....OUR FAMILY'S JOURNEY....
ปากเซ ปากซอง ตาดเยือง (สะบายดีจำปาสัก 4)


ปากเซ ตลาดดาวเรือง ปากซอง ตาดเยือง
(สะบายดีจำปาสัก 4)



อ่านตอนที่ 3 : คล๊กที่นี่
อ่านตอนจบ : คล๊กที่นี่




3 มกราคม 2009

วันนี้เป็นวันที่ 3 มกราคม และเป็นวันสุดท้ายที่เราจะอยู่ที่แขวงจำปาสัก ประเทศลาวแล้วสินะ คิดไปก็ใจหายเหมือนกัน อะไรกันคิดถึงกันเป็นปี พอมาอยู่ด้วยกันเดี๋ยวเดีียวก็จะจากกันแล้ว

บางทีช่วงมีความสุขของชีวิต มันก็ไม่มากมายอะไรนัก คนเราถ้ามีโอกาสก็ควรเก็บเกี่ยวเอาให้ได้ สามวันที่นั่น ที่ปากเซ ลาวใต้ ทำให้เราสลัดเอาความวุ่นวายในที่ทำงานออกไปได้โขเหมือนกัน

เราตื่นเช้าขึ้นมาเปิดม่านหน้าต่าง มองดูท้องฟ้าสีฟ้าทึมๆเหนือน้ำโขง เมืองปากเซ ก็อดไม่ได้ที่จะคว้าเพื่อนนิคมาบันทึกภาพไว้ ก่อนที่จะพาตัวเองและคนรู้ใจออกไปถ่ายภาพบนสะพาน








ฟ้าสางที่ลำน้ำโขง ปากเซ





ภาพด้านบนและด้านล่างถ่ายจากห้องพักบนโรงแรมครับ เห็นวิวสวยดีเลยเอามาฝาก







ปากเซยามเช้า












โรงแรมจำปาสักแกรนด์ตั้งอยู่ตรงสุดปลายสะพานด้านปากเซ และติดริมฝั่งแม่น้ำโขง ถ้าเราเดินทางเข้าปากเซ โรงแรมจะอยู่ด้านขวามือ ออกจากโรงแรมเราสามารถถ่ายภาพสะพานในมุมต่างๆได้เลย









โรงแรมจำปาสักแกรนด์







แม่น้ำโขง






แม่น้ำโขงที่เงียบสงบในตอนเช้า ไกลออกไปที่ปลายภาพ จะเป็นนครจำปาสัก และคอนพะเพ็ง.... ส่วนด้านตรงข้าม (ด้านหลังของภาพ) จะไปสู่ชายแดนไทยที่อำเภอโขงเจียม และกั้นเขตแดนไทย-ลาว ขึ้นไปเรื่อยจนถึงอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ก็จะวกเข้าสู่ประเทศลาวอีกครั้ง ผ่านหลวงพระบาง และไปกั้นพรมแดนทั้งสองประเทศอีกครั้งที่เชียงของ และไปสิ้นสุดชายแดนไทยที่สามเหลี่ยมทองคำ (บ้านสบรวก) อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย

เหตุผลที่ว่าทำไมไม่กั้นพรมแดนทั้งสองประเทศตลอดก็เพราะการเมืองช่วงสงครามอินโดจีน ลองเข้าไปดูเรื่องการเสียดินแดนไทยช่วงรัชกาลที่ 5 ครับ













บนสะพาน จะเป็นขนาดสองช่องจราจร และสร้างช่องสำหรับคนเดินไว้ทั้งสองข้างของสะพาน ปลายสุด (ฝั่งตรงกันข้าม ปากเซ) จะเป็นสะพานแขวน

วันนั้นเราตั้งใจจะเดินไปถ่ายภาพฝั่งตรงข้าม ( 1300 เมตร) แต่พอเดินไปได้แค่ตรงกลางสะพาน เกิดมีฝนเริ่มตก เราเลยรีบวิ่งกลับไปที่โรงแรม...

