับ (น่าจะเป็นทางด้านเหนือ) ลุงแกบอกว่าอย่าเพิ่งถ่ายรูปเลย ตรงมุมในจุดต่อไปจะเห็นสนามในมุมที่สวยกว่ามาก (เราว่าตรงนี้ก็ตื่นเต้นแล้ว นี่ถ้าได้มานั่งดูจริงๆคงได้บรรยากาศน่าดูเลย)







วิวจาก Sir Alex Ferguson Stand



ตรงข้าม Sir Alex Ferguson Stan จะเป็น Sir Bobby Charlton Stand ซึ่งเป็นอัฒจรรย์หลัก ถ้าเทียบกับสนามศุภฯ ก็คืออัฒจรรย์ที่มีหลังคาประมาณนั้นครับ เวลาแข่งพวกผู้จัดการทั้งสองทีมจะออกแอคชั่นด้านนั้นแหละ .... ส่วนด้านในอัฒจรรย์ Sir Bobby Carlton จะมีห้องต่างๆมากมาย ยกเว้น Museum ซึ่งอยู่ด้านในอัฒจรรย์ Sir Alex Ferguson ที่เรากำลังนั่งฟังบรรยายอยู่ตอนนี้ครับ







จุดที่ 2 ตรงมุมระหว่าง East Stand & Sir Bobby Charlton Stand (ใกล้จุดถ่ายทอดสด)




จุดต่อมาที่ลุงอลันพาเรามาหยุดชม คือมุมระหว่าง East Stand กับ Sir Bobby Charlton Stand (South Stand) กล้องถ่ายทอดสดก็จะอยู่ตรงมุมนี้ตัวหนึ่ง ตัวนี้แหละเอาไวซูมดูนักกีฬาเวลาจะเปลี่ยนตัวและกับเข้าที่นั่งของทีม (สนามโอลด์แทรฟฟอร์ดเขามีที่นั่งทีมเหย้าและเยือนอยู่บนอัฒจรรย์ครับ) ... ณ มุมนี้เราสามารถมองเห็นรอบๆสนามได้อย่างชัดเจนแบบที่ลุงว่าจริงๆ รวมทั้งอุโมงค์ที่นักกีฬาเดินเข้า-ออกด้วย ตรงนี้ลุงก็จะสาธยายเรื่องระบบการระบายน้ำฝนเวลาที่ฝนลงอย่างหนัก (จำตัวเลขไม่ได้) เขามีระบบรองรับน้ำด้านล่างแล้วปั๊มออกไปเก็บและบำบัดด้านนอก ก่อนนำกลับมาใช้ในส่วนต่างๆอีก ลุงแกบอกถึงจำนวนเจ้าหน้าที่ที่คอยปฏิบัติงานเกี่ยวกับเรื่องน้ำนี้ด้วย...เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะอังกฤษเป็นเกาะ ปริมาณน้ำฝนค่อนข้างมาก ฉะนั้นระบบระบายน้ำต้องทำกันอย่างดี





Press Release Room (ห้องแถงข่าว)




จุดต่อมาคือห้องแถลงข่าว (อยู่ด้านใน Sir Bobby Charlton Stand) ที่เราเห็นในทีวีเวลาเขาแข่งเสร็จ พวกผู้จัดการทีจะมาโดนสัมภาษณ์ที่ห้องนี้แหละ รวมถึงแถลงข่าวเรื่องอื่นๆ เช่นการซื้อ-ขายตัวนักเตะด้วย .... ใครอยากถ่ายภาพแล้วให้เขาเอาไปแต่งเหมือนกับลงหนังสือพิมพ์ ก็สามารถถ่ายได้ตรงนี้โดยเจ้าหน้าที่ ค่าใช้จ่ายถ้าจำไม่ผิด 14 ปอนด์ประมาณนั้นได้ภาพน่าจะ 2-3 ภาพ ไม่แน่ใจครับ...กะเหรี่ยงแบบเราไหนเลยจะยอมเสียเงิน มีแต่เด็กๆชาวอังกฤษเข้าคิวกันถ่ายครับ

