นักเขียนนามปากกา "จันทร์ทอแสง" เขียนนิยายแนว 20+ ทั้งโลกสวยและโลกไม่สวย

 
สิงหาคม 2558
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
22 สิงหาคม 2558
 

[แผนรักกำมะลอ] 1 : เซลล์ขายรถ




ตอนที่ 1

เซลล์ขายรถ




หญิงสาวร่างสูงโปร่งผิวขาวเดินเข้ามาในโชว์รูมรถหรูแห่งหนึ่งด้วยสีหน้าประหม่า ผมยาวสลวยสีดำเป็นเงาถึงกลางหลังของเธอถูกมัดด้วยกิ๊ฟทรงยาวรี ทำให้ผมของเธอเป็นพุ่มโบกสะบัดเหมือนหางม้า ใบหน้าของเธอหวานหยดและเรียบเนียนหมดจดไร้ตำหนิ ดวงตาของเธอกลมโตเป็นสีน้ำตาลเข้มรับกับคิ้วโก่งได้รูป จมูกโด่งสวยเข้ากันดีกับริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ

ในมือของเธอถือซองสีน้ำตาลมาด้วย ด้านในคือข้อมูลส่วนตัวของเธอสำหรับใช้สมัครงาน

ใช่...เธอมาที่โชว์รูมแห่งนี้เพื่อสมัครงานไม่ใช่ซื้อรถคันใดคันหนึ่ง

นัทมนคือชื่อของสาวสวยไร้เครื่องสำอางแต่งเติม เธอเดินไปติดต่อประชาสัมพันธ์ก่อนนั่งกรอกข้อมูล เมื่อเรียบร้อยแล้วเธอก็นั่งรอที่หน้าห้องหนึ่ง ซึ่งติดป้ายว่าผู้จัดการสาขา

ไม่นานเธอก็ถูกเรียกตัวเข้าสัมภาษณ์

ในห้องทำงานไม่เล็กไม่ใหญ่ มีชายหนุ่มร่างสูงสง่านั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ใบหน้าของเขายิ้มแย้ม ช่วยลดอาการประหม่าของนัทมนไปได้มาก

“เคยทำงานโชว์รูมรถมาก่อน ทำไมถึงลาออกล่ะ” เจ้าของห้องเอ่ยถามเมื่อเงยหน้าจากฟอร์มที่ให้กรอก เขาชื่อกฤติพงศ์ หญิงสาวรู้จากป้ายที่ติดอยู่บนโต๊ะ

“หมดโปรน่ะค่ะ เขาจ้างแค่ช่วงมีงาน” เสียงใสหวานตอบ

“แล้วทำไมถึงมาสมัครงานที่นี่” เขาถามต่อ

“นัทเห็นประกาศที่ติดอยู่หน้าโชว์รูมค่ะ เลยลองเข้ามาสมัครดู อีกอย่าง บ้านนัทอยู่ถัดไปแค่สองซอยค่ะ เดินทางสะดวกใกล้บ้าน”

“ทำไมถึงเลือกเป็นโชว์รูมรถ คุณจบด้านสื่อสารมา เกรดก็โอเคด้วย ทำไมถึงไม่เลือกงานด้านที่เรียนจบมา”

“การแข่งขันค่อนข้างสูงค่ะ นัทเคยไปสมัครเป็นผู้ประกาศแล้ว ส่วนใหญ่เล่นเส้นกันทั้งนั้น นัทไม่ชอบอยู่ในสังคมแบบนั้นค่ะ”

“แล้วสังคมแบบนี้คุณอยู่ได้หรือ รถแต่ละคันราคาไม่ใช่น้อยๆ กว่าจะขายได้ กว่าจะได้ค่าคอม เหนื่อยนะคุณ” กฤติพงศ์ออกความเห็น

“นัทมั่นใจว่าตัวเองทำได้ค่ะ เพราะเคยทำมาก่อน หรือถ้าคุณกฤติพงศ์ยังไม่มั่นใจ จะให้นัททดลองงานสักเดือนก่อนก็ได้นะคะ”

“เรียกผมว่ากันต์ก็ได้ครับ” เขาบอกด้วยรอยยิ้มเหมือนเคย

“ประวัติของคุณน่าสนใจนะครับ และที่ทำงานเก่าของคุณก็พอจะทำให้ผมมั่นใจว่าคุณน่าจะทำงานที่นี่ได้” เขาบอกมาอีก ที่ทำงานเก่าของนัทมนคือโชว์รูมรถหรูนำเข้าที่แต่ละคันมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าสิบล้านบาทและเธอยังได้รับใบประกาศพนักงานฝึกหัดดีเด่นอีกด้วย

