นักเขียนนามปากกา "จันทร์ทอแสง" เขียนนิยายแนว 20+ ทั้งโลกสวยและโลกไม่สวย

 
พฤศจิกายน 2558
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
5 พฤศจิกายน 2558
 

[ชุดแม่ม่ายพราวเสน่ห์] แม่ม่ายพ่ายสวาท : บทนำ




แม่ม่ายพ่ายสวาท


ณ งานเต้นรำสุดหรูที่จัดขึ้นในโรงแรมระดับห้าดาว ผู้มาร่วมงานส่วนใหญ่เป็นบรรดาไฮโซและผู้มีชื่อเสียงในแวดวงสังคม แต่ละคนต่างแต่งตัวมาประชันแบบไม่ยอมน้อยหน้ากัน ประกายวิบวับชวนปวดหัวและแสบตามาจากเพชรเม็ดใหญ่ที่ประดับอยู่บนคอและข้อมือ อย่างกับตู้เพชรเคลื่อนที่ก็ไม่ปาน

เสียงฮือฮาดังมาจากหน้าประตูพร้อมแสงแฟลชที่สว่างวูบ สาวสวยหุ่นดีในชุดเรียบหรูเดินเข้ามาในงาน ใบหน้าเรียวรูปไข่แต่งเติมด้วยเครื่องสำอางชั้นดีแบบบางๆ ผมสีดำถูกรวบไว้ด้านหลังแล้วกลัดด้วยจี้เพชรรูปผีเสื้อ ชุดที่เธอสวมเป็นผ้าลื่นเรียบแบบคล้องคออวดแขนเรียวยาวและแผ่นหลังนวลเนียน เธอยิ้มให้กล้องแบบไม่เคอะเขิน โดยมีสายตาของใครหลายคนมองด้วยความอิจฉา

กมลเนตรคือชื่อของเธอ ม่ายสาวทรงเสน่ห์ของแวดวงสังคม เธอสวยเด่นและเป็นที่จับตามองตั้งแต่แต่งงานกับเจ้าสัววิเชียรเมื่อหลายปีก่อน แต่น่าเสียดายที่แต่งกันแค่สองปี เจ้าสัวก็มาเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวาย

ตายการของเจ้าสัวทำให้เธอได้เงินก้อนมาหลายสิบล้านบาทเพื่อแลกกับการไม่ยุ่งเกี่ยวในบริษัทของเจ้าสัว กมลเนตรตกลงเพราะสิ่งที่เธอต้องการคือเงิน เธอโสดอยู่เกือบปี ก็เป็นที่ฮือฮาอีกครั้งเมื่อมีข่าวว่าเธอจะแต่งงานกับเสี่ยสุวิทย์

“เขาว่าเสี่ยวิทย์หลงเมียใหม่มากเลยนะเธอ ถึงขนาดเลิกกับเมียที่อยู่กินกันมาเกือบสี่สิบปี” ใครคนหนึ่งคุยกับเพื่อนหลังกมลเนตรเดินผ่านไป

“แล้วเมียยอมหรือ”

“เสี่ยตัดสินใจไปแล้วใครจะห้ามได้ รั้นมากเผลอๆ ลูกหลานจะไม่ได้สมบัติกันพอดี แต่ก็น่าเสียดาย แต่งกันไม่ถึงครึ่งปี ประวัติก็ซ้ำรอย สงสัยจะเป็นคนกินผัว แต่งสองครั้ง ผัวตายทั้งสองครั้ง”

“คราวนี้อะไรอีก อย่าบอกนะว่าหัวใจวาย” เพื่อนถาม

“ใช่สิ เขาว่าคราวนี้ตายคาอกเลยนะเธอ เป็นข่าวซุบซิบในหน้าหนังสือพิมพ์ตั้งหลายวัน ตอนนั้นเธออยู่เมืองนอกนี่ คงไม่รู้ข่าว”

“ก็น่าจะตายคาอกอยู่หรอก สาวสวยหุ่นดีพราวเสน่ห์ขนาดนั้น แล้วตอนนี้เขาคบกับใครอยู่ เสี่ยวิทย์ตายไปเกือบสองปีแล้วนี่”

