02dual blog
Group Blog
 
All blogs
 

มหาวิทยาลัย A B C

มีมหาวิทยาลัย 3 แห่งชื่อ มหาวิทยาลัยA มหาวิทยาลัยB และ มหาวิทยาลัยC
มหาวิทยาลัยA นั้นมีชื่อเสียง ส่วนมหาวิทยาลัยB นั้น กลางๆ ส่วน มหาวิทยาลัยC ไม่ค่อยมี
เด็กส่วนใหญ่ก็จะมักเลือกมหาวิทยาลัยA เพราะ ว่ามีชื่อเสียง
บางคนเลือกคณะที่ตัวเองไม่ชอบก็จะเข้าเพื่อชื่อเสียง
บางคนพ่อแม่บังคับ
บางคนเพื่อสิ่งที่ตนเองรักและชอบ
เด็กบางกลุ่มเลือกมหาวิทยาลัยB
บางคนเลือกเพื่อสิ่งที่ตนเองรัก
บางคนพ่อแม่บังคับ
บางคนคือที่ไม่ได้มหาวิทยาลัยA
และสุดท้ายเด็กบางกลุ่มเลือกมหาวิทยาลัยC
บางคนเพราะคือที่สุดท้าย
บางคนเพื่อสิ่งที่ตนเองรัก

เราเห็นได้ว่าการเลือกมหาวิทยาลัยบางคนถึงได้มหาวิทยาลัยBหรือC แล้วก็ยังไม่เรียนเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยA ให้ได้ในปีถัดไป
มันเป็นค่านิยมที่ผิดของสังคมเราการที่เราจบมหาลัยใดใดมานั้นไม่จำเป็นว่าต้องมีชื่อเสียงเพียงแต่ว่าเราชอบมันมากแค่ไหน
แล้วเราทำได้ไหมเพราะการทำงานที่แท้จริงคีอการไม่ทำงาน
สุดปลายสายของการเรียนคือมหาวิทยาลัยชีวิต
ถ้าคุณภาพดีก็ดี ไม่ได้เรื่องก็จบแม้จะจบมหาลัยไหนก็ตาม

อย่าติดในค่านิยม จงเป็นเพียงสิ่งที่ตนเองอยากทำ




 

Create Date : 01 มกราคม 2554    
Last Update : 1 มกราคม 2554 15:10:39 น.
Counter : 392 Pageviews.  

พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร : พระอริยเจ้าผู้มีพลังจิตเหนือฟ้าดิน

พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร

วัดป่าอุดมสมพร อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร


พระอริยเจ้าผู้มีพลังจิตเหนือฟ้าดิน

พระเดชพระคุณหลวงปู่ฝั้น อาจาโร พระอริยสงฆ์ผู้ทรงคุณธรรมชั้นสูงสุด อุปนิสัยท่านเป็นคนเรียบร้อย อ่อนโยน นิสัยสุขุมเยือกเย็นและกว้างขวาง ปรารภความเพียรแรงกล้าเด็ดเดี่ยว ไปตามภูผาป่าเขาเพียงลำพัง แสวงหาความสงบวิเวก ยินดีต่อความสงบ เป็นผู้มักน้อยสันโดษ พอใจในปัจจัยสี่ที่ตนมีอยู่แล้วได้มาโดยชอบธรรม เป็นนักต่อสู้เพื่อเอาชนะกิเลส มีสหธรรมิกคือพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตฺยาคโม พระอาจารย์มหาปิ่น ปัญญาพโล พระอาจารย์กู่ ธมฺมทินฺโน พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ และพระอาจารย์กว่า สุมโน

ท่านมีความเคารพเลื่อมใส ตั้งอยู่ในโอวาทของพระอาจารย์มั่นอย่างถึงใจ ทำความเพียรทั้งกลางวันกลางคืน จนจิตสว่างจ้า ที่จังหวัดเชียงใหม่ พอรุ่งเช้าท่านพระอาจารย์มั่นได้พูดกับท่านว่า “ผมก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ส่งจิตดูท่านตลอดทั้งคืน เห็นหรือยังละว่า ศาสนาเจริญที่ไหน ธรรมเจริญที่ใจ ไม่ใช่อยู่ที่ประเทศอินเดียตามที่คิดตื่นบ้าอะไรกัน”