น่าแปลก...คนมีฝีมือแบบนี้ ทำไมถึงไม่จ้างต่อ

“ที่นี่เราทำงานกันแบบพี่น้อง อยู่กันแบบสบายๆ ไม่มีการชิงดีชิงเด่น และสิ่งที่ผมไม่ชอบที่สุดคือการไม่ซื่อสัตย์และพูดโกหก” กฤติพงศ์บอกเสียงขรึม “ผมอยากรับคุณ แต่ดูเหมือนว่าคุณมีบางอย่างปิดบังผมอยู่ บอกความจริงกับผมได้มั้ยว่าทำไมคุณถึงไม่ทำงานที่เดิม” เขาถามมาอีก และนั่นทำให้นัทมนถึงกับนิ่งอึ้ง

“อย่าอ้างว่าหมดโปร คุณมีใบประกาศรับรองแบบนี้ มีเหรอที่เขาจะไม่จ้างคุณต่อ ผมไม่ชอบคนโกหก และอยากให้คุณบอกเหตุผลกับผม ไม่ว่าจะเหตุผลอะไร ผมอยากรู้เพื่อประกอบการตัดสินใจ”

นัทมนเงียบไปนาน ความจริงเธอไม่อยากใส่ใบประกาศลงไปในใบสมัครงานเลย แต่เธอก็เลือกที่จะใส่ไปในนาทีสุดท้ายเพื่อให้เขาเห็นว่าเธอมีดีที่จะทำงานที่นี่ แต่ทุกอย่างย่อมมีข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือทำให้รู้ว่าเธอมีความสามารถ แต่ข้อเสียก็มีเหมือนกัน คือการสร้างความสงสัยให้เกิดขึ้น เธอทำงานดีขนาดนี้ ทำไมที่เดิมถึงไม่จ้างต่อ

“จริงๆ มันมีสาเหตุอื่นด้วยค่ะ” เธอตัดสินใจบอก

“ผมอยากรู้ ไม่ว่าเหตุผลมันจะอ่อนแค่ไหน ผมก็อยากให้คุณบอกความจริง”

“นัทมีปัญหากับภรรยาของผู้จัดการน่ะค่ะ คือ...เธอค่อนข้างขี้หึง นัทไม่อยากมีปัญหาเลยตัดสินใจลาออก พอดีกับที่เป็นช่วงหมดโปร นัทเลยไม่ทำต่อค่ะ”

“แล้วใบประกาศนี้ เกิดจากความสามารถของคุณจริงหรือเปล่า” เขาถามตรงๆ

“จริงค่ะ เพราะนัทกับผู้จัดการไม่ได้คิดอะไรแบบที่ภรรยาของเขาคิดเลย ผู้จัดการสาขาเป็นคนใจดีมาก เขาแค่เอ็นดูนัทที่ขยัน ตั้งใจทำงาน ลูกๆ เขาโตหมดแล้ว และเขาก็เห็นนัทเหมือนลูกของเขาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีอะไรเกินเลยกว่านั้นจริงๆ ค่ะ” เธอย้ำหนักแน่น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องนิ่งไม่มีการหลบหรือกรอกตาไปมา

“ผมเชื่อคุณ” เขาบอก และนั่นก็ทำให้สีหน้าของนัทมนผ่อนคลายขึ้น “และขอให้คุณมั่นใจว่าที่นี่ไม่มีเหตุการณ์แบบนั้น”

“คะ หมายความว่า...” เธอพูดแบบงงๆ

“ผมตกลงจ้างคุณทำงานที่นี่ แต่คุณจะต้องทดลองงานก่อนเป็นเวลาสองเดือน ผมมีเงินเดือนให้คุณและถ้าผ่านโปร ผมจะอัพเงินเดือนและค่าคอมมิชชั่นให้”

“ขอบคุณคุณกันต์มากค่ะ นัทจะทำให้เต็มที่ค่ะ” เธอบอกกับเขาด้วยน้ำเสียงและสีหน้ามุ่งมั่น




