นักเขียนนามปากกา "จันทร์ทอแสง" เขียนนิยายแนว 20+ ทั้งโลกสวยและโลกไม่สวย

 
กันยายน 2560
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
20 กันยายน 2560
 

เ พ ช ร ใ น เ ง า # 2



ตอนที่ 2


อาการของวัชระเริ่มทรุดหนักเรื่อย ๆ จนไม่สามารถทำคีโมบำบัดได้เพราะร่างกายอ่อนแอเกินไป อัญพัชร์หยุดเรียนชั่วคราวมาเฝ้าบิดา โดยมีปณิตาคอยช่วยจดงานให้

“หนูไม่ไปเรียนหลายวันแล้วนะ” วัชระทักลูกสาว

“ไอซ์อยากดูแลคุณพ่อมากกว่าค่ะ” เธอบอก

“แล้วแบบนี้หนูจะเรียนทันเพื่อนได้ยังไงล่ะ” เขาถามเสียงอ่อนและมีสีหน้าไม่เห็นด้วย

“ปูจะช่วยจดงานมาให้ค่ะ คุณพ่อไม่ต้องห่วง”

“จดมาให้ยังไงก็ไม่เหมือนไปเรียนเอง ไม่เข้าใจตรงไหน ก็ตามอาจารย์ได้เลย พรุ่งนี้หนูต้องไปเรียนนะ ห้ามขาดอีก”

“แต่ไอซ์อยากดูแลคุณพ่อนี่คะ” เธอเอ่ยเสียงเครือแล้วกุมมือบิดาไว้ “คุณพ่อต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะคะ ต้องอยู่กับไอซ์นาน ๆ นะคะ”

“เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์” บิดาบอกเสียงอ่อน ทำเอาอัญพัชร์น้ำตารื้น เธอกลั้นสะอื้นจนตัวสั่น วัชระเอื้อมมือไปจับแก้มลูกสาวอย่างแสนรัก

“ตอนนี้สิ่งที่พ่อเป็นห่วงที่สุดก็คือหนู แต่พ่อก็รู้ว่าหนูแข็งแรงและเป็นผู้ใหญ่กว่าที่พ่อคิดไว้ สิ่งที่พ่อเสียดายในตอนนี้ก็คือจะไม่ได้ไปงานรับปริญญาโทของหนูแล้ว”

“คุณพ่อขา คุณพ่ออย่าพูดแบบนี้สิคะ ถ้าคุณพ่อเป็นอะไรไปแล้วไอซ์จะอยู่ยังไง คุณพ่อต้องแข็งแรงและอยู่กับไอซ์ไปนาน ๆ นะคะ แล้วบริษัทอีก ไอซ์ยังไม่เก่งถึงขนาดดูแลคนทั้งบริษัทได้หรอกนะคะ คุณพ่อต้องสอนไอซ์ก่อนนะคะ” เธอบอกเสียงสะอื้น วัชระยิ้มอ่อน

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกลูก เดี๋ยวจะมีคนจัดการให้หนูเอง”

“คะ จัดการ? ใครคะ?”

“อาภัทจะเข้ามาดูแลให้เอง พ่อขอร้องให้อาภัทช่วยซื้อหุ้นของเราไว้ และเขาก็สัญญาแล้วว่าจะดูแลกิจการทั้งหมดให้เรา หนูคงไม่โกรธพ่อใช่ไหมที่พ่อทำแบบนั้น”

“ซื้อหุ้น” หญิงสาวทวนด้วยน้ำเสียงงง ๆ “หมายถึงขายบริษัทหรือเปล่าคะ” เธอถาม

“ใช่ ถ้าพูดในแบบง่าย ๆ ก็ถือการขายบริษัทให้เขานั่นแหละ หนูไม่โกรธพ่อใช่ไหม ที่พ่อตัดสินใจแบบนั้น”

“ทำไมคะ?” เธอยังงงและจับต้นชนปลายไม่ถูก ข่าวใหม่ที่เพิ่งรู้ ทำให้เธอมึนพอสมควร เพราะบิดาไม่เคยส่งสัญญาณเรื่องนี้เลย และเท่าที่รู้ บริษัทก็ไม่ได้มีปัญหาถึงขั้นต้องขายหุ้น

