จ้างรักจอมมาร ตอน คืนแห่งความหวาดหวั่น
หลังจากนั้นทั้งหมดก็พากันไปชมสถานที่อื่นนั่นก็คือ โบสต์ซานตามาเรีย เดลลา ซาลูท (Santa Maria della Salute) โบสถ์เก่าแก่ที่ตั้งโดดเด่นอยู่ยังปากทางเข้าแกรนด์คาเนล เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่จัดได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเวนิส โดยโบสถ์แบบบาโร้กขนาดใหญ่นี้ ถูกสร้างเพื่อขอบคุณพระเจ้าในโอกาสที่โรคระบาดได้หายไปจากเวนิส ในปี 1630 โบสถ์ถูกสร้างด้วยรูปแบบโรมันคาทอลิก มีฉายาว่าโบสถ์แห่งสุขภาพ ซึ่งปภาพินท์ก็บันทึกภาพความงดงามไว้ในกล้องด้วยความประทับใจเหมือนเช่นทุกคราว
หลังจากนั้นปภาพินท์กับอิศเรศก็เดินขึ้นไปเก็บภาพบนสะพานซิ้งห์ (Bridge of Sighs) ซึ่งเป็นสะพานเก่าแก่ที่เชื่อมระหว่างวังดูคาเลกับคุกเก่า เป็นเส้นทางลำเลียงนักโทษเข้าสู่ตัวคุก ออกแบบโดย Conny Antoni Contino ในปี ค.ศ.1602 สร้างมาจากหินปูนสีขาว มีช่องหน้าต่างให้มองออกมาได้ เพื่อให้นักโทษได้ชมความสวยงามของท้องฟ้า และทะเลแห่งเวนิสเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต โดย Lord Byron ได้ตั้งชื่อว่าสะพานซิงห์ ในศตวรรษที่ 19 เนื่องมาจากนักโทษจะได้ถอนหายใจเป็นครั้งสุดท้ายที่สะพานแห่งนี้นั่นเอง ซึ่งในช่วงที่เธอถ่ายภาพให้กับคุณอาทั้งสองและอิศเรศนั้นก็ได้มีชายคนหนึ่งวิ่งชนโดยแรงจนกายระหงล้มลงไปนั่งที่พื้นสะพาน มีคนยืนอยู่บนนั้นเยอะมากต่างเดินกันให้ขวักไขว่ไปหมด พอชายหนุ่มเห็นเธอล้มก็รีบวิ่งเข้าไปหาหญิงสาวทันทีพร้อมกับฉุดร่างนุ่มขึ้นมาโดยเร็ว นั่นเพราะกลัวผู้คนจะเหยียบเธอน่ะเอง พลางถามด้วยความห่วงใย เป็นอะไรรึเปล่าปะ... เอ่อที่รัก เขาเกือบเผลอเรียกชื่อจริงเธอออกมาด้วยความตกใจ นั่นเพราะยังไม่ชินปากเท่าใดนัก ไม่เป็นอะไรค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยดึงฉันขึ้นมา นิภากับชาลีก็เดินเข้ามาหาเธอด้วยเช่นกัน เป็นอะไรมากรึเปล่าจ๊ะหนูนันท์ มือถลอกนิดหน่อย แต่ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ เธอบอกให้ทั้งสองคลายความกังวลลง โชคดีนะที่กล้องถ่ายภาพมีสายคล้องคอไม่อย่างนั้นคงตกไปกระแทกพื้นแล้วเป็นแน่ คราวหลังระวังหน่อยก็แล้วกันนะ อิศเรศบอกอย่างตักเตือนพร้อมกับโอบไปยังบ่านวลแสดงถึงความห่วงใยที่มีให้กับปภาพินท์ คนก็เยอะยังจะวิ่งอีก แย่จริงๆ เลย ชาลีบ่นอย่างไม่ชอบใจ นั่นสิคะคุณอาชาลี หลังจากนั้นทั้งหมดก็พากันเดินชมสถานที่ต่อไป ในช่วงนั้นปภาพินท์ก็เห็นทุกคนใส่หน้ากากในรูปแบบต่างๆ ซึ่งประดับประดาด้วยลวดลายตกแต่งอย่างสวยงาม ก็เกิดความสงสัยขึ้นมา เอ๊ะ ทำไมคนที่นี่ถึงใส่หน้ากากกันล่ะคะ นิภาซึ่งเคยสงสัยเช่นกันมาก่อนในช่วงที่มาฮันนีมูลยังประเทศอิตาลีกับคนรักก็บอกให้ได้รับรู้ พอดีมีเทศกาลหน้ากากของเวนิสน่ะหนูนันท์ โชคดีนะเนี่ยที่พวกเรามาในช่วงที่เขาจัดงานนี้พอดี เทศกาลหน้ากากเหรอคะ จ้ะหรือเรียกว่างานเวนิส คาร์นิวัลน่ะ ทุกคนจะแต่งตัวสวยๆ แล้วก็ใส่หน้ากากกัน หนูนันท์อยากลองใส่หน้ากากบ้างไหมล่ะ เนี่ยมีขายเต็มเลย นิภากับชาลีต่างบอกเล่าให้เธอทราบ น่าสนใจนะคะคุณอานิภา คุณอาชาลี ตอนนั้นที่อาสองคนมาก็ซื้อกลับไปด้วยนะ แล้วก็เอาไปฝากคนอื่นๆ ด้วย เห็นมันสวยดีน่ะ โดยทั้งคู่ก็พาอิศเรศกับปภาพินท์เดินดูร้านรวงต่างๆ ซึ่งขายของที่ระลึกด้วย
งานเวนิสคาร์นิวัลได้มีมาตั้งแต่ปี 1268 แล้ว โดยจะมีงานเฉลิมฉลอง และสวมหน้ากากจนถึงการแต่งองค์ทรงเครื่องกันอย่างอลังการ บนถนนของเวนิสก็คลาคล่ำไปด้วยผู้คนจากทั่วทุกมุมของโลกที่ต้องการสัมผัสมนตราแห่งศตวรรษที่ 18 กันอย่างมากมาย ซึ่งงานที่ว่าจะมีก่อนเทศกาลอีสเตอร์ของทุกปี ปภาพินท์กับอิศเรศและเพื่อนของบิดาก็เพลิดเพลินกับหน้ากากอย่างสนุกสนาน โดยหน้ากากที่สวมกันในงานเวนิส คาร์นิวัลจะมีอยู่สามแบบ หน้ากากแบบแรกคือ Commedia dell'Arte ซึ่งเป็นละครตลกในยุคศตวรรษที่ 16-18 ของอิตาลี เช่นตัวตลก ฮาร์เลควิน กับ ปิเอโรต์ อิศเรศหยิบมันมาเทียบกับใบหน้าของตนเองก่อนจะหันไปยังภรรยาจอมปลอมของตนเอง ปภาพินท์ก็หยิบหน้ากากแฟนตาซีซึ่งเป็นใบหน้าของผู้หญิงขึ้นมาลองสวมดูก่อนจะหันไปยังเจ้าบ่าวกำมะลอ ต่างคนก็ต่างเก็บภาพของกันและกันอย่างสนุกสนานกับการหยิบหน้ากากอันนั้นแล้วก็เปลี่ยนเป็นอันอื่นแทนด้วยความละลานตาอย่างสนใจไปหมด ส่วนนิภากับชาลีก็หยิบหน้ากากแบบดั้งเดิมของชาวเวนิสมาใส่ ลักษณะเป็นหน้ากากสีขาวคล้ายปากนก พวกหมอเคยใช้ในสมัยที่กาฬโรคระบาดครั้งใหญ่ในช่วงศตวรรษที่ 14 นอกจากจะมีหน้ากากให้เลือกแล้วยังมีเสื้อผ้าให้นักท่องเที่ยวได้เลือกสวมใส่ด้วย