จากห้องนี้จะเป็น Lounge ของพวก VIP ของทีมที่เขาเข้ามาชมเกมส์ เขาจะมานั่งดื่มกันตรงนั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์ครับ ออกจากห้องนั้นไปก็จะเป็นที่นั่ง VIP ใน Stand ที่เราเห็นเวลาเขาถ่ายทอดสดครับ







ห้องแต่งตัวทีมแมนยู (Dressing Room)





ห้องต่อมา ก้เป็น Dressing Room มีทั้งของทีเหย้า (แมนยู) และทีมเยือน ในห้องทีมเหย้าจะมีล๊อกเกอร์ของบรรดานักเตะของทีมครบทุกคน ที่ผนังมีจอทีวีขนาดใหญ่สามารถใช้กับคอมพิวเตอร์ได้ รวมทั้งกระดานอีเลคทรอนิคไว้ติวบรรดานักเตะเวลก่อนลสนามและพักครึ่ง เรียกว่าทันสมัยมาก ... ส่วนของทีมเยือน ลุงแกบอกว่าเป็นอุปกรณ์พื้นๆ (เราไม่ได้เข้าไปดู)

ถัดไปก็เป็นห้อง Super Star เวลามาเยือนที่นี่ เขาจะเก็บเสื้อแขวไว้เป็นที่ระลึก เช่นของ ซีดาน แมสซี่ และโรนัลโด้ เป็นต้น .... ติดๆกันเป็นห้องพยาบาล





Special Guests Room









อุโมงค์ เข้า-ออก ของนักฟุตบอล



ต่อมา..ก็จะพาไปดูอุโมงค์เดินลงสนามและเดินกลับของนักฟุตบอล ณ อุโมงค์แห่งนี้ยังเป็นทางหนีไฟและทางออกฉุกเฉินด้วย ลุงแกบอกว่าเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินผู้คนในสนามประมาณเกือบแปดหมื่นคนจะใช้เวลาออกผ่านทางออกฉุกเฉินที่มีในสนามเพียงไม่กี่นาทีเอง (คือเขาคิดไว้หมดแล้ว)






หน้าอัฒจรรย์เซอร์บ้อบบี้ ชาร์ลตัน




จุดต่อมา...ก็คือขอบสนามหน้าอัฒจรรย์ Sir Bobby Carlton ตรงที่เป็นล๊อกที่นั่งของทีเหย้า หรือ เจ้าบ้าน กับล๊อกของทีเยือน คืออยู่ติดๆกันนั่นแหละ ด้านหน้าของแต่ละทีมพวกผู้จัดการก็จะยืนและออกแอ๊คชั่นตรงนั่นแหละ ตรงกลางจะมีช่องเผื่อไว้ให้นักกีฬาเดินขึ้นไปรับรางวัล และให้เจ้าหน้าที่พาคนที่โดนใบแดงออกไปโดยผ่านช่องนี้เหมือนกัน

สูงขึ้นไปจากที่นักของตัวสำรอง ก็จะเป็นที่นั่ง VIP บนสุดก็จะเป็นห้องพวก Commentators หรือห้องบรรยาย และห้องนักข่าวครับ





ตรงที่เราเห็นผู้จัดการทีมยืนอยู่ตอนแข่งครับ (Sir Bobby Charlton Stand)



จากตรงนี้ไปก็หมดหน้าที่ลุงอลันแกแล้ว แกกล่าวขอบคุณและแจกนามบัตร ก่อนบอกเราว่าห้องต่อไปคือ Mega Store ของแมนยู ไปใช้เงินได้ตรงนั้น ส่วนใครที่ยังไม่ได้ชมมิวเซียม ก็ไปชมต่อได้ไม่เสียสะตังค์ครับ

จริงๆเราน่าจะชมมิวเซียมก่อนถึงเวลานัด น่าจะดีกว่า แต่ไม่เป็นไรไปชมก่อนแล้วค่อยมาเสียสะตังค์ตรง Shop ยักษ์นี่ก็ได้ .... สรุปแล้ววันนั้หมดไปหลายตังค์เหมือนกัน...ได้ลูกกอล์ฟตราแมนยู (มีขายด้วย) เสื้อ ผ้าพันคอ แจ็คเก็ท พวงกุญแจ...