“เพราะพ่อไม่อยากให้บริษัทที่สร้างมาต้องตกเป็นไปของคนอื่น ไม่ใช่ว่าพ่อไม่เชื่อมือหนู พ่อรู้ว่าหนูต้องบริหารงานได้ดีมากแน่ ๆ แต่หนูยังไม่มีประสบการณ์ เกิดตัดสินใจผิดพลาดไป ผลเสียก็จะเกิด พ่อเลยขอร้องอาภัทให้ช่วย พ่อไว้ใจเขาและเชื่อว่าเขาจะไม่ขายบริษัทของเราไปให้ใคร และเขาก็บอกแล้วว่าทุกอย่างจะให้หนูเป็นคนตัดสินใจร่วมด้วย อาภัทและครอบครัวของเขาเป็นคนดี พ่อเลยไว้ใจ และอยากให้หนูไว้ใจเขาด้วย”

“ไอซ์ไว้ใจอาภัทค่ะ” หญิงสาวบอก เธอรู้จักธีรภัทรและภรรยาดี ทั้งสองเป็นผู้ใหญ่ใจดีที่น่านับถือ ทำธุรกิจด้วยมือที่ใสสะอาด ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย และยังจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ ทั้งสองครอบครัวก็เคยไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน ก่อนงานจะเริ่มรัดตัวจนไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันอีก แต่ก็ยังคงพบปะติดต่อกันเรื่อยมา

ที่บิดาบอกก็มีส่วนถูก เธอยังเด็กนักในแวดวงธุรกิจ และตอนนี้การแข่งขันก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ คนอ่อนแอกว่าย่อมเสียเปรียบ และเธอคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต หากบริษัทที่บุพการีสร้างขึ้นต้องมาล้มละลายด้วยมือของเธอเอง หากมีคนเข้ามาช่วยก็ถือเป็นเรื่องดี ยิ่งถ้าคนคนนั้นคือครอบครัวของธีรภัทร เธอก็อุ่นใจ

“หนูไม่โกรธพ่อนะ” วัชระถามอีก

“ไม่ค่ะ คุณพ่อตัดสินใจถูกแล้ว ไอซ์เห็นด้วยค่ะ” เธอตอบ ทำให้บิดายิ้ม

“พ่อบอกคุณเกียรติศักดิ์เรื่องการซื้อหุ้นไปแล้ว พรุ่งนี้เขาคงทำเอกสารเสร็จ และพ่อมีอะไรจะให้หนูด้วย อยู่ในลิ้นชักนั่น” เขาบอกแล้วมองไปที่โต๊ะข้างเตียง อัญพัชร์เอื้อมมือไปเปิดและเห็นซองสีน้ำตาลถูกปิดผนึกแน่นหนา เธอจับดูและเหมือนมีแผ่นซีดีหรือสมุดอยู่ด้านใน

“อะไรหรือคะ” เธอถาม

“เป็นคำสั่งเสียของพ่อ และอยากขอให้หนูทำตามด้วย เปิดมันวันที่หนูเรียนจบนะ”

“คุณพ่อ” เธอเสียงสั่นอีกครั้ง แม้จะรู้ว่าทุกชีวิตหนีไม่พ้นความตาย แต่เธอก็ยากที่จะทำใจยอมรับ

“รับปากพ่อว่าจะเปิดมันวันที่เรียนจบและจะทำตามที่พ่อขอ” เขาเอ่ย

“ค่ะ ไอซ์รับปาก” เธอตอบ คำสั่งเสียของบิดา คงหนีไม่พ้นการบอกให้เธอทำใจและมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่ก็คงเป็นคำขอร้องให้เธอทำงานที่บริษัทร่วมกับธีรภัทรและห้ามทิ้งธุรกิจของครอบครัวไป แม้ในตอนนั้นมันจะตกเป็นของคนอื่นแล้วก็ตาม

“ดีมาก แค่นี้พ่อก็หมดห่วงทุกอย่าง หมดห่วงแล้วจริง ๆ” วัชระเอ่ยด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย เขาผ่อนลมหายใจยาวแล้วหลับตาด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข ขณะที่อัญพัชร์กลั้นเสียงสะอื้นไว้

“คุณพ่อนอนพักนะคะ เดี๋ยวไอซ์จะนั่งเป็นเพื่อน” เธอบอกพร้อมปรับเตียงให้เอนลงก่อนเดินมานั่งข้างเตียงและจับมือบิดาไว้


................................