นัทมนทำงานที่โชว์รูมรถหรูของกฤติพงศ์มาครบอาทิตย์แล้ว หญิงสาวมาทำงานด้วยความสุข เธอเข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ดีและตั้งใจเรียนรู้งานเป็นที่พอใจของมุกดา ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงคอยแนะนำระบบระเบียบต่างๆ ให้กับเธอ

โชว์รูมแห่งนี้ นอกจากจะขายรถแล้ว ยังมีบริการซ่อมและเปลี่ยนอะไหล่แบบครบวงจรอีกด้วย เพราะรถหรูนำเข้าแบบนี้ ไม่ใช่ว่าจะซ่อมตามร้านทั่วไปได้ ทำให้เธอต้องเรียนรู้งานอื่นเพิ่มเติมด้วย

ช่างอาทิตย์แรก หมดไปกับการศึกษาขั้นตอนและระบบระเบียบต่างๆ รวมถึงแผนกที่เธอต้องเกี่ยวข้อง เพราะพนักงานที่นี่ นอกจากจะทำงานที่ตนรับผิดชอบแล้ว จะต้องทำหน้าที่เป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ได้ด้วย

เมื่อเริ่มเข้าอาทิตย์ที่สอง นัทมนก็เริ่มเรียนรู้งานที่ตนต้องรับผิดชอบ คือการเป็นพนักงานส่งเสริมการขายหรือเรียกง่ายๆ คือเซลล์ขายรถนั่นเอง และแม้เธอจะคลุกคลีกับวงการรถหรูมาพอสมควรแต่กับยี่ห้อนี้ เธอเพิ่งจะจับเป็นครั้งแรก จึงต้องเรียนรู้ให้เข้าใจเป็นพิเศษ

ด้านนอกของโชว์รูม รถยนต์คันหนึ่งแล่นมาจอดยังลานด้านข้าง ก่อนคนขับ ซึ่งเป็นชายหนุ่มร่างสูงสมส่วนใบหน้าหล่อเหลาบาดใจจะลงจากรถ เขาเดินขึ้นบันไดตรงไปยังประตูกระจกบานใหญ่แล้วยิ้มทักทายประชาสัมพันธ์สาวสวยตรงเคาน์เตอร์

“ไม่เจอกันนานยังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ” เขาเอ่ยเสียหวานกับปวีณา ประชาสัมพันธ์วัยเกือบสามสิบแต่ใบหน้ายังอ่อนเยาว์เหมือนคนอายุต้นยี่สิบ

“คุณเพชรก็ยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะคะ หายไปนานขนาดนี้ พี่คิดว่าคุณจะลืมทางเข้าของที่นี่แล้วซะอีก” เธอชมกลับ

“ลืมใครก็ลืมได้ครับ แต่คงลืมพี่ณาไม่ได้หรอกครับ” เขายังปากหวานไม่เลิก

“แอ้ม...แอ้ม” เสียงกระแอมอย่างตั้งใจทำดังขึ้นด้านหลัง พัชฏะหันไปมองและเห็นเพื่อนสนิทของเขายืนอยู่

“สวัสดีครับคุณกันต์ ไม่เจอกันนานเลยนะครับ คิดว่าถูกย้ายไปอยู่สาขาอื่นแล้วซะอีก” เขาทักทาย

“ถ้าคุณลืมหรือจำไม่ได้ ผมก็จะย้ำอีกครั้งว่าตอนนี้เรามีแค่สาขาเดียวครับ” กฤติพงศ์ค้อมศีรษะให้เพื่อน “และคงไม่มีใครมาย้ายผมได้ เพราะผมเป็นเจ้าของที่นี่ครับ”

“ครับผม คุณกำลังอวดว่าคุณรวยใช่ไหมครับ แต่ก็ต้องรวยอยู่แล้ว เจ้าของบริษัทนำเข้ารถหรูรายเดียวของประเทศไทยนี่น่า” พัชฏะว่าแล้วพยักหน้าขึ้นลง

“แต่คงรวยสู้ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลธนาวันต์ไม่ได้หรอกครับ มีทั้งตลาด อาคารพาณิชย์ แถมยังเป็นเจ้าของหมู่บ้านหรูนับสิบอีก ต่อให้คุณไม่ทำงาน ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ จนแก่ก็คงใช้ไม่หมดหรอกครับ”

“นี่นายหลอกด่าฉันทางอ้อมใช่ไหม” พัชฏะหรี่ตามอง

“ร้อนตัว” เจ้าของโชว์รูมรถโบกมือ “แล้วนี่นายมีอะไร ถึงแวะมาที่นี่ได้” เขาถามเป็นการเป็นงานมากขึ้น