เช้าๆที่สะพานนี้จะเห็นผู้คนมาวิ่งออกกำลัง กันหลายคนเหมือนกัน ก็น่าวิ่งอยู่หรอกเพราะอากาศดีอย่างนั้น








ริมฝั่งโขง







แม่น้ำโขงมีความสำคัญกับพี่น้องสองฝั่งเป็นอย่างมาก จนเกิดเป็นวรรณกรรม และเรื่องราวเกี่ยวกับแม่น้ำโขงหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับพญานาคหรือความเร้นลับต่างๆเกี่ยวกับแม่น้ำสายนี้ คุณปองพล อดิเรกสาร ได้แต่งนิยายที่เกี่ยวกับลำน้ำสายนี้ขึ้น ชื่อ "แม่โขง" ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ พญานาค และผู้คนในแถบลุ่มน้ำนี้

แต่ที่สำคัญที่สุดของแม่น้ำโขง คือเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของพี่น้องไทย และลาวมาช้านาน รวมทั้งเป็นที่สัญจรไปมาหาสู่กันด้วย









เมืองปากเซ ไกลสุดคือสนามกีฬา







เมืองปากเซเป็นเมืองที่คนจีน และคนเวียดนามอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นการค้าขายที่นี่จึงคึกคักเป็นพิเศษ เราสังเกตุว่าผู้คนมาตลาดตั้งแต่เช้า เหมือนกับในเมืองไทย บ้างก็มาทางเรือ บ้างก็มาทางรถยนต์ เพราะตลาดดาวเรืองตั้งอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำโขงมากนัก แถมอยู่ใกล้สะพานข้ามแม่น้ำโขงเสียอีก

นักธุรกิจสาวใหญ่เจ้าของกิจการส่งออกกาแฟ และร้านขายสินค้าปลอดภาษี ที่ชื่อดาวเรือง หรือ ดาวเฮือง ก็เป็นคนเมืองนี้ด้วย








เมืองปากเซ






หลังอาหารเช้าที่โรงแรม ซึ่งการบริการ หรือการบริหารจัดการเรื่องอาหาร ที่นี่จะดีกว่าโรงแรมที่เราไปพักวานนี้ สถานที่กว้างขวาง พนักงานให้บริการใกล้เคียงกับเมืองไทยเลยทีเดียว เราเลยทำเวลาได้ดีในช่วงเช้า ได้ทั้งถ่ายภาพรอบๆโรงแรม และไม่เสียเวลารอทานอาหารมากนัก

ที่โรงแรมนี้เขารับบัตรเครดิตพวก VISA และ Master card ด้วย แต่เขาจะชาร์ท 3 เปอร์เซ็นต์ ลองคิดดูเองว่าจะจ่ายแบบไหน








ศาลาคำ ริมเซโดน






เช็คเอาท์เสร็จเรียบร้อย ไกด์อ๊อดบอกว่าเช้านี้จะพาขับดูเมือง ถ่ายภาพสถานที่สำคัญๆ กัน....

เราขับเรียบแม่น้ำโขงไปทางปากน้ำเซโดน และขับเลียบเซโดนไป ถึงศาลาคำ ก็เลยขอถ่ายภาพตรงนั้นก่อน ผู้เขียนเข้าใจว่าศาลาแห่งนี้คงใช้ในงานพิธีต่างๆ เช่นการแข่งเรือ (เห็นสวยดีก็เลยถ่ายมาฝาก)









สะพานเหล็ก หรือ สะพานวัดใจ







สะพานเหล็ก เป็นสะพานเก่าแก่ที่ฝรั่งเศสสร้างไว้ข้ามน้ำเซโดนเพื่อขึ้นเหนือไปทางเวียงจันท์ ตามถนนหมายเลข 13.... เมื่อปี 2003 ที่เรามาเยือนเมืองนี้ ตรงนี้จะเป็นที่เดียวที่มีไปจราจร แต่ไกด์เราก็บอกว่าจะเอาแน่กับไฟตรงนี้ไม่ได้หรอก บางครั้งก็เสีย เวลาจะข้ามสะพานต้องวัดใจกันเอาว่าฝั่งไหนจะข้ามก่อน เพราะสะพานแคบ รถวิ่งผ่านได้เพียงคันเดียว(ช่องจราจรเดียว)