“ไม่มีใครเป็นตัวจริง เพราะคบคนนั้นเลิกคนนี้ไปทั่ว ส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าสัวหรือไม่ก็เสี่ยกระเป๋าหนัก ก็คงเป็นน้อยๆ เขานั่นแหละ เพราะบ้านใหญ่ไม่ยอม ไม่งั้นก็คงมีข่าวแต่งรอบสามไปแล้ว”

“ดูเธอรู้เรื่องของเขาเยอะดีนะ” เพื่อนทัก

“แน่นอนสิ” อีกคนยอมรับแล้วค้อนเพื่อนวงใหญ่เพราะรู้ตัวว่ากำลังถูกประชด “ฉันติดตามข่าวของเขาแบบลับๆ พูดก็พูดคือ ฉันอิจฉาที่เขาสวยและรวยกว่า เธอดูสิว่าท่าทางเขาไฮโซและดูดีขนาดไหน ทั้งที่เป็นแค่ลูกชาวบ้านหาเช้ากินค่ำธรรมดา การศึกษาก็แค่ปริญญาตรีในเมืองไทย แล้วเธอดูสิว่าเขาได้รับความสนใจขนาดไหน อายุก็สามสิบแล้ว แต่เหมือนยี่สิบต้นๆ ส่วนพวกเราแก่กว่าเขาไม่กี่ปี แต่เหมือนคนสี่สิบ เป็นเธอไม่อิจฉาเขาหรือ”

“มันก็จริง เธอดูเขาสิ เล่นหูเล่นตาใส่กล้องน่าดูเลย พวกช่างภาพก็กระไร จะถ่ายอะไรนักหนา ฉันอุตส่าห์ไปเช่าเครื่องเพชรมาตั้งหลายหมื่นไม่เห็นจะมาถ่ายบ้างเลย”

“เข้าไปทักทายกันมั้ยเธอ ฉันรู้จักเขา เผื่อว่าเราจะได้ออกกล้องบ้าง” เพื่อนแนะนำ

“ดีๆ ฉันอยากได้คำแนะนำเรื่องผิวพรรณจากเขาเหมือนกัน” อีกคนเห็นด้วย ก่อนทั้งสองจะตรงเข้าไปทักทายกมลเนตรพร้อมยิ้มแย้มทักทายใส่กล้องที่ยังรัวชัตเตอร์ใส่ไม่หยุด




กมลเนตรยังคงเป็นที่สนใจของคนในงาน แม้เธอจะไม่ใช่คนรวยมาแต่เกิด แต่ทุกคนก็ให้การต้อนรับเธอเป็นอย่างดีเพราะสถานะทางการเงินของเธอเทียบได้ว่าเป็นเศรษฐีลำดับต้นๆ ของเมืองไทยก็ว่าได้

การศึกษาสูง ลูกผู้ดีเก่าแก่ หรือจะสู้เงินทองที่รายล้อมรอบตัว กมลเนตรคิดแล้วเหยียดยิ้มใส่บรรดาตู้เพชรเคลื่อนที่ทั้งหลาย

“คุณน้องแนทขา” เสียงหนึ่งดังมาจากทางด้านหลัง กมลเนตรหันไปมองก่อนยกมือไหว้ด้วยท่าทางอ่อนน้อม

“สวัสดีค่ะคุณพี่น้อย มาถึงนานหรือยังคะ” เธอถามแล้วเรียกอีกฝ่ายอย่างสนิท

“มาถึงสักพักแล้วล่ะจ้ะ จะเข้าไปทักน้องแต่ช่างภาพก็รุมเหลือเกิน น้องแนทยังได้รับความสนใจเหมือนเคยนะจ๊ะ”

กมลเนตรยิ้มและไม่ได้ตอบอะไร

“ดูน้องแนทสวยใสขึ้น มีของดีอะไรหรือเปล่าเอ่ย แนะนำพี่บ้างสิจ๊ะ” น้อยถาม

“แนทกินอาหารเสริมตัวหนึ่งอยู่ค่ะ กินแล้วดีมากเลยนะคะ ผิวพรรณสดใสมีน้ำมีนวล นี่แนทก็กินมาเกือบสองเดือนแล้ว ถ้าคุณพี่น้อยเห็นความเปลี่ยนแปลงแบบนี้ แนทคงต้องนำเข้าแล้วค่ะ อยากให้เพื่อนๆ ได้มีผิวพรรณที่ดีบ้าง”

