Group Blog All Blog |
ท่องไปในโลกกว้าง วันนี้ว่างเลยคิดว่า ไหน ๆ จะเข้าฤดูใบไม้ผลิของประเทศ สวีเดน และ เลยมีเวลานั่งเขียนนิดหน่อย ฉันแพลนว่า ไหน ๆ ก็โสด และเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ปีนี้จะต้องแพลน แบกเป้ เที่ยวกับลูกชายสุดที่รัก สองคน ชีวิตต่างแดนสอนให้ฉัน แข็งแกร่งกว่าอยู่ที่ประเทศไทยมาก อะไรทำไม้ได้ ทำเป็นหมดทุกอย่าง มาสวีเดน จำได้ว่า มาคนเดียว ไม่ได้มาเหมือนคนอื่น ที่ติดตามสามี แต่เรามาเพราะเราต้องการมา ปี 2010 เราได้วีซ่ามาเรียน และทำงานที่สวัเดน 2 ปี จำได้ว่า ตอนนั้น ไม่คิดไรมาก เห้ยได้มาสวีเดนเว้ย ตอนแรกแพลน แต่งงานกับคนแคนาดา ที่สวีเดน มาเที่ยวรอบแรกชอบมาก สวย สงบ ติดอันดับแถบยุโรป ประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลก แต่ก่อนมาสวีเดน ก็เลิกกับแฟนคนแคนาดา ซึงเป็นศาสตราจารย์ และมีหน้าที่การงานดีมาก เอาเป็นว่านั่นคือที่มาของสวีเดน คร่าวๆ ด้วยงบประมาณ 90000 บาท ลาออกจากตำแหน่งงาน ผู้ช่วยผู้บริหาร บริษัทต่างชาติ แห่งหนึ่งในกรุงเทพ หน้าที่การงานดี แต่เหมือนโชห่วย เป็นทุกอย่างให้เจ้านาย แต่เจ้านายก็ใจดีมากสุดๆ เป็นคนฮอลแลนด์ ก่อนมา ทางบ้านนั่งล้อมวง ถามว่าจะมาแน่เหรอ สองปีเชียวนะ ไม่มีเงินให้นะ เราบอกไม่เป็นไร สมัยก่อน เป็นวัยรุ่น (ตอนนี้เป็นวัยทรงวุฒิ) ทำงานไม่เคยเก็บ เที่ยว ให้แม่ และใช้ฟุ่มเฟีอยมาก มีบัตรเครดิตร รูดเอา ๆๆ เลยไม่ต้องบอกทำไมมีงบแค่นั้น และคงแปลกใจ อ่ะดิว่า เห้ย แม่งโกหกแน่เลย สตรอเปล่านี่ เงินแค่นี้ อยู้่ได้เหรอ สองปี อ่ะ เริ่มมาวันที่ 19 มิย ปี10 ลงเครื่องที่ โคเป็นเฮเก้น เดนมาร์ค แล้วนั่งรถไฟมา มัลเมอร์ Malmö (บางคนสะกดต่างกัน) ก่อนมาแพลนไว้ว่า อยู่ใต้แน่นอน เพราะใต้ของสวีเดน เราเรียกว่า Skåne(สโกน เอาแบบสะกดง่าย) ซึ่งภาคใต้ติดประเทศเดนมาร์ค จะมีสะพานที่คนไทยเราลงในข่าวว่าสวย และอุโมงค์ลอดใต้ทะเล ซึี่งจากเดนมาร์ค จะต้องนัีงรถไฟลอดใต้อุโมงค์ แล้ว ฝั่งสวีเดน ก็โผล่เหนือระดับน้ำทะเลขึ้นมา ไปยังฝั่งสวีเดน ทางใต้ ระหว่างทางเราสามารถมองเห็นทะเลใต้สวยมากช่วงหน้าร้อน คนเล่นเรือใบเยอะ และเราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เคยบ้าตอนมาใหม่ๆ ไปซื้อเรือกับเพื่อนคนเดนมาร์ค (มารู้จักตอนมาสวีเดนนี่ละ) ครั้งแรกมาพักที่โรงแรมในเมือง แล้วเดินทางไปหาเพื่อนตามจังหวัดต่าง ๆ เพื่อนอุปการะบ้าง ซื้อตั๋วเองบ้าง แต่บอกตรง เงินเกือบหมด ใน 6 เดือน เคยแบบไม่มีไรกินมะ หลายคนคงบอก อีนี่บ้า ใช่นะ บ้าและมีฝัน เลยพยายามลงเรียนภาษาก่อน เพราะเรามีวุฒิจบมาจากไทย ไหนๆ ได้วีซ่า ทำงาน และเรียน ก็เอาสุดๆ เราจบด้านธุรกิจ มาจากต่างประเทศ และวฺุฒิที่ไทยคือทางด้านสื่อสาร มาแรกๆ เที่ยวกับเพื่อนก่อน เพราะมีคนเป เราก็เทียว อิตาลี ให้คุ้มกับคนเป โดยการเดินทางแบบประหยัดมากกกก วันแรกถึงมิลาน ก็ออกเลยเดินเท้าทั้วเมือง เปิดแผนที่ มีไรตรงไหน ไปให้หมด อยู่อิตาลี แล้วไปต่อที่ เวนิชนั่งรถไฟไปลง แล้วเที่ยวต่อชิว แบบว่ามีคนเปแล้ว ต้องให้คุ้มเว้ย เมืองในฝันด้วย เดินเท้าสิคะ กลัวไร ไปคนเดียวแยกกับเพื่อน ต่างคนต่างไป คือแบบตรูจน พอกลับมาสวีเดน บัตรเครดิตรพกมาเสือกมีปัญหา ไปเติมน้ำมัน แล้วแบบไทย คือมันกินเงินหมดบัตร ห้าหมื่นกว่าบาท วันนั้นกินมาม่า แล้วโทรหาว่าทำไมเงินหาย ปรากฎว่า เจ้าหน้าที่ระงับให้และได้เงินคืนหมด ถือว่าโชคดี แต่รอนานกว่าจะมีเงินใช้ค่ะ เอาล่ะต้องหางาน เพราะไงต้องให้ได้งานวะอ้อลืมบอก ที่นี่เรียนฟรีค่ะ หากมีวีซ่ามาเรียน และทำงาน หากอยากเรียนภาษาเพิ่มจัดไป เราลงภาคค่ำ ทำงานกลางวั เอาเป็นว่า เราหางานได้ภายใน ระยะเวลา หกเดือน อ่ะนะ เก่งดิ คือ เอาแบบหน้าด้านนะ เราตามเจ้าหน้าที่รัฐ่ฝ่ายจัดหางาน เรียกว่า Arbetförmedlingen (เราเรียก อาฺร์เบตบางคนเรียก อาเบียด)ง่ายๆ ตามจิกจนลุงทำหน้าที่รัฐรู้จักเราอย่างดี ปกติต้องทำการนัดเวลา แต่เราหน้าด้าน บอกฉันต้องการงาน ๆ อะไรก็ได้ ที่ทำได้เงิน งานสุจริต ทำได้หมด ลุงบอกเธอจบด้านธุรกิจมา รอได้ไหม ทำงานกับบริษัท สแกนดิเนเวียน เราบอกรอมานานละ ไม่ได้ เพราะเงินหมด และทางบ้านไม่อุปการะ ต้องหาเงินเองหากอยากอยู่ หากไม่งั้นต้องกลับไทยเลย ลุงแกบอกขับรถได้ งั้นเอาไหมงานทำความสะอาด และนี้คืองานแรก บอกเลยโคตร เหนื่อย ขัยรถคิ่น เช้ามาก ขับไปตามบ้านคน แล้วเรียน17:00-20:00 ถึงบ้านพักเที่ยงคืน นอนตื่น ตี สี่ ทำแบบนี้ปีครึ่งลาออกกินเงินเดือนตกงาน ดีนะทำประกันตกงาน ไม่งั้น อดตาย พอมีลูก และขอเลิกกับสามีด้วยเหตุผล ไปกันไม่ได้ และขึ้นศาลขอดำเนินเรื่องเลี้ยงดูบุตรคนเดียวจนปัจจุบันได้สิทธินั้น บอกตรง มันไม่ง่าย แต่ได้ประสบการณ์ และการโสดเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว คือสิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดละ บอกตรง คือมันใช่อ่ะ แบบนี้ละ โสด อิสระ อยู่กับลูก เลยนึกไอเดียว่า เขียนเลาเรื่อง และ แพลนการใช้ชีวิต การอยู่สวีเดน การเรียน การเดินทางท่องเทียว ดีไหม วันนี้ ได้เรียกไปทำงานหน้าร้อน ด้านพญาบาล ดูแลผู้ป่าย