แต่วันที่เราไปถ่ายภาพนี้มา เห็นเจ้าหน้าที่เฝ้าที่สะพานด้วย คงคุมไฟจราจรด้วย ณ วันนี้ไฟจรจรอัตโนมัติได้ติดตั้งเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่คงช่วยดูในช่วงเวลาเร่งด่วนเท่านั้น









โรงแรมจำปาสักพาเลซ (ศาลาพันห้อง)





โรงแรมจำปาสักพาเลซ หรือวังเจ้าบุญอุ้ม

ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองปากเซ บนทางหลวงหมายเลข 13 ในอดีตวังเจ้าบุญอุ้มเคยใช้เป็นที่ประทับของเจ้าบุญอุ้ม ณ จำปาสัก เจ้าผู้ครองนครองค์สุดท้ายก่อนที่จะเกิดการปลดปล่อยหรือเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศเป็นระบอบสังคมนิยมในปี พ.ศ. 2518 ทำให้พระราชวังแห่งนี้ตกอยู่ในการดูแลของรัฐบาลลาว

เจ้าบุญอุ้มเคยเป็นนายกรัฐมนตรีของลาวในปี พ.ศ. 2503 – 2505 ต่อมาภายหลังต้องเสด็จลี้ภัยทางการเมืองไปประทับที่ฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2517 และสิ้นพระชนม์ที่กรุงปารีสในปี พ.ศ. 2521

พระราชวังเริ่มสร้างในปี พ.ศ. 2511 แต่สร้างเสร็จหลังการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2518 ทำให้เจ้าบุญอุ้มไม่มีโอกาสได้ครองพระราชวังหลังใหม่ ซึ่งถูกสร้างขึ้นอย่างงดงามเหนือลำน้ำเซโดน ตั้งอยู่เนินสูงใจกลางเมืองปากเซ ตัวพระราชวังเป็นตึกก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่สูง 6 ชั้น ได้รับอิทธิพลจากประเทศฝรั่งเศส สร้างโดยไม่มีการตอกเสาเข็ม แต่ใช้เสาจำนวนมากในการรับน้ำหนัก ภายในพระราชวังมีประตูหน้าต่างรวมกันกว่า 1,900 บาน ประตูหน้าต่างเหล่านี้ก่อสร้างและตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม จนได้รับการขนานนามว่า ศาลาพันห้อง ตัวพระราชวังหันหน้าไปทางแม่น้ำโขง ด้านหลังอยู่ติดแม่น้ำเซโดน

พระราชวังแห่งนี้ ทางรัฐบาลลาวใช้เป็นที่จัดประชุมพรรคและเป็นที่พำนักของแขกบ้านแขกเมืองมาจนถึง พ.ศ. 2538 ปัจจุบันพระราชวังได้รับการตกแต่งใหม่และเปิดเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในเมืองปากเซ ชื่อว่า โรงแรมจำปาสัก พาเลซ โดย ดร.ปองศักดิ์ ว่องพาณิชเจริญ ชาวจังหวัดศรีสะเกษ เป็นผู้บูรณะปรับปรุงใหม่ แผนของโรงแรมเป็นรูปตัว E ห้องล็อบบี้กรุด้วยไม้และแกะสลัก ห้องประชุมตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นรูปลาวลุ่มกับชาวเขาเผ่าต่างๆ สำหรับชั้นที่ 6 เป็นชั้นบนสุดที่มีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบเมืองปากเซ สะพานมิตรภาพลาว











ภาพบนเป็นสะพานใหม่ข้ามน้ำเซโดน ถ่ายจากด้าหลังของโรงแรมจำปาสักพาเลซ







หน้าตลาดดาวเรือง





เรามาจอดรถไว้ที่ถนนด้านหน้าตลาดดาวเรืองซึ่งเป็นตลาดใหม่ของเมืองปากเซ ตลาดเดิมจะอญู่ในเมืองใกล้ๆกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และไม่ไกลจากวัดหลวงนัก







ในตลาดดาวเรือง






ภายในตลาดก็มีสินค้าต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเงิน ผ้าทอ โทรศัพท์มือถือ ทองคำ และสินค้าอื่นๆ