งานคาร์นิวัลได้กลายเป็นธุรกิจการท่องเที่ยวของเวนิสไปแล้ว โดยราคาของหน้ากาก Mass Product ก็จะมีตั้งแต่ไม่กี่สิบยูโรไปจนถึงหลายร้อยยูโร แล้วแต่ความละเอียดและวัสดุที่ใช้ แต่ถ้าใครไม่อยากใส่หน้ากากการเพ้นต์หน้าก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งหลังจากได้หน้ากากที่ถูกใจแล้วทั้งสี่ก็สวมหน้ากากไปร่วมสนุกในเทศกาล เวนิส คาร์นิวัลด้วยเช่นกัน ภายใต้ The me ที่มักจะจัดขึ้นในธีมต่างๆ แบบไม่ซ้ำกัน นั่นยิ่งทำให้นักท่องเที่ยวและชาวเมืองต่างเฝ้าคอยที่จะได้ชมความแปลกใหม่ของงานดังกล่าวทุกปี ทุกคนก็ดูจะสนุกกับการไปถ่ายภาพร่วมกับชาวเมืองอิตาลีทั้งหญิงและชายยังเวนิสด้วย ต่างสวมชุดและหน้ากากอย่างสวยงาม ทั้งยังผลัดกันถ่ายรูปด้วยความชื่นชอบยิ่งนัก โดยหลังจากที่เดินชมสถานที่เวนิสมาพักใหญ่ก็หยุดแวะกินกาแฟร้อน ณ ร้านกาแฟ Florian ก่อนจะเดินชมสถานที่ต่อไปต่อด้วยความประทับใจ นั่นก็คือ น้ำพุเทรวี่ (Trevi Fountain) เป็นน้ำพุที่สวยงามและมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก
ชื่อ เทรวี่ นั้นมาจากคำว่า ตรีวิอุม หมายถึงพบกันของถนนสามสาย เป็นอนุสรณ์สไตล์ บารอค ออกแบบและก่อสร้างโดย นิโคลา ซาลวี่ ซึ่งบริเวณลานด้านหน้าจะมีรูปปั้นแกะสลักที่สวยงามตระกาลตาได้แนวคิดมาจากความยิ่งใหญ่ของเทพเจ้าเนปจูน ตาอิฐกับหนูนันท์โยนเหรียญลงไปสิจ๊ะ เขาบอกว่าจะได้กลับมาที่นี่อีก ใช่ๆ อาสองคนก็โยนเหรียญลงไปแล้วก็ได้กลับมาที่นี่อีกครั้งจริงๆ ตอนแรกก็คิดว่าไปเที่ยวมาแล้วคงไม่มาอีกหรอก จะมาอีกทำไมกัน ชาลีแสดงความคิดของตนเองออกไปเมื่อภรรยาพูดจบ แล้วดูตอนนี้สิกลับมารำลึกความหลังกัน ปภาพินท์ยืนคิดในใจ ไม่มีวันนั้นหรอกค่ะคุณอานิภา ทางด้านของอิศเรศก็คิดไม่ต่างกันเลย ใช่ครับ มันไม่มีทางอย่างแน่นอน หลังจากที่เที่ยวอิตาลีจนทั่วหลายแห่งแล้วยามนี้ก็ได้เวลาที่จะต้องกลับมาพักยังโรงแรม เป็นสิ่งที่ปภาพินท์ไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย นั่นเพราะคืนนี้เธอจะต้องเสียตัวให้กับเขา ซึ่งเมื่อกินข้าวเย็นกันอิ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาที่ทั้งคู่ต้องกลับมาพักผ่อนเพื่อเตรียมที่จะไปเที่ยวยังสถานที่อื่นต่อในวันถัดไป