หลังจัดการเรื่องการโอนหุ้นเรียบร้อยแล้ว วัชระก็ตัดสินใจไม่ขอทำคีโมเพราะรู้ว่ารักษาไปอาการก็ไม่ดีขึ้น อาการของเขาทรุดลงอย่างรวดเร็วก่อนจากไปอย่างสงบด้วยใบหน้าคลายกังวล เขายิ้มให้ลูกและจับมือเธอไว้ตลอด อัญพัชร์ร้องไห้จนไม่มีน้ำตา แม้จะเตรียมใจมาแล้วแต่เธอก็ใจหายเมื่อวาระสุดท้ายของบิดามาถึง และเธอสัญญาว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อซื้อหุ้นบริษัทกลับคืนมา

ในงานศพของวัชระมีพนักงานมาช่วยงานกันอย่างแข็งขัน มิตรสหายร่วมธุรกิจต่างเดินทางมาร่วมแสดงความอาลัยเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมให้กำลังใจอัญพัชร์ว่าเธอต้องเข้มแข็งให้ได้ โดยตลอดทั้งงานมีเพื่อนสนิทคอยปลอบใจไม่หายกาย และยังมีธีรภัทรกับภรรยามาช่วยงานอีกด้วย

“ทำใจให้สบายนะไอซ์ คุณอาจะได้หมดห่วง” ปณิตาปลอบพร้อมลูบต้นแขนเพื่อนไปด้วย อัญพัชร์ซับน้ำตาแล้วยิ้มให้เพื่อน

“ขอบใจเธอมากเลยนะ อยู่เป็นเพื่อนฉันทั้งกลางวันกลางคืนเลย”

“ไม่เป็นไร” เพื่อนบอก “เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่กับพี่ปุณก็คงมาถึง ถ้ามีอะไรจะให้ฉันช่วยก็บอกได้เลยนะ”

“จ้ะ ขอบใจมาก”

“ฉันเห็นคุณอาภัทมาช่วยงานทุกวันเลย เขาเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของพ่อเธอใช่ไหม” ทิพย์เกสรถาม เธอมาอยู่เป็นเพื่อนอัญพัชร์หลังเลิกงานและอยู่ช่วยงานจนแขกกลับ

“ใช่ เป็นเพื่อนสนิทและเป็นคนที่คุณพ่อไว้ใจมากที่สุด และต่อไป เขาก็จะเป็นเจ้าของบริษัทแทนคุณพ่อด้วย” หญิงสาวบอกน้ำเสียงเรื่อย ๆ ไม่มีแววโกรธ ไม่มีแววประชดหรือไม่พอใจ เหมือนเป็นการบอกเล่าชีวิตประจำวันทั่วไป แต่เพื่อนทั้งสองถึงกับตกใจ

“อะไรนะ เจ้าของบริษัท?” สองสาวอุทานถามพร้อมกัน

“ยังไงกัน หมายความว่ายังไง” ปณิตาถาม

“ตอนนี้คุณพ่อขายหุ้นทั้งหมดให้อาภัทไปแล้ว บริษัทที่คุณพ่อสร้างมาเปลี่ยนมือไปแล้วล่ะ” อัญพัชร์บอกเสียงสั่น ๆ ในช่วงท้าย ดวงตาหวานแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง “ฉันไม่โทษคุณพ่อที่ตัดสินใจอย่างนี้และฉันเห็นด้วยกับท่านทุกอย่าง และคิดว่าดีเสียอีกที่อาภัทยอมซื้อหุ้นไว้ แต่อีกใจก็อดใจหายไม่ได้”