“แหม น้องแนทช่างมีจิตใจดีจริงๆ พี่ขอเป็นลูกค้าคนแรกเลยนะจ๊ะ” น้อยบอกแล้วหัวเราะ

แม้เธอจะมีเงินนอนบัญชีหลายสิบล้านบาท แต่เธอก็ยังหาอะไรเล็กๆ น้อยๆ ทำแก้เบื่อ นั่นก็คือการขายอาหารเสริม อย่างไหนที่ว่าดี อย่างไหนที่ว่าเด็ด เธอเป็นต้องหามาทดลอง แต่ทำได้เดี๋ยวเดียวก็เลิกแล้วหาสินค้าตัวอื่นมาลอง ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเพื่อนๆ ในแวดวงสังคมที่อยากสวยและดูดีเหมือนเธอ

ระหว่างที่กำลังคุยกันอย่างออกรส ก็มีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นใกล้ๆ โต๊ะที่กมลเนตนั่ง หญิงสาวหันไปมองเพราะได้ยินคนซุบซิบแต่ฟังไม่ได้ศัพท์

“ใครกันคะ” กมลเนตรถาม

“น่าจะเป็นคุณคริษฐ์ น้องแนทรู้จักมั้ยจ๊ะ ลูกชายของคุณสาคร ครอบครัวของเขานำเข้ารถ และยังทำคาร์แคร์อีกด้วย มีหลายสาขาเลยนะ”

“เคยได้ยินชื่อค่ะ สาครมอเตอร์ประเทศไทยและสาครคาร์แคร์ใช่ไหมคะ”

“ใช่ๆ นั่นแหละจ้ะ แต่เดี๋ยวคาร์แคร์คงให้ลูกชายคนนี้มาดูแล เพิ่งกลับจากนอกเมื่ออาทิตย์ก่อนจ้ะ”

กมลเนตรหันไปมองเป็นจังหวะที่ชายหนุ่มร่างสูงแหวกกลุ่มคนออกจากวงแล้วตรงไปยังโต๊ะตัวหนึ่ง หญิงสาวมองตามแล้วยิ้มด้วยความพอใจกับรูปร่างหน้าตาของเขา...ร่างสูงใหญ่สมส่วนในชุดสูททำให้เขาดูดีอย่างไม่ต้องสงสัย ผมของเขาตัดอย่างประณีต ใบหน้าของเขาเหมือนมีรอยยิ้มแตะแต้ม ดวงตาคมของเขายิ่งมองก็ยิ่งชวนใจละลาย

หญิงสาวหันกลับมาคุยกับน้อยอีกครั้งแต่สายตาและความสนใจของเธอจับจ้องอยู่ที่หนุ่มหล่อมาดเท่คนนั้น เขาพูดคุยทักทายกับคนนั้นคนนี้อย่างเป็นกันเอง มีสาวๆ เข้ามาเกาะแขนเขาเหมือนกัน กมลเนตรเห็นเขาหันไปยิ้มและไม่มีท่าทางว่าจะปลดมือของสาวๆ เหล่านั้นออก ด้วยสายตาเจนประสบการณ์ของม่ายสาว เธอรู้ว่าหนุ่มหล่อคนนี้ไม่ธรรมดา

กมลเนตรลอบยิ้ม ก็ดี เธอจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก

เมื่อเธอเห็นหนุ่มหล่อปลีกตัวจากกลุ่มคนเหล่านั้น กมลเนตรก็ขอตัวกับน้อย อ้างว่าเธอเริ่มมึนกับแสงสีและเสียงจอแจในงานเต้นรำ ขอออกไปสูดอากาศด้านนอก ตอนแรกน้อยจะขอตามไปด้วยเพราะอยากอยู่ใกล้เธอ แต่กมลเนตรปฏิเสธโดยบอกว่าอยากออกไปตามลำพังมากกว่า จากนั้นก็รีบขอตัวจากไปโดยเร็ว

