chill out chiangmai (second date)

เชียงใหม่ 2011 วันที่สอง
ถ่ายภาพ : ทอส
เนื้อเรื่อง : ก็ทอสอีกนั้นเหละ

หลังจากที่เมื่อวานเจอทั้งแดด เจอทั้งฝน ทำให้รู้สึกได้ทันทีว่าถ้าอย่างงี้
มีมอเตอร์ไซค์ อย่างเดียวคงไปไหนไม่ได้แน่อากาศแปรปวนจริง

ขณะที่ขี่มอเตอร์ไซค์จะเข้าโรงแรม ดันไปเจอเข้าพอดี "Northwheel"
เลยเข้าไปถามราคาซะหน่อย ซึ่งราคาก็เป็นที่ยอมรับได้ก็เลยตัดสินใจกันว่า
งั้นเช่ารถยนต์ซัก 2 วันละกันจะได้เที่ยวได้ส่วนมอเตอร์ไซค์ก็ยังไม่ต้องคืน
เอาไว้ขี่ไปกินข้าวกัน


หลังจากได้รถแล้วปัญหาอีกอย่างหนึ่งก็คือ แล้วเราจะไปเที่ยวไหนกัน
หาๆๆ ผมเลยตัดสินใจเองเลยว่าไปอินทนนท์เถอะผมยังไม่เคยขึ้นซะที


ตื่นตั้งแต่ตี 4 ครึ่ง เพราะอยากดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ กิ่วแม่ปานครับ
ออกเดินทางกันตี 5 แต่ก็ยังไปไม่ทันฟ้าสางตั้งแต่ยังไม่ทันขึ้น
แต่เราก็เห็นเมฆเป็นปุยๆมาตั้งแต่ไกล
ที่นี่คือจุดจอดรถของกิ่วแม่ปานครับ สามารถมาดูพระอาทิตย์ขึ้นจากตรงนี้ได้


กิ่วแม่ปานยังมีเส้นทางให้เดินศึกษาธรรมชาติอีกด้วย
แต่วันที่เราไปนั้นเป็นวันสุดท้ายที่เค้าเปิดให้เดิน ก็เลยอด
แถมตรงนั้นมีนักท่องเที่ยวแค่ 4 คนกับรถ 2 คัน
แหล่มที่สุด


เมฆน่ากินมากแถมอากาศเย็นพอสมควรน่าจะต่ำกว่า 20 องศา


สดชื่นป่ะล่ะ สีเขียวของป่าตัดกับหมอกสีขาวๆ


หน้าโมโม่ออกอาการแล้วครับ คงจะง่วงเพระถูกปลุกแต่เช้า
555


จากนั้นก็ลงมาอีกนิดเพื่อมาไหว้ พระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ
ถึงจะอยู่สูงแค่ไหน โมโม่ก็ยังไม่ขาดการติดต่อกับแฟนคลับทั้งหลาย


เป็นพระธาตุที่ทางกองทัพอากาศร่วมกับพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศ
ร่วมใจสร้างถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา
เมื่อปีพุทธศักราช 2530 และเทิดพระเกียรติแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ เนื่องในมหามงคลสมัยที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2535 โดยรอบบริเวณพระมหาธาตุเจดีย์ทั้ง 2 องค์ สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของดอยอินทนนท์โดยรอบได้อย่างชัดเจน พระมหาธาตุทั้ง 2 องค์นี้
มีรูปทรงคล้ายคลึงกัน คือ มีฐานเป็นรูป 12 เหลี่ยม มีระเบียงแก้วโดยรอบเป็น 2 ระดับ
เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปบูชา


เมฆหนาน่าทานมากครับจนบางครั้งเจดีย์หายไปเลย
โมโม่อยากลองชิมเมฆซะหน่อยหาไม่ได้ง่ายๆนะเนี่ย


การเดินทาง
พระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ ตั้งอยู่ห่างจาก
ตัวอำเภอเมืองเชียงใหม่ 101 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวง 108
(เชียงใหม่ - ฮอด) ประมาณกิโลเมตรที่ 58 เลี้ยวขวาเข้าสู่เส้นทางหลวง
หมายเลข 1009 (สายจอมทอง - ดอยอินทนนท์) ประมาณ 43 กิโลเมตร


