อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ
คนไร้ศาสนา ปรัชญาชีวิตแบบลิขิตด้วยตัวเอง

ในช่วงที่ผ่านมาบนโลกออนไลน์หรือตามกระทู้เว็บไซต์ดังเริ่มมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับแนวคิดของกลุ่มคนไร้ศาสนา ซึ่งในประเทศไทยถือว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมักมีมีการถกเถียงว่า เค้าใช้ชีวิตอย่างไร มีอะไรเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ หรือว่ามันเป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรง วันนี้ MThai ข่าวภาคซ่าส์ จะพาไปรู้จักกลุ่มคนไร้ศาสนา หรือคำนิยามที่เรียกว่า อศาสนา

อศาสนาคืออะไร ?

ลัทธิความเชื่อของมนุษย์ เกี่ยวกับการกำเนิดและสิ้นสุดของโลก หลักศีลธรรม ตลอดจนลัทธิพิธีที่กระทำตามความเชื่อนั้น ๆหลายศาสนามีการบรรยาย สัญลักษณ์และประวัติศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเจตนาอธิบายความหมายของชีวิต โลกหลังความตาย รวมถึงเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ปัจจุบันมีมากกว่า 20 ศาสนา แบ่งออกเป็น4 กลุ่มใหญ่และมีผู้นับถือมากที่สุดคือ ศาสนาอิสลาม คริสต์ พุทธ พราหมณ์ฮินดู โดยคนไม่มีอศาสนาเริ่มต้นขึ้นเมื่อวิทยาศาสตร์เริ่มเข้ามามีบทบาทบนโลกและพิสูจน์ความเชื่อและอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ที่ทางศาสนาเคยบัญญัติไว้ในพระคัมภีร์ ในบางสังคมมองว่ากลุ่มคนไม่มีศาสนาเป็นคนไม่ดี ซึ่งต้องมีการแยกแยะออกจากกัน คำว่า “ไม่มีศาสนา” กับ “ไม่มีศีลธรรม” ซึ่งไม่เหมือนกัน

cats

จำนวนของคนไร้ศาสนาบนโลก 

องค์กร “พิว” (The Pew Forum on Religion & Public Life) ได้เผยบทสำรวจถึงคนไร้ศาสนาที่เป็นผู้ที่แสดงตนว่าไม่ได้นับถือศาสนาใด ๆ เลย เช่น ผู้ที่ปฏิเสธการมีพระเจ้า หรือไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริง หรือผู้ที่มีศรัทธาในจิตวิญญาณซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับศาสนาใด มีจำนวน 1.1 พันล้านคนทั่วโลก และกว่า 700 ล้านคนในจำนวนนี้อยู่ในประเทศจีน รองลงมาคือประเทศญี่ปุ่น โดยมากกว่า 72 ล้านคน อันดับ 3 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 51 ล้านคน ซึ่งจำนวนดังกล่าวถือว่าเป็นกลุ่มคนที่มีอยู่มากอันดับ 3 ของโลก รองจากศาสนาอิสลามที่มีคนนับถือมากที่สุด รองลงมาคือคริสต์ และคนไร้ศาสนา

เหตุผลของคนไม่มีศาสนา

องค์กรพิว หรือ The Pew Forum on Religion and Public life ได้เผยเหตุผลของคนไม่มีศาสนา โดยพวกเขามีมุมมองดังนี้

1.ศาสนาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่สามารถทำให้ร่ำรวย ชีวิตดีขึ้น ไม่สามารถแก้ปัญหาส่วนตัวได้ คนสามารถทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ได้โดยไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน

2.ศาสนาไม่สามารถเติมเต็มความต้องการทางจิตวิญญาณหรือเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจได้

3.พิธีกรรมในศาสนา ทำให้คนงมงายเสียเงินและเสียเวลา เป็นเพียงสิ่งที่ทำต่อๆกันมา บางคนทำพิธีกรรมนั้นโดยไม่รู้ความหมายของบทสวด

4.เสื่อมศรัทธาในผู้สืบศาสนา เช่น พระประพฤติตัวไม่เหมาะสม การทำธุรกิจโดยใช้วัดบังหน้า เน้นพุทธพาณิชย์ และข่าวในแง่ร้ายเกี่ยวกับพระ เช่น ยาเสพติด การล่วงละเมิดทางเพศ

5.ศาสนาสอนในสิ่งที่ไม่รู้ ไม่เข้าใจ พิสูจน์ไม่ได้ ศีลธรรมที่บัญญัติบางข้อขัดกับความเป็นจริง ไร้เหตุผลและเป็นกฎระเบียบที่ไร้สาระขัดกับหลักสิทธิมนุษยธรรม การไม่มีศาสนาเป็นการได้รับอิสระจากกรอบที่ศาสนาตีไว้

ถ้าไม่นับถือศาสนาแล้วนับถืออะไรเป็นแนวทางในการดำรงชีวิต ?

คำตอบของคนอศาสนาคือ การยึดถือ “ความอยู่รอด” ของตนเองเป็นหลัก ความเห็นอกเห็นใจและการช่วยเหลือกันของมนุษย์นั้นเป็นไปตามธรรมชาติของการ ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน และเสียสละต่อตนเองต่อสิ่งที่ดีที่ยึดถือร่วมกันเพื่อความอยู่รอดของตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งศีลธรรมของศาสนา

MThai News




Create Date : 30 พฤษภาคม 2558
Last Update : 30 พฤษภาคม 2558 5:33:08 น. 1 comments
Counter : 1347 Pageviews.

 
สวัสดีนะจ้ะ เราแวะมาเยี่ยมนะจ้ะ ^____^ สักคิ้ว 6 มิติ ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้วลายเส้น เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: peepoobakub วันที่: 16 มีนาคม 2560 เวลา:11:39:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.