นักเขียนนามปากกา "จันทร์ทอแสง" เขียนนิยายแนว 20+ ทั้งโลกสวยและโลกไม่สวย

 
มิถุนายน 2558
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
29 มิถุนายน 2558
 

1 : ชีวิตนักเขียน



ตอนที่ 1



แสงแดดยามเช้าที่ส่องลอดผ้าม่านแบบโปร่งเข้ามาในห้องนอน ทำให้หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงนุ่มรู้สึกตัว เธอลืมตาพร้อมทั้งบิดขี้เกียจไปด้วยก่อนลุกขึ้นมาเปิดม่านให้กว้างขึ้นเพื่อรับแสงเข้ามาในห้อง จากนั้นเธอก็เดินไปนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อสำรวจตัวเอง

ดารามองคนในกระจกแล้วยิ้มให้ มีคนบอกว่าการยิ้มให้ตัวเองในทุกๆ เช้าจะทำให้ตลอดทั้งวันมีแต่เรื่องดีๆ เข้ามา เธอเชื่อและทำแบบนั้นมาตลอด แม้บางวันจะไม่ดีเหมือนที่ตั้งใจไว้ก็ตาม แต่เธอก็ยังมีความหวังว่าชีวิตจะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ

อย่างเช่นการเลือกมาอยู่ที่นี่เป็นต้น...

หลายสัปดาห์แล้วที่เธอต้องเปลี่ยนที่นอนมายังบ้านหลังใหญ่ที่มีคนอาศัยเพียงคนเดียว เพื่อมาเรียนรู้การเขียนนิยายแนวสยองขวัญกับนักเขียนขายดีนามปากกา พุธกลางคืน หรือชื่อจริงคือพศุตม์

เขาลึกลับ เก็บตัว พูดน้อย ไม่สุงสิงกับใครเหมือนนิยายที่เขียน แต่ถึงกระนั้น เขาก็เป็นเจ้าบ้านและครูที่ดี สิ่งที่เขาสอนไม่มีอะไรมาก นอกจากให้เธอนั่งอ่านนิยายแนวที่ไม่เคยอ่าน เมื่ออ่านจบก็จะมีการพูดคุยกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในห้องทำงานของเขามีหนังสือหลายแนวนับเป็นพันๆ เล่ม พศุตม์อ่านหนังสือทุกแนวไม่ว่าจะเป็นปรัชญา หนังสือแปลต่างประเทศไปจนถึงหนังสือแนววัยรุ่นตาหวาน

หญิงสาวมองปฏิทิน เธอมาอยู่ที่นี่ครบหนึ่งเดือนแล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งเดือนที่ช่วยเปิดโลกของเธอให้กว้างขึ้น เธอนั่งอยู่หน้ากระจกอยู่ครู่เพื่อให้ตัวเองตื่นเต็มตา ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว

ประมาณแปดโมง ดาราก็เดินลงบันไดมาชั้นล่าง บนโต๊ะอาหารมีปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้วางอยู่ พร้อมเจ้าของบ้านที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ หญิงสาวค่อนข้างแปลกใจ เพราะโดยปกติแล้ว บนโต๊ะนั่นจะว่างเปล่าและเขาจะกินมื้อเช้าในห้องทำงานมากกว่า

“คุณพุฒ” หญิงสาวทัก เจ้าของชื่อเงยหน้ามอง เขาพับหนังสือพิมพ์เก็บ

“ตื่นเช้าจังค่ะ”

“ผมยังไม่ได้นอนครับ” เขาบอกแล้วฉีกปาท่องโก๋เข้าปาก

“คะ ยังไม่ได้นอน” เธอทวนเสียงแปลกใจ

“ครับ ผมเพิ่งปิดต้นฉบับเสร็จไปเมื่อตีห้านี่เอง เห็นว่าใกล้เช้าแล้วก็เลยออกไปซื้ออะไรมากิน นั่นของคุณ” เขาบอกแล้วพยักหน้าไปยังน้ำเต้าหู้ที่ยังไม่ได้แกะ