ท่านมีพลังจิตสูง หาผู้เสมอเหมือนได้ยากดังเช่น


๑. สามารถเรียกฟ้าฝนได้เป็นที่อัศจรรย์ ในปีพุทธศักราช ๒๔๘๙ ชาวจังหวัดสกลนคร เกิดทุพภิกขภัยอย่างหนักฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาลจึงเข้าไปขอฝนกับท่าน ท่านนั่งสมาธิบนลานกลางแจ้งประมาณครึ่งชั่วโมง ท้องฟ้าที่มีแดดจ้าพลันมีเสียงฟ้าร้องคำราม บังเกิดมีก้อนเมฆบดบังแสงอาทิตย์ มีฝนตกเทลงมาอย่างหนักนานถึง ๓ ชั่วโมง ในปีนั้นฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ฃาวบ้านได้ทำนาตามปกติโดยทั่วถึง


๒. ท่านสร้างวัดต้องมีการระเบิดหิน ท่านไม่ต้องการให้หินช่วงไหนแตกร้าว ท่านจะเอาปากกาไปเขียนยันต์ไว้ ตรงจุดนั้นระเบิดจะแรงขนาดไหนหินนั้นก็ไม่แตกร้าว

๓. ท่านนั่งสมาธิใต้ต้นกระบก ลูกกระบกตกลงกับพื้นเสียงดังน่ารำคาญ ท่านกำหนดจิตไม่ให้ลูกกระบกตก ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ลูกกระบกต้นนั้นไม่หลุดหล่นลงพื้นอีกเลย

พระอาจารย์กงมา จิรปุญโญ ได้เล่าเรื่องพลังจิตของหลวงปู่ฝั้นไว้ว่า “สมัยหนึ่งหลวงปู่ฝั้นได้ธุดงค์ไปยังจังหวัดจันทบุรี ท่านได้รับนิมนต์ไปแสดงธรรมในงานศพ มีผู้มาฟังธรรมเป็นจำนวนมาก ขณะที่ท่านแสดงธรรมอยู่นั้น มีคนกลุ่มหนึ่ง ไม่สนใจในธรรมที่ท่านแสดง เล่นหมากรุก เมาสุรา ส่งเสียงเอะอะโวยวายรบกวน ท่านส่งกระแสจิตไปปราบพวกขี้เหล้าเหล่านั้น เป็นที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง ขี้เหล้าเหล่านั้นได้หยุดนิ่งไร้การเคลื่อนไหว บางคนยืนอ้าปาก บางคนถือหมากรุกในมือ บางคนคอพับ ไม่สามารถไหวติงได้ จนกระทั่งท่านแสดงธรรมให้พรจบลงเดินทางกลับ ขี้เหล้าเหล่านั้น จึงกลับมาสู่ภาวะความเป็นปกติได้”


เกี่ยวกับพลังจิตของหลวงปู่ฝั้น หลวงตามหาบัวเล่าว่า “ท่านพระอาจารย์ฝั้นสามารถกำหนดจิตให้รถหยุด เครื่องยนต์ไม่ติดอย่างง่ายดาย” ฉะนั้นเวลานั่งรถท่านต้องพยายามทำจิตไม่ให้เพ่งไปที่เครื่องยนต์ ไม่งั้นเครื่องจะดับทันที และกับเครื่องบินก็เหมือนกัน ตอนสงครามโลกเครื่องบินญี่ปุ่นจะมาทิ้งระเบิด คนมาขอให้ท่านอย่าให้ญี่ปุ่นทำได้ ตอนแรกท่านคิดว่าจะเพ่งให้เครื่องยนต์ดับ แต่คิดได้ว่าหากทำแบบนั้นเครื่องบินต้องตกทหารญี่ปุ่นต้องตาย ท่านจึงทำวิธีอื่นแทน

อีกครั้งหนึ่งในงานศพท่านพระอาจารย์มั่น พระทั้งหลายกำลังจัดเตรียมงานกันอยู่ มีเด็กน้อยถีบจักรยานไปมาเป็นการรบกวน หลวงปู่ฝั้นท่านจึงพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวเราจะดัดนิสัยไอ้เด็กพวกนี้ จะทำให้รถมันล้มแต่ไม่ให้มันเจ็บ” พอท่านพูดจบรถจักรยานที่เด็กถีบก็ล้มลงทันที นี่คือพลังจิตของท่าน แสดงได้หลายอย่างเป็นที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง


ด้วยวัตรปฏิบัติและพลังจิตอันเลิศล้ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จึงทรงให้ความเคารพศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง

ท่านเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๔๒ ตรงกับวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๙ ปีกุน ณ บ้านม่วงไข่ ตำบลพรรณา อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร เป็นบุตรของเจ้าไชยกุมาร (เม้า) และนางนุ้ย (เป็นบุตรีของหลวงประชานุรักษ์)

ปีพุทธศักราช ๒๔๖๑ อายุได้ ๑๙ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดโพธิ์ทอง บ้านบ่อทอง อำเภอพรรณานิคม ท่านได้เอาใจใส่ศึกษาและเคร่งครัดในพรธะรรมวินัยอย่างยิ่งตั้งแต่ยังเป็นสามเณรน้อย ถึงขนาดคุณยายของท่านได้พยากรณ์ไว้ว่า “ในภายภาคหน้า ท่านจะเข้าไปอาศัยอยู่ในป่าดงขมิ้นตลอดชีวิต”

ปีพุทธศักราช ๒๔๖๒ ท่านได้อุปสมบทเป็นภิกษุฝ่ายมหานิกาย ที่วัดสิทธิบังคม ตำบลบ้านไร่ อำเภอพรรณานิคม โดยมีพระครูป้อง นนตะเสน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์นวล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์สังข์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

หลังจากออกพรรษาปีนั้นท่านได้ไปอยู่ที่วัดโพธิ์ทอง บ้านบะทอง ได้ปฏิบัติธรรมอบรมกัมมัฏฐาน ตลอดจนการออกธุดงค์อยู่รุกขมูลกับท่านอาจารย์อาญาคูธรรม

ปีพุทธศักราช ๒๔๖๓ ท่านได้พบท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตฺโต ที่ป่าช้าบ้านม่วงไข่ เมื่อได้ฟังธรรมจากท่านพระอาจารย์มั่น เกิดความเลื่อมใสในสติปัญญาความสามารถของท่านพระอาจารย์มั่นเป็นอย่างยิ่ง จึงมอบตัวเป็นศิษย์พร้อมกับท่านอาญาคูดี และพระอาจารย์กู่ ธมฺมทินฺโน

ท่านได้ญัตติเป็นพระฝ่ายธรรมยุต เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๘ เวลา ๑๕.๒๒ น. ณ วัดโพธิ์สมภรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี โดยมีพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระรถ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระมุก เป็นพระอนุสาวนาจารย์

หลังจากญัตติแล้วได้ไปจำพรรษาอยู่กับท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตฺโต ที่วักป่าอรัญญวาสี อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย

ปีพุทธศักราช ๒๕๐๗ – ๒๕๑๙ จำพรรษาที่วัดป่าอุดมสมพร อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร

เข้าสู่อมตมหานฤพาน ณ วัดป่าอุดมสมพร อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๐ สิริอายุรวมได้ ๗๗ ปี ๔ เดือน ๑๕ วัน ๕๒ พรรษา


จากหนังสือ พระธุตังคเจดีย์ เจดีย์แห่งพระอรหันต์ วัดอโศการาม
อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ


ติดตามอีกมากใน //www.02dual.com




 

Create Date : 20 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 20 พฤษภาคม 2552 20:52:46 น.
Counter : 438 Pageviews.  

คุณใช้เทคโนโลยีเลี้ยงลูกหรือเปล่า?

คุณใช้เทคโนโลยีเลี้ยงลูกหรือเปล่า?