ส่วนด้านหน้าตลาด (ผ่านประตูเข้าไปหน่อย) จะเป็นของสด เหมือนที่ขายในตลาดสดบ้านเรา แต่ที่นี่พิเศษคือปลาน้ำโขง








ซื้อเครื่องเงิน







ผ้าทอ







มือถือ







คนขายเครื่องเงิน







ตลาดสด







รถประจำทางที่จอดรอผู้โดยสารอยู่หน้าตลาด







หลังจากที่เราเป็นพญาน้อยชมตลาดประมาณชั่วโมงเศษๆ และตัวเบาไปพอสมควรแล้ว เราออกเดินทางสู่ที่ราบสูงบอโลเวน (Bolovan) ซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของเมืองปากเซ ที่หมายแรกคือเมืองปากซอง

แต่ก่อนที่จะไปเมืองปากซอง ตรงทางผ่านก่อนจะออกเมืองปากเซ ด้านขวามือจะมีป้ายบอกว่า มหาวิทยาลัยจำปาสัก เขียนเป็นภาษาลาว และเป็นที่ๆไกด์อ๊อดเราเรียนอยู่ด้วย คือเขากำลังเรียนในชั้นปีที่ 5 หรือปีสุดท้ายของคณะเศรษฐศาสตร์ เราเลยบอกให้สาระถีเราเลี้ยวเข้าไปเพื่อถ่ายภาพเป็นที่ระลึก








หน้ามหาวิทยาลัยจำปาสัก






อ๊อดบอกว่า มหาวิทยาลัยจำปาสัก เมื่อก่อนจัดการเรียการสอนอยู่กัยวิยาลัยอาชีวะ เพิ่งย้ายมาอยู่สถานที่ปัจจุบันตอนปี 2004 อาคารสถานที่กำลังก่อสร้างอยู่ เสียดายที่เราไม่มีโอกาสเข้าไปชมภายในมหาวิทยาลัย

จากนั้นเราเดินทางตรงไปที่เมืองปากซองซึ่งตั้งอยู่บนที่ราบสูงบอละเวน





ที่ราบสูงบอโลเวน (Bolovan)

ดินแดนแห่งที่ราบสูงโบโลเวน หรือ บอละเวนแห่งลาวใต้ซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1200 เมตร เป็นที่อยู่ของชนกลุ่มน้อยเชื้อสายมอญและเขมร คำว่าบอละเวนในภาษาลาวหมายถึง ที่อยู่ของชาวละเวน ชนกลุ่มน้อยที่มีจำนวนมากที่สุด นอกจากชนเผ่าละเวนแล้วยังมีชนเผ่ากะตุ อาลัก ตะโอ๊ย และส่วยอาศัยอยู่ ชนเผ่าเหล่านี้นับถือผี มีฝีมือด้านการถักทอโดยเฉพะเผ่าละเวนที่นำลูกปัดมาถักทอเป็นลวดลาย ที่ราบสูงบอละเวนเป็นแหล่งปลูกกาแฟที่มีความสำคัญของลาวตั้งแต่ยุคที่เป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส








โรงแรมภูเทวดา ปากซอง






เส้นทางสาย 23 จากปากเซ ไปที่เมืองปากซอง ระหว่างทางจะเจอไร่กาแฟของชาวบ้านปลูกเต็มไปหมด ได้ข่าว่าบริษัทน้ำเมาใหญ่จากประเทศไทย ก็ไปทำไร่กาแฟอยู่ในบริเวณนั้นด้วย

นอกจากกาแฟแล้วเรายังเห็นชาวบ้านเขานำมะระหวานมาวางขายข้างๆถนนด้วย มิน่าล่ะทุกร้านอาหารที่เราเข้าไปทาน ผักเคียงมักจะมีมะระด้วย