วิวสวยมากจนแต่โมโม่ยังคงก้มหน้าก้มตา กดอย่างต่อเนื่อง


เท่ห์ๆนิดนึ่ง


รูปคู่จาก 10-20 ช่วยได้เสมอแม้จะไปกัน 2 คน


ขาลงคนขับง่วงเหลือเกินจนไม่แน่ใจว่าหลับไปบ้างรึเปล่าเลยขอแวะ
ที่น้ำตกน้ำตกวชิรธารซะหน่อยเพราะจำได้ว่าคราวที่แล้วมา
มีร้านกาแฟเปิดอยู่


น้ำตกวชิรธาร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ เดิมชื่อ ตาดฆ้องโยง
ภายหลัง ได้เปลี่ยนชื่อตามพระนามาภิไธยของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ตัวน้ำตกอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 750 เมตร
ตรงข้ามมีหน้าผาสูงชัน เรียกว่า ผาม่อนแก้ว หรือในภายหลังเรียกว่า ผาแว่นแก้ว

ถึงจะมาเป็นครั้งที่ 2 แล้วก็ยังคงชอบอยู่ดีถ่ายรูปไว้ซะหน่อย
จะเห็นได้ว่าน้ำตกแรงมากครับจนละอองน้ำฟุ้งกระจายไปทั้ว
สังเกตุเห็นว่ารูปนี้มีน้ำเกาะอยู่หน้าเลนส์เต็มไปหมดเลย
เช็ดไม่ไหวเลยเอามันแบบนี้เหละ 555 กล้องก็เปียกเหมือนไปราดน้ำมาเลย


แสนสุขสมนั่งชมน้ำตก กินกาแฟไปดูน้ำตกไปมีบทสนทนาดีๆอยู่กับคนรู้ใจ
จะมีความสุขไหนเท่านี้ จุ๊กกรู้


ขาลงเกือบถึงข้างล่างแล้วเหลือบไปเห็นป้ายทางไปน้ำตกแม่ยะ
เลยคิดว่าจะไปดีไหมตั้ง 10 กว่ากิโลเลยให้โมโม่หารูปใน google
ให้ดูหน่อยว่าสวยไหม พอดูเสร็จเลี้ยวรถทันที 555


น้ำตกแม่ยะ
เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและสวยที่สุดของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
ด้วยความสูงกว่า 260 เมตร สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล สายน้ำต
กระทบหน้าผาหินกว่า 30 ชั้น บางช่วงของหน้าผา เป็นชะง่อนหินให้
นักท่องเที่ยวเข้าไปหลบละอองไอน้ำที่ตกกระทบมองดูเหมือนม่านหมอก
สีขาวสะอาดตา สัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติอีกรูปแบบหนึ่ง


การเข้าไปเที่ยวเล่นน้ำตกแม่ยะ นักท่องเที่ยวต้องเสียค่าธรรมเนียม
ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ที่ด่านเก็บค่าธรรมเนียม และต้องเดินเท้าเข้า
อีกประมาณ 500 เมตร สามารถกางเต้นท์พักแรมที่น้ำตกแม่ยะได้
แต่ต้องติดต่อขอสถานที่กางเต้นท์กับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ

ทั้งอุทยานมีกันอยู่แค่ 2 คน เที่ยวหน้าโลว์นี่มันซะใจจริงๆ


เวลายังเหลืออีกมากมาย เลยไปไหว้ วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร
ซึ่งเป็นวัดประจำปีเกิดของคนเกิดปีหนู

วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เดิมชื่อ วัดพระธาตุเจ้าศรีจอมทอง
ตั้งอยู่ถนนเชียงใหม่ - ฮอด หมู่ 2 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง
จังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากตัวจังหวัดเชียงใหม่ประมาณ 58 กิโลเมตร
วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เป็น พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 บริเวณที่ตั้ง เป็นเนินดินสูง ประมาณ 10 เมตร เรียกกัน
มาตั้งแต่อดีตว่า ดอยจอมทอง ตามประวัติสันนิษฐานว่า เป็นวัดที่สร้างขึ้น
ในราวพุทธศตวรรษที่ 20 แต่จากลักษณะทางศิลปกรรมของสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ
ภายในวัด ปรากฏเป็นลักษณะของศิลปกรรม ในสมัยหลัง พุทธศตวรรษที่ 24
ซึ่งเป็นห้วงระยะเวลาของยุคฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่

