ภูกระดึง.

Hello world
สวัสดีชาวโลก

ทอสกับโมออกเดินทางอีกแล้วครับ เพิ่งมีเวลามานั่งเขียนบล็อค
แต่คราวนี้มีสมาชิกมาร่วมเดินทางมาเพิ่มอีกสอง
จุดหมายในคราวนี้ก็คือ "ภูกระดึง"

สำหรับผมภูกระดึงรอบนี้เป็นรอบที่สามแล้ว ครบสามซะทีดีใจมากมาย
ยังจำได้เลยว่าครั้งแรกยังพูดกับโมว่า คงจะไม่มาอีกแล้ว
แต่แหม!! ไม่ว่าใครชวนทีไรก็มาทุกที

รอบนี้เป็นรอบสำหรับพามือใหม่มาออกทริป..
ซื้อตั๋วกับบริษัท ขนส่ง 999 ครับล่วงหน้าไป 2 เดือนเลย
จะได้มีโอกาสเลือกที่นั่งก่อนครับ เป็นวีไอพี 32 ที่นั่งจำราคาไม่ได้
รู้ว่าประมาณ 600 กว่าบาท รอบ 4 ทุ่มตรงครับ

รถมาจอดรอแล้วเราเลือกที่นั่งด้านล่างครับ มันกว้างอย่างที่คนขายตั๋วแนะนำ
4 ทุ่มครึ่งรถออกไม่รู้รออะไรออกช้า พอวิ่งรถยังไม่ทันพ้นประตูหมอชิตแอร์
พังซะอย่างงั้นต้องแวะ ซ่อมนิดหน่อย หลังจากนั้นหนาวตลอดทาง



ประมาณตีสี่ กว่าๆ เราก็มาถึงผานกเค้าก็ตามสเต็ปเดิม คือ ต้องแวะร้านเจ๊กิมก่อนครับ
ผู้คนมากมายมาถึงก่อนเรานั่งกันเต็มหน้าร้านเลยทีเดียว
เราแวะล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนข้าวเผลอแป๊บเดียวก็จะเจ็ดโมงเช้า
เหมือนจำได้ทุกครั้งที่มาเค้าจะรอแปดโมงก่อนถึงให้ขึ้น

เจ็ดโมงกว่าๆ เราก็ได้เวลาขึ้นสองแถวไปทางขึ้นภูกระดึงกัน
ราคาก็คนละ 30 บาทหรือจะเหมาไปก็ได้


อากาศเย็นมากๆ นั่งรถมาทำเอาขนลุกเลยทีเดียว
พอมาถึงเราก็แบ่งทีมกันครับ ส่วนหนึ่งไปทำการลงทะเบียนจ่ายสตางค์ค่าธรรมเนียม
อีกส่วนก็ไปฝากของกะลูกหาบเพื่อจะได้คิวแรกๆ จะได้ไม่ต้องรอกระเป๋านานครับ



เราเริ่มเดินกันแปดโมงกันเลย เดินๆ พักๆ แก่ไปเยอะจริงๆ

เรามาดูข้อมูลเล็กน้อยครับ

ความเป็นมา
อุทยานแห่งชาติภูกระดึงได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 2
ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2505 ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลศรีฐาน
อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ครอบคลุมพื้นที่ 348.13 ตารางกิโลเมตร
(217,576.25 ไร่) ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหินทรายยอดตัด โดยมีที่ราบบน
ยอดภูกระดึงประมาณ 60 ตารางกิโลเมตร (37,500 ไร่)