โลกปัจจุบัน เทคโนโลยีได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนเราไปแล้ว เรื่องนี้คงไม่มีใครปฏิเสธ แต่ก็ใช่ว่าเทคโนโลยีจะให้แต่สิ่งดีๆ เท่านั้นนะคะ ด้านลบที่ก่อให้เกิดปัญหาก็ปรากฏขึ้นมากพอๆ กัน สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่ว่าเราจะมีวิธีดูแลลูกหลานของเราให้เติบโตไปพร้อมกับ เทคโนโลยีอย่างรู้เท่าทันมันได้อย่างไร
เทคโนโลยี . . . คุณอนันต์

เทคโนโลยีช่วยให้การทำงานของคนเรา สะดวกสบายและง่ายขึ้น ตั้งแต่เรื่องการศึกษาไปจนถึงความบันเทิงอย่างไร้ขีดจำกัด เราใช้อินเตอร์เน็ตค้นหาข้อมูลที่อยากรู้ได้ง่ายๆ เพียงพิมพ์คำที่ต้องการลงไป ทุกอย่างก็จะปรากฏตรงหน้าแล้ว ในภาคอุตสาหกรรม เราใช้เทคโนโลยีผลิตเครื่องจักรที่ทันสมัย ทำให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพ ปริมาณตามที่ต้องการ และประหยัดเวลาด้วย ทั้งการตกลงทางธุรกิจ ซื้อขายสินค้า ก็สามารถทำได้เพียงอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เท่านั้น ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง

นอกจากนี้ในการศึกษาค้นคว้าวิจัย ล้วนใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยจัดเก็บข้อมูลคำนวณ รวมถึงประเมินผลได้ในเวลาอันรวดเร็ว

เหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของประโยชน์ที่เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเราค่ะ

เทคโนโลยี . . . โทษมหันต์

ศูนย์เฝ้าระวังภัยเทคโนโลยี (IT WATCH) มูลนิธิกระจกเงาได้ประมวลสถานการณ์ภัยเทคโนโลยีปี 2551 และแนวโน้มสถานการณ์ภัยเทคโนโลยีปี 2552 ซึ่งกำลังเป็นปัญหาในหมู่เด็กและเยาวชนไทยไว้ดังนี้

1.คลิปหลุดคลิปแอบถ่าย

ข้อมูลของทรูฮิตระบุว่า “แอบถ่าย” เป็นคำที่ใช้ค้นหากว่า 4 ล้านครั้งต่อเดือนในปี 2550 ค่ะ เมื่อรวมกับข้อมูลการสำรวจพฤติกรรมและผลกระทบของการใช้อินเตอร์เน็ตจากกลุ่ม เยาวชน ของ สสส. และสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ พบว่าเด็กและเยาวชนไทยกว่า 53.2% เคยดูสื่อลามกทางอินเตอร์เน็ต และจากการเป็นผู้ชมก็ข้ามไปสู่การแสดงเอง เป็นผู้ก่ออาชญากรรม และเป็นเหยื่อ โดยเด็กที่เคยตกเป็นเหยื่อที่มีอายุน้อยที่สุดคือ 11 ปี

ปัจจุบันยังมีคลิปหลุดและคลิปแอบ ถ่ายอีกจำนวนมากที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์ต่างๆ มีกระทู้ในเว็บไซต์กว่า 3,000 กระทู้ที่โพสต์ไว้ให้ดาวน์โหลด และมีผู้เข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์กว่าแสนรายในแต่ละเดือน โดยผู้เสียหายบางส่วนที่ปรากฏในคลิปวิดีโอยังเป็นเด็กค่ะ

2.การแชตล่อลวง
ทุกวันนี้เราจะพบข่าวพาดหัวประเภท ที่ว่าเด็กถูกล่อลวงโดยการพูดคุยผ่านการ “แชต” จนเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ นัดพบกัน ตกลงเป็นแฟน และถึงขั้นหนีออกจากบ้าน รวมถึงถูกล่อลวงทางเพศ

ข้อมูลสถิติคนหายเนื่องมาจากสาเหตุ แชตทางอินเตอร์เน็ตและทางโทรศัพท์จากศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้า มนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา ระบุว่าในปีที่ผ่านมามีเด็กหายไปกว่า 12 ราย เป็นเพศหญิงทั้งหมด โดยมีอายุน้อยที่สุดเพียง 12 ปีเท่านั้น สามารถติดตามกลับมาได้ 8 ราย แต่บางรายก็ยังไร้วี่แวว

การพูดคุยผ่านโลกไซเบอร์แฝงอยู่ใน ทุกๆ ที่แม้กระทั่งในเกมออนไลน์หรือเวบไซต์ที่เด็กๆ เข้าไปหาข้อมูลความรู้ และติดต่อสื่อสาร ที่กำลังมาแรงคือ Hi5 เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักและคุ้นเคย โดยเฉพาะในหมู่เด็กและเยาวชน

ข้อมูลเมื่อเดือนมีนาคม 2551 บอกว่า Hi5 มีสมาชิกในเมืองไทยมากกว่า 1 ล้านคน ในจำนวนผู้เล่นอินเตอร์เน็ตทั้งหมด 13.6 ล้านคน

เบรต ฟิงเคลสไตล์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายของ //www.hi5.com ให้ข้อมูลไว้ว่าประเทศไทยมีจำนวนสมาชิกมากเป็นอันดับ 12 ของโลก แต่มีอัตราการเติบโตสูงสุดติดอันดับ Top 3 และที่สำคัญยังมียอดลงทะเบียนสมาชิกราวๆ 8-9 พันคนต่อวัน ทั้งมีทีท่าเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
นพ.อุดม เพชรสังหาร รองประธานฝ่ายวิชาการ บริษัท รักลูกกรุ๊ป จำกัด ผู้สนใจเรื่องการส่งเสริมศักยภาพสมองของเด็กและเยาวชน ให้สัมภาษณ์ว่าในโลกแห่งไซเบอร์แล้ว คุณสามารถเป็นอะไรก็ได้อย่างที่ต้องการ เป็นนักรบที่เก่งแสนเก่ง เป็นโจรหรือแม้กระทั่งเป็นแฟนกัน ทุกคนจะสร้างความเป็นตัวตนของตัวเองขึ้นมา โดยไม่มีใครรู้ว่าจริงๆ แล้วคุณเป็นอย่างไร จนถึงขนาดมีคำพูดที่ว่า On the Internet, Nobody Knows You’re a Dog ซึ่งจากการศึกษาพบว่าในโลกไซเบอร์ 80 เปอร์เซ็นต์ของคนส่วนใหญ่มักพูดโกหก

โดยสิ่งที่ผู้หญิงมักโกหกมากที่สุด คืออายุ

และสิ่งที่ผู้ชายโกหกมากที่สุด คือตำแหน่งหน้าที่การงานและเงินเดือน

หากยังปล่อยให้สถานการณ์อย่างนี้ ดำรงต่อไป นอกจากจะเป็นการทำร้ายลูกหลานของเราแล้ว ยังเท่ากับว่าเรากำลังยอมรับสังคมแห่งการโกหกหลอกลวงไปด้วย

ติดตามสาระดีดีได้ที่ //www.02dual.com




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2552 22:18:28 น.
Counter : 197 Pageviews.  

ลักษณะของก้อนเมฆ

ลักษณะของก้อนเมฆ

"คิวมูโลนิมบัส", "นิมโบสเตรตัส, "เซอโรคิวมูลัส" อ๊ะ! อย่างเพิ่งต๊กกะใจ นี่ไม่ใช่คาถาสาปแช่งใครสักหน่อย แต่เป็นชื่อเรียกของหมู่เมฆเมฆาบนท้องฟ้าต่างหากเล่า และเราก็กำลังจะพาคุณผู้อ่านไปทำความรู้จักกับชนิดของเมฆกันสักหน่อยว่าปุย สีขาวที่ล่องลอยอยู่บนฟ้าเหล่านั้นเขามีชื่อเรียกว่าอะไรกันบ้าง

เมื่อแหงนมองท้องฟ้าแล้วเห็นก้อนเมฆทีไรเป็นต้องจินตนาการว่ามีรูปร่างคล้าย สิ่งนั้นสิ่งนี้ทุกทีไป เห็นเป็นมังกรบ้างล่ะ ปลาโลมาก็มี และเชื่อว่าอีกหลายๆ คนก็มีจินตนาการเช่นนี้เหมือนกัน แต่รู้ไหมว่าก้อนเมฆที่เราเห็นเป็นรูปทรงต่างๆ ก็มีชื่อเรียกเหมือนกันตามลักษณะและความสูงของก้อนเมฆนั้นๆ