ถึงปากซองเราเพียงให้รถพาเราวิ่งชมสภาพของเมือง แต่คนรถเขาแถมให้โดยพาเราไปชมโรงแรมภูเทวดา ซึ่งตั้งอยู่บนเขาลูกหนึ่งของเมืองปากซอง ตามทางเข้าไปเรายังเห็นป่าดอกบัวตองสีเหลืองที่ยังร่วงโรยไม่หมดเป็นระยะๆ ก่อนถึงตัวโรงแรม ไปเจอป้าย "ยินดีต้อนรับ" เข้าเลยรู้เลยว่าโรงแรมนี้นักธุระกิจจากไทยมาร่วมลงทุนด้วย เจ้าหน้าที่บอกเราว่าบางคืนอากาศที่นี่หนาวร่วมๆ 10 องศา อย่างเช่นคืนวานนี้ ( 2 มกราคม) เป็นต้น









ร้านค้าก่อนทางเข้าน้ำตกตาดเยือง







เรากลับออกจากปากซอง มาทางปากเซ ระยะทางประมาณ 42 กมจากปากเซ ก็ถึงทางแยกซ้ายมือ (เมื่อขับรถเข้าปากเซ) เข้าไปประมาณ 1 กม (เป็นทางที่ชาวบ้านที่นั่นช่วยกันตัดเข้าไปใหม่ให้ตรงขึ้น) ก็จะถึงลานจอดรถ ด้านหน้าจะมีร้านขายสินค้าต่างๆ รวมทั้งเนื้อฟานตากแห้งด้วย








ธารน้ำด้านบนของน้ำตกตาดเยือง






ก่อนเข้ามาถึงตรงภาพด้านบน เราต้องจ่ายค่าเข้าชมน้าตกคนละ 5000 กีป แล้วเดินผ่านซุ้มประตูเข้ามาจะเจอทางลงไปลำธาร เหนือน้ำตก แต่เราจะไม่ลงไปตรงนั้น เพราะเราจะไปที่จุดชมน้ำตก ซึ่งต้องเดินลงเขาไปอีก







ทางเดินลงไปชมน้ำตก






ตามเส้นทางที่เห็นด้านบนภาพ จะนำเราไปอยู่หน้าน้ำตกเป็นคล้ายๆเนินดิน แคบๆพอให้เราได้แอคท่าถ่ายรูปกันได้ โดยเขาทำรั้วไม้ไว้กันตกด้วย อยู่ตรงนั้นละอองน้ำจากน้ำตก กระจายไปทั่วจนห่วงกล้องเราว่าจะเปียก ความสูงของน้ำตกน่าจะประมาณ 50 เมตรได้

เราสามารถเดินลงไปข้างล่างที่แอ่งน้ำได้ด้วยถ้าต้องการ วันนั้นนักท่องเที่ยวหลายคนก็เดินลงไปที่ธารน้ำด้านล่างเพื่อสัมผัสน้ำตกอย่างใกล้ชิด







น้ำตก






น้ำตกตาดเยือง : ตาดเยืองเป็นน้ำตกสวยงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองปากซอง คำว่าว่าเยืองแปลว่าเลียงผา แม้จะเป็นน้ำตกขนาดกลางไม้สูงใหญ่เท่าตาดฟานก็ตาม แต่มีข้อดีกว่าคือเราสามารถเข้าไปชมได้ใกล้ชิดถึงตัวน้ำตก

จุดเด่นที่น่าชมอยู่ที่สายน้ำสีขาวที่ไหลออกมาตามหน้าผากระทบโขดหินแตกเป็นละอองสีขาวตัดกับสีดำเข้มของโขดหิน ท่ามกลางบรรยากาศอันร่มรื่นและเป็นส่วนตัว








อีกภาพ






เราออกจากน้ำตกตาดเยืองเพื่อไปแวะที่น้ำตกตาดฟานต่อ ซึ่งตาดฟานก็อยู่ไม่ไกลกันนักจากตาดเยือง

ขอจบตอนนี้ด้วยกระแสน้ำตกตาดเยืองด้านล่างละกันครับ.








ระยะใกล้





สะบายดี



อ่านตอนที่ 3 ll อ่านตอนที่ 5 (ตอนจบ)


________จบตอนที่ 4_________








Create Date : 11 มกราคม 2552
Last Update : 14 สิงหาคม 2555 22:58:16 น. 16 comments
Counter : 11641 Pageviews.