“คิดถึงพนักงานสวยๆ ของที่นี่เลยแวะมาหาไม่ได้หรือไง”

“คิดว่าจะมีใครเชื่อนายมั้ย” กฤติพงศ์ถามแล้วหันไปเลิกคิ้วใส่ปวีณา ซึ่งฝ่ายนั้นก็ยิ้มแห้งแล้วส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนรีบเปลี่ยนเป็นพยักหน้าเร็วๆ เมื่อพัชฏะหันไปมอง

“พี่ก็คิดถึงคุณเพชรเหมือนกันค่ะ คุณเพชรมาทีไรก็เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้เกิดขึ้น พี่ชอบค่ะ” ปวีณาบอก

“พี่ณาพูดแบบนี้ แสดงว่าอยู่กับไอ้กันต์เจอแต่เรื่องเครียดๆ ใช่ไหมครับ” เขาถาม ทำเอาประชาสัมพันธ์สาวสวยรีบโบกมือ

“ไม่ใช่ค่ะ พี่ไม่ได้หมายความแบบนั้น แหม! คุณเพชรเนี่ย ทำไมพูดแบบนี้ล่ะคะ หาเรื่องให้พี่อีกแล้ว” เธอพูดกระเง้ากระงอด ขณะที่พัชฏะหัวเราะ

“แล้วนี่จะบอกได้หรือยังว่ามีธุระอะไร จะชวนฉันไปเที่ยวไหน” กฤติพงศ์ถาม

“เปล่า” เพื่อนตอบ “เพิ่งเห็นข่าวเรื่องรถรุ่นใหม่ ไม่แน่ใจว่านายเอาเข้ามาหรือยัง ฉันอยากดูสักหน่อย” ชายหนุ่มพูดเข้าเรื่อง

“ที่แท้ก็อยากลองรถใหม่” เจ้าของโชว์รูมพยักหน้าอย่างเข้าใจ “นายนี่มันรวดเร็วทันใจจริงๆ นะ รถตัวอย่างเพิ่งมาเมื่อสองสามวันก่อนนี่เอง ถ้าอยากได้ต้องสั่งล่วงหน้าประมาณหนึ่งเดือนถึงจะได้”

“ฉันอยากดู อยากลองขับ พาฉันไปดูหน่อย” พัชฏะพูดอย่างกระตือรือร้น

“มาสิ ทางนี้” กฤติพงศ์บอกแล้วนำเดินเพื่อนไปยังรถหรูทรงสปอร์ตสีดำเป็นเงาที่จอดอยู่กลางโถง

ที่รถคันนั้น มุกดากำลังฟังการแนะนำของนัทมนด้วยสีหน้าตั้งใจ เธอพยักหน้าไปด้วยขณะที่ฟัง สีหน้าของเธอแสดงถึงความพอใจ

“ดีมากนัท เธอเป็นเด็กที่เรียนรู้เร็วมาก” พี่เลี้ยงเอ่ยชมเมื่อสิ้นสุดการแนะนำแผงวงจรหน้ารถ

“เดี๋ยวผมจัดการตรงนี้ต่อเองครับ” กฤติพงศ์บอกลูกน้อง มุกดาพยักหน้ารับและหันไปทักทายพัชฏะ

“สวัสดีค่ะคุณเพชร ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”

“คิดถึงผมล่ะสิ” ชายหนุ่มถาม

“คิดถึงค่ะ อยากจะขายรถให้คุณเพชรสักคันสองคัน” หญิงสาวตอบ

“อย่าถึงสองคันเลยครับ คันเดียวผมก็ไม่มีปัญญาจะซื้อแล้ว”

“ถ้าระดับคุณเพชรไม่มีปัญญา รถของที่นี่ก็คงขายให้ใครไม่ได้แล้วล่ะคะ” เธอบอก
“เดี๋ยวให้น้องเขาแนะนำรถรุ่นใหม่นะคะ รับรองว่าคุณเพชรต้องชอบค่ะ”

“รถหรือคนล่ะครับ” เขาถามแล้วเหลือบมองหญิงสาวร่างโปร่งใบหน้าหวานที่เขาไม่รู้จักด้วยท่าทางยิ้มๆ

