จากที่ MThai News ได้นำเสนอกลโกงของ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ไปแล้ว 3 ตอน คือ “แอบอ้างสำนักงาน ปปง.” “โอนเงินให้เพื่อน..ออนไลน์” และ “คืนเงินภาษี” ซึ่งทั้งหมดนั้น ล้วนเป็นวิธีการแอบอ้างหน่วยงานราชการ เข้าหากินกับของเงินเหยื่ออย่างง่ายดาย โดยหลายคนที่ไม่ค่อยได้เกี่ยวข้องแวดวงราชการ อาจมองข้ามภัยดังกล่าวไปได้บ้าง

แต่…คราวนี้ หากเป็น “ธนาคาร” และ “บัตรเครดิต” นั้น อาจเป็นเรื่องใกล้ตัวขึ้นมาเลยทีเดียว

ทาง  MThai News จึงขอนำเสนอ ระวังภัย “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ในตอน “ถูกอายัดบัตร” ที่เหล่ามิจฉาชีพ ใช้ปฏิบัติการณ์ในรูปแบบของ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” เช่นเดิม แต่เปลี่ยนพฤติกรรม ด้วยการปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารของบัตรเครดิตที่เหยื่อใช้อยู่ หรือ ถึงขั้นอ้างเป็น”เจ้าหน้าธนาคารกลางแห่งประเทศไทย” หรือ “ศูนย์กลางอายัดบัตรเครดิต” โทรศัพท์มาว่า

“บัญชีของเหยื่อเกิดการอายัด เพราะข้อผิดพลาดในระบบข้อมูล หรือ เกิดความขัดข้องทางเทคนิคของธนาคาร จำเป็นต้องขอเลขที่บัญชีธนาคาร เพื่อขอเช็คข้อมูล พร้อมขอเลข – รหัสบัตรเครดิต เพื่อทำการปลดล็อคการอายัดบัตร”  

ระหว่างที่เหยื่ออยู่ในความสับสน ทางมิจฉาชีพจะคอยพูดจาหว่านล้อมและคาดคั้นเวลา ให้เหยื่อดำเนินการเร่งด่วน มิเช่นนั้น จะได้รับผลกระทบหลายด้าน?

ความกังวลใจประกอบกับการไม่ตั้งสติ อาจทำให้เหยื่อบางราย เผลอตัวหลงเชื่อโดยง่าย จนบอกข้อมูลครบตามที่มิจฉาชีพต้องการ

และภายในไม่กี่วัน บิลค่าใช้จ่ายบัตรเครดิต ก็ได้ปรากฏตัวเลขยอดค้างจ่ายที่สูงเกินจริง หรือ เต็มวงเงินของบัตร!!

“สติ” จึงกลับมาพร้อมกับการรีบโทรติดต่อไปยังธนาคารของบัตร แต่ก็ไม่ทันการณ์ เมื่อเจ้าหน้าที่ธนาคารเเจ้งว่า “วงเงินในบัตรของเหยื่อ ได้เกิด “การทำธุรกรรม และ หายไปจริง” และทางธนาคาร ก็ไม่มีนโยบายใด ที่จะให้เจ้าหน้าที่ หรือ ใคร ติดต่อมายังลูกค้าในกรณีดังกล่าวโดยเด็ดขาด

กว่าจะรู้ตัว ก็สายไปเสียแล้ว ดังนั้นการมีสติ จะเป็นเกราะป้องกันอย่างดี ที่จะช่วยให้เราไม่สูญเสียทรัพย์ให้ “ใครก็ไม่รู้?” ไปอย่างง่ายดาย

ดังนั้น หากไม่แน่ใจ หรือ กังวลใจ การ”เช็คข้อมูล” ไปยังธนาคารของบัตร หรือ สอบถาม สำนักงาน ปปง. เบอร์ 02-2193600 หรือ สายด่วน ปปง. โทร. 1710 ในวันและเวลาราชการ

ติดตามข่าวสารอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้ที่นี่ news.mthai.com

MThai News