3 วิธีการเลือกรับส่งลูกในวัยอนุบาล



การเลือกรับส่งลูกในวัยอนุบาล หมายถึงในช่วงวัย 2-5ปีนั้นค่อนข้างเป็นเรื่องหนักใจแก่ผู้ปกครองเป็นอย่างมาก เพราะด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียวคือ"ความปลอดภัย" ในวัยที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย ผู้ปกครองจึงมีความคาดหวังสูงกับเรื่องนี้จึงมีหลายเหตุผลที่ต้องให้โต้แย้งกับความเหมาะสมเป็นอย่างมาก การเลือกรับส่งบุตรในวัยนี้ เรามาลองวิเคราะห์ จากข้อดีข้อเสียในแต่ละเหตุผลเพื่อประกอบการตัดสินใจหลักๆได้ดังนี้

1. การรับส่งเองผู้ปกครอง โดยวิธีการนี้ เป็นสิ่งที่ลูกน้อยและพ่อแม่ทุกคนปรารถนาเป็นอย่างมาก หากเป็นไปได้ในทุกกรณีเชื่อว่าทุกคนคงอยากที่จะไปรับส่งเองเพราะเด็กยังคงมีความผูกพันกับพ่อแม่อยู่มาก อยากที่จะเจอหน้าพ่อแม่เร็วๆ และพ่อแม่ก็อยากจะเห็นภาพลูกน้อยตั้งหน้าตั้งตาคอยหา
ข้อดี
- ผู้ปกครองและลูกสามารถมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันในช่วงก่อนและหลังเลิกเรียน การใช้เวลาร่วมกันในสถานศึกษายังสร้างความคุ้นเคยในสถานที่ให้เด็กสามารถลดความกลัวเมื่อต้องใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียนโดยปราศจากผู้ปกครอง
- ผู้ปกครองสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลากรในโรงเรียนอาทิ คุณครูประจำชั้น ทำให้เราสามารถทราบพฤติกรรมของลูกในห้องเรียน การปรับตัวของลูกให้เข้ากับสังคมหมู่เพื่อน ผลการเรียนการดูแลตัวเองในด้านสุขลักษณะ ตัวสถานศึกษา และกลุ่มแม่บ้านด้านโภชนาการในเรื่องอาหารกลางวันรวมไปถึงรปภ.ในการช่วยสอดส่องดูแลเพราะเมื่อเราได้มีเวลาร่วมกับบุคคลากรเหล่านี้ อย่างน้อยสิ่งที่เราจะได้คือความเชื่อใจในการฝากลูกตลอดวันในช่วงเวลาเรียน
-ผู้ปกครองสามารถเปรียบเทียบกับสถานศึกษาอื่นได้ในแง่ของสภาพแวดล้อม ระบบการเรียนการสอนที่แท้จริง ความเอาใจใส่ของครู
-ผู้ปกครองจะสามารถแจ้งและดำเนินการแก้ไขในส่วนที่คิดว่าโรงเรียนยังมิได้มีการพัฒนา ปรับปรุง แก้ไขในส่วนต่างๆจากการที่ผู้ปกครองได้เห็นจริง ทำให้มีส่วนร่วมในการร่วมพัฒนาโรงเรียนไปด้วยกัน

ข้อเสีย
  - ผู้ปกครองต้องสละเวลาเช้า-เย็น คำนวณเวลาเผื่อรับส่งไม่ให้สายเกินเวลาส่ง/รับ ตามเวลาที่โรงเรียนกำหนด
- ผู้ปกครองอาจต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มจากการรบเร้าของลูกในเรื่องของการอยากได้อยากกินในระหว่างการรอส่งเข้าเรียนและช่วงเวลาเย็นในการรับกลับ เช่นของว่าง ขนม ของเล่นที่มีขายในโรงเรียนและหน้าโรงเรียน

2. การรับส่งโดยบุคคลอื่น นอกเหนือจากผู้ปกครองแท้ๆเองและรถโรงเรียน อาทิฝากญาติ เพื่อนบุคคลที่รู้จักทุกคนที่อาจจะมีหรือไม่มีบุตรเรียนที่สถานศึกษาเดียวกัน จนไปถึงการฝากเด็กกับครูที่มีบ้านใกล้เคียงกับผู้ปกครองให้ส่งถึงบ้าน ซึ่งในสมัยนี้มีมากที่ใช้ระบบนี้ เพราะมีความมั่นใจกว่าที่จะใช้รถโรงเรียน หากเป็นเรื่องการส่งอาจด้วยเป็นเรื่องของการเรียนพิเศษเพิ่มเติมหลังเลิกเรียนซึ่งอาจจะเลยเวลาที่จำกัดของการรับส่งของรถโรงเรียน การเลิกงานดึกของผู้ปกครองเองที่เป็นเหตุให้ต้องฝากครูดูแลต่อที่บ้านของครูเองหรือผู้ที่เราฝากให้รับส่ง

ข้อดี
     -สามารถไว้วางใจได้มากกว่ารถโรงเรียนเนื่องจากผู้รับฝากและผู้ปกครองมีความสนิทสนมกันในระดับที่สามารถฝากลูกน้อยได้ สามารถที่จะดูแลแทนบุตรหลานได้เสมือนลูกของตัวเอง
     - ประหยัดกว่าใช้รถโรงเรียนที่มีค่าใช้จ่ายอาจจะสูงกว่า
     - เด็กสามารถมีกิจกรรมก่อนและหลังเลิกเรียนได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องเร่งรีบขึ้นรถโรงเรียนให้ทันเวลา

