....OUR FAMILY'S JOURNEY....
+ นครโฮจิมินห์ ... (ฮอลิเดย์ อิน เวียตนาม EP4) +



 


อัพบล๊อกวันนี้ยังเป็นทริปเวียตนามทางตอนใต้อยู่นะครับ และบล๊อกนี้เดินทางมาถึงไซ่ง่อน หรือ โฮจิมินห์ซิตี้ตามชื่อใหม่หลังสงครามครับ ซึ่งบล๊อกนี้คงเป็นบล๊อกสุดท้ายของทริปนี้แล้วครับ .... ความเดิม หลังจากที่เราเดินทางไปถึงดาลัต เมืองพักตากอากาศสมัยอาณานิคม ที่มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 16 - 26 องศาเซลเซียส ซึ่งที่ดาลัตเราเที่ยวอยู่ 2 วันครึ่ง (อ่านบล๊อก) โดยวันที่ 12 กพ. 2020 เราไปถึงและเล่นกอล์ฟที่สนาม The Palce Dalat Golf Course และ วันที่ 2 เราเล่นกอล์ฟต่อที่สนาม Sam Tuyen Lam Golf & Resort (อ่านบล๊อก) และเที่ยวต่อตอนบ่าย จากนั้นวันที่ 14 กพ. 2020 ช่วงบ่ายเราเดินทางลงเขาไปที่มุยเน่ จังหวัดฟานเที๊ยต  โดยมีเป้าหมายไปเที่ยวชม ทะเลทรายขาว (White Sandunes) และทะเลทรายแดง (Red sandunes) ตามด้วยหมู่บ้านชาวประมงมุยเน่ ลำธารนางฟ้า และพักที่ Sea Link Beach Hotel (อ่านบล๊อก) จากนั้นบ่ายวันที่ 15 กพ. 2020 เราเดินทางเข้ามาไซ่ง่อนครับ

บล๊อกนี้จึงจะพาชมนครโฮจิมินห์ หรือ ไซ่ง่อนเดิม ตามแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ก่อนที่เราจะเดินทางกลับประเทศไทยในช่วงดึกวันที่ 16 กพ. 2020 ครับ
 


ถนนเข้าสู่องนครโฮจิมินห์



แผนที่ที่ไปเยี่ยมชมในกรุงโฮจิมินห์
 


นครโฮจิมินห์ หรือชื่อเดิม ไซ่ง่อน (เวียดนาม: Sài Gòn ส่ายก่อน (เหนือ) ไซ่ก่อง (ใต้)) เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง นครโฮจิมินห์เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเวียดนาม จากประชากรร้อยละ 7.5 ของประเทศ แต่มีจีดีพีถึงร้อยละ 20.2 และการลงทุนจากต่างประเทศมากถึงร้อยละ 34.9 ของทั้งประเทศ 

นครโฮจิมินห์ มีพื้นที่ประมาณ 2097 ตารางกิโลเมตร แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 12 เขต และ 7 อำเภอ มีฐานะเป็นเทศบาลนคร มีประชากรประมาณ 9 ล้านคน (ปี 2015)

 



ไซ่ง่อนในอดีตเคยเป็นเมืองในการปกครองของเขมรมาก่อนเรียกว่า ไพรนคร (ตัวอักษรเขมรเขียนว่า ព្រៃនគរ ปรึย~เปรยโนโกร์) ต่อมาเมื่อเวียดนามเข้ามายึดครองดินแดนนี้ จึงได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็นภาษาเวียดนามว่า ยาดิ่ง (ซาดิ่ง) (ตัวอักษรเขียนว่า Gia Địng) และต่อมาเปลี่ยนชื่อว่า ไซ่ง่อน (Sài gòn ส่ายก่อน (เหนือ) ไซ่ก่อง (ใต้)) กาลเวลาหลายร้อยปีต่อมาอีก เมื่อแยกประเทศเวียดนาม ออกเป็นสองส่วน ไซ่ง่อนเป็นเมืองหลวงของเวียดนามใต้ เมื่อเวียดนามเหนือยึดได้จึงเปลี่ยนชื่อเป็น นครโฮจิมินห์ ตามชื่อผู้นำเวียดมินห์ คือ โฮจิมินห์

 




ชาวเวียดนามในนครโฮจิมินห์ส่วนใหญ่เดินทางโดยรถจักรยานยนต์ มีรถแท็กซี่บริการโดยมีหลายบริษัท และมีรถประจำทางบริการ เรียกว่า ไซ่ง่อนบัส (Saigon Bus) ท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ต (Tân Sơn Nhất) เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามในด้านจำนวนผู้โดยสารตั้งอยู่ใจกลางนครโฮจิมินห์ อย่างไรก็ตาม ท่าอากาศยานนานาชาติล็องถั่ญ (Long Thành) จะสร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 2020 และจะกลายเป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดแทน

