ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ ปราสาทโอซาก้า (เที่ยวญี่ปุ่นกับทัวร์ ตอนที่ 1)
อ่านตอนที่ 2 : ที่นี่
เทียวญี่ปุ่น 29 มี.ค. - 3 เม.ย. 2008
หลังจากการ trip หลวงพระบางเมื่อปลายปี 2007 แล้ว อาการอยากเดินทางก็กำเริบอีกจนได้ กอร์ปกับข้อมูลเรื่องดอกซากุระบานที่ญี่ปุ่นปีนี้น่าจะตรงช่วงปลาย มีนาคมและต้นเมษายนพอดี ก็เลยทำการจองตั๋วทัวร์ล่วงหน้าเสียเลย เอากันตั้งแต่ตอนปลาย มกราคมเลยล่ะ
ได้ที่นั่งและผ่านกระบวนการขอวีซ่าเรียบร้อย ก้อถึงการนัดหมาย ซึ่งตั้งแต่ต้นจนวันจะไปไม่เคยเจอเอเยนซีเลยซักครั้ง อาศัยการติดต่อผ่าน E-mail และโทรศัพท์อย่างเดียว พอวันที่เราไปรอที่สุวรรณภูมิ ก้อเลยรู้ว่าเขาเอาคนจากหลายๆ Agency มารวมกัน แต่ก็ดีที่ได้ไป...... Trip นี้ไปหลายที่ 6 วัน 4 คืน ตามมาเลยดีกว่าว่าไปไหนบ้าง....
Day 1
เครื่อง Boing 777 เที่ยวบินที่ TG 622 ก้อพาพวกเราเหิรฟ้าอยู่ 4 ชม. กับอีก 45 นาที โดยทวนตะวันขึ้น ก้อถึงสนามบินนานาชาติ คันไซ ซึ่งถมทะเลออกไป 5 กม. ดูคล้ายๆเกาะเลยล่ะ ซึ่งออกแบบโดยชาวอิตาลี ณ ปัจจุบัน ญี่ปุ่นมีท่าอากาศยานแบบนาๆชาติเพียงสองแห่ง คือที่ คันไซกับ นาริตะ ระเบียบการหยุมหยิมมาก เพื่อความปลอดภัย....
เราถึงคันไซ 06:30 น. อากาศ 9 องศาเซ็นเซียส ลงเครื่องเสร็จ เรานั่งรถไฟฟ้ามาที่ ตม. ประมาณห้านาที
สนามบินคันไซ ขาเข้า
ใช้เวลาที่นี่นานหน่อยเพราะคนเยอะ เจ้าหน้าที่ strict มาก มี scan นิ้วชี้สองด้าน ถ่ายรูปด้วย ประมาณ 0800 น เราก้อผ่าน เช้าๆอย่างนี้กาแฟสตาร์บลั๊คซักถ้วยเป็นไง..... เราสั่งสองชุด กาแฟร้อนและแซนด์วิช รวมกัน ก้อ 6100 JPY อยากรู้ว่าเป็นเงินไทยเท่าไหร่ เอา 0.31 ไปคูณดู
เจอหน้าเจอตากันในสนามบิน ก็มีคนไทยหลายสิบคน เข้าใจว่าคงไปในจุดประสงเดียวกัน คือ ชมซากุระบาน...
แผนผังสนามบินครับ
ออกจากสนามบินนาๆชาติ คันไซ เวลาประมาณ 08.30 น. เพื่อเดินทางไปชม Universal Studios Japan ซึ่งเล่ากันว่าเอามาจาก หนังดังๆหลายเรื่อง
แต่ระหว่างทางฝนก็ยังคงตกปรอยๆ เราผ่านเข้าเมือง โอซาก้า ผ่านย่านอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของเมือง ซึ่งรถเราจะวิ่งอยู่บนทางด่วน คล้ายๆใน กรุงเทพฯ....
ชิงช้าสวรรค์ยักย์ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอซาก้า
เมืองญี่ปุ่นนี่จะเห็นชิงช้าสวรรค์ อยู่มากมาย แทบทุกเมือง นัยว่าเมื่อก่อน ก็ใช้ดึงดูดคนมาเที่ยว..... จริงหรือไม่ ก้อ ไม่ทราบครับ แต่ที่แน่ๆ ไม่เห็นมีคนขึ้นเลยจ้า ชิงช้าที่เห็น ไก๊ด์บอกว่าอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำของโอซาก้า
.