ข้อเสีย
     - ต้องระวังในเรื่องของการปล่อยให้เด็กเล่นอิสระโดยไม่มีกฎเกณฑ์มากนักเหมือนในช่วงเวลาเรียน เพราะผู้รับฝากเองอาจจะมีธุระ มีสิ่งที่ต้องทำในเรื่องส่วนตัวด้วยเช่นกัน
      - การที่เราไว้วางใจคนอื่น หากเกิดอะไรขึ้นเราไม่สามารถเอาผิดหรือโทษใครได้นอกจากผู้ปกครองเอง
      - เด็กอาจะรู้สึกว้าเหว่เฝ้าคอยหาผู้ปกครองเพราะในโลกของเด็กในการยอมรับได้ก็มีแต่ผู้ปกครองและครูเท่านั้น หากเป็นบุคคลอื่นเด็กอาจจะซึมเศร้าได้
      - ผู้ปกครองอาจจะไม่สามารถทราบพฤติกรรมของลูกในสถานศึกษาได้

3. การรับส่งโดยรถโรงเรียน ในปัจจุบันก็ยังคงเป็นที่นิยมกันมากเหมือนกัน เพราะเหมือนจะสะดวกมากที่จะตัดสินใจโดยไม่ต้องคิดอะไรเหมือนเป็นสูตรไป ไม่ว่าบ้านจะใกล้หรือไกลโรงเรียน วิธีนี้ยังคงเป็นที่ยอมรับกันมากแม้จะมีข่าวสารต่างๆในเรื่องของการหลงลืมเด็กในรถบ้างก็ตาม
ข้อดี
    - ผู้ปกครองจะประหยัดเวลาในเรื่องการรับส่งได้มาก
    - สามารถคำนวนค่าใช้จ่ายได้อย่างลงตัว
    - สามารถไว้ใจได้ในระดับหนึ่งโดยอาจจะเป็นเพราะชื่อเสียงของสถาบัน ประเภทรถที่ใช้ อุปนิสัยของผู้ขับและครูประจำรถ

ข้อเสีย
    - ผู้ปกครองจะไม่มีโอกาสได้พบปะ พูดคุยสอบถามถึงพฤติกรรมของลูกกับครูประจำชั้น หรือสังเกตพฤติกรรมการเข้าสังคมในสถานศึกษาได้
     - หากเป็นกรณีที่ส่งถึงบ้านแต่ผู้ปกครองยังกลับไม่ถึงบ้านก็จะยังคงมีความเป็นห่วงอยู่เช่นเดียวกันและเราจะยิ่งไม่ทราบอะไรถึงพฤติกรรมลูกได้เลย
      - ค่าใช้จ่ายอาจสูงมากหากเป็นกรณีที่มีบุตรหลายคนเพราะการใช้บริการนี้จะคิดต่อคนต่อระยะทาง
      - เราจะไม่สามารถทราบอุปนิสัยการขับรถและบริการของผู้ขับรถได้เลยนอกจากความเชื่อใจที่ผู้ปกครองต้องสร้างเอง
      - เด็กอาจจะได้รับอุปนิสัยการการใช้คำพูดต่างวัยในรถคันเดียวกัน อาจทำให้เด็กก้าวร้าวและอาจมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากการลอกเลียนแบบหากไม่มีผู้ดูแล
      - เด็กอาจจะหิวและอยากมีอิสระ เนื่องจากการอยู่ในรถโรงเรียนย่อมมีกฎในรถเช่นกันเช่น ห้ามกินขนม น้ำ ห้ามคุยเสียงดัง จนไปถึงการออกคำสั่งให้หลับไปได้เลยส่งผลกับการนอนในช่วงค่ำได้

- อาจเกิดปัญหาตื่นเช้ามากกลับเย็นมากกว่าที่ควรจะเป็น หากกำหนดจากระยะเส้นทางการเดินรถรับไกลก่อนส่งใกล้ก่อน

ไม่ว่าผู้ปกครองจะตัดสินใจเลือกวิธีการรับส่งด้วยวิธีใด อาจมีหลายปัจจัยที่ต้องมาวิเคราะห์ตามความเหมาะสมที่ดีที่สุด และต้องไม่ทำให้เกิดปัญหาเรื่องเวลาและความเอาใจใส่ความปลอดภัยต่อบุตรหลาน ซึ่งอาจส่งผลถึงพฤติกรรมและพัฒนาการตามวัยที่ควรจะเป็น ผู้ปกครองจึงควรศึกษาตั้งแต่การเริ่มที่จะเลือกสถานศึกษาให้แก่บุตรหลาน คำนวณค่าใช้จ่าย เส้นทางการเดินทางให้เหมาะสมกับเราและลูกน้อยของเรา เพื่อที่เราจะสามารถดูแลลูกน้อยของเราได้เสมือนว่าได้ดูแลตลอดเวลาไม่ว่าจะมีช่วงเวลาที่ไม่สามารถดูแลได้ก็ตาม

พัดลม USB สบู่อาหรับขิง




Create Date : 16 เมษายน 2559
Last Update : 16 เมษายน 2559 20:53:21 น.
Counter : 1527 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

บนบน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เมษายน 2559

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
17
19
21
23
24
26
28
29
30
 
All Blog