15 อาหารกินแล้วมีอี๋ มีกลื่นตัว แบบนี้ต้องเลือกทานให้เป็น
อาหารที่กินแล้วมีทั้งกลิ่นปากและกลิ่นตัวเหม็นเฉ่า ๆ อิ่มแต่เสียบุคลิกอย่างนี้ต้องเลือกกินให้เป็น
เคยสังเกตตัวเองบ้างไหมว่าบางวันก็มีกลิ่นตัวเหม็นแปลก ๆ ทั้งที่ก็ใช้น้ำหอมขวดเดิมทุกวัน อีกทั้งยังไม่ได้ออกแดดหรือทำกิจกรรมเรียกเหงื่อเลยสักนิด เอ้า ! อาจเป็นเพราะคุณเผลอกินอาหารกลิ่นแรงที่กินแล้วพาให้มีกลิ่นตัวเหล่านี้เข้าแล้วล่ะ
1. เนื้อสัตว์สุก ๆ ดิบ ๆ
สเต็กย่างแบบแรร์และเนื้อสัตว์ปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ ทุกชนิดร่างกายย่อยยากจะตายไปนะคะ ดังนั้นเมื่อร่างกายย่อยอาหารเหล่านี้ไม่ค่อยได้ก็จะเกิดการหมักหมมของแก๊สเน่าในกระเพาะ ส่งกลิ่นตุ ๆ ออกมาทางรูทวาร ปาก และเหงื่อนั่นเอง
2. อาหารสำเร็จรูปและอาหารขยะทุกชนิด
อาหารสำเร็จรูปและอาหารขยะทุกประเภทมักจะใช้วัตถุดิบที่ไม่มีคุณภาพ เช่น มีน้ำตาลสูง มีสารสังเคราะห์ ใช้แป้งไม่ขัดสี และอาหารที่ผ่านกระบวนการทางเคมีทุกอย่าง เป็นต้น ซึ่งอาหารเหล่านี้ไม่ได้เป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติโดยตรง ร่างกายจึงค่อนข้างย่อยลำบากพอสมควร และก็เกิดปัญหาเดิม ๆ ค่ะ ลำไส้ย่อยไม่ได้ เกิดการหมักหมม ส่งกลิ่นไม่น่าอภิรมย์ออกทางลมหายใจและเหงื่อ
3. อาหารที่มีกลิ่นฉุน
โดยเฉพาะเครื่องเทศอย่างกระเทียม หอม และยี่หร่า หากกินจำนวนมาก ๆ อาจทำให้ลมหายใจมีกลิ่นฉุนเหล่านี้ติดไปด้วย เนื่องจากระหว่างกระบวนการย่อย อาหารเหล่านี้จะผลิตแก๊สซัลเฟอร์ออกมา ส่งผลให้ออกซิเจนที่ไหลวนอยู่ในเลือดติดกลิ่นนี้ไปยังปอดและรูขุมขนนั่นเอง
4. อาหารไฟเบอร์สูง
อ่านไม่ผิดหรอกค่ะว่าอาหารที่มีไฟเบอร์สูง ๆ จะเป็นสาเหตุของกลิ่นเหม็นตุในตัวเราได้เหมือนกัน โดยต้นเหตุก็คือ เหล่าแก๊สไฮโดรเจน, คาร์บอนไดออกไซด์ และแก๊สมีเทนในระหว่างที่ลำไส้ย่อยอาหารไฟเบอร์สูงนี่เอง ยิ่งเวลาตอนเรอหรือผายลมนะ เหลียวซ้ายแลขวาสักนิดให้มั่นใจว่าคุณอยู่ลำพังจริง ๆ ถึงค่อยปล่อยแก๊สเหล่านี้ออกมา ไม่งั้นมีหวังว่าคนข้าง ๆ จะสลบแน่นิ่งเพราะกลิ่นของเรา
5. อาหารไฟเบอร์ต่ำ
ให้ตายสิพับผ่า ! กินอาหารที่มีไฟเบอร์น้อยก็ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นด้วยล่ะ เนื่องจากไฟเบอร์ที่มีอยู่น้อยในลำไส้จะทำให้ขับถ่ายยาก อาหารที่กินเข้าไปแล้วหลายวันก็อาจตกค้างอยู่ในลำไส้ เกิดแก๊สมีเทนและคาร์บอนไดออกไซด์อีกแล้ว เวลาผายลมหรือขับถ่ายกลิ่นก็โอ๊ย
เหม็นฆ่าคนได้อ่ะ
6. อาหารที่ไม่มีคาร์โบไฮเดรต
สำหรับคนที่อยู่ในโปรแกรมงดแป้งหรือพยายามลดอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตจะเจอกับสภาวะลมหายใจเหม็นแน่นอน เพราะเมื่อร่างกายเลี่ยงแป้งเราก็จะกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์และไฟเบอร์มากขึ้น ส่งผลให้ร่างกายเปลี่ยนไขมันมาเป็นพลังงาน ซึ่งก็เหมือนกดดันให้ร่างกายปล่อยสารคีโตน (ketone) เข้าสู่กระแสเลือดไปพร้อม ๆ กัน ดังนั้นลมหายใจก็จะมีกลิ่นของสารนี้ปะปนอยู่ด้วย
7. นม