นิภากับสามีก็เอ่ยลาทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มเตรียมกลับไปพักผ่อนเช่นกัน พรุ่งนี้เจอกันนะจ๊ะตาอิฐ หนูนันท์ ฝันดีจ้ะ สำหรับปภาพินท์เป็นช่วงเวลาที่รู้สึกหวาดหวั่นมากที่สุด แต่คงไม่มีเวลาที่จะยืดอีกแล้ว เพราะผู้ชายเบื้องหน้าคงไม่ยอมปล่อยโอกาสที่ว่านี้อย่างแน่นอน อิศเรศโอบร่างนุ่มยังเอวระหง ขณะที่หัวใจของเธอเต้นแรงระรัวไม่หยุด ทั้งสองตอบรับกลับไปแต่ปภาพินท์ดูจะเบากว่ามาก ฝันดีครับคุณอานิภา คุณอาชาลี จ้ะ อีกฝ่ายเอ่ยก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้อง ซึ่งอิศเรศก็เปิดประตูเพื่อเข้าห้องเช่นกันเขาพูดกระซิบข้างใบหูเล็กอย่างแผ่วเบา ต่อไปก็เป็นเวลาของเราแล้วสินะ เป็นคำพูดที่ทำให้หญิงสาวเกิดอาการขนลุกขนชันอย่างมาก มือเรียวกำแน่นทีเดียวซ้ำขายังก้าวไม่ค่อยออกด้วย ตัวเกร็งไปหมดเมื่อคิดว่ากำลังจะได้พบกับวิธีเด็ดซึ่งเขาได้บอกไว้ช่วงที่อยู่ยังบ้านของอีกฝ่าย ปภาพินท์รีบตรงไปหยิบเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋าเดินทางโดยเร็ว และเตรียมจะวิ่งไปยังห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันได้ทำตามที่คิด อิศเรศก็เดินมาขวางร่างไว้และบอกอย่างรู้เท่าทันโดยฉุดแขนเล็กไว้ให้เข้ามาปะทะกับแผงอกกว้างของตนเอง อย่าคิดที่จะหลบอยู่ในห้องน้ำเป็นอันขาดปภาพินท์ อดรู้สึกแย่ไม่ได้ที่เขารู้ทันตนเอง ไม่ได้คิดจะหลบสักหน่อยนี่คะ พลางตอบด้วยน้ำเสียงเบาทั้งยังไม่กล้าที่จะสบประสานกับแววตาคมด้วย แต่ตาเธอไม่ได้บอกอย่างนั้นนี่ปภาพินท์ คุณไม่เหนื่อยบ้างเหรอคะคุณอิฐ วันนี้เดินมาทั้งวันเลยนะคะ ฉันยังปวดขาแทบแย่อยากจะนอนมากเลยค่ะ อีกอย่างพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าด้วย ถ้านอนดึกอาจจะตื่นไม่ทันนะคะ แล้วก็จะทำให้คนอื่นเสียเวลามาก เธอยกเหตุผลขึ้นมาอ้างร้อยแปด เพื่อที่จะให้เขาเห็นด้วยกับตนเอง แต่ราวกับเธอพูดให้อีกฝ่ายฟังแบบหูซ้ายทะลุหูขวาแทนเสียนั่น อิศเรศกลับพูดออกมาด้วยความขี้คุยอย่างมากยิ่งนัก ฉันเป็นพวกนกฮูก นอนดึกตื่นเช้าอยู่แล้ว และก็พลังงานเหลือเฟือ แค่เดินทั่วอิตาลีน่ะไม่ได้ทำให้ฉันเหนื่อยมากหรอก แปลว่ายังไงคุณก็จะนอนกับฉันให้ได้ใช่ไหมคะ เธอถามด้วยน้ำเสียงที่คาดเดาอย่างเหน็บแนม อิศเรศก็ยิ้มและพยักหน้าตอบรับ ใช่ ยังไงฉันก็จะต้องได้ทำความคุ้นเคยกับตัวเธอคืนนี้ให้ได้ เรียวปากนุ่มเม้มเข้าหากันแน่นเป็นอย่างที่นึกไว้จริงๆ คนมันหื่นต่อให้ยกเหตุผลร้อยแปดพันประการมามากแค่ไหนก็ไม่มีวันที่จะล้มเลิกหรอก คุณมันเป็นคนที่ไม่มีความเห็นใจให้กับคนอื่น ปากเล็กต่อว่าต่อขานด้วยความเจ็บใจ เจ็บใจที่โชคชะตาบันดาลให้เธอมาพบกับเรื่องเช่นนี้ เธอจะด่าฉันยังไงก็ตามสบายเถอะแต่ยังไงฉันก็ยังยืนยันคำเดิมว่าคืนนี้ฉันจะนอนกับเธอให้ได้ แล้วฉันต้องนอนกับคุณกี่ครั้งกัน ฉันจะได้ทำใจนอนให้มันจบๆ ไปซะ ปภาพินท์ย้อนถามเขากลับไปด้วยความอยากรู้โดยจับจ้องวงหน้าคมด้วยอย่างคาดคั้น ไม่เคยรู้สึกแย่อะไรเท่านี้มาก่อนเลย ชีวิตที่มีอิสระกับพรหมจรรย์ที่ตนเองตั้งใจว่าจะมอบให้กับคนที่รักเพียงคนเดียว แต่ความเป็นจริงมันกลับไม่สามารถที่จะทำได้ เมื่อเธอต้องเอามันมามอบให้กับผู้ชายที่หวังเพียงอยากจะได้สิ่งชดใช้จากการที่พี่นันท์หนีงานแต่งงานไปเท่านั้น อิศเรศมองไปยังเรือนร่างระหงตั้งแต่ด้านบนจนไปถึงทั้งหมดก็บอกออกมาหลังจากนั้น ก็ต้องดูว่าเธอจะทำให้ฉันติดใจมากแค่ไหน ถ้าทำให้ติดใจมากก็คงนานหน่อย ถ้าฉันทำให้คุณเบื่อหน่ายคุณก็จะไม่นอนกับฉันมากใช่ไหม เธอนึกอย่างคาดเดาเอาเอง ชายหนุ่มก็พยักหน้าตอบรับ ใช่ ถ้าเธอทำให้ฉันเบื่อมาก ฉันก็ไม่อยากแตะ ได้ยินดังนั้นปภาพินท์ก็คิดว่ามีวิธีที่จะทำให้เขาไม่อยากนอนกับตนเองแล้ว จึงตอบกลับไปด้วยความมั่นใจ ฉันจะทำให้คุณเบื่อฉันมากๆ จะได้ไม่ต้องนอนกับฉัน ทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน อิศเรศเอ่ยอย่างท้าทาย นัยน์ตาเป็นประกายแพรวพราว หญิงสาวคิดอย่างเข่นเขี้ยว ยังไงเธอก็ห้ามเขาให้นอนกับตนเองไม่ได้ เธอก็จะทำให้เขาเบื่อตัวเองเร็วๆ แทน ฉันจะไปอาบน้ำ จะได้มานอนกับคุณให้เสร็จๆ ไปซะ รีบออกมาเร็วๆ ล่ะอ้ออาบน้ำแล้วไม่ต้องใส่เสื้อผ้านะ เดินออกมาอย่างนั้นเลยยิ่งดี พลางสั่งการหญิงสาวออกไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ปภาพินท์ก้าวเข้าไปยังห้องน้ำหลังจากนั้น โดยมือเรียวก็ปลดชุดที่อยู่บนกายออกไปจนเหลือเพียงความเปล่าเปลือย ก่อนจะก้าวเข้าไปอยู่ภายใต้ฝักบัวน้ำอุ่น ปล่อยให้น้ำรินรดลงมาสู่กายระหงอันนวลเนียน พร้อมกับที่หยาดน้ำตาไหลรินออกมาด้วยความรวดร้าว