ก่อนที่จะไปรู้จักกับก้อนเมฆ เรามาทำความรู้จักกับท้องฟ้ากันก่อนดีกว่าว่ามีเมฆบนท้องฟ้ามากน้อยแค่ไหน ถึงจะเรียกได้ว่า "ท้องฟ้าแจ่มใส" หรือ "มีเมฆกระจายเป็นหย่อมๆ"

เมื่อมีเมฆล่องลอยอยู่บนฟ้าราว 1-10% เวลานั้นท้องฟ้าแจ่มใสแน่นอน, ถ้ามีเมฆ 11-25% เรียกได้ว่ามีเมฆบางส่วน, 26-50% นับว่ามีเมฆกระจัดกระจาย, 51-90% ถือว่ามีเมฆเป็นหย่อมๆ และหากเมฆปกคลุมท้องฟ้า 90-100% แสดงว่ามีเมฆครึ้ม

ทีนี้ก็มาดูกันว่ามีเมฆชนิดไหนบ้าง และแต่ละชนิดมีชื่อเรียกว่าอะไร

เมฆแบ่งได้เป็น 10 ชนิด ตามรูปร่างลักษณะและระดับความสูงเหนือพื้นดินของฐานเมฆ ซึ่งแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ เมฆชั้นต่ำ, เมฆชั้นกลาง และเมฆชั้นสูง


เมฆชั้นต่ำ มีความสูงของฐานเมฆเหนือพื้นดินไม่เกิน 2 กิโลเมตร เมฆที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้มีทั้งหมด 5 ชนิด ประกอบด้วย

สเตรตัส (Stratus) : เมฆแผ่นที่ลอยไม่สูงมากนัก มักเกิดในตอนเช้าหรือหลังฝนตก ถ้าลอยติดพื้นจะเรียกว่า “หมอก”

คิวมูลัส (Cumulus) : เป็นเมฆก้อนปุกปุย สีขาว รูปทรงคล้ายดอกกะหล่ำ มักก่อตัวในแนวดิ่ง ลอยกระจายห่างกัน และเกิดขึ้นเวลาที่สภาพอากาศแจ่มใสดี

นิมโบสเตรตัส (Nimbostratus) : เมฆสีเทา ทำให้เกิดฝนพรำ และมักปรากฏสายฝนจากฐานเมฆ

คิวมูโลนิมบัส (Cumolonimbus) : ก้อนเมฆฝนขนาดใหญ่ยักษ์ มีรูปทรงคล้ายดอกกะหล่ำและก่อตัวในแนวตั้งเช่นกัน ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง หากลมชั้นบนพัดแรง ยอดเมฆจะแผ่ออกคล้ายทั่ง

สเตรโตคิวมูลัส (Stratocumulus) : เมฆก้อนที่ไม่มีรูปทรงชัดเจน มักมีสีเทา ลอยต่ำ ติดกันเป็นแพ และมีช่องว่างระหว่างก้อนแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น มักพบเห็นเมื่อสภาพอากาศไม่ค่อยดีนัก


เมฆชั้นกลาง มีระดับความสูงของฐานเมฆตั้งแต่ 2-6 กิโลเมตร มี 2 ชนิด คือ

อัลโตสเตรตัส (Altostratus) : เมฆแผ่นหนาสีเทาที่ปกคลุมท้องฟ้าเป็นบริเวณกว้าง บางครั้งหนามากจนบดบังแสงอาทิตย์ได้

อัลโตคิวมูลัส (Altocumulus) : เมฆก้อนสีขาว ลอยเป็นแพห่างกันไม่มาก มีช่องว่างระหว่างก้อนเพียงเล็กน้อย มองดูคล้ายฝูงแกะ คล้ายเมฆเซอโรคิวมูลัส แต่ขนาดใหญ่กว่ามาก


เมฆชั้นสูง มีความสูงที่ระดับตั้งแต่ 6 กิโลเมตรขึ้นไป มี 3 ชนิด ได้แก่

เซอโรสเตรตัส (Cirrostratus) : เมฆแผ่นบางๆ สีขาว โปร่งแสง เป็นผลึกน้ำแข็ง มักปกคลุมท้องฟ้าเป็นบริเวณกว้าง และทำให้เกิดดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ทรงกลด