ภูกระดึงมีระดับความสูงอยู่ระหว่าง 400 – 1,200 เมตร จุดสูงสุดอยู่ที่บริเวณ
คอกเมย มีความสูง 1,316 เมตร สภาพทั่วไปของภูกระดึงประกอบไปด้วยพรรณ
ไม้นานาชนิด พันธุ์สัตว์ป่านานาพันธุ์ หน้าผา ทุ่งหญ้า ลำธาร และน้ำตก อีกทั้งยัง
เป็นพื้นที่ต้นน้ำของลำน้ำพองซึ่งเป็นลำน้ำสายสำคัญสายหนึ่งของภาคตะวันออก
เฉียงเหนือ
ด้วยความสูง บรรยากาศ และสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดปีบนยอดภูกระดึง
โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวอุณหภูมิอาจลดต่ำจนถึง 0 องศาเซลเซียส
จึงเป็นแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวปรารถนาที่หวังจะเป็นผู้พิชิตยอดภูกระดึงสักครั้งหนึ่งในชีวิต

นักท่องเที่ยวที่ประสงค์จะเข้าไปท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง ขอให้
ติดต่อ สอบถาม หรือสำรองการเข้าไปใช้บริการล่วงหน้า ทั้งที่พักประเภทเต็นท์
ของอุทยานแห่งชาติและพื้นที่กางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยวที่นำเต็นท์มาเอง
ตามแผนผังจุดพักแรม ก่อนเดินทาง
ได้โดยตรง ณ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง โทรศัพท์หมายเลข 0-4287-1333 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
และหมายเลข 0-4287-1458 ระหว่างเวลา (07.00 น.-16.30 น.)

ลักษณะภูมิอากาศ

ภูมิอากาศของอุทยานแห่งชาติภูกระดึงบริเวณที่ระดับต่ำตามเชิงเขา มีสภาพโดย
ทั่วไปใกล้เคียงกับบริเวณอื่นๆ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยได้รับอิทธิพล
จากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ฤดูฝนเริ่มตั้งแต่
เดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม ฝนตกชุกที่สุดระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน
อุณหภูมิเฉลี่ยรายปี 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดในเดือนมกราคม และ
อุณหภูมิสูงสุดในเดือนเมษายน สภาพอากาศทั่วไปบนยอดภูกระดึง แตกต่าง
จากสภาพอากาศในที่ราบต่ำเป็นอย่างมาก โดยปริมาณน้ำฝนจะเพิ่มขึ้นอีก
ประมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของปริมาณน้ำฝนบนที่ต่ำ เนื่องจากอิทธิพลของ
เมฆ/หมอกที่ปกคลุมยอดภูกระดึงเป็นเนืองนิจ ในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยระหว่าง 0-10 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยระหว่าง
21-24 องศาเซลเซียส ส่วนในฤดูร้อนระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน อุณหภูมิต่ำ
สุดเฉลี่ยระหว่าง 12-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยระหว่าง 23-30
องศาเซลเซียส อากาศบนยอดภูกระดึงมักจะแปรปรวน มีเมฆหมอก ลอยต่ำปก
คลุมบ่อยครั้ง อากาศจึงค่อนข้างเย็นตลอดปี



ข้อมูลจาก : สำนักอุทยานแห่งชาติ



ระหว่างซำก็จะมีร้านขายน้ำเยอะแยะมากมายไว้คอยบริการไม่ต้องขนขึ้นมา
ราคาก็จะแพงขึ้นตามความสูงครับ แต่ก็ำไม่ได้มีปัญหาครั้นจะให้แบกมากินเอง
ก็คงไม่ไหวช่วยกันอุดหนุนคนพื้นที่ด้วย

ใครไม่ได้ก็แวะบีบๆ นวดๆ กันได้ วัยรุ่นยังหอบ


บ่าย 2 ก็เดินมาถึงหลังแปจนได้เป็น 5 กิโลที่ยาวนาน แต่ก็สนุกดีเดินไปคุยไป
แซวกันไปมีมิตรภาพกับผู้ร่วมทางเสมอ

บางทีอยู่กรุงเทพเราก็ลืมไปว่าเรามีหัวใจ
พอมาที่นี่ทีไร ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองทุกครั้ง

แวะถ่ายรูปคู่กับป้ายซะหน่อยจะได้รู้ว่ามาถึงแล้ว!!



