Group Blog
 
<<
เมษายน 2557
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
17 เมษายน 2557
 
All Blogs
 
เรื่องสั้นชุด"บนถนนดิจิทัล" ลำดับที่ 1 : เค้ากลับมา .. ตามสัญญา ..


Picture by //www.dailynews.co.th

วิชิต โปรแกรมเมอร์หนุ่มร่างท้วมเรียนจบวิทย์-คอมฯ จากมหา'ลัยมีชื่อย่านหัวหมาก แต่งงานแล้วมีลูกสาวน่ารักคนนึง ที่บ้านมีฐานะดีถึงดีมาก เข้ามาทำงานกับทีมของผมเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ในเม็กกะโปรเจ็คมูลค่าเฉียดล้านกับการพัฒนาเวบไซต์หลายภาษาของบริษัทมหาชนค้าน้ำมันข้ามชาติ เค้าจะมีความชำนาญมากๆ กับการเขียนจาวาสคริปรวมถึงเจคิวรี่ซึ่งใช้เป็นส่วนติดต่อกับผู้ใช้แบบอินเตอร์แอ็กทีฟที่ผมให้ความสำคัญสูงสุด จึงทำให้ผมกับวิชิตสนิทสนมกันมากเพราะบางครั้งต้องอยู่ทำงานด้วยกันที่ออฟฟิศจนดึกจนดื่น ผมก็จะขับรถไปส่งน้องเค้าที่คอนโดหรูย่านพระรามเก้า ทั้งที่มีรถหรูราคาแพงแต่น้องเค้าก็ชอบใช้บริการรถสาธารณะในการเดินทางมากกว่า ถึงจะรู้จักและร่วมทีมกันมาแค่ประมาณเดือนเศษผมก็รู้สึกถูกชะตากับวิชิตอย่างบอกไม่ถูก ประกอบกับวิชิตเป็นคนที่ละเอียดถี่ถ้วน ความผิดพลาดในการเขียนสคริปโปรแกรมมีน้อย ทำให้โปรเจ็คดำเนินไปได้ด้วยดีและรวดเร็ว จึงเป็นเหมือนน้องชายคนโปรดของผมเลยทีเดียว

ประมาณกลางเดือนมกราคม ผมก็รู้สึกได้ถึงความอ่อนล้าของวิชิตที่ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผิดพลาดกับสคริปง่ายๆ ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้กับโปรแกรมเมอร์อย่างเค้า ผมเลยบอกน้องไปว่า
"ถ้าเหนื่อยหรือเครียดนักก็ไปเที่ยวพักผ่อนซัก 3-4 วันก่อนก็ได้นะ ปีใหม่ยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยไม่ใช่เหรอ? ลองพาแฟนกับลูกไปเที่ยวซักหน่อยก็ดีนะ” วิชิตพยักหน้ารับคำแต่แววตาดูไม่ดีเท่าไหร่
สุดสัปดาห์นั้นวิชิตโทรเข้ามาบอกผมว่า เค้าจะกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ที่โคราชซักหน่อย แล้วก็จะขับเลยไปแวะนอนเล่นรับโอโซนดีๆ ที่วังน้ำเขียวซักคืนสองคืน และจะกลับมาทำงานในวันพุธ ผมก็ยังกระเซ้าว่าเที่ยวเผื่อพี่ด้วยนะ แล้วอย่าลืมซื้อแหนมกระดูกหมูมาฝากด้วยล่ะ เค้าก็รับคำเป็นอย่างดี

เย็นวันอังคารหลังจากประชุมเครียดเพื่อรับบรีฟเพิ่มเติมจากลูกค้าแล้ว ผมก็กลับไปนั่งดีบักโปรแกรมไปตามปกติ ซึ่งเย็นนั้นฝนเจ้ากรรมก็เทลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตาราวกับฟ้ารั่วหลังจากที่อัดอั้นครึ้มฟ้าครึ้มฝนกันมาตั้งแต่เช้า ผมยังคิดว่าฝนอะไรหนอช่างมาตกในหน้าหนาว และเมื่อใดที่ฝนตกในกรุงเทพฯ แล้วยังตกในช่วงเวลาที่กำลังเลิกงานเช่นนี้ด้วยแล้ว การจราจรบริเวณออฟฟิศของผมก็จะกลายเป็นจราจลไปในพริบตา เลยตัดสินใจว่าอยู่ทำงานดึกอีกสักวันน่าจะดีกว่านะ แม่บ้านของออฟฟิศมาบอกว่าจะกลับแล้วเดี๋ยวมืด ทั้งออฟฟิศก็เลยเหลือผมอยู่คนเดียวซึ่งก็เป็นแบบนี้อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว


Picture by //thaicss.com

ระหว่างนั่งรอดีบักโปรแกรม ก็สอดส่ายสายตาลอดมู่ลี่ปรับแสงผ่านกระจกใสบานใหญ่ออกไปข้างนอกหน้าต่าง แลเห็นแสงไฟวาววับระยิบระยับของมหานครใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ในยามค่ำคืนจากมุมสูงของชั้นที่ 18 อันเป็นที่ตั้งของออฟฟิศผม มันช่างงดงามเสียนี่กระไร มีไม่บ่อยครั้งนักที่ผมจะได้มานั่งทอดอารมณ์ชมวิวแบบชิลๆ แบบนี้จนเผลอเคลิ้มหลับไปตั้งแต่ไม่ไหร่ไม่รู้
แต่ก็ต้องตกใจตื่นขึ้นมาเพราะเหมือนกับมีเสียงกระซิบในความฝันบอกว่า
"พี่ต้อม .. พี่ต้อม .. ตื่นเถอะพี่ .. ตื่นเร็วๆ .."
ผมลืมตาขึ้นมาเห็นควันจางๆ อยู่ในครัว จึงรีบลุกไปดูปรากฎว่ากระติกน้ำร้อนที่ผมเสียบไว้เผื่อจะได้ชงกาแฟกินแก้ง่วงช่วงทำงานดึกๆ มันช๊อตแต่ยังไม่ติดเป็นเปลวไฟ ผมก็ตื่นมาเห็นซะก่อน ต้องถือว่าเป็นโชคดีของผมไม่เช่นนั้นแล้วเรื่องนี้อาจจะจบไม่สวย ก็เลยคิดว่าสงสัยวันนี้เห็นทีฤกษ์จะไม่งามยามจะไม่ดีซะแล้ว น่าจะกลับบ้านไปนอนก่อนดีกว่านะเรา

เช้าวันต่อมาผมเข้าไปที่ออฟฟิศ พอเจอหน้ากัน แม่บ้านก็ถามผมว่า
"คุณต้อมซื้อแหนมกระดูกหมูมาใส่ตู้เย็นไว้เหรอ?"
"เปล่านะ เมื่อคืนวานกระติกน้ำร้อนมันช็อตเกือบไหม้ ผมจัดการเก็บกวาดอยู่จะออกไปซื้อตอนไหนกันล่ะ?" ผมตอบไปแบบงงๆ ก็พลันนึกไปว่าสงสัยวิชิตจะเอามาฝาก แล้วเจ้าตัวอยู่ไหนล่ะ? มีงานจะให้ช่วยทำเยอะแยะเลย ผมเลยเอ่ยปากถามหาน้องชายคนโปรดของผม
"น้องวิชิตยังไม่มาค่ะ เมื่อเช้าตอนที่ป้ามาถึง ออฟฟิศยังปิดอยู่เลยค่ะ ป้าเป็นคนเปิดประตูเองกับมือเลยนะคะ" แม่บ้านตอบแบบสงสัย


Picture by //www.seanogle.com

ผมเองก็งงแต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ พลันเดินไปดูที่เครื่องคอมฯ ของวิชิต ก็พบว่าเครื่องไม่ได้ถูกเปิด ก็แสดงว่ายังไม่ได้มาทำงานจริงๆ เลยกลับไปที่โต๊ะทำงานของผมเพื่อเริ่มงานสำหรับวันนี้ พลันเหลือบไปเห็นเอสดีการ์ดเสียบคาอยู่ที่เครื่องคอมฯ ก็ แปลกใจอยู่เหมือนกันเพราะช่วงนี้ผมไม่ได้ออกไปเที่ยวถ่ายรูปที่ไหนเลย ด้วยเหตุที่โปรเจ็คยังคั่งค้างอยู่ ผมก็ไม่น่าจะเอาเอสดีการ์ดมาเสียบแล้วลืมคาไว้ในสล็อตอย่างนั้น และอีกอย่างนึงเอสดีการ์ดใบนี้ก็หน้าตาไม่คุ้นเลยเหมือนกับไม่ใช่ของผม เลยหยิบออกมาใส่ลิ้นชักไว้ก่อนค่อยสอบถามว่าใครเอามาเปิดดูที่เครื่องคอมฯ ของผม วันนั้นทีมงานก็ทำงานกันไปตามปกติ แต่ที่ไม่ ปกติก็คือไม่เห็นวี่แววของวิชิตจะมาทำงานเลย ก็ได้แต่คิดไปว่าน้องคงเดินทางเหนื่อยเลยอาจจะขอพักอีกซักวัน