“ผมไม่ได้ใส่แก้วให้ เพราะไม่รู้ว่าคุณจะลงมากี่โมง กลัวแมลงจะตกลงไป” เขาบอกเรียบๆ

“ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้มแล้วนั่งตรงข้าม บ้านของเขากว้างขวางแต่กลับใช้โต๊ะกินข้าวขนาดเท่าโต๊ะทำงาน ซึ่งเธอก็มองว่าเหมาะสมแล้วเพราะเขาอยู่คนเดียว
พศุตม์เป็นหนุ่มร่างสูง และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง เขาไว้ผมยาวประบ่า หนวดเคราไม่โกน เขาชอบอยู่บ้าน เขาชอบความมืด ทำให้ภายในบ้านไม่ค่อยมีแสงเข้าถึงเท่าไหร่ ชุดประจำตัวที่เธอมักเห็นคือเสื้อยืดคอกลมสีพื้นคู่กับกางเกงสีเข้มขายาว

“เมื่อคืนคุณบอกว่าเหลืออีกแค่บทเดียวก็จะจบแล้ว ทำไมใช้เวลานานนักคะ หรือว่าบวกเวลาอ่านทวนเข้าไปด้วย” เธอชวนคุยระหว่างแกะถุงน้ำเต้าหู้

“หลังจากคุยกับคุณเสร็จ ผมก็ว่าจะทำงานต่อ แต่พอดีมีเรื่องอื่นเข้ามาแทรกซะก่อน ผมเลยไม่มีสมาธิทำงาน เพิ่งจะมาเขียนจริงๆ ตอนตีสามครับ”

“สีหน้าคุณเหมือนกังวลอะไรบางอย่าง ไม่พอใจกับตอนจบหรือคะ”

“เปล่าครับ แต่ผมกำลังคิดถึงเรื่องที่กวนใจผมมาตลอดทั้งคืน”

“เล่าได้มั้ยคะ” เธอถามเสียงเกรงใจ

“มีนักอ่านคนหนึ่งที่ติดตามงานของผม ส่งลิงก์นิยายเรื่องหนึ่งมาให้พร้อมบอกว่าสไตล์และสำนวนเหมือนของผมมาก พอผมลองอ่านดูก็เห็นว่ามันเหมือนจริงๆ แถมบางฉากยังเหมือนเรื่องก่อนๆ ของผมด้วย”

“พวกลอกงาน” ดาราเปรย เธอเกลียดนักกับพวกไร้สมอง ไร้ความคิดและชอบแอบอ้างผลงานของคนอื่น

“และไม่ได้มีแค่เรื่องเดียวนะครับ ผมอ่านไปแล้วห้าเรื่อง มีส่วนคล้ายของผมทั้งห้าเรื่องเลย”

“โห...” หญิงสาวอุทานตาโต “แบบนี้ต้องฟ้องแล้วนะคะ ปล่อยไว้ไม่ได้เด็ดขาด นักเขียนชื่ออะไรคะ เดี๋ยวดาวจะเข้าไปดูว่าเขาลอกของใครอีกบ้าง” เธอบอกเร็วๆ สีหน้าเดือดดาล

“ผมคิดว่าไม่น่าจะมีนิยายของคุณครับ เพราะนิยายที่เขาเขียนเป็นแนวสยองขวัญ แต่ถ้าคุณอยากดูก็ลองหาชื่อนักเขียนศ.ศรินดูครับ”

“ไม่เคยได้ยินชื่อเลยค่ะ” หญิงสาวบอกพร้อมคิ้วที่ขมวดนึก

“เขาเป็นนักเขียนออนไลน์ครับ ยังไม่มีผลงานรวมเล่ม” เขาให้ข้อมูล ขณะที่ดาราพยักหน้า เธออ่านนิยายเป็นเล่มๆ มากกว่าจึงไม่รู้จักนักเขียนนิยายออนไลน์ นอกจากจะมีคนแนะนำมา แต่ถึงกระนั้นก็เป็นเพียงการรู้จักชื่อเสียงเรียงนาม ยังไม่มีสักคนที่เธอเข้าไปติดตามผลงาน