 


จตุรัสโฮจิมินห์กลางเมืองไซ่ง่อน ด้านหลังคือศาลาว่าการนครโฮจิมินห์



ภาพถ่ายหน้าศาลาว่าการไซ่ง่อนหนือนครโอจิมินห์ปัจจุบัน


ศาลาว่าการโฮจิมินห์ : ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบริเวณจัตุรัสโฮจิมินห์ ตัวอาคารสวยงามมากเพราะออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังของฝรั่งเศส สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ.1908 ถือว่าเป็นอาคารเก่าที่มีอายุเลย 100 ปี แต่ยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ แข็งแรง และสวยงาม สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ทำงานของรัฐบาล นักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้าไปชมภายในได้ นอกจากดูอยู่เพียงภายนอกเท่านั้น ซึ่งในตอนกลางคืน บริเวณนี้จะประดับไฟสวยงาม

ตัวอาคารโอ่อ่าของศาลากลางโฮจิมินห์ ซึ่งประกอบด้วยหอนาฬิกาสูง หน้าต่างซุ้มโค้ง และลวดลายแกะสลักสวยงาม เดินเล่นรอบสวนสวยและถ่ายรูปเคียงข้างรูปปั้นของผู้นำการปฏิวัติที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของเวียดนาม ... ตัวอาคารสีขาวขนาดมหึมาของศาลากลางโฮจิมินห์เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าจดจำมากที่สุดของเมือง การออกแบบโครงสร้างภายนอกเลียนแบบ Hotel de Ville ในปารีส และสไตล์แบบยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการก็เห็นได้ทั่วไปในสถาปัตยกรรมแบบยุโรปช่วงยุคต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งสร้างในสมัยนั้น สิ่งก่อสร้างนี้ยังคงใช้เป็นที่ทำการของหน่วยงานราชการจวบจนปัจจุบัน แม้ว่าภายในอาคารจะไม่อนุญาตให้เข้าชม แต่ที่นี่ก็ควรค่าแก่การแวะมาเพื่อชมหนึ่งในสิ่งก่อสร้างยุคอาณานิคมที่สง่างามที่สุดของเมือง
ศาลากลางโฮจิมินห์ตั้งอยู่ที่ปลายถนน Nguyen Hue ในส่วนพื้นที่เขต 1 ของเมือง


หน้าอนุสาวรีย์โฮจิมิน ที่จตุรัสโฮจิมิน

หน้าอนุสางรีย์ลุงโฮ เป็นลานกว้างใหญ่ ตกแต่งด้วยสวนดอกไม้ น้ำพุ สวยงามเหมาะสำหรับเดินเล่นช่วงเย็นๆ







ที่จตุรัสโฮจิมินห์ ได้ตกแต่งสวนดอกไม้สวยงามบนพื้นที่กว้าง เหมาะสำหรับการมาเดินเล่นพักผ่อน



นั่งสามล้อแบบเวียตนามชมเมือง



ทางเข้าห้องอาหารเรือสำราญ พนักงานต้อนรับและพนักงานเสริฟแต่งชุดทหารเรือ


บ่ายวันที่ 15 กพ. 2020 เราจบทริปด้วยการไปทานอาหารที่ร้านอาหารบนเรือสำราญซ฿่งจะล่องไปตามแม่น้ำไซ่ง่อนประมาณ 1 ชั่วโมง



ก่อนขึ้นเรือมีดนตรีที่ด้านหน้าด้วย



ยามค่ำที่แม่น้ำไซ่ง่อน (จากห้องอาหารบนเรือสำราญ)




พักกันที่นี่ (ใกล้ตลาดเบนถั่น และถนนคนเดิน)
 

วันนี้เราพักกันที่โรงแรมแกรนด์ซิลเวอร์ ระดับ 4 ดาว อยู่ใจกลางเมือง ใกล้ๆกับตลาดเบถั่น ซึ่งมีถนนคนเดินในยามค่ำคือน...นกอจากนั้นยังมีร้านอาหารประเภท Street Food อยู่ใกล้ๆด้วย อาหารเช้าโรงแรมนี้ใช้ได้ครับหลายอย่างทำแบบสดๆ
 


ชั้น 10 ของโรงแรม Grand Silverland Hotel, Hochiminh City



ภาพมุมสูงกรุงไซ่ง่อนจากชั้น 10 โรงแรมแกรนด์ซิลเวอร์แลนด์



หลังคาแดงๆนั่นคือตลาดเบนถั่น



ภิกษุณีในเวียตนามออกบิณฑบาตรยามเช้าที่หน้าตลาดเบนถั่น

...................