วิวจากบริเวณหลังป้ายครับ เมฆเยอะทีเดียวกลัวฝนจะตกเหลือเกิน


หลังจากขึ้นหลังแปเรายังต้องเดินต่ออีกประมาณ 3 กิโลครับ
แต่ก็เป็นทางราบๆ แต่ก็ไม่มีร่มไม้อะไร ซึ่งก็เป็นทางเดียวกับที่ลูกหาบ
เดิน ก็เริ่มเห็นกระเป๋าของชุดแรกๆมาแล้ว แต่ยังไม่เห็นของตัวเอง


ก่อนขึ้นมาก็ตัดสินใจมาก่อนว่าจะแบกเต็นท์กันขึ้นมาเอง
ก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับกลัว ลูกหาบมามืดๆ แล้วจะกางเต็นท์ลำบาก


ถึงแล้วจัดการกางเต็นท์กัน แยกนอนชายหญิง ผ้าใบรองเต็นท์สีฟ้าๆ ก็สามารถยืม
เอาจากร้านขายข้าวก็ได้นะครับ แล้วก็ช่วยอุดหนุนเค้าด้วย



อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ สบายๆ ถ่ายรูปเล่นกันนิดหน่อยก่อนแยกย้ายอาบน้ำ
ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นนะครับ น้ำเย็นเพียวๆ สุดยอด





กิจกรรมแรกของเช้าวันที่ 2 ดูพระอาทิตย์ขึ้น ผานกแอ่น
ตื่นกันตั้งแต่ตี 4 เริ่มออกเดินก็ตีห้า เราเดินกันประมาณ 1.3 กิโลเมตร
เดินฝ่าความมืดแล้วก็ความหนาวกันไปครับ



วันนี้โชคไม่ดีฟ้าปิดพระอาทิตย์ไม่ออกมาครับ ทุกคนผิดหวัง
เดินทยอยกลับกันแทบหมด ผมตัดสินใจอยู่ต่อ รออีกนิดเถอะ
สุดท้ายก็มีแสงลอดออกมาจากเมฆเป็นลำสวยงามจนได้

ธรรมชาติให้รางวัล กับคนที่รอนะครับ





กลับเต็นท์เตรียมตัวเดินต่อไปที่ผาหล่มสักครับ เดินยาวๆ 9 กิโลเท่านั้นเอง


ระหว่างทางก็เดินเล่นเข้าไปดูน้ำตกบ้าง


ช่วงที่ผมไปกลางเดือน พย. เมเปิ้ลเพิ่งจะเริ่มๆแดงถือว่ายังน้อยกว่าที่เคยมาเจอ


แวะอัพเดท facebook กันที่น้ำตกสอเหนือครับ ช่วงนี้น้ำน้อยแล้ว


และแล้วภารกิจ พามือใหม่มากินแป๊ปซี่ที่อร่อยที่สุดในโลกก็สำเร็จแล้ว
ยังมีข้าวจี่ ไข่ปิ้ง มันเผา ส้มตำ กระเพราเนื้อ
เยอะเนอะ ไม่รู้ไปหิวมาจากไหน



ถ่ายป้ายๆ


6 โมงกว่ามืดแล้วครับ เรายังต้องเดินกลับอีก 9 กิโล
ฟ้าปิดอีกตามเคย พระอาทิตย์ขาลงไม่ออกมาให้เห็น อากาศเริ่มเย็นจนปากสั่น
ต้องออกเดินแล้ว หมูกระทะป้าทิพย์รอเราอยู่



เช้าวันที่ 3 ของการเดินทาง แต่เป็นเช้าที่ 2 บนภูกระดึง วันนี้สบายๆ ครับตื่นสายได้