ทัวร์มิวเซียมต่อ



.



ชอบใจที่ฝรั่งเขาทำ Museum ไว้ดี มีตั้งแต่ประวัติทีม รางวัลที่ได้รับ สปอนเซอร์ที่สำคัญๆ เสื้อและอุปกรณ์กีฬาที่นักเตะดังๆใช้ เช่นท่านเหน่ง (เซอร์บ้อบบี้ ชาร์ลตัน) ไรอัน กิ๊ก, โรนัลโด้, ที่แปลกที่สุดเห็นถ้วยใบหนึ่งมีรูปสิงห์ วางเด่นอยู่ในนั้นด้วย เขียนข้างถ้วยว่า "Singha Corporation Two Legends, One Pride" .... ในห้องมีฉายสไลด์ภาพของนักเตะดังด้วย (ตอนเข้าไปกำลังฉายของกิ๊กอยู่) เรียกว่าใน Museum มีให้ศึกษาครบทุกอย่างครับ























ถ่ายสิงห์มาให้ดู




หลังจากมาถ่ายสะตังค์จากกระเป๋าให้กับ Mega Store แล้ว ก็เดินตัวเบาออกมาที่จอดรถเพื่อเดินทางกลับเมืองลิเวอร์พูล เพื่อจะไปทัวร์ถิ่น The Kop อีก พร้อมทั้งไปเที่ยวในเมืองลิเวอร์พูลด้วย แล้วคอยอ่านในบล๊อกต่อไปครับ



ขอบคุณที่ตามอ่านมาตลอด





ลา Old Trafford ด้วยภาพนี้ครับ




_____________







Create Date : 11 ตุลาคม 2559
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2565 9:27:10 น. 5 comments
Counter : 20079 Pageviews.

 
แวะมาเจิมไปอิจฉาพี่วิคไปค่ะ



โดย: อุ้มสี วันที่: 11 ตุลาคม 2559 เวลา:22:00:34 น.  

 
ไม่ใช่แฟนผี แต่ขอตามมาชมด้วยคนครับ พวกของที่ระลึกมันน่าสะสมครับ อย่างพวกผ้าพันคอ เพราะมันเปลี่ยนไปแทบทุกปีด้วย สนามอย่างใหญ่เลยล่ะครับที่นี่ ประวัติพวกแฟนๆ เค้ารู้ดีจริงๆ แหละครับ

ที่อังกฤษสนามที่อยากไปชมจริงๆ ถามผม ผมเลือกสนามเวมบลีย์นะ

wicsir Travel Blog
+


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 11 ตุลาคม 2559 เวลา:23:22:32 น.  

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 13 ตุลาคม 2559 เวลา:4:03:24 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณ wic

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
moresaw Diarist ดู Blog
ขุนเพชรขุนราม Topical Blog ดู Blog
ปรัซซี่ Food Blog ดู Blog
Tui Laksi Sports Blog ดู Blog
Maeboon Klaibann Blog ดู Blog
คนบ้านป่า Literature Blog ดู Blog
wicsir Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 18 ตุลาคม 2559 เวลา:19:43:06 น.  

 
ช่วงนี้ขอใส่โทนสีเทานี้ซักพักนะครับ.
อัพบล๊อกคราวหน้า จะเปิดสีคืน

wicsir.


โดย: wicsir วันที่: 19 ตุลาคม 2559 เวลา:9:17:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2559
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
11 ตุลาคม 2559
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.