“ทำไมล่ะ” ทิพย์เกสรถามเสียงเกรงใจแบบอยากรู้

“บริษัทใหญ่ขนาดนั้น ฉันรับผิดชอบคนเดียวไม่ไหวหรอก ฉันยังเรียนไม่จบ ประสบการณ์ก็ไม่มี และสักวันมันก็คงถูกเปลี่ยนมือ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง คุณพ่อก็อยากเป็นคนตัดสินเองว่าจะให้อยู่ในมือของใคร และท่านก็เชื่อใจอาภัท และฉันก็มั่นใจอาภัทเหมือนกัน”

“เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหมไอซ์” ปณิตายังเป็นห่วง อัญพัชร์ฝืนยิ้มทั้งน้ำตาให้เพื่อน

“ฉันทำใจได้แล้วล่ะและพยายามจะเข้มแข็งให้มากที่สุด แต่บางครั้งมันยากนะเมื่อคิดว่าต่อไป ฉันต้องอยู่คนเดียวแล้ว ฉันจะอ่อนแอไม่ได้อีกแล้ว” เธอพูดพลางสะอื้น ปณิตากับทิพย์เกสรบีบไหล่เพื่อนแน่น

“พวกเราอยู่ข้าง ๆ เธอนะไอซ์ มีอะไรก็บอกได้นะ ครอบครัวของฉันยินดีช่วยเหลือเธอเต็มที่” ปณิตาบอก

“ขอบใจนะ ขอบใจเธอสองคนมาก ขอแค่เรายังเป็นเพื่อนกันแบบนี้ ฉันก็ดีใจแล้ว และไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว”

“พวกเราไม่มีวันทิ้งเธอเด็ดขาด” ทิพย์เกสรให้คำมั่น


........................................



การสวดอภิธรรมในคืนนี้มีแขกมาร่วมงานเยอะกว่าทุกวัน เพราะครอบครัวของปณิตาเป็นเจ้าภาพ เธอนั่งข้างอัญพัชร์และคอยพูดปลอบตลอด ทำให้อัญพัชร์มีกำลังใจมากขึ้นและนอกจากปณิตาจะเป็นห่วงเพื่อนสนิทแล้ว พี่ชายของเธอก็ยังเป็นอีกคนที่ห่วงอัญพัชร์ไม่แพ้กัน

ปฏิภาณคือชื่อของชายหนุ่มร่างสูงสง่าในชุดสูทสีเข้ม เขาเป็นพี่ชายคนเดียวของปณิตาที่มีอายุมากกว่าน้องสาววถึงเจ็ดปี และยังเป็นกำลังหลักของตระกูลจารุนิภา เจ้าของบริษัทนำเข้าเครื่องกีฬารายใหญ่ เขายังเป็นนักธุรกิจแถวหน้าที่สื่อสังคมให้ความสนใจมากคนหนึ่ง จากรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาพอจะเป็นพระเอกละครได้สบาย ๆ รูปร่างของเขาสูงโปร่ง ผิวขาว นัยน์ตาของเขาเป็นสีดำสนิท จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักลึก ใบหน้าของเขาดูเป็นมิตร จริงใจ ไม่แปลกที่สาว ๆ จะมองแล้วพากันเหลียวหลัง

“ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วย ไอซ์บอกพี่ได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ” ปฏิภาณเอ่ย น้ำเสียงของเขาทอดนุ่มเต็มไปด้วยความห่วงใย ดวงตาคมเข้มมองเธอด้วยความสงสารแกมเห็นใจ อัญพัชร์ยิ้มรับ

“ขอบคุณพี่ปุณมากค่ะ ครอบครัวพี่ปุณดีกับไอซ์ทุกคนเลย” เธอบอก

“พี่เป็นห่วงไอซ์และอยากให้ไอซ์เข้มแข็งเร็ว ๆ”

“ไอซ์จะพยายามค่ะ พี่ปุณมาช่วยงานไอซ์แทบทุกคืนเลย อย่าลืมพักผ่อนนะคะ ไหนจะงานที่บริษัท ไหนจะงานที่นี่อีก” เธอเป็นห่วง