มุกดาไม่ตอบแต่หันไปยิ้มแบบอ่อนใจให้นัทมนก่อนขอตัวแยกออกมา ขณะที่นัทมนก็ยิ้มให้อาการขี้หลีของคนร่างสูงแบบไม่ถือสา เธอชินเสียแล้วกับอาการเหล่านี้ของผู้ชายทั้งหลายและเลือกที่จะมองข้ามไป

“เดี๋ยวให้นัทแนะนำรถรุ่นนี้ให้นายฟังแล้วกัน ถือว่าเป็นการฝึกเด็กไปในตัว นัทเพิ่งเข้ามาทำงานและกำลังฝึกให้ข้อมูลกับลูกค้าอยู่”

“ได้ ฉันเต็มใจ” ชายหนุ่มบอก

“นี่เพื่อนผมเอง ชื่อเพชร เขาสนใจรถรุ่นนี้อยู่ ยังไงคุณแนะนำเขาได้ตามสบายเลยนะ ถือเป็นการฝึกไปในตัว”

“ค่ะ” หญิงสาวรับคำ

“ขอฉันถ่ายรูปก่อนได้มั้ยกันต์ รถคันนี้สวยจริงๆ” พัชฏะบอก โดยเน้นคำท้ายเกินความจำเป็นและขณะที่พูดเขาก็เหลือบมองพนักงานขายของกฤติพงศ์ไปด้วย

“เอาสิ ตามสบาย” เจ้าของโชว์รูมไม่ขัดก่อนถอยตัวออกมา ส่วนพัชฏะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วจัดการเก็บภาพรถหรูแสนสวยในมุมต่างๆ โดยขอให้นัทมนยืนคู่กับรถด้วย เพื่อไม่ให้ภาพโล่งเกินไปซึ่งหญิงสาวก็เต็มใจ

หลังจากเก็บภาพจนเป็นที่พอใจแล้ว พัชฏะก็สวมบทบาทเป็นลูกค้าของนัทมน ฟังการขายของเธอด้วยท่าทางสนอกสนใจแบบเกินเหตุ เขาพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและถามคำถามที่สงสัย ซึ่งก็ได้รับคำตอบฉะฉานและมั่นใจ บ่งบอกว่าเธอเตรียมข้อมูลมาดี เสียงหวานๆ ใบหน้ายิ้มแย้มของเธอ ทำให้ลูกค้าหนุ่มหลงใหลได้ไม่ยาก

กฤติพงศ์มองเพื่อนสวมบทลูกค้าแล้วส่ายหน้าแบบยิ้มขำก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเก็บภาพของเพื่อนไว้ เขารู้ว่าเพื่อนคงอยากได้ภาพเหล่านี้เก็บไว้เป็นที่ระลึกแน่ๆ เพราะมันเต็มไปด้วยความสนิทสนม อย่างกับคนรู้จักกันมาหลายปีอย่างไรอย่างนั้น เมื่อเรียบร้อยเขาก็ปลีกตัวออกไปทำงานอื่นต่อ


ประตูฝั่งคนขับเปิดกว้างออก โดยมีนัทมนยืนอยู่ด้านใน และพัชฏะยืนอยู่ด้านนอก เธอกำลังแนะนำแผงควบคุมตรงประตูฝั่งคนขับที่อัดแน่นไปด้วยความสะดวกสบาย มือข้างหนึ่งของพัชฏะวางพาดตรงขอบประตูด้านบน ซึ่งเท่ากับว่าเขาปิดทางออกของเธอไว้ หญิงสาวสังเกตเห็นแล้วแต่พยายามจะไม่ใส่ใจและทำหน้าที่ของตัวเองไป กระทั่งจบการแนะนำ เขาก็ยังไม่ยอมลดมือลง

“ตรงนี้เรียบร้อยแล้วค่ะ” หญิงสาวบอก

“ยังครับ”

“คุณเพชรสงสัยตรงไหนคะ” เธอถาม

“ตรงนั้น” เขาตอบแล้วโน้มใบหน้าลงต่ำ โชคดีที่นัทมนเตรียมพร้อมรับสถานการณ์อยู่แล้ว ทำให้เธอเบี่ยงใบหน้าหลบได้ทัน แต่ก็ยังทำให้จมูกโด่งของเขาเฉียดแก้มเนียนของเธอ “ผมอยากให้คุณอธิบายแผงควบคุมของพวงมาลัยอีกครั้ง เมื่อกี้ผมฟังไม่ทัน”