ซึ่งเป็นสายงานที่ต้องมาเริ่มต้นใหม่ ทิ้งการศึกษาเดิมๆ ไป หาความรู่ วิชาใหม่ๆ ใส่ตัว กับประเทศที่เจริญแล้ว เอาเป็นว่า ย้อนมาคุยเรื่องแพลนการท่องเที่ยวดีกว่า จะเป็นได้แค่ไหนกับการเดินทาง แม่และลูก สองคน ลูกชายอายุ สี่ขวบปีนี้ละ เลยคิดว่า น่าสนุกนะกับการเดินทาง เพราะทุกวัน เราก็ชอบเดินทาง ขับรถตั้งแคมป์กันสองคนมานานมากตั้งแต่สามขวบต้น ๆ ขับไปทะเล ไปนั่งปิ้งย่าง สอนลูกให้เห็นชีวิตจริงชองคน ให้เขาเห็นโลกกว้างชึ้น ที่สำคัญ ตอนนี้ง่ายต่อการพกพา เพราะยังไงลูกก็ขัดคุณแม่ไม่ได้ เลยแพลนว่า ไงปีนี้อย่างแรกทริปหน้าฤดูใบไม้ผลิ คือการเที่ยวทางใต้ให้ครบทุกจังหวัด เราขับรถไปทางใต้ แถว beddingestrand trelleborg ( เบดดิ่งเงะสตราน เทเลบอย) แล้วแต่คนสะกดนะคะ เอาแบบง่ายๆ นี่คือทริปแรก เริ่มตอนเช้าเมื่อวันหยุดที่ผ่านมา ซึ่ง แดดออกแต่ บอกเลย หนาวอยู่ เพราะ 4องศา เราเตรียมอุปกรณ์ คุณลูกชายนอนก้นโด่ง ไม่อยากตื่นค่ะ เพราะวันหยุดของชายธี คือตื่นสายได้ กว่าจะขุดออกจากที่นอน ก็เงาะแงะสักพัก แล้วพอบอกไปทะเล คือมีอาการตืนเต้น ตอนแรกก่อนพาไปป่า ไปปิ้งย่างที่ป่า และในป่าที่นี่มีลานเล่นให้เด็กด้วย ว่างๆ จะลงให้ วันนี้เอาทริปทะเลก่อน พอทานอาหารเช้าเสร็จ ก็เตรียมทาครีมกันแดด แดดที่นี่แรงมาก เพราะท้องฟ้ากับผืนดินใกล้กันมาก ต่อให้หนาวไง แดดก็แสบหน้า แสบผิว พอลูกเสร็จก็ชนของใส่รถ เตรียมอาหารไปปิ้งย่างริมทะเล ที่นี่ไม่เหมือนไทย ไม่มีอาหารขายริมทาง ไม่มีร้านอาหารทะเล อยากทานไรเตรียมไปเอง ฤดูใบไม้ผลิ ส่วนมากต้นไม้ดอกไม้ จะเริ่มผลิใบ แต่ปีนี้ช้ากว่าทุกปี เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงทั่วโลก ย้อนมาเรื่องทริปไปเที่ยว ทะเลแถบจังหวัดทางใต้ เรียก ว่า เทเลบอย จังหวัดนี้ติดทะเล ห่างจากจังหวัดที่ฉันอยู่ไมไกลนัก แต่ขับรถไปเที่ยวทะเล ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที เพราะเราใช้เส้นทางชนบท ไมได้ขับมอเตอร์เวย์ เลยลัดเลาะไปตามใจฉัน เพราะมันได้บรรยากาศฟินมาก กลิ่นไอดิน จากการที่ชาวนาผลิกดินตาก กลิ่นของมูลสัตว์ อันนี้ มองกันไปมาแม่กะลูกใครผายลมเปลา แต่ไม่ใช่อ่ะ คือ เหม็นมาก 55555 คือมันได้บรรยากาศฟินมากในการขับรถเที่ยว ลัดไปตามถนนเล็กๆ แถบชนบท คือเห้ยนี่เลย สิ่งที่เคยฝัน ตอนนี้ทำได้และ แถมพกลูกมาด้วยนะเนี่ย มาตอนแม่วัยทรงคุณวุฒิพอดี ยังพอมีแรง ปกติลูกไม่เคยขัด และเขาได้เห็นสิ่งต่างๆ เยอะมาก ได้เรียนรู้จากสิ่งรอบตัว และธรรมชาติ ลูกจะย่างเข้า สี่ขวบแต่เขาสามารถโต้ตอบได้เหมือนผู้ใหญ๋ สื่อสารเข้าใจ สี่ภาษา สวีดิช เดนนิช ไทย อังกฤษ แต่ จะพูดไม่พูตตามใจฉัน เห่อๆๆๆๆ พอถึงทะเลเราก็รอไรคะ มันเย็น แต่ได้อารมณ์ มาก อยากบอกเลยว่าคุ้ม ทะเลสีคราม น้ำใสวิ้ง เกลียวคลื่นพัดเข้าฝั่ง แสงอาทิตย์ทอดยาวโึ้ค้งไปตามทะเล เกลียวคลื่นที่พัดเข้าฝังเหมือนเพชร ระยิบระยับ คือฟินมาก เหมือนทิ้งทุกอย่างไปเลยละ และนีมันคือชีวิตที่เราทุกคนเลือกได้ บอกเลยว่า ทริปนี้ทริปที่พักผ่อน ชิ่วๆ ของเราสองแม่ลูก ว่างๆ จะมาบรรยายใหม่ กับตอนถัดๆไป เอาเป็นว่าทริปนี้ทะเลภาพสวยๆ ชมกันไปพลางๆ กับแสงแดด สายลม สองเรา นึกถึงเพลงไทย ของพี่เบิร์ดมาก ฟากฟ้าทะเลฝัน ถ้าหากว่าเธอคือฟ้า ฉันคือทะเล จะเปรียบทะเล ดั่งความมั่นคง หากแผ่นฟ้า เป็นรักที่ซื่อตรง ทุกๆสิ่งจะคงนิรันดร์ ..ไม่ต่างกับเรา. มีเพียงหาดทราย ทะเล สายลม กับสองเรา ยินเพียงแผ่วเบา ยินเพียง เสียงคลื่น.กับเสียงลม. นกน้อย.บินมาคู่กัน เคียงกัน เหมือนดังใจมันผูกพัน ..ไม่ต่างกับเรา. มองไปสุดตา สุดไกล สายตา จรดฟ้าคราม มองดูคลื่นงาม เป็นฟอง ขาวนวล เมื่อซัดมา ท้องฟ้า.ทะเลงาม คือความรัก ที่เรามีต่อกัน ถ้าหากว่าเธอคือฟ้า ฉันคือทะเล จะเปรียบทะเล ดั่งความมั่นคง หากแผ่นฟ้า เป็นรักที่ซื่อตรง ทุกๆสิ่งจะคงนิรันดร์ มีเพียงหาดทราย ทะเล สายลม กับสองเรา ยินเพียงแผ่วเบา ยินเพียง เสียงคลื่น.กับเสียงลม. นกน้อย.บินมาคู่กัน เคียงกัน เหมือนดังใจมันผูกพัน มีเพียงหาดทราย ทะเล สายลม กับสองเรา ยินเพียงแผ่วเบา ยินเพียง เสียงคลื่น.กับเสียงลม. มีเพียงหาดทราย ทะเล สายลม กับสองเรา ยินเพียงแผ่วเบา ยินเพียง เสียงคลื่น.กับเสียงลม. สุดท้ายของวันนี้อยากบอกว่าหากใครมีฝัน จงเชื่อมั่นในตนเอง เราทำได้ทุกอย่างเหมือนคนอื่น อย่าคิดว่าเราไม่มี เราเดินทางไม่ได้ โอกาสมีไม่บ่อย หากฝันแล้ว จงเดินหน้า ตอนนี้ฉันอยู่สวีเดนจะครบ 6 ปีแลัว การเดินทางยังคงดำเนินต่อไป และ จะบันทึกเรื่องราวการเดินทางแต่ละทริป และการท่องเที่ยวสองคนแม่ลูก ในนี้หากมีเวลาว่างนะคะ ทะเลที่นี่หน้าร้อนคนจะเยอะมาก หาดทรายสีขาว      นี่ล่ะคะคือทริปของเราสองแม่ลูก ทริปถัดไป เป็นป่า จะไปเดินป่าถ่ายรูป ดอกไม้ป่าที่กำลังผลิดอกสวยงาม กลิ่นไอของธรรมชาติในฤดูใบไม้ผลิเริ่มขึ้นแล้ว
หากพิมพ์ผิดต้องขออภับเพราะไม่มีคอมพ์ภาคภาษาไทยต้องใช้ความจำเอาเองค่ะ
 โดย: สมาชิกหมายเลข 993507
 วันที่: 15 มีนาคม 2560 เวลา:19:02:16 น. |
สมาชิกหมายเลข 993507
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] | ||||||||||||