หน้าทําเนียบประธานาธิบดีเวียตนามใต้
 

อดีตทำเนียบประธานาธิบดีแห่งเวียดนามใต้ อาคารหลังใหญ่แห่งนี้เคยเป็นทำเนียบของผู้ว่าการชาวฝรั่งเศส หลังจากสิ้นสุดการยึดครองของฝรั่งเศสแล้ว ประธานาธิบดีของเวียดนามใต้ในสมัยนั้นได้มาพำนักอยู่ที่ทำเนียบแห่งนี้ ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2506 ได้ถูกทิ้งระเบิดเสียหายแต่ก็ได้มีการก่อสร้างใหม่ชื่อว่า ทำเนียบอิสรภาพขึ้นมาแทนที่โครงสร้างเก่าที่ถูกทำลาย ในวันที่ 30 เมษายน ปี พ.ศ.2518 กองกำลังคอมมิวนิสต์ได้ใช้ขบวนรถถังและพุ่งชนประตูข้างหน้าทำเนียบและเป็นเป็นจุดเริ่มต้นของการล้มรัฐบาลเวียดนามใต้ลง ปัจจุบันอดีตทำเนียบประธานาธิบดีแห่งเวียดนามใต้นี้ได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชมได้ ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างนั้นถูกจัดไว้ในสภาพเดิม

ด้านในมีห้องต่างๆมากมาย เช่น ห้องวิทยุ ห้องพักผ่อนประธานาธิบดี รถเบนซ์ประธานาธิบดี ห้องรับแขก รวมทั้งห้องสตรีหมายเลขหนึ่งสมัยนั้นด้วย และที่ทำเนียบแห่งนี้เป็นที่เซ็นสัญญษสงบศึก (สัญญษยอมแพ้) ด้วย ... ด้านล่างมีทางลับออกสู่ท่าเรือ บางคนก็บอกว่าออกสู่สนามบินได้ด้วย ส่วนด้านบนหลังคา ก็มีเฮลิเดกจอดฮอสำหรับกรณีฉุกเฉินของประธานาธิบดี
 


ห้องรับแขกบ้านแขกเมืองซึ่งใช้เป็นที่เซ็นสัญญาสงบศึกในสงครามเวียตนาม



ห้องบรรชาการรบ ( 1 ประธานาธิบดีและ 7 นายพล)



เฮลิคอบเตอร์บนหลังคาทำเนียบประธานาธิบดี

.....................



ด้านหน้าโบสถ์นอร์ทเธอดาม ไซ่ง่อน

โบสถ์นอร์เธอดัม ได้จำลองมาจากโบสถ์นอร์ทเธอดัมในฝรั่งเศสมาสร้างไว้ที่นี่ หรือเรียกอีกอย่างว่า "โบสถ์พระแม่มารี" ตั้งอยู่บริเวณกลางเมือง บนถนน Ham Thuyen ก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2420 ใช้เวลาสร้างนาน 6 ปี โบสถ์แห่งนี้ไม่มีการประดับด้วยกระจกสีเหมือนโบสถ์คริสต์ที่อื่น เพราะได้รับความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่ 2

สำหรับโบสถ์แห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเวียตนาม โดยแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากมาย ลักษณะของตัวโบสถ์เป็นรูปแบบของสมัยอาณานิคม มีหอคอยคู่สี่เหลี่ยมอยู่ด้านบน สูง 40 เมตร ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่งดงามของโบสถ์แห่งนี้ ด้านหน้าโบสถ์มีรูปปั้นขนาดใหญ่สีขาวเด่นเป็นสง่าของพระแม่มารี นักท่องเที่ยวนิยมมาชมกันมาก เพราะเป็นเหมือนสัญญลักษณ์ร่วม อันหมายถึงการเข้ามาของตะวันตก และเป็นสัญญลักษณืที่สำคัญอย่างหนึ่งของนครโฮจิมินห์
 
 




โบสถ์นอร์ทเธอดาม จากด้านโปรษณีย์กลาง

....................
 

จากโบสถ์นอร์ทเธอดาม ซึ่งอยู่คนละฟากถนนกับสำนักงานไปรษณีย์กลางครับ..