สายตาของกมลเนตรมองหาหนุ่มร่างสูงในชุดสูทสง่าคนนั้นไปทั่วงานและเห็นเขายืนหลบอยู่มุมหนึ่งข้างเสา ดวงตาคมเข้มดุจเหยี่ยวของเขามองหนุ่มสาวสูงวัยที่กำลังเต้นรำอยู่กลางฟลอร์ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ช่างน่ามองจับใจเหลือเกิน กมลเนตรสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองก่อนตรงไปหาเขา

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกตกประหม่า ทั้งที่ปกติเธอเป็นคนมั่นใจมาก แต่คราวนี้เธออยากให้ตัวเองดูดีที่สุดในสายตาของเขา

เมื่อเริ่มเข้าใกล้เขาเรื่อยๆ กมลเนตรก็หยิบโทรศัพท์ออกมากด ขณะที่เท้าก็ยังก้าวไปข้างหน้า เธอเหลือบมองทาง และเมื่อถึงตัวของเขา เธอก็ทำเป็นเซ หนุ่มหล่อรีบยื่นมือออกมารับตัวไว้

“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทันระวัง” กมลเนตรรีบเอ่ย

“ไม่เป็นไรครับ” เขาบอกแล้วยิ้มให้เธอ มองไกลๆ ก็ว่าหล่อแล้ว มาบอกใกล้ๆ แบบนี้ ยิ่งหล่อกว่าเป็นหลายเท่า

“ฉันนี่แย่จังนะคะ เอาแต่กดโทรศัพท์จนไม่ทันมอง นี่ถ้าไม่ได้คุณ ฉันคงล้มไปกองที่พื้นให้อายคนแล้ว ขอบคุณมากค่ะ” เธอพูดแล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าถือใบเล็กแล้วก้มศีรษะเป็นเชิงขอบคุณก่อนจะก้าวจากไป แต่ยังไม่ทันออกเดิน เธอก็เกิดอาการเซ มือเล็กยกขึ้นแตะขมับ

“เป็นอะไรไปครับ” เขาจับแขนเธอไว้พร้อมถาม

“หน้ามืดนิดหน่อยค่ะแต่ไม่เป็นอะไร” เธอบอกแล้วยิ้มให้เขา เป็นรอยยิ้มที่เธอตั้งใจจะพิฆาตเขาให้สยบ แล้วก็เป็นอย่างที่เธอหวังเพราะหนุ่มหล่อมีอาการชะงักและมองเธอนิ่ง

“ไปก่อนนะคะ โอ๊ะ โอย” ยังไม่ทันก้าว เธอก็เซอีกครั้ง “รู้สึกมึนจังเลยค่ะ พาฉันออกไปข้างนอกหน่อยได้มั้ยคะ ฉันอึดอัด”

“ได้ครับ เดินไหวมั้ยครับ ค่อยๆ นะครับ” เขาพยุงและพาเธอออกไปด้านนอก




“ได้ออกมาสูดอากาศแบบนี้ดีจังเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่พาฉันออกมา” เธอเอ่ยหลังสูดอากาศเข้าสู่ปอดอึดใหญ่

“ด้วยความยินดีครับ และคงไม่เสียมารยาทถ้าผมจะแนะนำว่าคุณไม่ควรเดินไปและเล่นโทรศัพท์ไปแบบนี้ เพราะอาจไปชนคนอื่นเข้า”

“มันก็จริงค่ะแต่ฉันต้องคุยงานกับลูกค้าแต่จะให้คุยข้างใน ฉันก็อัดอึดจนหายใจไม่ออกอยู่แล้ว จะรอให้เดินออกมาก่อนค่อยคุยก็กลัวไม่ทัน ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ฉันไม่ระวัง” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

“ไม่เป็นไรครับ”

“คุยมาตั้งนานแล้ว เรายังไม่รู้จักกันเลย ฉันกมลเนตร เรียกแนทก็ได้ค่ะ” เธอแนะนำตัว

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมคริษฐ์ เรียกริตก็ได้ครับ”

“คุณคงเป็นที่รู้จักของหลายๆ คนนะคะ เมื่อกี้ฉันเห็นคนรุมคุณเยอะแยะเลย”