“แล้วคุณพุฒจะทำยังไงต่อคะ” เธอถาม

“วันนี้ผมจะเข้าอ่านอีกครั้งครับ เมื่อวานผมอาจใช้อารมณ์มากไปหน่อย เดี๋ยววันนี้จะใช้สติมากขึ้นและจะอ่านทวนเรื่องที่เพิ่งจบไปด้วย”

“แล้วถ้ายังรู้สึกว่าเหมือนอยู่ล่ะคะ คุณจะทำยังไง”

“ถ้าคุณโดนลอก คุณจะทำยังไงครับ” เขาถามกลับ

“เตือนค่ะ และให้เขาชี้แจง ถ้าไม่ยอมรับก็คงแจ้งให้สำนักพิมพ์จัดการ”

“ครับ ผมก็คงใช้วิธีนั้น และนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น ผมเจอเรื่องการลอกการดัดแปลงมาตลอดตั้งแต่ออกผลงาน ทุกคนพูดเหมือนกันหมดคือมีผมเป็นแรงบันดาลใจ ผมดีใจนะครับที่พวกเขาชื่นชอบผลงานผม แต่วิธีแสดงออกของเขา ผมไม่ค่อยดีใจนัก”

“น่าเบื่อมากเลยนะคะกับพวกชอบยำ จับของคนนั้นมารวมกับคนนี้ ถ้าอยากมีผลงานทำไมถึงไม่สร้างสรรค์ขึ้นมาเองก็ไม่รู้ กว่าเราจะเขียนได้แต่ละบท ใช้เวลานั่งคิดตั้งนาน แต่แล้วจู่ๆ เขาก็มาเอาไปเฉยๆ เมื่อปีก่อน ดาวก็เจอนะคะ เซ็งไปเป็นอาทิตย์ เขียนงานไม่ออกเลยค่ะ”

“แรงบันดาลใจหรือลอกชัดเจนครับ” เขาถาม

“ลอกค่ะ ชัดเจนมาก ถึงขนาดก๊อปบทบรรยายมาลงเลยนะคะ เห็นแล้วมันน่าเจ็บใจจริงๆ”

“ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ทำไมผมไม่เห็นได้ข่าว”

“จับได้แบบเงียบๆ และจบไปแบบเงียบๆ ค่ะ นี่ดีนะคะที่มีคนบอกก่อน ดาวเลยลองเข้าไปอ่านดูและให้พี่ตุ๊กติ๊กตัดสิน จากนั้นก็ส่งเมลไปบอกเขาให้ลบออก เขาก็ขอโทษและลบนิยายออก ดาวเลยไม่ได้เอาเรื่องเขาค่ะ แต่ก็ต้องใช้เวลาหลายวันเหมือนกันกว่าจะกลับมาเขียนงานต่อได้” เธอเล่าแล้วถอนใจอ่อนๆ “คุณพุฒล่ะคะ ก่อนหน้านี้จัดการยังไง”

“เหมือนคุณนั่นแหละครับ จับได้ ส่งเมลเตือน ขอโทษ ลบเรื่องออก ไม่เอาเรื่อง แล้วๆ กันไป แต่ก็มีเยอะนะครับที่จับได้แต่ก็ต้องปล่อยเพราะเขามีหลักฐานของเขาว่าฉากนั้นฉากนี้คิดขึ้นเอง ยิ่งถ้าได้ออกเป็นเล่มแล้ว มันจะกลายเป็นเรื่องของสำนักพิมพ์ เราทำอะไรมากไม่ได้หรอกครับ วงการนี้มันแคบ เราโตกว่าถ้าไปอะไรมาก เดี๋ยวก็ถูกกล่าวหาว่ารังแกเด็กอีก” เขาบอกและยิ้มแบบเหนื่อยใจ

“แล้วเรื่องใหม่ของคุณไปถึงไหนแล้ว” พศุตม์เปลี่ยนเรื่อง

“เริ่มไปได้เกือบครึ่งแล้วค่ะ แต่ดาวคงจะเขียนให้สยองเหมือนคุณไม่ได้ เลยปรับให้มีความเข้มขึ้น ตัวละครมีความซับซ้อนลึกลับมากขึ้น ถ้าเขียนได้พอสมควรแล้ว เดี๋ยวดาวจะเอามาให้อ่านเพื่อวิจารณ์นะคะ”

