365วันของฉันมีแต่เรื่องการเดินทาง
<<
กันยายน 2565
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
25 กันยายน 2565

ขับรถ EV เที่ยวภาคตะวันออก “สบ๊ายสบาย สไตล์ราย็องฮิ”

 
มีโอกาสเข้าร่วมทริปขับรถ EV เที่ยวภาคตะวันออกสนุกสนานไปในสไตล์โลว์คาร์บอน

ททท.ผนึกสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย และสมาคมการค้าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอีสาน จัดโครงการ “สบ๊ายสบาย สไตล์ราย็องฮิ” ขับรถ EV เที่ยวภาคตะวันออก ใส่ใจไร้คาร์บอน กรุงเทพฯ-สมุทรปราการ-ระยอง ร่วมผลักดันประเทศไทยสู่เมืองท่องเที่ยวโลว์คาร์บอน

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยนางสาวศิรินุช สุทธิรัตน์ ผู้อำนวยการกองตลาดภาคตะวันออก ททท. ได้ปล่อยขบวน BCG มินิคาราวาน “สบ๊าย สบาย สไตล์ราย็องฮิ” ขับรถ EV เที่ยวภาคตะวันออก ใส่ใจไร้คาร์บอน กรุงเทพฯ-สมุทรปราการ –ระยอง ในช่วงวันที่ 22 -24 กันยายนที่ผ่านมา

เส้นทางจากสำนักงานใหญ่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ไปยังจุดหมายปลายทางที่จังหวัดระยอง โดยมีนายวัชรพล สารสอน ผู้อำนวยการททท.สำนักงานระยอง รอรับคณะ ณ จังหวัดระยอง ในทริปมีนางสาววสุมน เนตรกิจเจริญ นายกสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สทอ.) หรือ TEATA นายฤกษ์ เชาวนกวี อุปนายกสมาคมฯ รวมถึงสมาชิกจากสมาคมการค้าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอีสาน (สอทอ.) และนายกสมาคมท่องเที่ยวในหลายจังหวัดภาคอีสานเข้าร่วม

กิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นมินิคาราวาน ด้วยรถพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle-EV) พร้อมกับการเดินทางท่องเที่ยวแบบคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ การออกแบบประสบการณ์สร้างสรรค์กิจกรรมตลอดการเดินทางให้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ (Low Carbon) การประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเดินทางด้วยรถพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle) ออกแบบและเลือกเมนูอาหาร และควบคุมปริมาณการสร้างขยะ การเดินทางมีการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ปริมาณ kgCO2eq หรือปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรม และได้มีการซื้อคาร์บอนเครดิตชดเชย (Carbon Offsetting) การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด จนเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)

ในทริปมีเส้นทางจุดหมายแรกศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบกบางปู ฟังข้อมูลเกี่ยวกับศูนย์ฯ กิจกรรมสนุกได้ความรู้เรื่องป่าชายเลนและระบบนิเวศ เดินสัมผัสประสบการณ์เส้นทางศึกษาธรรมชาติ (Bioeconomy - Ecotourism) ปลูกต้นลำพู เพื่อ “สร้างคืน” สมดุลให้ระบบนิเวศ

แล้วเดินทางสู่ระยอง ทานอาหารค่ำที่ร้านแหลมเจริญซีฟู้ด สาขาต้นตำรับ เมนูพระเอกชูโรงประจำร้าน นั่นคือ ปลากะพงทอดราดน้ำปลา และอาหารซีฟู้ดต่างๆ ที่สดใหม่ อร่อยเลื่องชื่อ

วันต่อมาไปศูนย์การเรียนรู้ป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ ร่วมกิจกรรมปล่อยปู เพื่อ “สร้างคืน” สมดุลให้ธรรมชาติ เดินชมธรรมชาติตามเส้นทางป่าชายเลนระยะทางประมาณ 400 เมตร ระหว่างทางมีต้นไม้นานาพันธุ์ เช่น โกงกาง โปรง แสม เป็นต้น และมีสัตว์น้ำหลายชนิดอย่างปูทะเล และปูแสม เป็นต้น (Bioeconomy – Ecotourism) ชมธนาคารปู

ที่นี่เป็นอีกหนึ่งเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และสวยงาม เดินเล่นบนทางเดินชมธรรมชาติและสะพานรูปทรงงาช้าง ซึ่งพระเจดีย์กลางน้ำ เป็นโบราณสถานที่สำคัญของจังหวัดระยอง ตั้งอยู่บริเวณปากน้ำระยอง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2416 สมัยพระยาศรีสมุทรโภคชัยโชคชิดสงคราม (เกตุ ยมจินดา) เป็นเจ้าเมืองระยอง