คืนนั้นผมยังคงอยู่ที่ออฟฟิศเพื่อทำงานดึกอีกเช่นเคย แต่จู่ๆ ผมก็ได้กลิ่นแหนมกระดูกหมูทอดหอมหวลชวนชิมโชยมาเข้าจมูก แต่ก็เอะใจนึกได้ว่าในออฟฟิศของเรามันไม่มีกระทะไม่มีน้ำมันมีแต่เตาไมโครเวฟจะทอดได้ยังไงกันล่ะ เดินเข้าไปดูในครัวก็ไม่เห็นมีใครอยู่ แม่บ้านก็กลับไปตั้งแต่เย็นแล้ว เดินกลับมาก็เห็นเครื่องคอมฯ ของวิชิตถูกเปิดเอาไว้ สงสัยเครื่องจะถูกแสตนด์บายเอาไว้ตั้งหลายวันแล้วพร้อมกับหน้าจอสคริปโปรแกรมที่โชว์ค้างอยู่ เลยสั่งเซฟโปรแกรมแล้ว ชัทดาวน์เครื่อง แต่เครื่องก็ยังไม่ยอมปิดตัวเองลงซักที เหมือนมีบางโปรแกรมแฮงค์อยู่เลยปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นให้ระบบมันปิดตัวเองไปทีละโปรแกรมดีกว่า

พอกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานด้วยความสงสัยในหลายเรื่องราวแปลกๆ ช่วงสองวันนี้ก็เลยเอาเอสดีการ์ดอันนั้นมาเปิดดู มีไฟล์รูปภาพเป็นร้อยภาพแต่ดูเหมือนไฟล์จะติดไวรัสทำให้รูปภาพส่วนใหญ่เสียหาย จะดูได้ก็เป็นบางภาพแต่ก็ขาดๆ หายๆ จนดูไม่ออกว่าเป็นภาพอะไร ผมก็นั่งคลิ๊กดูไปเรื่อยๆ จนมาถึงช่วงท้ายๆ ก็มีภาพที่ดีๆ พอดูได้อยู่บ้าง มันเป็นภาพของอุบัติเหตุที่รถชนกันวินาศสันตะโร 10 คัน บนถนนมิตรภาพ กม.36 ช่วงทางลงมอกลางดงหน้า อสค . ซึ่งผมเองก็เห็นผ่านตามาบ้างในเฟซบุ๊คล้วก็ในข่าวหลายๆ ช่อง แต่ไม่ได้ให้สนใจซักเท่าไหร่


อ่านได้ตามลิ้งค์นี้ //www.dailynews.co.th/Content/crime/159572/ชนวินาศถนนมิตรภาพ9คันไฟลุกคลอกตาย5ศพ

พลันสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับภาพซากรถที่ถูกไฟไหม้จนเสียหายหมดทั้งคัน ในเนื้อข่าวบอกว่าเป็นรถบีเอ็มดับเบิ้ลยู ผมก็ใจหายวูบ รู้สึกเย็นวาบที่กลางสันหลังขนลุกชันมาถึงหลังหัว นั่งนิ่งตัวเกร็งคอแห้งผากปากชาขึ้นมาทันใด พร้อมกับรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาวิชิตในทันที ในใจก็ภาวนาขออย่าให้ลางสังหรณ์ของผมเป็นจริงเลยนะ ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก ผมพยายามโทรอีกหลายครั้งก็ยังคงเป็นเช่นเดิม โทรไปที่บ้านก็ไม่มีคนรับสายอีกเหมือนกัน ระหว่างที่พยายามโทรอยู่นั้นก็มีสายเรียกเข้ามาเป็นเบอร์แลนด์ไลน์ต่างจังหวัดผมกดรับสาย
"สวัสดีครับ ขอสายคุณต้อมครับ” เสียงดังจากปลายสายถามด้วยเสียงนิ่งๆ
"ครับผม กำลังพูดอยู่ครับ" ผมตอบไป
"ผมเป็นพ่อของวิชิตนะครับ จะโทรมาแจ้งว่าวิชิตประสบอุบัติเหตุที่กลางดงเสียชีวิตทั้งครอบครัวเมื่อค่ำวันเสาร์ที่ผ่านมา พรุ่งนี้จะทำบุญที่วัดอยากจะเรียนเชิญคุณต้อมครับ” เสียงจากปลายสายเริ่มสั่นเครือ
ผมตอบรับคุณพ่อของวิชิตแล้ววางสายพร้อมกับยืนนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่รู้สึกเหมือนกับโลกดับลงชั่วขณะ


