หนูอยากเลี้ยงสัตว์ จะได้มั้ย?




หลายๆครั้งที่ลูกพร่ำขอร้องด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะออกงอแงว่า อยากเลี้ยงแมว อยากเลี้ยงหมา อยากมีสัตว์เลี้ยงส่วนตัว อยากสร้างบ้านให้เค้าได้มีที่อยู่อาศัยเหมือนคนทั่วไปแต่บางครั้งก็ไม่ใช่แค่นั้น บางครั้งเด็กต้องการเพียงแค่เลียนแบบจากเพื่อนที่มีกระรอกเป็นสัตว์เลี้ยงคู่กายที่เอามาอวดที่โรงเรียน จึงเป็นเรื่องน่าหนักใจของผู้ปกครองระหว่าง การยินยอมให้เลี้ยงเพราะคาดหวังว่าเด็กจะมีจิตใจที่อ่อนโยนขึ้น

มีงานอดิเรกทำ ไม่ไปหมกมุ่นกับเกมส์หรือยาเสพติด หรือเพียงไม่อยากให้เลี้ยงเพียงเพราะแค่ลูกมีพฤติกรรมเลียนแบบ แค่เพียงอยากมีของเล่นที่มีชีวิต แค่เพียงอยากแต่งตัวให้สัตว์ เพราะในความต้องการของเด็กที่ยังไม่สามารถรับผิดชอบอะไรได้นั้นทุกอย่างคือของเล่นและทุกอย่างนั้นคือสมบัติของตัวเอง เป็นของรักของหวงที่ไม่อยากให้ใครให้ครอบครอง

ผู้ปกครองจะมีข้อคิดอย่างไรในการตัดสินใจ อนุญาตให้เด็กได้มีสัตว์เลี้ยงได้หรือไม่

1. เด็กและคนในครอบครัวทุกคนมีภาวะภูมิแพ้หรือไม่ เพราะบางคนอาจแพ้ขนสัตว์ ไรขนนั้นเป็นตัวการสำคัญในเรื่องภูมิแพ้ หอบ หืด รวมไปถึงเห็บ น้ำลายต่างๆที่อาจก่อเกิดโรคได้อีกหลายโรคตามมา

2. สถานที่ในการเลี้ยงสัตว์เอื้ออำนวยหรือไม่ ในพื้นที่บ้านกว้างขวางพอที่จะสามารถแบ่งสัดส่วนการเลี้ยงสัตว์หรือไม่

3. ลองพิจารณาถึงการคำนวณค่าใช้จ่ายที่ต้องเพิ่มขึ้นจากการดูแล อาทิ ค่าอาหาร ค่าวัคซีน ค่าอาบน้ำตัดขน การเข้ารักษากับสัตวแพทย์ หากต้องมีการรักษาที่ต่อเนื่องในบางโรคของสัตว์ที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงพอสมควร

4. การให้เวลากับสัตว์เลี้ยงที่ไม่ใช่เพียงเลี้ยงไปวันๆให้อาหารใส่จานทิ้งไว้รอเวลาสัตว์เลี้ยงหิวจึงมากินเองโดยที่ตัวผู้ปกครองเองมีหน้าที่การงาน มีภาระที่มากกว่าต้องดูแลสัตว์เป็นหลักมิใช่ถือเป็นภาระของเด็กที่ต้องการเลี้ยงจึงปล่อยให้เด็กรับผิดชอบเอง

5. ผู้ปกครองสามารถให้คำแนะนำเด็กได้ดีจริงหรือไม่ นิสัยและพฤติกรรมสัตว์แต่ละประเภทไม่เหมือนกัน ผู้ปกครองควรศึกษาให้ถี่ถ้วนในการเลี้ยงดูสัตว์ชนิดนั้นๆเพื่อที่จะสามารถอธิบายให้เด็กฟังได้อีกทอดหนึ่ง
6. เด็กมีอุปนิสัยอย่างไร เหมาะที่จะเลี้ยงสัตว์ประเภทใดและสามารถเลี้ยงได้หรือไม่ เช่นมีอุปนิสัยชอบแกล้งสัตว์  และยังไม่มีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนได้ดีนัก