“ปุ่มไหนคะที่คุณไม่เข้าใจ” เธอถามและพยายามไม่ใส่ใจอาการลุ่มล่ามของเขา

“ทั้งหมด ผมอยากฟังอีกครั้ง ได้มั้ยครับ” เขาบอก

“ไม่มีปัญหาค่ะ คุณจะลองนั่งดูมั้ยคะ เผื่อจะได้ดูว่าชินมือหรือเปล่า”

“ความคิดดีครับ” เขาเห็นด้วย ก่อนคว้าเอวคอดของเธอไว้แล้วขยับตัวไปนั่งบนเบาะหลังพวงมาลัย มือของเขาจับที่เอวของเธอไม่ปล่อย ทำให้ร่างบางของนัทมนต้องตามลงไปนั่งบนตักของเขาด้วย

“คุณเพชร!” เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวแสดงอาการตกใจ เสียงของเธอเคร่งแสดงความไม่พอใจ มือก็พยายามแกะมือของเขาออก ขณะที่พัชฏะหัวเราะเบาๆ

“คุณก็ตกใจเป็นเหมือนกันนี่ ผมคิดว่าคุณจะไม่มีความรู้สึกเสียอีก” เขากระซิบข้างหู

“คุณรู้มั้ยว่าเวลาคุณตกใจ คุณดูดีกว่าปกติเป็นหลายเท่าเลย และผมชอบเห็นดวงตาโตๆ ของคุณเวลาตกใจ”

“ปล่อยฉันค่ะ” เธอบอกแล้วผลักมือเขาออกก่อนยืนขึ้น

“จะไม่ขอบคุณผมหน่อยหรือครับ”

“ขอบคุณ?” นัทมนแปลกใจ
“ขอบคุณที่ผมรับคุณไว้ไงครับ ถ้าผมไม่ดึงคุณไว้ คุณคงล้มไปแล้ว”

“คุณขยับตัวโดยไม่บอกฉันนะคะ” เธอกล่าวโทษ

“ผมช่วยคุณ” เขายังยืนยัน
“ก็ได้ค่ะ คุณช่วยฉัน ขอบคุณนะคะ ถ้าคุณไม่ช่วย ฉันคงล้มไปกองกับพื้นและคงเจ็บตัว” เธอยอมรับเพื่อตัดปัญหา และนั่นก็ทำให้พัชฏะพอใจ

“ผมเชื่อว่าคุณจะเป็นพนักงานขายที่ดีต่อไปในอนาคต คุณควบคุมอารมณ์ได้ดีมาก” เขาเอ่ยชมก่อนลุกขึ้นยืน รวดเร็วเกินกว่าที่นัทมนจะหลบทันอีกแล้ว และครั้งนี้ใบหน้าของเขาก็เฉียดใบหน้าหวานไปนิดเดียว

“ที่ผมทำทั้งหมดก็เพื่อฝึกคุณและดูว่าคุณจะแก้ไขสถานการณ์ยังไง ถ้ามีคนสนใจอย่างอื่นมากกว่ารถ” พัชฏะบอกและไม่ได้ขยายความถึง “อย่างอื่น” ที่ว่าคืออะไร เพราะเชื่อว่าเธอคงรู้

“ค่ะ ทั้งหมดคือการฝึกฉัน ไม่ใช่ตัวตนของคุณเลย” หญิงสาวก้มศีรษะรับและทวนประโยคของเขา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการย้ำกับตัวเองเพื่อระงับความโกรธเสียมากกว่า ขณะที่พัชฏะยิ้มรับก่อนหันไปสนใจส่วนอื่นๆ ของตัวรถอีกครั้ง



...........................................


ตอนนี้แผนรักกำมะลอ มีให้อ่านในรูปแบบอีบุ๊กนะคะ โดยได้จัดเป็นเช็ตคู่กับอีกเรื่องคือ "แผนรักเสน่ห์ร้าย" สามารถติดตามได้ที่เมพค่ะ


 




โหลด -->> SET แผนรัก





Create Date : 22 สิงหาคม 2558
Last Update : 22 สิงหาคม 2558 13:20:14 น. 0 comments
Counter : 1029 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นักเขียนสีเทา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]








ผลงานที่เว็บอีบุ๊กส์ :






. . . . . . . . . . . .


ผลงานทั้งหมดที่เว็บเมพ :



[Add นักเขียนสีเทา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com