“ไอซ์ก็อย่าลืมพักผ่อนเหมือนกันนะครับ เดี๋ยวจะล้มป่วยเอาได้” เขาเอ่ยและมองเธออย่างอ่อนโยน นัยน์ตาของเขาบอกชัดถึงความรู้สึกที่มีแต่เพื่อนสนิทของน้องสาว
มันเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและอาทร

ไม่ใช่ความรักแบบพี่ชายให้น้องสาว แต่เป็นความรักของชายหนุ่มที่มีให้หญิงสาว
ความรู้สึกนี้ อัญพัชร์พอจะเดาออกและรับรู้มานานแล้ว แต่น่าเสียดายที่เธอไม่ได้คิดกับเขาแบบที่เขาคิดกับเธอ สิ่งที่เธอให้ได้คือสถานะของพี่ชายที่ปรารถนาดีต่อกันเท่านั้น

“ขอบคุณพี่ปุณมากค่ะ” เธอก้มศีรษะรับความหวังดี ปฏิภาณจ้องใบหน้าหวานนิ่ง เขาขยับเข้าใกล้เธอ ใจอยากจะดึงร่างบางมาสวมกอดเพื่อปลอบโยน แต่ก็รู้ว่าไม่เหมาะสม เขาจึงเอื้อมมือไปจะกุมมือเธอไว้ แต่หญิงสาวขยับตัวถอยไปครึ่งก้าวและเอามือไพล่หลัง ทำเอาปฏิภาณเก้อเล็กน้อยจึงเปลี่ยนเป็นวางมือบนไหล่ของเธอแล้วบีบเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ อัญพัชร์ยกมือไหว้เขา

“ขอบคุณพี่ปุณมากค่ะ เดี๋ยวไอซ์ขอตัวไปคุยกับอาภัทก่อนนะคะ” หญิงสาวเอ่ยแล้วปลีกตัวออกไป โดยมีสายตาของปฏิภาณมองตามด้วยความเสียดาย

“พี่ปุณ” เสียงของน้องสาวเรียกไว้ ก่อนปณิตาจะเดินเข้าใกล้

“ไอซ์ไม่รู้สึกอะไรกับพี่เลยหรือปู” พี่ชายถามเสียงเศร้า

“อย่าเพิ่งเร่งสิคะ ตอนนี้ไอซ์กำลังเสียใจอยู่” น้องสาวให้กำลังใจ

“เพราะไอซ์กำลังเสียใจอยู่ยังไงล่ะ พี่ถึงอยากปลอบเธอ แต่ดูเหมือนไอซ์จะเว้นระยะห่างจากพี่”

“ลองให้พ้นช่วงนี้ไปก่อนนะคะ บางทีไอซ์อาจรับไมตรีจากพี่ก็ได้ เขาชมพี่ออกบ่อยว่าเก่ง หล่อ นิสัยดี”

“ชมแล้วไม่ได้หมายความว่าเขาจะคิดกับพี่เสียหน่อย แววตาของเขามองพี่เหมือนเป็นพี่ชายคนหนึ่ง”

“วันนี้เป็นพี่ชาย พรุ่งนี้อาจเป็นมากกว่านั้นก็ได้ค่ะ ไอซ์เป็นเด็กเรียนมาตลอด เขาไม่เคยคิดเรื่องความรัก ยิ่งมาเจอปัญหารุมเร้าแบบนี้ เรื่องรักเลยยิ่งไม่สนใจเข้าไปใหญ่ ถ้าพี่ปุณรักไอซ์จริง ต้องอดทนนะคะ”

“ขอบใจนะ แต่พี่ไม่ท้อง่าย ๆ หรอก และพี่จะเป็นกำลังใจให้ไอซ์แบบนี้ไปตลอด ต่อให้พี่เป็นได้แค่พี่ชาย พี่ก็จะเป็นให้ดีที่สุด”

“พี่ปุณต้องเป็นมากกว่านั้นแน่นอน” น้องสาวให้กำลังใจ


.............................