เซอโรคิวมูลัส (Cirrocumulus) : เมฆสีขาว มีลักษณะคล้ายเกล็ดบางๆ หรือระลอกคลื่นเล็กๆ เป็นผลึกน้ำแข็ง โปร่งแสง และเรียงรายกันเป็นระเบียบ

เซอรัส (Cirrus) : เมฆริ้ว สีขาว โปร่งแสง และเป็นผลึกน้ำแข็ง ลักษณะคล้ายขนนกเพราะถูกกระแสลมชัดบนพัด มักเกิดขึ้นเวลาที่สภาพอากาศดี


ทีนี้ก็รู้กันแล้วว่าเมฆมีกี่ชนิด และเมฆชนิดไหนทำให้เกิดฝนพรำหรือทำฝนตกหนัก ฉะนั้นก่อนออกจากบ้านครั้งต่อไปก็อย่าลืมพยากรณ์อากาศกันเสียหน่อย จะได้เตรียมพร้อมรับมือกับฝนฟ้าในแต่ละวันได้ทันเวลาไงล่ะคับบ
เครดิต NTZ99

ติดตามสาระดีดีที่ //www.02dual.com




 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 15 พฤษภาคม 2552 11:51:24 น.
Counter : 516 Pageviews.  

เคล็ดลับการทำสมาธิ

การเจริญกรรมฐานโดยทั่วไปนิยมใช้คำภาวนาด้วย
เรื่องคำภาวนานี้อาตมาไม่จำกัดว่าต้องภาวนาว่าอย่างไร
เพราะแต่ละคนมีอารมณ์ไม่เหมือนกัน

บางท่านนิยมภาวนาด้วยถ้อยคำสั้น ๆ
บางท่านนิยมใช้คำภาวนายาว ๆ
ทั้งนี้ก็สุดแล้วแต่ท่านจะพอใจ

อาตมาจะแนะนำคำภาวนาอย่างง่าย ๆ คือ พุทโธ

คำภาวนาแบบนี้ง่าย สั้น เหมาะแก่ผู้ฝึกใหม่
มีอานุภาพและอานิสงส์มาก เพราะเป็นพระนามของพระพุทธเจ้า

การนึกถึงชื่อของพระพุทธเจ้าเฉย ๆ
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในเรื่อง มัฏฐกุณฑลีเทพบุตร ว่า

คนที่นึกถึงชื่อท่านอย่างเดียว ตายไปเกิดเป็นเทวดา หรือนางฟ้าบนสวรรค์
ไม่ใช่นับร้อยนับพัน พระองค์ตรัสว่านับเป็นโกฏิ ๆ


...............เมื่อภาวนาควบคู่กับลมหายใจจงทำดังนี้

เวลาหายใจเข้านึกว่า พุท เวลาหายใจออกนึกว่าโธ
ภาวนาควบคู่กับลมหายใจตามนี้เรื่อย ๆ ไปตามสบาย
ถ้าอารมณ์ใจสบายก็ภาวนาเรื่อย ๆ ไป

แต่ถ้าเกิดอารมณ์ใจหงุดหงิด หรือฟุ้งจนตั้งอารมณ์ไม่อยู่ ก็จงเลิกเสีย
จะเลิกเฉย ๆ หรือดูโทรทัศน์ หรือฟังวิทยุ หรือหาเพื่อนคุย ให้อารมณ์สบายก็ได้
เพื่อเป็นการผ่อนคลายอารมณ์

อย่ากำหนดเวลาตายตัวว่า ต้องนั่งให้ครบเวลาเท่านี้แล้วจึงเลิก
ถ้ากำหนดอย่างนั้น เกิดอารมณ์ฟุ้งซ่านขึ้นมา
จะเลิกก็เกรงว่าจะเสียสัจจะที่กำหนดไว้ ใจก็เพิ่มการฟุ้งซ่านมากขึ้น

ถ้าเป็นเช่นนี้บ่อย ๆ ก็จะเกิดเป็นโรคประสาทหรือโรคบ้า

ขอทุกท่านจงอย่าทนทำอย่างนั้น

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

คำสอนของพระราชพรหมยานเถระ(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

เครดิต //www.02dual.com




 

Create Date : 13 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 13 พฤษภาคม 2552 13:12:30 น.
Counter : 335 Pageviews.  

1  2  3  

tisanai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add tisanai's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.