|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ขอบเขตของภาครัฐ
ขอบเขตของภาครัฐตามาตรฐานสากลมีแค่ไหนกัน คำถามนี้คงติดอยู่ภายในใจของหลายๆคนอยู่ เราลองมาดูกันว่าเค้าแยกกันยังไง
ตามตารางที่เห็นข้างบนนี้โดยหลักแล้วอิงจาก IMF เนื่องจากในช่วงวิฤต IMF ต้องการวิเคราะห์ภาระและหน้าที่ของลูกหนี้ของตัวเอง ไม่ต้องการให้มีหมกเม็ด หรือเหตุที่อาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการชำระคืนหนี้ อย่างไรก็ตาม ภายหลังวิกฤต ภาครัฐของไทยเกิดการกลายพันธุ์ขึ้น ซึ่งมีน้อยประเทศในโลกที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
เรามาเริ่มต้นจากรัฐบาลกันก่อน รัฐบาลตามนิยามของ IMF เกิดจากหนทางของประชาธิปไตย กล่าวคือ มีการเลือกผู้แทนของประชาชนขึ้นมาบริหารประเทศ ดังนั้น การดำเนินการใดๆที่เกิดขึ้นจากสภาผู้แทนฯ ย่อมเป็นเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงบประมาณ การลงทุน การกู้เงินตราต่างประเทศ หรือภาษี ทั้งหมดนี้จะถูกนับรวมเป็นรัฐบาล
สำหรับภาครัฐถัดมา คือการกล่าวรวมถึงการกระจายอำนาจ ในกรณีของต่างประเทศคือการรวมรัฐแต่ละรัฐเข้าด้วยกัน แต่สำหรับในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นรัฐเดียว ภาครัฐจึงเกิดจากการรวมรัฐบาลและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าด้วยกัน
นอกจากนั้นแล้วรัฐวิสาหกิจซึ่งถือเป็นหน่วยงานกึ่งรัฐบาลกึ่งเอกชน (หลายท่านให้คำจำกัดความอีกคำว่าเป็น รัฐพาณิชย์ ซึ่งหมายถึงเป็นหน่วยงานรัฐที่ดำเนินการเพื่อการพาณิชย์ โดยเหตุผลทางเศรษฐกิจและสังคม) ทั้งนี้เนื่องมาจากบอร์ดของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีอำนาจในการกำหนดการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ได้รับการแต่งตั้งจากฝ่ายบริหารของรัฐบาล (ที่เกิดจากวิถีแห่งประชาธิปไตย) จึงจำเป็นต้องนับรวมอยู่ในภาคสาธารณะด้วย ขณะที่รายจ่ายทั่วไปอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายเงินเดือน การใช้จ่ายในการดำเนินงาน ถือเป้นหน้าที่ของ MD ซึ่งเป็นไปเพื่อการพาณิชย์ จะไม่ถูกนับรวมเป็นภาคสาธารณะ
ในส่วนถัดมา นโยบายกึ่งการคลัง ส่วนนี้เกิดขึ้นภายหลังวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนั้นสภาพคล่องล้นระบบอยู่ แต่ไม่มีคนลงทุนมากนัก (เนื่องมาจากกำลังการผลิตยังเหลือเฟือจากวิกฤต ไม่มีใครลงทุนใหม่เพิ่ม) ภาครัฐจึงได้สั่งให้สถาบันการเงินของรัฐ ปล่อยเงินกู้มากขึ้น โดยเฉพาะปล่อยเงินกู้ในส่วนโครงการของภาครัฐ การวัดขอบเขตส่วนนี้ในปัจจุบันยังค่อนข้างเป้นสีเทาอยู่ เพราะตั้งแต่แรก ไม่มีการแยกการทำบัญชีเงินกู้ ระหว่างเงินกู้ในโครงการทั่วไป กับเงินกู้จากโครงการภาครัฐ ทำให้ในปัจจุบันไม่สามารถบอกได้ว่า NPL ที่เกิดขึ้น เกิดจากการดำเนินงานของธนาคารเองเท่าไหร และเกิดจากการโครงการของรัฐบาลเท่าไหร นั่นหมายถึงไม่สามารถบอกถึงผลของเงินลงทุนทั้งสองส่วนได้อย่างละเอียด ยังเป็นส่วนสีเทาๆที่เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งในส่วนรายละเอียดของนโยบายกึ่งการคลังนี้ จะขอยกไปพูดอีกครั้งหนึ่งในครั้งถัดไปนะครับ
ในส่วนสุดท้ายเป็นส่วนของภาคเอกชนทั่วไป ซึ่งภาครัฐไม่สามารกำหนดหรือสั่งให้ดำเนินการใดๆได้โดยตรง
ที่ได้กล่าวข้างต้นทั้งหมดคงพอให้ได้ทราบถึงอำนาจ หน้าที่ ขอบเขตความรับผิดชอบได้คร่าวๆนะครับ
Create Date : 04 สิงหาคม 2549 |
Last Update : 4 สิงหาคม 2549 14:34:01 น. |
|
0 comments
|
Counter : 5248 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
ข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศ
ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศ
ค้นคว้าข้อมูลทั่วไป
แหล่งเชื่อมโยงอื่นๆที่น่าสนใจ
|
|
|
|
| |
|
|