 

 

ไปรษณีย์กลางไซ่ง่อน อยู่ที่ถนน กงสาปารีส ตั้งอยู่บนพื้นที่สูงที่สุดของนครโฮจิมินห์ ตรงข้ามคือโบสถ์นอร์ทเธอดาม ซึ่งสำนักงานไปรษณีย์กลางไซ่ง่อนมีความงดงามตระการตาในแบบสถาปัตยกรรมสมัยศตวรรษที่ 19 จนกลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศที่มาเที่ยวนครโฮจิมินห์

สำนักงานไปรษณีย์กลางไซ่ง่อน เริ่มแรกออกแบบโดย Gustave Eiffel สถาปนิกชาวฝรั่งเศสผู้ที่ออกแบบหอ ไอเฟล และอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 1891 แต่หลังจากนั้น 23 ปีก็มีการออกแบบและก่อสร้างใหม่โดยสถาปนิก Villedieu ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในแบบอย่างสถาปัตยกรรมยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาที่งดงามที่สุดในเวียดนามที่มีหน้าต่างทรงครึ่งวงกลม นาย David Luiz นักท่องเที่ยวออสเตรเลียที่มาชมสำนักงานไปรษณีย์กลางนี้กล่าวว่า“นี่เป็นอาคารที่สวยงามมาก ซึ่งเชื่อว่าตึกนี้ต้องได้รับการอนุรักษ์และบูรณะซ่อมแซมเพื่อให้คงความงดงามแบบสไตล์ยุโรปอย่างโดดเด่น สุดยอดจริงๆ”
 


หน้าไปรษณีย์กลางไซ่ง่อน



โดมหลังคารูปโค้ง และภาพโฮจิมินห์


เป็นไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนามที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม แบบสไตล์ยุโรป กลิ่นอายตะวันตกที่ชาวฝรั่งเศสก่อสร้างช่วงปี1886-1891 ซึ่งปัจจุบันได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่น่าสนใจของนครโฮจิมินห์

 


เค๊าน์เตอร์ส่งจดหมายที่ยังเปิดใช้อยู่....นักท่องเที่ยวจะมาส่งโปสการ์ดกลับบ้าน



รูปปั้นนี้อยู่หน้าไปรษณีย์กลาง



หน้าอาคารไปรษณีย์ไซ่ง่อน



สาวๆชาวเวียตนามสมัยใหม่...ชุดอ๋าวหญ่ายแบบนี้หาดูได้ยากพอสมควร

............
 


ไปต่อกันที่พิพิธภัณฑ์สงครามเวียตนามกันครับ..

สงครามเวียดนาม (ค.ศ. 1957-1975) เป็นสงครามระหว่างเวียดนามเหนือกับเวียดนามใต้ เวียดนามเหนือได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียและจีน ส่วนเวียดนามใต้ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา สงครามเวียดนามจบลงด้วยชัยชนะของเวียดนามเหนือและรวมประเทศเวียดนามทั้งสองเข้าด้วยกัน



ด้านหน้าอาคารมีโชว์เครื่องบิน รถถัง ยานหุ้มเกราะ และเฮลิคอบเตอร์ที่ใช้ในสงครามเวียตนาม
 
 

สาเหตุของสงครามเวียดนาม
เหตุผลของการเกิดสงครามเวียดนามก็คือไม่ต้องการให้ประเทศเวียดนามตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศอื่น ซึ่งในเวลาก่อนหน้านั้นประเทศเวียดนามเองก็ตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศฝรั่งเศษ จากนั้นก็ถูกญี่ปุ่นมารุกราน จีนก็เข้ามาบ้างเป็นครั้งคราว จึงเกิดขบวนการเวียดมินท์ขึ้นเพื่อปลดปล่อยประเทศเวียดนามและต้องการรวมชาติให้เป็นเวียดนามเพียงหนึ่งเดียว

ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ขบวนการเวียดมินห์ ได้เกิดขึ้นโดย โฮจิมินห์ เป็นผู้นำ เพียงหวังว่าจะขับไล่ญี่ปุ่นออกจากประเทศไปเท่านั้น แต่ในปี ค.ศ. 1944 พวกเวียดมินห์ได้ตั้งกองบัญชาการกองโจรขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนกำลังและอาวุธจากสหรัฐอเมริกา
ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1945 ญี่ปุ่นกำลังจะแพ้สงครามในสงครามโลก ชาวเวียดนามกลุ่มต่างๆ ที่ดิ้นรนเพื่อเป็นเอกราช มีผู้นำคือ พระจักรพรรดิเบาได๋ ซึ่งเคยเป็นจักรพรรดิแคว้นอันนัม ได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็น "จักรพรรดิแห่งเวียดนาม"
- ปี ค.ศ. 1948 โงดินห์เตียมได้เสนอให้ฝรั่งเศสยกฐานะเวียดนามขึ้นเป็นประเทศในเครือจักรภพ แต่ฝรั่งเศสไม่ยอมรับ
- ปี ค.ศ. 1950 สหรัฐอเมริกา ได้เริ่มเข้าช่วยฝรั่งเศสในการรบกับเวียดมินห์
- ปี ค.ศ. 1954 อนุสัญญาเจนิวาได้กำหนดให้แบ่งเวียดนามออกเป็นสองส่วนคือภาคเหนือกับภาคใต้โดยใช้เส้นรุ้งที่ 17
- ปี ค.ศ. 1959 เวียดนามเหนือเริ่มรุกรานเวียดนามใต้ ได้เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามของคนชาติเดียวกันที่ต่อสู้กันมาอย่างยาวนาน
 