งานศพของวัชระผ่านพ้นไปด้วยดี ในวันเผามีคนไปร่วมงานหลายพันคน แสดงถึงความรักที่ทุกคนมีให้เขา แม้อัญพัชร์จะเสียใจแต่เธอก็อดดีใจไม่ได้ที่บิดาเป็นที่รักถึงขนาดนี้ ทุกคนล้วนเข้ามาให้กำลังใจเธอและพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพร้อมจะช่วยเหลือเธอทุกเมื่อ ขอแค่เธอเอ่ยปากเท่านั้น ซึ่งหญิงสาวก็รับไมตรีของทุกคนไว้ด้วยความตื้นตัน

ธีรภัทรกับภรรยาอยู่ช่วยงานจนถึงวินาทีสุดท้าย และตลอดทั้งงานพวกเขาไม่ได้พูดถึงการขายหุ้นแต่อย่างใดเพราะรู้ว่ามันไม่ใช่เวลาที่จะมาคุยกัน เช่นเดียวกับเรื่องการดูแลเธอในอนาคต พวกเขาก็ตกลงจะไม่บอกเธอก่อน เพราะหญิงสาวยังอยู่ในช่วงเสียใจ สิ่งที่ทั้งสองพูดกับอัญพัชร์ ก็คือการให้กำลังใจและบอกให้เธอตั้งใจเรียน เรื่องอื่นยังไม่ต้องเก็บมาคิดหรือสนใจ ให้เธอทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ก็พอ ซึ่งหญิงสาวก็รับคำ



...................................


สองปีต่อมา...

ในร้านอาหารขนาดเล็กแห่งนี้ คราคลั่งไปด้วยหนุ่มสาวที่จับคู่กันเต้นรำอยู่กลางฟลอร์ ส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาวตาน้ำข้าวผมสีทอง พวกเขาต่างดื่มกินกันอย่างสนุก หลายคู่กอดกันแบบแนบชิดอย่างไม่กลัวสายตาใคร ขณะที่หลายคู่จูบปากแลกลิ้นอย่างเปิดเผย
ทุกคนมีอิสระในการใช้ชีวิต ไม่มีใครสนใจใคร เพราะต่างก็โตกันแล้ว และนี่ก็คือเมืองศิวิไวซ์ที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เจริญแล้ว พวกเขามีสิทธิ์และเสรีภาพที่จะทำอะไรก็ได้ที่ไม่ผิดกฎหมาย

ท่ามกลางหนุ่มผมทองตาสีฟ้า ยังมีหนึ่งหนุ่มผมสีดำ รูปร่างของเขาสูงใหญ่ ใบหน้ามีความเป็นเอเชีย นัยน์ตาของเขาเป็นสีน้ำตาลเข้ม คิ้วหนารับกับดวงตาคมที่พร้อมจะโฉบสาวสวยมาไว้ข้างกายได้ไม่อยาก จมูกโด่งสูงรับกับริมฝีปากสีชมพูที่เหมือนจะยิ้มน้อย ๆ สาวฝรั่งร่างอวบในชุดเดรสรัดรูปต่างมองเขาเป็นตาเดียวพร้อมทั้งส่งสายตาอ้อยอิ่งมาให้ เขายิ้มมุมปากแล้วยกแก้วขึ้นทักทายพอเป็นพิธีก่อนเดินผ่านไป

“ไฮ้! ธี ทางนี้ค่ะที่รัก” สาวสวยหุ่นบางผมสีดำเอ่ยทักเป็นภาษาไทย เธอแต่งกายด้วยชุดเดรสรัดรูปสีดำคว้านลึกจนเห็นเนินอกอวบอิ่ม ใบหน้ารูปไข่ถูกแต่งด้วยเครื่องสำอางชั้นดีแบบโฉบเฉี่ยว คิ้วโก่งสวยได้รูป ดวงตากลมโตรับกับขนตางอนยาวเป็นแพ ปากนิดจมูกหน่อย มองเท่าไหร่ก็ไม่มีเบื่อ ขณะที่ธีหรือธีรัตม์ยิ้มแล้วเดินเข้าไปหา

“มานานหรือยังครับเดียร์” เขาถามก่อนยื่นหน้าไปใกล้แล้วกดจมูกยังแก้มเนียนของเธอ ดาวิกายิ้มก่อนหอมแก้มเขากลับ

“มาสักพักแล้วค่ะ คุณล่ะคะ มานานหรือยัง”

“เพิ่งมาถึงครับ พอดีมีงานนิดหน่อยต้องเคลียร์ก่อน พรุ่งนี้จะได้เข้าสายได้”

“แสดงว่าคืนนี้คุณก็อยู่กับเดียร์ได้ทั้งคืนใช่ไหมคะ” เธอถามแล้วมองเขาแบบท้าทาย

“ครับ” ธีรัตม์รับคำก่อนโอบเอวเธอไว้ ดาวิกายิ้มกว้างกว่าเดิมแล้วเบียดตัวเข้าหาร่างสูง เธอเปรยตามองไปยังสาว ๆ ที่อยู่รอบตัวแบบเหนือกว่านิด ๆ ที่ได้แนบชิดหนุ่มหล่อที่ใครหลายคนหลายปอง และเธอจะไม่มีวันให้ใครมาเข้าใกล้แฟนหนุ่มของเธอได้

ขณะนั้นเสียงโทรศัพท์ของธีรัตม์ก็ดังขึ้น ชายหนุ่มหยิบมาดูก่อนเอ่ยขอตัวกับแฟนสาวแล้วเดินแยกออกไป เป็นจังหวะเดียวกับสาวผมทองคนหนึ่งเดินเข้ามาทัก

“ทำไมพวกเธอถึงคุยกันเป็นภาษาไทยล่ะ แล้วแบบนี้ฉันจะฟังรู้เรื่องได้ยังไง” สาวผมทองคนหนึ่งถามเป็นภาษาอังกฤษ

“เพราะฉันไม่อยากให้เธอรู้ยังไงล่ะแองจี้” ดาวิกาตอบแบบยิ้ม ๆ เธอกับแองเจล่าเป็นเพื่อนกันมาหลายปีแล้ว

“ฉันรู้หรอกน่าว่าเธอคุยอะไรกัน เวลาคุยภาษาไทยทีไร เธอสองคนจะหายไปด้วยกันทั้งคืน นัดกันแล้วไม่อยากให้ใครรู้ใช่ไหมล่ะ” เพื่อนถามอย่างรู้ทัน ขณะที่ดาวิกาหัวเราะคิกและไม่ตอบเพื่อน

“ใช่ ขืนพูดแล้วพวกเธอรู้ ฉันกับธีก็ไม่เป็นส่วนตัวน่ะสิ”

“เธอนี่ใจแคบจัง มีของดีน่าจะแบ่งกันบ้าง” แองเจล่ากระซิบ ความเป็นฝรั่งทำให้เธอกล้าพูดอย่างเปิดเผย

“เสียใจ ธีเป็นของฉันคนเดียว และธีเป็นสุภาพบุรุษมาก เขาไม่ยุ่งกับผู้หญิงหลายคนหรอก”

“แสดงว่าเธอสองคนคิดจริงจังกันแล้วสิ” เพื่อนถาม

“แน่นอน เราคบกันมาตั้งนานแล้ว และเราสองคนก็มีแผนจะกลับเมืองไทยเร็ว ๆ นี้ด้วย”

“จริงหรือ น่าเสียดายแย่ ต่อไปปาร์ตี้ของพวกเราคงเหงาแย่ถ้าไม่มีเธอกับเขา”

“อาหารตาของเธอไม่มีแล้วใช่ไหมล่ะ” ดาวิกาถามอย่างรู้ใจ แองเจล่าหัวเราะถูกใจ

“ถ้าเขามีตัวจริงแล้ว ฉันก็คงต้องมองคนอื่นต่อ นี่เดียร์ เธอเห็นเพื่อนชายที่โซเฟียควงมาหรือเปล่า หล่อสะบัดเลย เห็นว่าเป็นเศรษฐีอาหรับด้วยนะ”

“ยังไม่เห็นเลย แต่ฉันว่าคงไม่หล่อเท่าไหร่หรอก ธีของฉันหล่อกว่า” ดาวิกามั่นใจ

“แฟนเธอก็ต้องหล่อสำหรับเธออยู่แล้ว”

“แน่นอนสิ” สาวไทยยอมรับ

“งั้นฉันขอดื่มให้ความรักของเธอสองคน” แองเจล่าชูแก้วแล้วดื่มรวดเดียวจนหมด



..............................