 
สวัสดีเช้าวันอาทิตย์ค่ะ คุณwicsir

ภาพเปิดตัวภาพแรกสวยมากเลยค่ะ

ว่าแต่พอเห็นโรงแรมจำปาสักแกรนด์และลำน้ำโขงของที่นั่นแล้ว ช่างเหมือนโรงแรมนครพนมริเวอร์วิวเลยค่ะ ทั้งรูปทรงและบรรยากาศ ทำให้หวลนึกถึงบรรยากาศเก่าๆ

ส่วนของชอปปิ้งในตลาดบ้านเค้าก้อจะคล้ายๆภาคอีสานบ้านเราเหมือนกันนะคะ โดยเฉพาะเครื่องเงินเพราะไปอีสานครั้งใดต้องได้สร้อยข้อมือกลับมาทุกครั้งเลยค่ะ

คงจะเห็นก้อเพียงน้ำตกเท่านั้นที่ของเค้าดูเหมือนจะสวยกว่าทางบ้านเรา ว่ามั๊ยคะ

อากาศเริ่มเย็นลงอีกแล้ว รักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: nLatte วันที่: 11 มกราคม 2552 เวลา:9:31:48 น.  

 


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 11 มกราคม 2552 เวลา:11:18:58 น.  

 
สวัสดีครับ..nLatte บรรยากาศคล้ายๆกันกับนครพนมครับ แต่ความแปลกใหม่ของที่นี่คือธรรมชาติที่ยังค่อนข้างสมบูรณืครับ

มีน้ำตกขนาดใหญ่แห่งหนึ่งชื่อ "ตาดตาเก็ด" ที่ต้องออกจากปากซองไปอีกแถวๆบ้านหนองหลวง และเดินไปอีกเป็นวัน เห็นภาพแล้วตระการตามาก.

ขอบคุณครับ เรื่องสุขภาพ เช้ามืดแถวขอนแก่นประมาณ 11 องศาครับช่วงนี้.


สวัสดีครับคุณตุ๊ก.... เอาเพลงกุหลาบปากซัน เวอร์ชั่นของภูสมิง มาให้ฟัง หลายๆคำร้องต่างไปจากของคนด่านเกวียนนะครับ.


โดย: wicsir วันที่: 11 มกราคม 2552 เวลา:13:51:42 น.  

 
ตามมาอ่านต่อครับ อีกตอนเดียวเรื่องเล่าก็จะจบแล้วนะครับ อยากชมภาพสวยๆจากกล้องนิค่อน หรือไนค่อนมากๆครับ ผมคงไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวลาวใต้ เพราะอยู่ไกลคนละฟากฟ้าครับ


โดย: Innovation IP: 96.255.16.241 วันที่: 11 มกราคม 2552 เวลา:19:19:07 น.  

 
ขอบคุณ innovation ครับ.... ขอบคุณด้วยความจริงใจครับ
ก็ตามประสาคนชอบเดินทาง เห็นมาแล้วก็เอามาเล่าสู่ฟังตามที่เห็น
มีเพียงผู้รู้เท่านั้นที่จะเป็นกำลังใจ และช่วยเพิ่มเติมความรู้ให้ครับ.

ขอบคุณอีกครังที่ตามอ่านทุกตอนครับ.


โดย: wicsir วันที่: 11 มกราคม 2552 เวลา:19:26:17 น.  

 
ตามติดมาดูตอนที่สี่ค่ะ ภาพสวยมากๆ ได้ทั้งบรรยากาศและรายละเอียดเรื่อง
ขอถามได้ไหมค่ะใช้กล้องอะไรรุ่นไหนค่ะ

Photobucket


โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 11 มกราคม 2552 เวลา:19:35:05 น.  

 
ขอบคุณ Sweety ครับที่ติดตาม.

ใช้ Nikon D80 Lens kit 18-135 ที่ติดมากะกล้องครับ
มีบางครั้งที่ใช้เจ้า sigma 10-20 ถ่ายบ้าง....

แต่ภาพที่ sweety ถ่ายมาก็สวยทุกภาพนะครับ ท้องฟ้า ทะเล ได้ใจ จริงๆครับ


โดย: wicsir วันที่: 11 มกราคม 2552 เวลา:20:31:29 น.  