เมื่อน้ำจากฝักบัวผสมผสานกับหยาดน้ำตาที่ไหลรินออกมา แม้จะเคยบอกตัวเองว่าร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ยังไงเธอก็ต้องเป็นผู้หญิงที่คอยบำเรอความสุขให้กับเขาอยู่ดี ผ่านไปครู่ใหญ่ปภาพินท์ก็อาบน้ำเสร็จเธอหยิบผ้าเช็ดตัวมาจัดการเช็ดร่างกายพร้อมกับเส้นผมที่เปียกชื้น เมื่อครู่ได้ยินที่เขาบอกกับตัวเอง รีบออกมาเร็วๆ ล่ะอ้ออาบน้ำแล้วไม่ต้องใส่เสื้อผ้านะ เดินออกมาอย่างนั้นเลยยิ่งดี ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยแก้ผ้าเดินไปทั่วห้องเลยแม้ว่าตนเองจะอยู่เพียงลำพังคนเดียวในห้องก็เถอะ อย่างน้อยก็มีปราการชิ้นเล็กอยู่บนเรือนกายตลอด แล้วจะให้เธอเดินโทงๆ ออกมาอย่างนั้นน่ะเหรอ ไม่มีวันหรอก ปภาพินท์ขบเรียวปากนุ่มอย่างตัดสินใจว่าควรจะทำตามที่เขาบอกรึเปล่ากัน แม้ว่ามันจะเจ็บแต่ก็ไม่มีอะไรที่เจ็บมากไปกว่าต้องนอนกับผู้ชายโดยที่ไม่มีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง สุดท้ายปภาพินท์ก็ไม่อาจทำตามที่เขาบอกได้ เธอสวมชุดนอนแบบเสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวไม่ได้หยิบเสื้อผ้าชุดนอนของพี่นันท์มาใส่เรื่องอะไรเธอจะใส่ชุดนอนเซ็กซี่ในวันฮันนีมูนกัน แต่อยู่ที่บ้านเขาเธอไม่สามารถที่จะใส่ชุดตัวเองได้เพราะพี่นันท์เป็นผู้หญิงที่รู้จักแต่งตัว แต่เธอชอบใส่กางเกงมากกว่า มือเรียวคว้าเสื้อคลุมขึ้นมาสวมทับชุดนอนของตนเองด้วย ปภาพินท์ได้แต่ยืนอยู่ในห้องน้ำเหมือนไม่อยากที่จะก้าวออกไปเลย กระทั่งเสียงเคาะประตูทางด้านนอกก็พลันดังขึ้นมา ก๊อก.... ปภาพินท์เธออาบน้ำเสร็จรึยังน่ะ มันไม่ฉลาดเลยนะถ้าเธอจะอยู่ในห้องนั้น เพราะถ้าฉันไปตามพนักงานโรงแรมมาล่ะก็เธอเจ็บตัวกว่าที่คิดแน่ นับหนึ่ง นับสอง นับสะ...
+++++++++ เอาตอนต่อไปมาแปะให้อ่านค่ะพอดีพรุ่งนี้จะกลับบ้านในช่วงสงกรานต์ค่ะ เห็นที่เที่ยวแล้วอยากไปเที่ยวบ้าง สงสัยต้องเก็บเงินมั่งจะได้ไปเที่ยวอิตาลีตามคุณอิฐกับหนูพินท์ สุข สนุกกับนิยายนะคะ เล่นน้ำกันให้สนุกในวันสงกรานต์นะคะทุกคน บ้ายบาย แล้วเจอกันหลังสงกรานต์ค่ะ จุ๊บ ๆ
Create Date : 10 เมษายน 2557 |
Last Update : 10 เมษายน 2557 19:45:16 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1270 Pageviews. |
|
|