ด้านธีรัตม์ เขาออกด้านนอกเพื่อป้องกันเสียงรบกวน เบอร์ที่ปรากฏยาวเหยียด ยังไม่ทันรับ เขาก็พอรู้ว่าใครโทรมา

“ฮัลโหล” ชายหนุ่มกรอกเสียง

“นี่แม่เองนะธี” คนปลายทางบอก

นึกไว้ไม่มีผิด...ธีรัตม์คิด

“ครับคุณแม่”

“เราอยู่ที่ไหน ทำไม่เสียงดังนัก” มารดาทัก

“ในงานเลี้ยงของเพื่อนครับ คุณแม่มีอะไรครับ” เขาถาม ทั้งที่พอจะรู้

“แม่มาเอาคำตอบจากธีว่าเมื่อไหร่เราจะกลับไทย”

“คงเร็ว ๆ นี้ครับ”

“แม่ต้องการคำตอบที่แน่นอน เราผัดผ่อนมาหลายครั้งแล้วนะธี” มารดาบอกเสียงระอา

“ก็ผมอยากทำงานเก็บประสบการณ์ก่อนนี่ครับ”

“แล้วเมื่อไหร่จะกลับ”

“น่าจะสักครึ่งปีครับ”

“แม่อยากให้เรากลับภายในเดือนนี้”

“ครับ? เดือนนี้ คุณแม่พูดเล่นหรือเปล่าครับ” ธีรัตม์ถามเสียงหัวเราะ เพราะนี่ก็กลางเดือนแล้ว แต่มารดาบอกให้กลับในเดือนนี้ เท่ากับว่าเขามีเวลายื่นใบลาออกแค่สองอาทิตย์เองหรือ

“แม่พูดจริง รีบกลับมานะธี มีงานรอเราอยู่แล้ว”

“ทำไมถึงได้เร็วขนาดนี้ล่ะครับ” เขาเริ่มงง เพราะคราวนี้น้ำเสียงของมารดามีแววจริงจังมากกว่าทุกครั้ง

“แม่อยากให้ธีมาช่วยดูแลธุรกิจขนมปังของอาระ ตอนนี้พ่อเราเข้าไปซื้อกิจการของอาระมาแล้ว”

“ธุรกิจขนมปังยี่ห้อเอ-คลาสน่ะหรือครับ” เขาถาม

“ใช่”

“ทำไมล่ะครับ เกิดอะไรขึ้น”
“ตอนนี้อาระเสียแล้ว จริง ๆ ก็เสียไปเกือบสองปีแล้วล่ะ ก่อนจากไป เขาขอให้พ่อกับแม่ซื้อหุ้นของเขาไว้เพราะไม่อยากให้ตกไปเป็นของคนอื่น ก่อนหน้านี้พ่อเขาก็ดูแลคู่กันไปกับงานห้าง แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ พ่อกับแม่เลยจะให้ธีเข้ามาช่วยดูแล เอาล่ะ รู้แบบนี้แล้ว รีบทำเรื่องลาออกได้แล้ว และแม่หวังว่าปลายเดือนนี้เราจะได้เจอกัน”

“แต่...”

“แค่นี้ก่อนนะธี แม่ไม่กวนเวลาสังสรรค์ของเราแล้ว อย่าดื่มเยอะนักล่ะ และรีบกลับบ้านพักผ่อนด้วย” มารดารีบพูดแทรกและเมื่อเสร็จธุระของตนแล้ว นางก็วางสายทันที ไม่เปิดโอกาสให้ลูกชายได้พูดอะไรเลย


...............................................





Create Date : 20 กันยายน 2560
Last Update : 20 กันยายน 2560 21:54:18 น. 0 comments
Counter : 734 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นักเขียนสีเทา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]








ผลงานที่เว็บอีบุ๊กส์ :






. . . . . . . . . . . .


ผลงานทั้งหมดที่เว็บเมพ :



[Add นักเขียนสีเทา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com