Picture by //board.postjung.com

ทุกเรื่องราวแปลกๆ ในช่วงสองวันนี้ก็เริ่มปะติดปะต่อเข้าหากันได้อย่างชัดเจนขึ้นมาในมโนภาพของผม ผมยังรู้สึกตัวอยู่ไม่ได้ฝันไป ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ไม่อยากจะเชื่อว่านี่มันเป็นเรื่องจริง ผมหันกลับมาดูภาพบนหน้าจอที่ดูค้างอยู่อีกครั้ง พร้อมทั้งเลื่อนย้อนกลับไปดูไฟล์ช่วงต้นๆ ที่เสียอยู่ในตอนแรก แต่ตอนนี้กลับดูได้แล้ว มันเป็นภาพของวิชิตกับครอบครัวถ่ายไว้ที่วังน้ำเขียวเคียงคู่กับรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูคันเก่งของวิชิต ผมก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมผมถึงได้ยินเสียงกระซิบ? ทำไมผมถึงได้กลิ่นแหนมกระดูกหมูทอด? และทำไมถึงมีเอสดีการ์ดเสียบคาอยู่ที่เครื่องคอมฯ? วิชิตได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับผมแล้ว

เอาล่ะผมเองก็คงได้เวลากลับบ้านเพื่อเตรียมตัวไปงานสวดอภิธรรมของครอบครัววิชิตที่โคราชในวันพรุ่งนี้เช่นกัน และก่อนที่จะออกจากออฟฟิศก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยปากบอกกับวิชิตว่า
"พี่ได้รับของฝากแล้ว ขอบคุณที่เที่ยวเผื่อพี่แล้วเอารูปมาให้ดูนะ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องโปรเจ็คหรอก แล้วก็เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะเข้าไปที่วัดไปงานของวิชิตนะ"

ผมปิดไฟดวงสุดท้ายในออฟฟิศ พร้อมกันกับเครื่องคอมฯ ของวิชิตก็ดับลงไปพร้อมๆ กัน

หมายเหตุ : เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องราวที่แต่งเติมขึ้นจากจินตนาการไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เพียงอ้างอิงมาจากเนื้อหาของ ข่าวที่ถูกนำเสนอต่อสาธารณะเท่านั้น ชื่อบุคคลและสถานที่ต่างๆ ในเรื่องเป็นเพียงชื่อที่ถูกสมมติขึ้นทั้งสิ้น ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ต่อผู้สูญเสียแต่ประการใด

--- นายเมษา ---
5 กุมภาพันธ์ 2556

Remark :

เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นเรื่องแรกที่เขียนส่งงานในวิชาหลักการเขียนเชิงวารสารศาสตร์สำหรับสื่อประสม เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2556 แต่เก็บไว้ใน Google Drive เท่านั้นไม่ได้เผยแพร่ที่อื่น โอกาสนี้จึงขอนำมารวบรวมไว้ด้วยกันที่นี่เพื่อความสะดวกในการค้นหาต่อไป

มหาวิทยาลัยรามคำแหง
วิชา MJR2202 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2555
จัดทำโดย นายจิตตพล ทรงสว่าง เลขประจำตัวนักศึกษา 5454500207 คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน




Create Date : 17 เมษายน 2557
Last Update : 17 เมษายน 2557 19:17:42 น. 0 comments
Counter : 1455 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tombass
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






You're visitor No.
HTML Counter


Tombass's Bloggang Counter



Welcome to my HOMEPAGE




ไปเที่ยวชมบนเวบบอร์ดครับ ..


http://11maysa.eu5.org



คุณสามารถเข้าชมรูปภาพในบล็อคนี้ได้ที่
G+ Picasa
Photo Bucket



กี่โมงแล้วล่ะเนี่ยะ ..?





ราคาน้ำมันวันนี้ .. by PTT




About me :





Do you hear me? I'm talking to you
Across the water across the deep blue ocean
Under the open sky, oh my, baby I'm trying

Boy I hear you in my dreams
I feel your whisper across the sea
I keep you with me in my heart
You make it easier when life gets hard

I'm lucky I'm in love with my best friend
Lucky to have been where I have been
Lucky to be coming home again
Ooh ooh ooh

They don't know how long it takes
Waiting for a love like this
Every time we say goodbye
I wish we had one more kiss
I'll wait for you I promise you, I will

I'm lucky I'm in love with my best friend
Lucky to have been where I have been
Lucky to be coming home again

Lucky we're in love in every way
Lucky to have stayed where we have stayed
Lucky to be coming home someday

And so I'm sailing through the sea
To an island where we'll meet
You'll hear the music fill the air
I'll put a flower in your hair

Though the breezes through trees
Move so pretty you're all I see
As the world keeps spinning 'round
You hold me right here, right now

I'm lucky I'm in love with my best friend
Lucky to have been where I have been
Lucky to be coming home again

I'm lucky we're in love in every way
Lucky to have stayed where we have stayed
Lucky to be coming home someday

Ooh ooh ooh
Ooh ooh ooh, ooh

Title : Lucky
Artist : Jason Mraz & Colbie Caillat
Friends' blogs
[Add tombass's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.