Universal Studios Japan
0930 น เราก็มาถึง Universal Studios Japan แต่ฝนก็ยังตก ห่วงกล้อง ก้อห่วงแต่ห่วงชักภาพมากกว่า ตายเป็นตาย กางร่มถ่ายภาพซะเลย เท่ห์ดี
ลูกโลกที่เห็นจะหมุนได้ครับ ถ้าดูจากภาพเลื่อนไหว.....ตอนนี้ยังไม่ผ่านทางเข้าประตูนะครับ ซึ่งจะต้องสอดบัตรเข้าเครื่อง เหมือนขึ้นรถไฟฟ้าบ้านเรา พร้อมคำเชื้อเชิญเป็นภาษาญี่ปุ่น...
เจอหนูน้อยชาวญี่ปุ่น ก็ขอซักภาพนะหนูนะ.....ไฮ้. ดูๆแล้วน่ารักดี ถ้าไม่พูดออกมา ก้อนึกว่าอยู่แถวๆสวนสยามล่ะน่า..
ผ่านด่านมาแล้ว ก็เริ่มเจอตัวการ์ตูน พร้อมเด็กขอถ่ายรูป ท่ามกลางสายฝน และอากาศหนาว 9 องศา...บรื๋อ
..
เข้าคิวรอชม Spiderman
เข้าแถวเพื่อเข้าชม Spiderman ไม่ยั่นแม้สายฝน เป็นเครื่องเล่นยอดฮิตเขาเลย ถ้านักท่องเที่ยวที่มีเวลา 2-3 ชม แบบเราๆ แค่ยืนแถวก็หมดเวลาแล้ว ไม่ได้ถ่ายภาพแน่ .... เราเลยยอมทิ้ง 5800 JPY ไปเพื่อเก็บภาพในบริเวณดีกว่า......
แม้แต่ของเล่นที่เป็น Spiderman ก้อขายดีเป็นเทน้ำ เทท่า โหย ญี่ปุ่นนี่มันน่าค้าขายจริงๆ ....... แม้คนจะเยอะมาก แต่ที่นี่ ไม่มีการจิ๊กของกันครับ ระเบียบวินัยคนที่นั่นดีมาก ทุกคนจะรู้หน้าที่ตัวเองดี เข้าใจดีว่าตัวเองมีหน้าที่อย่างไร เราไปเที่ยวเลยเจอแต่สิ่งที่ไม่น่ากลัว ดีกว่าในยุโรปด้วยซ้ำ.....
หนูน้อย กับนางฟ้าชาวตะวันตก มีคนเข้าคิวกันมากมาย เราเลยแอบถ่ายซะเลย..
เหนื่อย หมดแรงแล้ว มารอที่ป้ายรถประจำทางดีกว่า ที่ป้ายนี้จะพบแท็กซี่มาจอดรอผู้โดยสารด้วย เขาคงใช้ไปที่สถานีรถไฟ ทั้งใต้ดิน บนดินมากกว่า เพราะค่าแท็กซี่ที่นั่นแพงมั๊กๆๆๆ.
จะรับเครื่องดื่มแบบหยอดเหรียญก็ได้นะ ...... วันนั้นลองดูว่าตู้ที่นั่น ฉลาดขนาดไหน เลยทดลองซื้อน้ำเปล่า 2 ขวด เพื่อหยอดเหรียญและ แบ๊งค์ ราคาขวดละ 210 JPY .... ครั้งแรกหยอดเหรียญหลายๆชนิด ขาด 10 เซ็น ....ไม่ยอมให้แฮะ เลยเพิ่มอีก 100 เยน ทีนี่ออกพร้อมเงินทอน.... ครั้งต่อมาหยอดเป็นธนบัตร 1000 เยน ก้ออกมาพร้อมเงินทอน ... ยอดเยี่ยมมาก แต่เขาบอกว่าน้ำประปาญี่ปุ่นดื่มได้เลย.
ถึงบริเวณทางขึ้นปราสาทโอซาก้าประมาณ 16:00 น ตื่นเต้นกันใหญ่ ว่าจะได้เห็นดอกซากุระบาน ทั้งๆที่ตอนนี้มาชมปราสาท..... แต่ดอกซากุระก้อยอมออกดอก ถึงแม้อุณหภูมิจะค่อนข้างต่ำ ซึ่งปกติเขาจะออกดอกช่วงที่อากาศเริ่มร้อน คือเข้าฤดูใบไม้ผลิเต็มตัว.... วันนั้น ที่โอซาก้า ดอกยังไม่บานเต็มที่ แต่ข่าวว่าที่ โตเกียวบานเต็มที่แล้ว..