 
ด้วยความซุ่มซ่ามค่ะ ตอนนี้กล้องที่มีเหลือก็เลยมีแต่กล้องเล็กค่ะ
ตอนนี้ก็เลยมองๆ ค่ะรูปบ้านไหนสวยก็จะถามดูค่ะ
ขอบคุณมากๆนะคะ



โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 11 มกราคม 2552 เวลา:23:00:13 น.  

 
ที่ลาวบรรยากาศดีมากๆเลยนะคะ
น่าอิจฉา อยากไปบ้าง


โดย: KikabYte วันที่: 12 มกราคม 2552 เวลา:1:55:40 น.  

 
ขอบคุณ KikabYte ครับที่เข้ามาอ่าน
มีเวลาลองไปเที่ยวสิครับ ธรรมชาติที่นั่นสวยมาก


โดย: wicsir วันที่: 12 มกราคม 2552 เวลา:7:33:11 น.  

 
ท่าทางน้ำตกที่ลาวนี่ จะลงเล่นน้ำไม่ได้เลยสักที่นะคะ....

... ว่าแต่ว่า..... พี่ซื้อเครื่องเงินไปกี่เส้นค่ะ... อิอิ

ดีจังเลยนะคะ.... สอดแทรก สาระ ความรู้ด้วยตลอดเลย

ขอบคุณมากค่ะ


โดย: largeface วันที่: 12 มกราคม 2552 เวลา:15:59:15 น.  

 
หวัดดีครับ largeface..... คุยเรื่อง น้ำตก กะ เครื่องเงินต่อละกัน.

น้ำตกที่ลาวส่วนมากน้ำจะแรงมาก โดยเฉพาะน้ำตกที่เราไปชม แถวลำน้ำโขง ห้ามเล่นเด็ดขาดอันตรายมาก ก็ความแรงของน้ำโขงน่ะ..... ส่วนน้ำตกตามลำน้ำอื่นๆ เล่นได้ แต่ต้องเป็นที่ๆเขาอนุญาติครับ.

เครื่องเงิน ที่ปากเซนี่จะดีตรงเขาจะบอกเราเลยนะว่า เงินกี่เปอร์เซ็นต์ เช่นที่ร้านเราไปซื้อ 92 % น่ะ..... พี่ไม่ได้ซื้อเอง คนติดตามเขาซื้อขันเงินน่ะ ต่อราคาไม่ได้เลยเข้าหุ้นกับนักท่องเที่ยวอีกกรุ๊ปหนึ่ง คือซื้อรวมกันหลายอันจะได้ราคาพิเศษครับ...

ส่วนคนขายเราแค่แอบซูมเอา เธอเห็นเข้า แค่ยิ้มๆ สงสัยนักท่องเที่ยวจะขอถ่ายภาพเธอเยอะน่ะ เลยไม่เขิน 5555.


โดย: wicsir วันที่: 12 มกราคม 2552 เวลา:16:38:04 น.  

 
ตามมาอ่านตอนที่ 4 ต่อค่ะ
น้ำตกเมืองลาวนี่สวยจริงๆ แรงด้วย
ผ้าซิ่นเมืองลาวก็สวยด้วยเหมือนกัน...


โดย: toonii IP: 61.19.66.52 วันที่: 25 มกราคม 2552 เวลา:13:59:00 น.  

 
ขอบคุณ toonii ที่ตามอ่านครับ


โดย: wicsir วันที่: 25 มกราคม 2552 เวลา:20:13:48 น.  

 
สาวลาวหน้าตาน่ารักจังค่ะ


โดย: nuch9981 วันที่: 22 เมษายน 2555 เวลา:12:26:19 น.  

 
https://youtu.be/YpOh22xHLA4
ไปเที่ยวปากซองเหมือนกัน ชอบที่นี่อากาศดี เดินทางจากอุบล สะดวกมากๆ


โดย: แหม่ม IP: 192.95.30.51 วันที่: 10 ตุลาคม 2559 เวลา:17:44:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
 
มกราคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
11 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.