นมดีต่อสุขภาพถ้ากินในปริมาณที่เหมาะสม ทว่าหากกินนมมากเกินไปร่างกายจะสะสมแบคทีเรียจากนมในช่องท้อง ก่อให้เกิดแก๊สกำมะถันประเภทสารเมทิลเมอร์แคพเทน (Methyl Mercaptan) และไฮโดรเจนซัลไฟด์ (Hydrogen Sulfide) ก่อให้เกิดลมหายใจเหม็นและแก๊สกลิ่นตุในกระเพาะอาหาร
8. หมากฝรั่ง
สงสัยไหมคะว่าทำไมหมากฝรั่งที่มีสรรพคุณช่วยให้ลมหายใจหอมสดชื่นกลับมาเป็นตัวการทำให้เกิดลมหายใจเหม็น ๆ ได้ซะอย่างนั้น ซึ่งเหตุผลที่แท้จริง คือ หมากฝรั่งประเภทโลว์ ชูการ์ หรือมีสารที่ให้ความหวานแทนน้ำตาลจะย่อยยากในร่างกายเรา ดังนั้นก็เกิดการหมักหมมจนเป็นแก๊สกลิ่นเหม็นในที่สุด
9. ถั่วและพืชชนิดฝัก
ถั่วและพืชชนิดฝักทุกชนิดมีแก๊สกลิ่นแรงในตัวอยู่แล้ว เนื่องจากมีส่วนผสมของน้ำตาลที่เรียกว่า โอลิโกแซ็กคาไรด์ (Oligosaccharide) และเป็นต้นเหตุให้เกิดกลิ่นเหม็นทางลมหายใจและหลอดเลือด
10. ไข่ไก่และเครื่องในสัตว์
อาหารเหล่านี้มีโคลีน (choline) สูง ซึ่งร่างกายไม่สามารถย่อยโคลีนได้โดยง่าย ดังนั้นจึงทำให้เกิดแก๊สกลิ่นตุจากการหมักหมมในลำไส้ ส่งกลิ่นออกมาทางลมหายใจ ลมที่ผายออกมา และอุจจาระก็จะเหม็นมาก
11. อาหารประเภทอบและอาหารทอด
อาหารที่ผ่านกระบวนการอบและทอดจะมีน้ำมันผสมอยู่ และน้ำมันเหล่านี้สามารถกลายเป็นกลิ่นเหม็นหืนได้ง่าย ๆ คราวนี้ก็ปนเปื้อนอยู่ในเลือด ปอด และลำไส้ เหม็นหืนไปทั้งเนื้อทั้งตัว
12. กาแฟ
กาแฟมีความเป็นกรดมากกว่ากรดในน้ำลายเราซะอีกนะคะ ดังนั้นน้ำลายจึงไม่สามารถชะล้างกลิ่นแรงของเมล็ดกาแฟได้ กลิ่นกาแฟจึงติดแน่นติดนานอยู่ในลมหายใจเรายังไงล่ะ
13. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เมาแอ๋ตั้งแต่เมื่อคืน ตื่นเช้ามาจะได้กลิ่นละมุดเหม็นฉึ่งเต็มตัวเลยเชียวนะ เนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นสารที่ซึมเข้าสู่เลือดได้เร็วมาก ยิ่งกินเยอะก็ยิ่งทวีความรุนแรงของกลิ่นมากขึ้น ชนิดที่เรียกว่าร่างกายสร่างเมาแล้วแต่กลิ่นเหล้ายังไม่จางหายไปง่าย ๆ เลยทีเดียว
14. หน่อไม้ฝรั่ง
ในระหว่างกระบวนการย่อยหน่อไม้ฝรั่งจะเกิดแก๊สซัลเฟอร์ออกมา ส่งผลให้ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็นเขียวอย่างรุนแรง และแม้จะกดชักโครกเรียบร้อยแล้วกลิ่นเหม็นเขียวก็อาจจะตามมาหลอกหลอนได้อีกสักพัก ฉะนั้นหากกินหน่อไม้ฝรั่งเข้าไปก็พยายามหาห้องน้ำที่เงียบสงบไม่ค่อยมีคนเข้าดีกว่า กลิ่นเหม็นเขียวในปัสสาวะจะได้ไม่เป็นภาระใคร
15. ผักชนิดหัว
ทั้งบรอกโคลี กะหล่ำ และผักชนิดหัวทั้งหลายเป็นผักที่อุดมไปด้วยซัลเฟอร์ ซึ่งแม้จะช่วยขับสารพิษและมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง แต่กลิ่นของผักเหล่านี้ช่างเหม็นเขียวหนักมาก จนเป็นเหตุให้มีกลิ่นเหม็นเขียวติดปากติดตัวเราไปด้วย
รู้กันแล้วว่าอาหารชนิดไหนเป็นต้นเหตุของกลิ่นเหม็นแปลก ๆ ในตัวเราได้บ้าง ดังนั้นต่อจากนี้ไปก็พยายามกินแต่พอประมาณ หรืออาหารบางอย่างที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เลี่ยงให้ไกลได้เลยยิ่งดี
Create Date : 27 พฤษภาคม 2558 |
Last Update : 27 พฤษภาคม 2558 5:36:59 น. |
|
1 comments
|
Counter : 2163 Pageviews. |
|
|
|
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