พระธาตุศรีจอมทอง เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เป็นสถานที่
ประดิษฐานของพระทักษิณโมลีธาตุ พระธาตุส่วนที่เป็น พระเศียรเบื้องขวา
ของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีขนาดโตประมาณ เมล็ดข้าวโพด
สันฐานกลมเกลี้ยง สีขาวนวลเหมือน ดอกบวบ หรือ สีคล้ายดอกพิกุลแห้ง
ตามประวัติเล่าว่า พระเจ้าอโศกมหาราช เป็นผู้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้
ที่ดอยจอมทอง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 218 ปัจจุบัน พระธาตุ ถูกบรรจุไว้ในพระโกศ 5 ชั้น
ซึ่งตั้งอยู่ภายใน พระวิหารจตุรมุข ก่ออิฐถือปูนทั้งองค์ มีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส
คล้ายพระเจดีย์ กว้าง 4 เมตร สูง 8 เมตร ตามประวัติว่าสร้างขึ้นโดย
พระเจ้าดิลกปนัดดาธิราช หรือ พระเมืองแก้ว กษัตริย์ราชวงศ์มังราย
เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2060

พระธาตุนี้เป็นพระธาตุประจำปีของโมโม่


ผมเองก็เลยคิดว่าอย่างงี้ ต้องไปไหว้ประธาตุประจำปีของตัวเองบ้าง
ก็เลยขับรถไปลำพูนซึ่งอยู่ไม่กันกันมากนัก


วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ ๑๗
ในรัชสมัยของพญาอาทิตยราช กษัตริย์แห่งราชวงศ์จามเทวีวงศ์
โดยที่แห่งนี้ เคยเป็นพระราชฐานของพระองค์ซึ่งพระราชทานอุทิศถวายให้เป็นวัดพระธาตุฯ
เพื่อเป็นพุทธบูชาหลังจากที่พระบรมสารีริกธาตุได้ปรากฏ ให้พระองค์ได้
ทอดพระเนตรในบริเวณดังกล่าว มวลสารผงจากองค์พระบรมธาตุหริภุญชัย
ใช้ทำพระสมเด็จจิตรลดา


พระบรมธาตุหริภุญชัย เป็นโบราณสถานอันสำคัญของนครหริภุญชัยที่
พระเจ้าอาทิตยราช เป็นผู้สถาปนาขึ้นในราว พุทธศตวรรษที่ 17
เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ อันมี ธาตุกระหม่อม ธาตุกระดูกอก
ธาตุกระดูกนิ้วมือ และธาตุย่อยอีกเต็มบาตรหนึ่ง ตามพุทธทำนายลักษณะทางสถาปัตยกรรมขององค์พระธาตุหริภุญชัย ตามที่ปรากฏในหนังสือ
ตำนานพระธาตุหริภุญชัย กล่าวว่า มีลักษณะ เป็นสถูปสี่เหลี่ยมทรงปราสาท
ที่มีซุ้มทวาร เข้า- ออกทะลุกันได้ทั้งสี่ด้าน มีปราสาทสี่เหลี่ยมอยู่ตรงมุม
ละองค์ก่อด้วยศิลาแลงซึ่งเป็นวัตถุดิบที่มีมากอยู่ในเมืองนี้ ภายในเป็นแท่น
สำหรับประดิษฐาน พระโกศที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
ในสมัยของพญาสรรพสิทธิ์ กษัตริย์แห่งราชวงศ์จามเทวีวงศ์
ทรงโปรดให้ปฏิสังขรณ์เจดีย์เดิมที่พญาอาทิตยราชทรงสร้างไว้
และได้ขุดร่องทวารประตูเข้า-ออก ทั้งสี่เพื่อความปลอดภัย รูปทรงสันฐาน
ขององค์พระบรมธาตุยังคงเป็นลักษณะเดิม คือ เป็นทรงปราสาทสี่เหลี่ยม
ที่กว้างใหญ่และสูง เมื่อ พญามังราย ตีเมืองหริภุญชัยได้ โปรดให้ซ่อมแซม
ดัดแปลงองค์พระธาตุขึ้นใหม่ การปฏิสังขรณ์ครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลง
ทรวดทรง ขององค์พระธาตุฯ จากทรงปราสาทกลายเป็นทรงเจดีย์ฐานกลม
แบบทรงลังกา ในสมัยของพระเจ้าแสนเมืองมาประมาณปี พ.ศ. 1951
โปรดให้มีการปิดทององค์พระธาตุ พ.ศ. 1990 พระเจ้าติโลกราชกษัตริย์
องค์สำคัญแห่งเมืองเชียงใหม่ ทรงร่วมกับพระมหาเมธังกรเถระ
ก่อพระมหาเจดีย์ให้สูงขึ้นเป็น 92 ศอก กว้างยาวขึ้น 52 ศอก เ
ป็นรูปร่างที่เห็นเป็นอยู่ในปัจจุบัน