อาวุธหนักที่อเมริกาใช้ในสงครามเวียตนาม
 
 
สงครามเวียดนามเป็นสงครามระหว่างเวียดนามเหนือกับเวียดนามใต้ โดยฝ่ายเวียดนามเหนือมีฝ่ายคอมมิวนิสต์ซึ่งสหภาพโซเวียตและจีนให้การสนับสนุน ส่วนเวียดนามใต้เป็นฝ่ายประชาธิปไตยที่สหรัฐอเมริกาและประเทศพันธมิตรให้การสนับสนุน ซึ่งประเทศอเมริกาต้องทุ่มเทงบประมาณและสูญเสียชีวิตของทหารไปจำนวนมากไปกับสงครามเวียดนามในครั้งนี้ เนื่องจากทหารอเมริกไม่คุ้นเคยกับสภาพพื้นที่และการต่อสู้แบบกองโจรของทหารเวียดกง

วันที่ 27 มกราคม ค.ศ. 1973 มีการลงนามในข้อตกลงสันติภาพปารีส (Paris Peace Accords) ให้อเมริกาถอนกำลังทหารออกไปเวียดนามใต้
วันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 1975 กองทัพเวียดนามเหนือก็บุกยึดไซ่ง่อนได้สำเร็จ สงครามเวียดนาม (Vietnam Wars) ยุติลงอย่างเป็นทางการ
วันที่ 3 กรกฎาคม ค.ศ. 1975 เวียดนามทั้งสองรวมประเทศเข้าด้วยกัน แล้วประกาศใช้ชื่อประเทศใหม่ว่า สาธารณรัฐเวียดนาม

คนเวียดนามเรียกสงครามครั้งนี้ว่า "สงครามปกป้องชาติจากอเมริกา" หรือ "สงครามอเมริกัน" ผลปวงของสงครามในครั้งนั้นมีทหารอเมริกันเสียชีวิตจำนวน 58,226 นาย บาทเจ็บอีกจำนวน 153,303 นาย และคาดว่ามีจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดในสงครามครั้งนี้ประมาณ 900,000 – 4,000,000 คน
 
 




ความโหดร้ายของสงครามเวียตนาม (มีภาพที่แย่กว่านี้อีกมากมาย)



ออกจากชมพิพิธภัณฑ์...ก็แวะอุดหนุนผู้ได้รับผลกระทบจากช่วงสงครามและต่อเนื่องมาถึงรุ่นเด็กๆ

...................



ผู้คนในกรุงโฮจิมินห์ส่วนมากยังใช้การเดินทางโดยมอเตอร์ไซต์แบบนี้



ตลาดเบนถั่น (CR. วิกิพีเดีย)


ตลาดเบ็นถั่น (เวียดนาม: Chợ Bến Thành) เป็นตลาดขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในเขต 1 ใจกลางนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม อาคารตลาดแห่งนี้เป็นหนึ่งในอาคารยุคแรกสุดที่ยังหลงเหลืออยู่จากสมัยไซ่ง่อนและเป็นสัญลักษณ์สำคัญของนครโฮจิมินห์ โดยเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่มองหาสินค้าหัตถกรรม สิ่งทอ (เช่น อ๊าวหญ่าย) เครื่องประดับ ของที่ระลึก รวมทั้งอาหารในท้องถิ่น

ตลาดเบ๊นถั่ญพัฒนาขึ้นจากตลาดนอกระบบที่ผู้ขายข้างถนนมารวมตัวกันใกล้แม่น้ำไซ่ง่อนในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 ในที่สุดฝรั่งเศสก็สร้างตลาดขึ้นอย่างเป็นทางการหลังเข้ายึดป้อมปราการซาดิ่ญ (Gia Định) ได้ในปี พ.ศ. 2402 ตลาดนี้ถูกอัคคีภัยทำลายเสียหายในปี พ.ศ. 2413 และสร้างใหม่จนกลายเป็นตลาดใหญ่ในไซ่ง่อน ในปี พ.ศ. 2455 ตลาดได้ย้ายมาอยู่ในอาคารแห่งใหม่และเรียกว่าตลาดเบ็นถั่นใหม่เพื่อแยกความแตกต่างกับตลาดเก่า อาคารหลังนี้ได้รับการบูรณะในปี พ.ศ. 2528
 