“ได้ครับ แต่อย่าเรียกวิจารณ์เลย เรียกว่าให้คำแนะนำดีกว่า” เขายิ้มรับ “แต่เท่าที่ผมอ่านเรื่องเก่าๆ ของคุณ ให้ผมแนะนำอะไรหน่อยได้มั้ยครับ”

“ได้ค่ะ แนะนำเลยค่ะ” ดาราพูดอย่างกระตือรือร้น

“ผมคิดว่านิยายของคุณเรียบเกินไป ความรักของตัวละครน่ารักดีครับ สวยงาม อ่อนโยน แต่...” เขาชมแล้วเว้น “มันเหมือนความรักของเด็กประถมน่ะครับ เหมาะที่จะเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาของเด็กวัยไม่เกินสิบห้าปีหรือคนที่อยากจะย้อนวัยหวาน แต่ถ้าเป็นวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่อ่านหรือคนทั่วๆ ไปที่อ่านนิยายรัก ผมคิดว่ามันไม่ค่อยอินเท่าไหร่”

“ขนาดนั้นเลยหรือคะ” ดาราหน้าเสียเมื่อเจอคำวิจารณ์แบบตรงไปตรงมา

“ไม่โกรธนะครับ”

“ไม่ค่ะไม่ เต็มที่เลยค่ะ ดาวรับได้” เธอรีบบอก

“ผมคิดว่าคนที่โตแล้ว เวลารักกันต้องมีการแสดงออกบ้าง จะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และแนวเรื่องของเรา ไม่ใช่ให้แค่จับมือมองตากันเฉยๆ ขนาดเด็กอนุบาลมีแฟน เขายังแอบหอมกันเลยครับ”

“แหม...เด็กสมัยนี้แก่แดดจะแย่” หญิงสาวบอกและเริ่มเห็นด้วยกับความคิดของเขา เดี๋ยวนี้โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว และเรื่องนี้ บรรณาธิการก็เคยเตือนเธอมาเหมือนกันว่าบทรักเด็กเกินไป

“คุณเคยอ่านนิยายรักๆ หวานๆ ของคนอื่นบ้างมั้ยครับ”

“อ่านค่ะ แต่อ่านไม่เยอะ ยิ่งมาเขียนนิยายรัก ดาวก็ลดการอ่านนิยายแนวที่ตัวเองเขียนไปพอสมควร เพราะไม่อยากติดภาพมาใช้ในนิยาย มีเพื่อนนักเขียนเขาแนะนำมาน่ะค่ะ”

“คุณเลยเลือกอ่านแต่แนวปรัชญาและแนวพัฒนาชีวิต” เขาออกความเห็น ในวันแรกที่เธอเข้ามาอยู่ เขาได้พูดคุยถึงความชอบ ความไม่ชอบไปบ้างแล้ว จึงรู้ว่าเธอชอบอ่านแนวอะไร

“ใช่ค่ะ เพราะดาวอยากใส่อะไรลงในนิยายของตัวเองบ้าง ถึงจะเป็นนิยายรักแต่ก็ได้ความรู้และสาระค่ะ”

“เป็นความคิดที่ดีครับ แต่อย่าลืมว่าคนที่ซื้อนิยายรักไปอ่าน เขาก็ต้องการอ่านอะไรที่มันคือความรัก อ่านแล้วจิกหมอน อ่านแล้วจินตนาการว่าตัวเองเป็นนางเอกที่พระเอกรักมากๆ เพราะฉะนั้นถ้าอยากเขียนนิยายรักให้ได้ผลตอบรับที่ดีก็ต้องมีบทเข้าพระเข้านางบ้าง คุณอย่าลืมว่าตอนนี้โลกเราเปลี่ยนไปแล้ว นิยายโลกสวยมองตาแล้วรักกัน แสดงออกแค่การจับมือมันไม่มีแล้วครับ”

“มันก็จริงค่ะ” ดารายอมรับ “พี่นักเขียนที่ดาวรู้จัก เมื่อก่อนเขาไม่เขียนบทรักแบบถึงเนื้อถึงตัวเลย แต่ตอนนี้กลับเขียน ทุกเรื่องต้องให้พระเอกถอดเสื้อ ให้พระนางจูบกัน ถึงขนาดนอนกอดกันยังมีเลยนะคะ”

