WRITTEN BY PIYAWANEE ON MAY 18, 2014. POSTED IN ทั่วไป, วิทยาศาสตร์, สุขภาพ, โรคภัยไข้เจ็บ

จากงานวิจัยที่ได้ตีพิมพ์ในวารสาร journal Stroke ของสมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา (American Heart Association) พวกเขาได้รายงานว่าสมองของคนที่เคยทุกข์ทรมานจากการปวดไมเกรนนั้นดูเหมือนจะได้รับความเสียหายมากกว่าที่คิด โดยที่คนเหล่านั้นไม่รู้ตัว เนื่องจากไม่มีอาการแสดงให้เห็น

ในงานวิจัยชิ้นใหม่นี้ ผู้คนที่เคยมีประวัติปวดศีรษะไมเกรนนั้นมีโอกาสเป็นสองเท่าที่เนื้อสมองจะตายเนื่องจากขาดเลือดไปเลี้ยงสมองโดยไม่แสดงอาการใดๆให้เห็น เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่เคยปวดไมเกรนมาก่อน การเกิดเนื้อสมองตายโดยไม่แสดงอาการนี้ก็เหมือนการที่สมองได้รับบาดเจ็บเนื่องมาจากการแข็งตัวของเลือด ทำให้เกิดการขัดขวางการไหลเวียนของเลือดเพื่อไปเลี้ยงเนื้อเยื่อของสมอง และเมื่อไม่มีเลือดไปเลี้ยง เนื้อเยื่อสมองส่วนนั้นก็จะตายในที่สุด  บางครั้งเราเรียกว่า “โรคหลอดเลือดสมองแบบไม่แสดงอาการ หรือ Silent Stroke” การได้รับบาดเจ็บของสมองเหล่านี้จะไม่แสดงอาการให้เห็น แต่มันเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองอุดตัน หรือ Stroke  ในอนาคตต่อไปได้

งานวิจัยก่อนหน้านี้ได้ชี้ให้เห็นว่าไมเกรนสามารถเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองอุดตันในวัยรุ่น

นายแพทย์ Teshamae Monteith ซึ่งเป็นผู้เขียนงานวิจัยชิ้นนี้และยังเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์สาขาประสาทวิทยาและหัวหน้าภาควิชา Headache Division ที่มหาวิทยาลัย Miami Miller School of Medicine ได้กล่าวว่า “ผมไม่เคยเชื่อมาก่อนเลยว่าผู้ที่ทุกข์ทรมานกับไมเกรนควรจะต้องกังวลว่า มันเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองเนื่องจากเส้นเลือดอุดตัน ซึ่งมันถูกคำนึงถึงน้อยมาก  อย่างไรก็ตามพวกเราอาจจะต้องให้ความสำคัญมากขึ้นกับทั้งไมเกรนและปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับหลอดเลือด ด้วยการให้ความสนใจในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองอุดตัน อาทิเช่น การออกกำลังกายและการรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำและอุดมไปด้วยผักและผลไม้”

ความดันโลหิตสูงและปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองอุดตันอื่นๆนั้น เป็นสาเหตุทั่วๆไปที่รู้กันดีว่าทำให้เกิดการปวดไมเกรน  แต่ความเกี่ยวข้องกันระหว่างไมเกรนและเนื้อสมองตายอย่างไม่มีอาการนั้นพบว่าเกิดขึ้นได้โดยที่ความดันโลหิตยังอยู่ในระดับปกติ

เนื่องจากความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองอุดตันในชาว Hispanics (คนที่มีถิ่นฐานมากจาก Mexico , Puerto Rico, Cuba, South America, Central America และ Caribbean และอื่นๆ รวมถึงชนชาติที่ใช้ภาษา/วัฒนธรรมสเปน) และชาวแอฟริกันในสหรัฐอเมริกาได้เพิ่มสูงขึ้น คณะวิจัยจากหน่วยวิจัย Northern Manhattan (NOMAS) ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างมหาวิทยาลัยไมอามี่และมหาวิทยาลัยโคลัมเบียได้ศึกษาคนชราจากหลากหลายเชื้อชาติในนครนิวยอร์ก (คิดเป็นชายร้อยละ 41 และมีอายุเฉลี่ย 71 ปี)  ประมาณร้อยละ 65 ของผู้เข้าร่วมทั้งหมดเป็นชาว Hispanics และจากการเปรียบเทียบภาพเอ็กซ์เรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า MRI ในคนที่เคยปวดไมเกรน 104 รายและผู้ที่ไม่เคยปวดไมเกรน 442 ราย พวกเขาพบว่า:

1. การเพิ่มขึ้นของเนื้อสมองตายในผู้ที่เคยเป็นไมเกรนเพิ่มเป็นสองเท่า แม้ว่าได้ทำการปรับเปลี่ยนปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองอุดตันแล้วก็ตาม

2. ปริมาตรของเนื้อสมองส่วนขาดเลือดที่มีสีขาว (หลอดเลือดขนาดเล็กทำงานผิดปกติ) ไม่มีการเพิ่มขึ้น ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับไมเกรนในการศึกษาอื่นๆ

3. ไมเกรนกับการเปลี่ยนแปลงของสายตาหรือประสาทสัมผัสอื่นๆก่อนการปวดศีรษะทำให้ผู้เข้าร่วมมีอาการผิดปกติ แต่มันไม่ได้มีความสำคัญต่อการที่เนื้อสมองตายเนื่องจากขาดเลือด

Monteith ได้กล่าวต่อไปว่า “ขณะที่มีการสังเกตร่องรอยของความเสียหายจากภาพถ่าย MRI ปรากฏให้เห็นในลักษณะเส้นเลือดอุดตันเนื่องจากการแข็งตัวของเลือด การค้นพบของเรานี้ยังคงต้องดำเนินการศึกษาต่อไปเพื่อยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้น”

งานวิจัยนี้ได้ก่อให้เกิดคำถามที่ว่าการบำบัดรักษาเพื่อบรรเทาความรุนแรงและความถี่ในการปวดไมเกรนนั้นสามารถลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองและการที่เนื้อสมองตายเนื่องจากขาดเลือดไปเลี้ยงโดยไม่แสดงอาการได้หรือไม่

Monteith ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “พวกเราก็ยังคงไม่รู้ว่าการรักษาเพื่อบรรเทาการปวดไมเกรนจะมีผลกระทบต่อการลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดได้หรือไม่ แต่มันอาจจะเป็นความคิดที่ดีที่จะหาหนทางการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคไมเกรน เมื่ออาการปวดศีรษะของคุณรุนแรงเกินกว่าที่จะควบคุมได้”

ที่มา American Heart Association

แหล่งข้อมูล //www.science20.com/news_articles/older_migraine_sufferers_may_have_more_silent_brain_injury-136474