 


ตลาดเบ็นถั่น
 
ตลาดเบนถั่น (Ben Thanh) เป็นตลาดใหญ่ที่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวไทยเป็นอย่างดี ที่นี่มีขายสินค้ามากมาย เช่นเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องหนัง ส่วนมากเน้นของฝาก (ถ้านึกภาพไม่ออก ก็ให้คิดถึงตลาดอินโดจีนบ้านเรา เช่นที่หนองคาย นครพนม มุดาหาร) .... ตลาด Ben Thanh คึกคักทุกช่วงเวลา ทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นตลาดกลางของโฮจิมินห์ซิตี้ที่มีขนาดใหญ่ และอึกทึกที่สุดในเวียดนาม ตอนเช้าตรู่จะเห็นชาวท้องถิ่นมาเลือกซื้อของสด ก่อนที่ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นจะเปิดในช่วงสายๆ ยาวไปทั้งวัน ส่วนตลาดกลางคืนจะตั้งอยู่ข้างของจุดศูนย์กลางตลาด เน้นจำหน่ายเครื่องแต่งกาย เครื่องนุ่งห่ม และของที่ระลึกจนถึง 24:00 น. พร้อมกับร้านอาหารริมถนนที่น่าสนใจ 
 
 


ภายในตลาดเบ็นถั่น
 

Tips : ในตลาดแบบนี้ เนื่องจากแม่ค้าชาวเวีตนามเขารู้กิติศัพท์ของนักท่องเที่ยวไทยดี ที่ซื้อของนิยมการต่อรอง (ใครต่อได้มากถือว่าเก่ง) ... พอเขาเห็นนักท่องเที่ยวไทยมา เขาจะส่งซิกกันไป เช่นคำว่า "ไถลาน" ซึ่งเป็นชื่อที่เขาเรียกคนไทยโดยทั่วไป แต่พวกเขาจะรู้ระหัสกันนะครับ ของจะอัพราคาไว้รอเลย ทีนี่ก็อยู่ที่การอ่านใจกันหละว่าเขาจะขายเท่าไหร่ เราก็ควรให้ราคาเท่าที่เราพอมีข้อมูลไป บางอย่างอาจจะต้องว่ากันครึ่งต่อครึ่ง ถ้าเขาไม่ให้ก็ไปดูกันที่อื่น ถ้าเขาไม่ขาดทุนเขาก็จะขายให้ครับ วิทีนี่ไปพิจารณากันเอาเอง ... แต่เจ้าของบล๊อกชอบการค้าขายแบบญี่ปุ่นมากกว่านะ คือติดราคาแล้วขายราคานั้น และค่อนข้างจะเท่ากันทั่วประเทศด้วย ... ส่วนสินค้านั้นต้องตรวจสอบให้ดีๆนะครับ เช็คทุกชิ้นก่อนแพ๊ค อย่าหลงดีใจว่าต่อได้แล้วไม่ดูนะครับ.



ชีวิตต้องสู้ในโฮจิมินห์



ผ่านวัดนี้ ถ่ายมาให้ชมครับ (จากในรถ)



ถนนในกรุงโฮจิมินห์ ช่วงออกไปสนามบิน




ท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ต (ขอบคุณภาพจากเวป)
 


ท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ต ถือกำเนิดขึ้นเมื่อต้นทศวรรษที่ 1930 (พ.ศ. 2473-2482) โดยรัฐบาลภายใต้อาณัติของฝรั่งเศสได้สร้างสนามบินขนาดเล็กขึ้นในหมู่บ้านเตินเซินเญิ้ต จึงเป็นที่รู้จักในชื่อว่า สนามบินเตินเซินเญิ้ต และเมื่อกลางปี พ.ศ. 2499 ทางสหรัฐอเมริกาได้สร้างทางวิ่งความยาว 2,160 เมตรและอาคารสนามบิน ซึ่งได้กลายเป็นท่าอากาศยานนานาชาติสำหรับเวียดนามใต้ ในช่วงสงครามเวียดนาม ฐานทัพอากาศเตินเซินเญิ้ตได้เป็นฐานทัพสำคัญทั้งของสหรัฐอเมริกาและกองทัพอากาศเวียดนามใต้ และก่อนปี พ.ศ. 2518 ท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ตยังเป็นท่าอากาศยานที่มีผู้มาใช้บริการมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ... เป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามในปัจจุบัน ตั้งอยู่ในนครโฮจิมินห์

ในวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2547 เครื่องบินโบอิง 747-400 ของสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ UA869 ได้ร่อนลงสู่โฮจิมินห์ซิตี ถือเป็นสายการบินแรกของสหรัฐอเมริกาที่บินสู่เวียดนาม หลังจากเที่ยวบินสุดท้ายของสายการบิน Pan Am ในช่วงที่กรุงไซ่ง่อนล่มสลายลง จากข้อมูลทางสถิติ ในปี พ.ศ. 2549 ท่าอากาศยานมีผู้โดยสารเข้าออกราว 8.5 ล้านคน และมีเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออกรวม 64,000 เที่ยว และเมื่อเร็ว ๆ นี้ มีการบันทึกไว้ว่า ท่าอากาศยานแห่งนี้รองรับเที่ยวบินต่างประเทศถึง 2 ใน 3 จากที่มีในท่าอากาศยานทั้งหมดในเวียดนาม


"งานเลี้ยงย่อมมีการเลิกลา" ในที่สุดพวกเราชาวคณะก็เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของทริปเวียตนามใต้ (ดาลัต มุยเน่ ไซ่ง่อน) และมีกำหนดการจะบินกลับเมืองไทยโดยสายการบินไทยแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD659 ซึ่งจะบินจากท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ๊ตจากกรุงโฮจิมินห์ ไปสู่สนามบินดอนเมือง กรุงเทพฯ ในเวลา 21.35 น. และจะถึงดอนเมืองเวลา 23.10 น.  

ในช่วงเวลาแห่งความทรงจำ 5 วันในทริปนี้โดยเริ่มต้นออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ ในวันที่ 12 กพ. 2020 เวลา 11.10 โดยสายการบิน Vietjet air เที่ยวบินที่ VZ940 ไปลงที่สนามบิน Lien Khuong International Airport เมืองดาลัตในเวลา 12.55 น. จากนั้นเราก็แยกออกเป็น 2 กรุ๊ป โดยกรุ๊ปแรกคือนักอล์ฟ 6 ท่านเพื่อไปเล่นกอล์ฟที่สนามกอล์ฟ Dalat Palace Golf Course กลางเมืองดาลัต ส่วนอีกกรุ๊ปคือผู้ติดตาม มี 4 ท่านแยกไปเที่ยวในดาลัต แล้วมาเจอกันในตอนเย็นเพื่อทานอาหารเย็นร่วมกัน ก่อนไปพักที่ Ngoc Lan TCC Dalat Hotel ... เช้าวันที่ 13 เราก็แยกกันเที่ยวเป็น 2 กรุ๊ปเช่นเดิน โดยนักกอล์ฟไปเล่นกอล์ฟที่สนาม Sam Tuyen Golf & Resort แล้วมาเจอกันตอนเที่ยงทานข้าวด้วยกันแล้วรวมเป็นกลุ่มเดียว 10 ท่าน พร้อมไกด์และคนขับอีก 2 ท่าน เที่ยวต่อในดาลัตแล้วพักที่โรงแรมเดิม ... ในเช้าวันที่ 14 กพ. 2020 เราเที่ยวดาลัตต่อในช่วงเช้า ก่อนเดินทางสู่มุยเน่ จังหวัดฟานเที๊ยต ในช่วงบ่ายและเที่ยวต่อที่มุยเน่ในบ่ายนั้นเลย ก่อยเข้าพักที่ Sea Link Beach Hotel, Mui Ne ... ช่วงเช้าวันที่ 15 กพ. 2020 เรายังเที่ยวต่อที่มุยเน่ ก่อนเดินทางสู่ไซ่ง่อนหลังมื้อเที่ยง ถึงไซ่ง่อนเราเริ่มต้นที่จตุรัสโฮจิมินห์ ใกล้ๆศาลาว่าการนครโฮจิมินห์ ก่อนไปทานมื้อเย็นที่เรือสำราญล่องแม่น้ำไซ่ง่อน วันนี้เราพักที่ Grand Silerland Hotel กลางกรุงโฮจิมินห์ ใกล้ๆตลาดเบ็นถั่น ซึ่งก็ถือโอกาสไปเดินชมสินค้าในตลาดกลางคืนที่ถนนหน้าตลาด ... เช้าวันที่ 16 กพ. 2020 เราเที่ยวโฮจิมินห์ต่อ ก่อนเดินทางไปสนามบินในเวลา 17.00 น. เพื่อเดินทางกลับบ้าน ... การเดินทางท่องเที่ยวนั้น มีสิ่งดีๆ แปลกๆ ใหม่ๆ ให้เราจดจำเสมอ สำคัญว่าเราจะเลือกหยิบเอาตรงไหนไปเป็นประสพการณ์ ดั่งคำที่ผู้เขียนชอบใช้ว่า "ยิ่งเดินทางมาก โลกยิ่งกว้าง" ซึ่งนั่นก็คือ ยิ่งเราได้เห็นสิ่งใหม่ๆเข้ามา ประสพการณ์ วิสัยทัศน์ และวิธีคิด เรายิ่งกว้างไกลมากขึ้นนั่นเอง.
 