แถมด้วยฟ้าใสๆกับพระธาตุสีเหลืองทองอร่ามสวยงามมากๆ



บ่ายแก่จนจะเย็นอยู่แล้ววันนีเพิ่งได้กินแต่มาม่ากับโจ้กสำเร็จรูป
กันทั้งสองคน หวังใจไว้ว่าจะมากินข้าวซอยร้านประจำที่อยู่หน้าวัด
พระธาตุ ซะหน่อยแต่ก็ดันมาปิดซะนี่ T T
เวลายังเหลืออีกมากมายเลยแวะเข้าไปเยี่ยมญาติทางแม่ของโมโม่
ซึ่งก็อยู่ในจังหวัดลำพูนนั้นแหละ ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก


ขากลับวิ่งเส้นต้นยางเลยแวะตลาดซื้อของกินแบบคนที่ไม่ได้กินข้าว
กันมา 3 วันเยอะมากๆเอาเข้าไปกินที่โรงแรมถือกันพรุงพรังเต็มไปหมด

แล้วหลังจากอาบน้ำอาบท่ากินข้าวเรียบร้อย ก็เป็นเวลาของโมโม่อีกครั้ง
ถึงฝนจะตกฟ้าจะร้องก็ไม่หวั่นไหว ขอให้ได้เดินถนนคนเดินวันอาทิตย์
ซึ่งผมคิดเอาเองว่ามันมีของเยอะกว่าที่วัวลาย
แล้วที่สำคัญมันห่างจากโรงแรมแค่ถนนกั้นกลางเท่านั้น

สังเกตุหน้าตาคุณโมโม่ดูจะมีความสุขเกินไปและ

จบวันที่สองเพียงแค่นี้ครับ


Link วันแรก











Create Date : 03 มิถุนายน 2554
Last Update : 21 กรกฎาคม 2555 23:05:13 น. 4 comments
Counter : 1769 Pageviews.

 
คุ้มค่าจริงๆครับทั้งดอยทั้งวัด ถือว่าคุ้มครับ.อิ อิ


โดย: พายุสุริยะ วันที่: 3 มิถุนายน 2554 เวลา:22:00:54 น.  

 
เที่ยวสนุกไปเลยน่ะค่ะ แถมได้ภาพถ่ายสวยๆมาแบ่งปันเยอะเลย


โดย: Tick Juntavaro วันที่: 5 มิถุนายน 2554 เวลา:15:13:20 น.  

 
มาเยี่ยมชม ครับ


โดย: Kavanich96 วันที่: 5 มิถุนายน 2554 เวลา:20:11:18 น.  

 
ว้าวๆ หมอกลงหนามากเลย อากาศน่าจะดีมากเลยใช่ไหมคะ


โดย: ASDK_MK วันที่: 6 มิถุนายน 2554 เวลา:10:47:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Papatos
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


















Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
3 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Papatos's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.