“ตอนที่คุณเข้ามาในงาน ผมก็เห็นช่างภาพรุมถ่ายรูปคุณเหมือนกัน” เขาบอก ขณะที่กมลเนตรเลิกคิ้วแปลกใจ

นี่เขาก็สนใจเธอเหมือนกันหรือ

“อย่าเรียกว่ารุมเลยค่ะ พวกเขาแค่สนใจชุดราตรีของฉันเท่านั้น เพราะมีข่าวว่าฉันสั่งชุดนี้มาจากฝรั่งเศสราคาหลักแสนบาท แหม...แค่งานเต้นรำธรรมดาเท่านั้นเอง ฉันไม่เอาเงินไปถมแบบนั้นหรอกค่ะ” เธอบอกแล้วหัวเราะน้อยๆ ทำให้ใบหน้าสวยดูกระจ่างขึ้น

“แต่ชุดของคุณสวยและดูดีมากเลยนะครับ ยิ่งคุณใส่ยิ่งทำให้ชุดนี้ดูมีราคาขึ้นไปอีก”

“แค่ชุดเท่านั้นหรือคะที่สวยและดูดี” เธอถามยิ้มๆ

“เพราะคนด้วยครับ” เขาบอกแบบไม่ปิดบัง

“ขอบคุณค่ะ คุณทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมากเลยนะคะ น่าแปลกที่เราเพิ่งเจอกันแต่ความรู้สึกของฉันเหมือนเรารู้จักกันนานแล้ว ไม่รู้ว่าคุณจะรู้สึกแบบเดียวกับฉันหรือเปล่า”

“ถ้าผมว่าใช่มันจะเร็วเกินไปมั้ยครับ” เขาถามกลับ ทำเอากมลเนตรซ่อนยิ้ม
แบบนี้ก็ดี เธอจะได้ไม่เหนื่อยเยอะ

“คุณออกจากงานมานานแล้ว กลับเข้าไปเถอะค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่อยู่เป็นเพื่อนคุย ตอนนี้ฉันอยากพักแล้ว คงต้องขอตัวกลับก่อน” หญิงสาวบอกแล้วลุกขึ้นด้วยท่าทางที่ยังมึนๆ เซๆ คริษฐ์รีบลุกตามและจับต้นแขนเธอไว้

“เหมือนคุณยังไม่หายดี ให้ผมไปส่งที่รถดีกว่าครับ หรือถ้าคุณขับไม่ไหวน่าจะเรียกแท็กซี่ดีกว่า”

“ไม่ต้องยุ่งยากถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันจองห้องพักที่นี่ไว้ อยู่ชั้นสิบห้า เดินแป๊บเดียวก็ถึงค่ะ แต่ถ้าคุณจะมีน้ำใจไปส่งฉันที่ห้อง ฉันก็ไม่ว่านะคะ” เธอบอกและยิ้มท้าทายอยู่ในที

“ผมไม่ใช่คนแล้งน้ำใจด้วยสิครับ” น้ำเสียงของเขาฟังดูสบายๆ และมีรอยยิ้มก่อนจะโค้งให้เธออย่างสุภาพและยกแขนข้างหนึ่งเพื่อให้เธอจับ กมลเนตรยิ้มแล้ววางมือเล็กบนท่อนแขนแข็งแรงของเขา

คืนนี้ ห้องพักสุดหรูที่เธอจองไว้เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศคงไม่ได้ใช้พักผ่อนอย่างที่ตั้งใจไว้แล้ว แต่เธอก็ยินดี เพราะสิ่งที่ได้มาคือความผ่อนคลายจากหนุ่มหล่อที่เธอแสนพอใจ

แค่นั้นก็คุ้มแล้ว!!



...........................................




Create Date : 05 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2558 12:48:23 น. 1 comments
Counter : 1104 Pageviews.  
 
 
 
 
มองแต่บวก จะเห็น แต่ความสุข
 
 

โดย: ปัญญา สังข์มุ IP: 49.229.2.144 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:13:27:56 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นักเขียนสีเทา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]








ผลงานที่เว็บอีบุ๊กส์ :






. . . . . . . . . . . .


ผลงานทั้งหมดที่เว็บเมพ :



[Add นักเขียนสีเทา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com