อาหารว่างเป็นขนมนิ่มนวล ขนมหวานพื้นถิ่นของชาวระยอง ขนมไทยโบราณหายาก รสชาติกลมกล่อมหอมหวานนิ่มนวลสมชื่อ กรรมวิธีการทำนำข้าวเหนียวคั่วจนสุกแล้วนำมาโม่เป็นแป้ง นวดกับน้ำเชื่อมที่เคี่ยวจนเข้มข้นจนแป้งนิ่ม สอดไส้ด้วยมะพร้าว เพิ่มความหอมละมุนด้วยกลิ่นดอกมะลิสด ลักษณะคล้ายขนมถั่วแปบ ซึ่งมาระยองแล้วต้องไม่พลาดและดื่มเครื่องดื่มเย็นใจใส่ในติหมา หรือหมาจาก ภาชนะทำด้วยกาบ หรือใบของพืช เรียกว่าเป็นวัสดุจากธรรมชาติและท้องถิ่นโดยแท้

จากนั้นเดินทางสู่อุทยานการเรียนรู้สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ วัดลุ่ม (พระอารามหลวง) ชมประวัติความเป็นมาของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อครั้งทรงตั้งกองทัพที่ จ.ระยอง และทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทย น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์

ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและศึกษาประวิติศาสตร์ โดยมีนิทรรศการทั้งหมด 6 โซนดังนี้ โซนที่ 1 โหมโรงเจ้าตากสิน โซนที่ 2 อวสานสิ้นอโยธยา โซนที่ 3 มุ่งบูรพาสรรหาไพร่พล โซนที่ 4 ประกาศตนองค์ราชันย์ โซนที่  5 สร้างเขตขันธ์กรุงธนบุรี และโซนที่ 6 ถิ่นคนดีเมืองระยอง โดยเปิดให้เข้าชมทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์ วันละ 4 รอบตั้งแต่เวลา 09.00 -16:00 น และหยุดทุกวันจันทร์ โดยชมฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

จากนั้นเข้าไปในวัดลุ่ม พระอารามหลวง ซึ่งมีโบสถ์เก่า ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากร ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และต้นสะตืออายุกว่า 300 ปี ขึ้นทะเบียนเป็นรุกขมรดกของแผ่นดิน

ชิมอาหารกลางวันที่ ก๋วยเตี๋ยวเรือชาวนา ณ ระยอง ท่ามกลางบรรยากาศท้องทุ่ง ชิมอาหารเมนูพื้นถิ่น ที่รังสรรค์โดยสมาคม TEATA

แวะวิสาหกิจชุมชนเกาะกก สัมผัสประสบการณ์กิจกรรมชุมชน (CBT – Community Based Tourism) ชมการสาธิตการนำข้าวมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ ไอศกรีม คุกกี้ข้าว เป็นต้น (Bioeconomy – Gastronomy Tourism) ที่นี่เป็นพื้นที่สีเขียวแห่งภูมิปัญญา แหล่งเรียนรู้วิถีชุมชนและเกษตรกรรมในจังหวัดที่เต็มไปด้วยพื้นที่อุตสาหกรรม

แวะเยี่ยมชมกลุ่มประมงพื้นบ้าน บ้านตากวน ซึ่งเป็นตลาดอาหารทะเลสด ราคาไม่แพง พูดคุยกับชาวเลถึงวิถีการทำประมง และก็อะเมซิ่งมากๆ มองไปไม่ไกลจากแหล่งประมงคือโรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ และยังมีอาหารทะเลให้จับได้ทุกวันอย่างเหลือเฟือ

แล้วไปท่องเที่ยวต่อที่ทางเดินธรรมชาติป่าชายเลน แหล่งเรียนรู้ด้านระบบนิเวศของหาดแสงจันทร์-สุชาดา ที่ตำบลเนินพระ อำเภอเมืองระยอง ที่นี่ยังมีโครงการปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้น สู่วิถีสังคมคาร์บอนต่ำของ SCG อีกด้วย ต้นโกงกางที่นี่ใหญ่มากๆ เฉพาะรากก็สูงหลายเมตร อายุของแต่ละต้นนับเป็นร้อยๆ ปีเลยทีเดียว ทางเดินชมธรรมชาติมั่นคงแข็งแรง เดินเที่ยวได้สนุก และมีหอชมวิวสูงเหนือยอดไม้อีกด้วย