ผมเลือกตื่นเช้ามาดูบรรยากาศ วันนี้ฟ้าดีจริงเสียดายผานกแอ่นต้องสวยแน่ๆ



แต่ก็ไม่เป็นไรมาถ่ายรูปธรรมชาติ ความไม่แน่นอนเป็นเสน่ห์ของมัน



แสงทองยามเช้าอาบไปทั่วลานกางเต็นท์ อยู่กรุงเทพไม่มีทางได้เห็นแน่ๆ



สายๆ ออกเดินไปน้ำตกวังกวางซึ่งก็อยู่ใกล้ ประมาณ 0.8 กิโล



เวลาเหลือเยอะแยะแบบไม่ต้องรีบร้อนอะไร



แล้วก็อีกเช่นเคยน้ำแทบจะไม่มีแล้วครับ ถ้าอยากได้น้ำตกสวยๆ ต้องช่วง
เปิดภูเลยครับ เขียวสดชื่นแต่ก็อาจเจอฝน







เก็บรูปเรื่อยเปื่อย ใช้เวลาอยู่ตรงนี้นานจริงๆอากาศเย็นน่านอน


หลังจากนั้นก็เดินกลับไปนอนก่อนครับ ประมาณบ่าย 3 เราก็มาผาหมากดูก
หวังเก็บพระอาทิตย์ตก


แดดดีจริงๆ


เห็นลำแสงอย่างมีความหวัง



สุดท้าย พระอาทิตย์ก็ขี้อายเหมือนเดิมไม่ออกมาให้เราเห็น



เช้าวันที่ 3 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายต้องกลับแล้วครับ
ฝากของกับลูกหาบเสร็จสรรพ ก็มาแวะกินข้าวร้านป้าทิพย์ก่อนลง
ซึ่งเป็นร้านที่เราฝากท้องเกือบทุกมื้อ มีแอบไปกินร้านอื่นเลยท้องเสียเลย

ก่อนกลับเลยขอถ่ายรูปกับป้าเป็นที่ระลึก แถมฝากผ้าใบสีฟ้า ที่หอบหิ้วมาด้วย ไว้ที่ร้านป้า เพื่อให้คนอื่นได้ใ้ช้ต่อ และบอกป้าว่าปีหน้าจะกลับมาใช้จ้า

(ปล. แต่โมโม่ แอบวงเล็บไว้ในใจว่า อาจเป็นน้องมาแทน 555)



ถ่ายป้ายๆ



จากนั้นก็ลงอย่ารวดเร็วเพื่อรอรถกลับกรุงเทพที่ร้านเจ้กิมเช่นเคย
รถมาบ่ายสามครึ่งหวานเย็นสวดๆ

ไม่รู้ว่าทริปนี้จะเป็นทริปสุดท้ายกับภูกระดึงหรือไม่ต้องรอชม!!!
แต่จากข่าวเรื่องกระเช้าลอยฟ้าก็อาจจะทำให้บรรยากาศเดิมๆ เปลี่ยนไป
มีคนบอกผมว่าสร้างกระเช้านั้นดีกว่าเดินอย่างแน่นอนเพราะทางเดินของ
คนทำให้ป่าเสื่อมโทรมขยายวงได้มากว่าซึ่งก็ คือ เรื่องจริง

แต่กระเช้าก็ไม่เหมาะสมกับนิสัยคนไทยเช่นกัน

แล้วพบกันใหม่เมื่อ "ทอสกับโมออกเดินทาง" สวัสดีจ๊ะ







Create Date : 24 มีนาคม 2556
Last Update : 26 มีนาคม 2556 0:27:01 น. 3 comments
Counter : 3735 Pageviews.

 



โดย: Momojang (tik_tos ) วันที่: 25 มีนาคม 2556 เวลา:23:15:48 น.  

 
นํ้าตกสวยมาก


โดย: jjb IP: 124.121.154.83 วันที่: 26 มีนาคม 2556 เวลา:0:26:39 น.  

 
ไปมาแล้วสามรอบ
ป่าปิดเข้าแล้ว
เหลือหน้าฝนสงสัยเปิดภูปีนี้ต้องขึ้นครั้งที่4


โดย: F16FALCON วันที่: 4 เมษายน 2556 เวลา:16:38:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Papatos
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


















Group Blog
 
<<
มีนาคม 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
24 มีนาคม 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Papatos's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.