“แล้วของคุณล่ะครับ”

“ก็ยังมองตาและจับมือกันเหมือนเดิม” เธอตอบยิ้มๆ และเริ่มเห็นข้อด้อยของตัวเอง
พี่ตุ๊กติ๊ก บรรณาธิการของเธอ เคยบอกแล้วว่านิยายของเธอเรียบเกินไป ตอนแรกเธอก็นึกค้านในใจ เพราะยังมีนักอ่านจำนวนมากชอบเรื่องที่เธอเขียน แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยก็หายๆ ไป พี่ตุ๊กติ๊กบอกว่าเพราะคนเหล่านั้นโตขึ้น เข้าใจโลกมากขึ้นจึงไม่ชอบอะไรที่มันเพ้อฝันและโลกสวยเกินไปแบบที่เธอเขียน

หากไม่มีการปรับเปลี่ยนบ้าง เธอคงยึดการเขียนเป็นอาชีพได้อีกไม่นานแน่ๆ

“ความจริงแล้วดาวก็อยากเขียนเหมือนพี่นักเขียนคนนั้นนะคะ ติดอยู่อย่างเดียว...” เธอพูดอ้ำอึ้ง

“อะไรครับ”

“ดาวเคยลองเขียนดู แต่พออ่านแล้วมันรู้สึกเขินๆ น่ะค่ะ และที่สำคัญคือ ดาวไม่รู้ว่าความรู้สึกที่ใส่ลงไปมันเป็นแบบที่เขียนหรือเปล่า”

“คุณเคยดูหนังดูละครและรู้สึกเขินไปกับนางเอกบ้างมั้ยครับ โดยเฉพาะแนวเรทเกินสิบแปดที่มีบทเข้าพระเข้านางกันเยอะๆ”

“ดาวไม่เคยดูหนังแบบนั้นค่ะ คือ...ดูแล้วมันจะเขินทุกที” เธอบอกอายๆ ขณะที่พศุตม์ยิ้ม เขาเดินมาใกล้แล้วโน้มลงมาหา

“ถ้าไม่เคยดูแล้วจะรู้ความรู้สึกได้ยังไงครับ เราจะเขียนเรื่องอะไร เราก็ต้องสร้างบรรยากาศและพาตัวเองเข้าไปอยู่ร่วมในฉากนั้นให้ได้ครับ ไม่งั้นต่อให้คุณเขียนเก่งแค่ไหน อ่านแล้วก็รู้สึกว่าหลอก”

“เหมือนที่คุณสร้างบรรยากาศของบ้านให้ทึบๆ มืดๆ ใช่ไหมคะ” เธอถาม

“ใช่ครับ”

“แต่ถ้าจะให้ดาวไปดูหนังติดเรทแบบนั้น คงไม่ไหวมั้งคะ” เธอแบ่งรับแบ่งสู้ ขณะที่พศุตม์โน้มใบหน้ามาใกล้เธอมากขึ้น หญิงสาวไม่ทันสังเกตเพราะมัวแต่กังวลเรื่องวิธีการเขียนนิยายของตัวเอง

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรู้ด้วยตัวเองครับ” เขาบอก ทำเอาดารางง แต่ยังไม่ทันถาม ครูหนุ่มร่างใหญ่ก็โฉบปากลงมาประกบกับปากของเธอโดยไม่ให้สัญญาณใดๆ ทั้งนั้น ทำเอาดาราลืมตาโตด้วยความตกใจ



.........................................


ตีแผีชีวิตนักเขียนกันเลยทีเดียว ดาราจะเป็นยังไงต่อนะ ต้องติดตามๆ อิอิ





Create Date : 29 มิถุนายน 2558
Last Update : 29 มิถุนายน 2558 20:11:09 น. 0 comments
Counter : 942 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นักเขียนสีเทา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]








ผลงานที่เว็บอีบุ๊กส์ :






. . . . . . . . . . . .


ผลงานทั้งหมดที่เว็บเมพ :



[Add นักเขียนสีเทา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com