ปิดท้ายวันกับร้านอาหารสุดเก๋ Wooden Spoon ที่แปลงโฉมบ้านให้เป็นร้านอาหารในบรรยากาศชิคๆ ริมแม่น้ำระยอง โดยมีเชฟต่อ ที่มีประสบการณ์การเป็นเชฟหลายปีในโรงแรมที่ออสเตรเลีย เป็นร้านที่ให้บริการอาหารยุโรปสไตล์ผสมผสานหลากหลายเมนู

วันสุดท้ายชมสวนพฤกษศาสตร์ระยอง พื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่ แหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์บนพื้นที่กว่า 3,800 ไร่ ชมพรรณไม้ที่หาดูได้ยากและใกล้สูญพันธ์กว่า 400 ชนิด (Bioeconomy - Ecotourism) ที่นี่มีบริการนั่งเรือชมแพหญ้าหนังหมา ทุ่งดอกบัว ป่าเสม็ดพันปี ชิมสมูทตี้ชะมวง ก่อนขับรถชมบึงบัวขนาดใหญ่

จากนั้นแวะกลุ่มจักสานกระจูดบ้านกวี ในมาบเหลาชะโอน ตำบลชากพง อำเภอแกลง หมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว (OTOP Village Champion - OVC) ชมการสานเสื่อกระจูดและนำกระจูดมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของชาวบ้าน บ้านมาบเหลาชะโอนมาเป็นเวลานานกว่า 200 ปี และสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน

เดินทางสู่กลุ่มเกษตรผลิตไม้กฤษณา (สวนหอมมีสุข) เป็นการรวมกลุ่มกันของเกษตรกรที่ปลูกไม้กฤษณาในท้องที่ตำบลกะเฉด อำเภอเมืองระยอง เป็นวิสาหกิจชุมชนต้นแบบที่ประสบความสำเร็จในการต่อยอดการแปรรูปไม้กฤษณาเป็นพัฒนาผลิตภัณฑ์กว่า 40 ชนิด โดยมีนางพิกุล กิตติพล เป็นประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรผลิตไม้กฤษณา ซึ่งเคยเข้ารับรางวัล Prime Minister's Export Award ผู้ส่งออกยอดเยี่ยมมาแล้ว

จากนั้นแวะสถานีอัดประจุไฟฟ้า ELEX by EGAT ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ณ โรงพยาบาลกรุงเทพ พัทยา ซึ่งสนับสนุนการใช้รถ EV และการเติบโตของภาคตะวันออก เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศ ผลักดันประเทศไทยสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน แล้วเดินทางกลับกรุงเทพฯ

#BCGมินิคาราวาน #สบ๊ายสบายสไตล์ราย็องฮิ #ทททภูมิภาคตะวันออก #สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย #TEATA #สมาคมการค้าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอีสาน #เที่ยวระยอง
เรื่องโดย Travelista นักเดินทาง (สาธิตา โสรัสสะ)
ขอขอบคุณ สมาคม TEATA ที่เชิญ Travelista นักเดินทาง เข้าร่วมในทริปนี้



Create Date : 25 กันยายน 2565
Last Update : 25 กันยายน 2565 16:56:25 น. 0 comments
Counter : 821 Pageviews.  

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณnewyorknurse


ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

travelistaนักเดินทาง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]




Travelista นักเดินทาง หรือสาธิตา โสรัสสะ อดีตหัวหน้าข่าวเศรษฐกิจเครือเนชั่น เป็นนักข่าวสายท่องเที่ยวยาวนานเกือบ 40 ปี เดินทางมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก มีผลงานเขียนพ็อคเก็ตบุ๊คท่องเที่ยว 34 เล่ม ปัจจุบันเป็นอุปนายกสมาคมการตลาดท่องเที่ยวไทย และประธานมีเดียแอนด์บล็อกเกอร์ คลับ (คลับของบล็อกเกอร์) เคยได้รับรางวัลบล็อกเกอร์ยอดเยี่ยมปี 59 ,ช่างภาพหญิงยอดเยี่ยมจากจีนปี 60 , สื่อมวลชนยอดเยี่ยมปี 64 และผู้บริหารสื่อออนไลน์ยอดเยี่ยมปี 65 ไอดีไลน์ tatravel โทร 081-817-2805
[Add travelistaนักเดินทาง's blog to your web]