ปราสาทโอซาก้า หรือ ปราสาทนกกระสาขาว สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่ของเจ้าเมืองในสมัยโบราณ ตัวปราสาทนั้นตั้งอยู่บนเนินเขาที่ได้มีการสำรวจและพบว่าเคยเป็นที่ตั้งของพระราชวังมาก่อน ตัวปราสาทมองจากด้านนอกจะเห็นเพียงห้าชั้น ล้อมรอบด้วยกำแพงหินแกรนิตขนาดมหึมา และคูน้ำขนาดใหญ่เพื่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึก.
ช่วงที่ดอกซากุระออกดอกเต็มที่ถ้ามองลงมาที่สวนด้านล่าง คงสวยงามน่าดู..... อีกมุมหนึ่งคงเป็นวัด ที่มีประตูรูปทรงอย่างที่เห็น หรือเรียกกันว่า เสาโทริ บางคนก็บอกว่าประตูญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับทางเข้าปราสาท....
จากลานจอดรถ จะมีรถพ่วงแบบที่เห็น เพื่อพาท่านที่ไม่อยากเดินขึ้น ซึ่งมีระยะทางประมาณ 500 เมตร ... ก็สามารถใช้บริการได้ ราคาก็ 200 เยนต่อเที่ยว....
เหนื่อยแล้วก็ทานอาหารเย็นกันเสียที่ บริเวณปราสาทนั้นแหละ เป็นอาหาร ญี่ปุ่นมื้อแรกที่ค่อนข้างอร่อย เขาจัดเป็นชุด เรียกว่า Bento อะไรทำนองนั้นแหละ ที่น่าสังเกตคือ เขาใช้ตระเกียบแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง อันนี้ชอบมาก ขาดไม่ได้คือปลาไหล อร่อยดีแฮะ..
อิ่มท้องเสร็จ ก้อวิ่งหาดอกซากุระอีก คือมันชอบ อะ.... กางร่มถ่ายก้อเอา ..... ที่เห็นขวามือคือประตูทางเข้าปราสาท เป็นแผ่นโลหะย้ำหมุดขนาดใหญ่ ดูแข็งแรงดี อย่างงี้ ซามูไรชอบ..
เราออกเดินทางไปที่พักตอน 17:45 น. ถึงที่พักคือ RIGHA ROYAL HOTEL ตอน 19:20 น. พยายามจะออกไปตระเวนต่อ แต่ไม่ไหว ทั้งฝน ทั้งหนาว เดินไปได้สองช่วงตึก ก้อร้องเพลงไม่อาว ดีกว่า.
สุดท้ายของวัน ก้อนี่แหละ ส้วมอัจฉริยะ เรียกตามคนอื่นเขาน่ะ...... ข้างๆที่เห็นเป็นคล้ายที่วางมือนั่น มีปุ่มปรับน้ำฉีดล้าง (ไม่ต้องใช้สาย มือ แบบบ้านเรา) แล้วยังปรับอุณหภูมิได้อีก โดยมีปุ่ม Spray
Bidet
.Temp adjust
.Stop. แถมขอบที่นั่งยังทำความร้อนได้อีก ....อย่านั่งเพลินละกัน...
พอได้นอน ก้อหลับเป็นตายเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน แถมคืนที่ผ่านมาแทบไม่ได้นอนเลย
ก่อนนอน
การท่องเที่ยวเป็นการเรียนรู้อีกแบบหนึ่ง วิธีคิดของชาวญี่ปุ่นน่าทึ่งมาก พยามเอาชนะได้ แม้ธรรมชาติ ในญี่ปุ่นจะเตรียมถนนที่เรียกว่า Emergency Route ไว้ยามฉุกเฉิน เช่นแผ่นดินไหว
ชาวญี่ปุ่นเป็นชาติที่มีวินัย อดทน เช่นการเข้าคิวรับบริการต่าง ๆ
ชาวญี่ปุ่นจะช่วยกันดูแลบ้านเมืองเขาอย่างดี เช่นวันนี้ เขาเจอคนทิ้งขยะไว้ เขาจัดการเก็บเลย โดยไม่ต้องรอเทศบาล
อ่านตอนที่ 2 ll
_______จบตอนที่ 1 ________
|