392 ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ 392


 



Good bye Sai Gon






Create Date : 01 เมษายน 2563
Last Update : 1 เมษายน 2563 13:37:30 น. 12 comments
Counter : 2642 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณhaiku, คุณTui Laksi, คุณKavanich96, คุณเริงฤดีนะ, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณหอมกร, คุณSweet_pills, คุณnewyorknurse, คุณอุ้มสี


 
เห็นภาพแล้ว ยังไม่ได้เที่ยวอีกหลายจุด... แต่ภาพข้างบนโทนสีไม่เหมือนที่เคยเห็น 555

ของคุณอ๊อดสวยกว่า...
เห็นการใช้มอไซค์ที่นั่นแล้ว ทึ่งปนตกใจ เยอะอะไรขนาดนั้น 555 เขาวิ่งสวนไปมาด้วย
บางทีก็สอดแทรกไป.. มึนครับ..

ของไทยมีรถพุ่มพวง แต่ข้างบนที่คุณอ๊อดถ่ายภาพมา อ้าวมี คนพุ่มพวงด้วย..

กลุ่มคุณอ๊อดคง ไปเท่า ๆ ที่ผมไปคือประมาณนี้แหละครับ พอกับรถตู้ที่เตรียมไว้ ตอนไป
ฟานเที๊ยตทำใจว่า นานแต่ก็ไม่เบื่อ..


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 1 เมษายน 2563 เวลา:11:43:37 น.  

 
ตามเที่ยวต่อด้วยค่ะ ภาพสวยมาก
บ้านเมืองสวยงาม โควิด สงบจะแพลนตามไปคร้า
ขอบคุณค่ะ


โดย: Tui Laksi วันที่: 1 เมษายน 2563 เวลา:16:19:45 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 2 เมษายน 2563 เวลา:2:30:05 น.  

 
ชอบๆๆภาพชีวิตต้องสูจังค่ะ


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 2 เมษายน 2563 เวลา:7:12:19 น.  

 
รูปเยอะมาก ขอบคุณพี่อ็อดที่พาไปเที่ยวจ้า



โดย: หอมกร วันที่: 3 เมษายน 2563 เวลา:12:36:07 น.  

 
ภาพสวยมากค่ะคุณวิค
สถาปัตยกรรมโบสถ์นอร์ทเธอดามและไปรษณีย์กลางไซ่ง่อนงดงามมาก
ขอย้อนชมตอนก่อนหน้าด้วยค่ะ
ขอบคุณคุณวิคที่พาเที่ยวนะคะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 5 เมษายน 2563 เวลา:0:24:33 น.  

 

มาเที่ยวด้วยค่ะ


โดย: newyorknurse วันที่: 7 เมษายน 2563 เวลา:4:24:11 น.  

 
ขอบคุณคุณวิคที่แวะชมเมนูที่บ้าน ขอบคุณกำลังใจนะคะ
ดูแลรักษาสุขภาพเต็มที่เช่นกันนะคะคุณวิค



โดย: Sweet_pills วันที่: 7 เมษายน 2563 เวลา:22:07:44 น.  

 
บล็อกพี่อ็อดคิกขุมากจ้า



โดย: หอมกร วันที่: 8 เมษายน 2563 เวลา:9:38:17 น.  

 

อรุณสวัสดิ์
Happy Family Day ค่ะ




โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 14 เมษายน 2563 เวลา:9:13:00 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เสือตะหลิว Food Blog ดู Blog
ฟ้าใสวันใหม่ Food Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog
โอน่าจอมซ่าส์ Funniest Blog ดู Blog
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
สันตะวาใบข้าว Literature Blog ดู Blog
wicsir Travel Blog ดู Blog

ตามมาเที่ยวค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 22 เมษายน 2563 เวลา:10:58:11 น.  

 
น่าเที่ยวมากเลยค่ะ


โดย: poppiiro วันที่: 26 เมษายน 2563 เวลา:8:32:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
<<
เมษายน 2563
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
1 เมษายน 2563
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.