7. ระหว่างพ่อ แม่และเด็กมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกันหรือไม่ เพราะเมื่อมีสัตว์เลี้ยงมาเพิ่มในบ้านนั่นเสมือนมีบุคคลเพิ่มมาอีก1ชีวิต ร่วมชายคาเดียวกันเสมือนครอบครัว หากคนในครอบครัวยังคงมีปัญหาที่ยังมีช่องว่างอยู่ การมีสัตว์เลี้ยงเพิ่มมานั่นเสมือนการหาความเป็นเจ้าของร่วมรับผิดชอบไม่ชัดเจน จึงไม่เหมาะนักที่จะพร้อมมีสัตว์เลี้ยง

8. สอบถามถึงความยินยอมของทุกคนในบ้านหากเสียงส่วนมากยังคงไม่ยินยอมให้เลี้ยงก็ยากที่จะสามารถนำมาเลี้ยงได้

9. เปรียบเทียบกับสิ่งที่เด็กต้องการมากที่สุดในขณะนั้น อาทิ เด็กกำลังชอบที่จะต่อเลโก้ แต่กลับมีความคิดว่าต้องการเลี้ยงสุนัข เด็กจะหมกมุ่นกับสิ่งๆหนึ่งเป็นพัก จึงไม่ควรที่จะส่งเสริม ตามใจเพียงชั่วขณะ

10. เมื่อเด็กยังต้องมีภาระความรับผิดชอบที่มากพออยู่แล้ว อาทิ มีเรียนว่ายน้ำ เรียนภาษาอังกฤษ เรียนดนตรีจนไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะใส่ใจกับการเลี้ยงสัตว์ได้ดี จึงไม่ควรด่วนตัดสินใจถึงแม้ตัวผู้ปกครองเองจะมีความยินดีด้วยก็ตาม เพราะภาระที่จะเลี้ยงสัตว์นั้นต้องมีเวลาให้ได้อย่างเต็มที่

ผู้ปกครองควรตัดสินใจใช้หลักเหตุผล ตระหนักถึงผลได้ผลเสียให้มาก หากเปรียบเทียบกับการมีเครื่องใช้ไฟฟ้า ของอำนวยความสะดวกอื่นหรือสันทนาการอย่างอื่นที่ดีกว่า อาทิ ปลูกต้นไม้ที่ไม่ต้องดูแลมากนัก หาซื้อเครื่องเล่นคาราโอเกะ หรือการใช้เวลาว่างต่างๆในกิจกรรมต่างๆ เล่นกีฬา จะดีกว่าหรือไม่ แต่หากเป็นกรณีที่ทุกคนยินยอมและพร้อมในทุกด้านที่จะมีอีก1ชีวิตมาเพิ่มก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่เราจะได้มีโอกาสฝึกเด็กให้มีความรับผิดชอบ มีความห่วงหาอาทรต่อสัตว์โลก สร้างอุปนิสัยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีเมตตา สร้างรอบยิ้มได้จากความน่ารักของอุปนิสัยของสัตว์ชนิดนั้นๆ สิ่งที่ควรตระหนักมากที่สุดคือการทำความเข้าใจให้กับเด็กในทุกๆเรื่อง หาก ผู้ปกครองทำได้ คำตอบที่ได้ก็คงหมายถึงรอยยิ้มจากความสุขของคนในครอบครัวทุกคน

เก้าอี้หัดนั่ง พัดลมมือถือ สบู่อาหรับขิง










Create Date : 16 มิถุนายน 2559
Last Update : 16 มิถุนายน 2559 10:00:03 น.
Counter : 1491 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

บนบน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



มิถุนายน 2559

 
 
 
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog