ถ้าปล่อยให้ความรู้สึก " รัก " หนักเมื่อไร... ชีวิตก็จะหนักไปด้วย....

พาคุณนายไปพบหมอ



 
ช่วงเดือนสองเดิอนนี่ ไปโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นกันเลยค่ะ 
ไปแทบจะทุกสัปดาห์ วนเวียนกันไป ของพ่อ ของแม่ ของน้า และตัวเอง

ถามว่าเบื่อไหม ถ้าบอกไม่เบื่อคงโกหกล่ะเนาะ
เบื่อค่ะ  แต่มันจำเป็นต้องไป 
จากความเบื่อ เป็นความเคยชิน
จนรู้สึกว่ามันคือส่วนนึงของกิจกรรมในชีวิตไปแล้วค่ะ 

ถ้าเล่าย้อนไปสมัยโน้น สมัยน้องป่านอยู่ประถม เราเข้ากทม. ทุกอาทิตย์
เพื่อที่จะมาพบหมอที่โรงพยาบาลพญาไท2 ขับรถไปกลับแบบนี้ทุกอาทิตย์
เพื่อมาฉีดภูมิ และฉีดยาในจมูก เป็นเวลาเกือบ 10 ปี 
ดิฉันเก่งนะคะ ไม่ต้องมีใครมาเป็นเพื่อนค่ะ มาคนเดียว 

จนกระทั่งน้องป่านอยู่ประถม 5 พาลูกมาด้วยค่ะ 
ให้ลูกเรียนพิเศษรอแถวสยาม แม่มันคิดการณ์ไกลมาตั้งแต่ตอนโน้นแล้ว 555
นั่นคือการมาหาหมอและได้ของแถมคือการเรียนพิเศษของน้องป่าน 
(แต่ไม่ได้บังคับให้ลูกเรียนมากมายนะคะ
เรียนเท่าที่ลูกสมัครใจเลย 2 วิชา เลขกับภาษาอังกฤษ)
(เหตุการณ์ระหว่างทางค่อยมาเล่าเรื่อยๆเนาะ)



เวลาก็ผ่านไปเร็วจัง น้องป่านเรียนจบ ปตรี.
ส่วนเรา ใจคืออยากอยู่กับลูกแหละ
แต่มันคงถึงเวลากลับมาดูแลพ่อแม่(ซินะ!) 
เป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะอะไรเช่นนี้
แม่เริ่มมีอาการเข่าเสื่อม เดินไม่ค่อยสะดวก 
พ่อก็เริ่มแก่ตัวลงทุกวัน  ทำอะไรไม่ค่อยไหวแล้ว แต่พ่อยังเก่งกว่าแม่ค่ะ 


เราก็เริ่มพาแม่ไปพบหมอที่ศิริราช น่าจะปี 56 - 57 นะ
และไปมาตลอด จนกระทั่งตอนนี้ 

แม่ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าไป 2 ข้าง  เปลี่ยนข้อสะโพกไป 1 ข้าง 
ก็ได้ลูกอย่างเรานี่แหละดูแล  

ถามว่าเหนื่อยไหม? เหนื่อยมากค่ะ 
ถามว่าแล้วแม่มีลูกคือเราคนเดียวเหรอ ไม่ใช่ค่ะแม่มีลูก 4 คน 
อ้าวแล้วทำไมเราดูแลแม่อยู่คนเดียว ? 

ถ้าตอบเอาแบบสวยๆคือ เราไม่มีภาระ เราไม่ได้ทำอะไร
(รึเราไม่ต้องทำมั้ง)


ถ้าตอบตามความเป็นจริง ทุกคนมีภาระกันหมด ยกเว้นเรา 
ความเป็นจริงเราก็มีนะ ภาระน่ะ คือเราต้องกินต้องใช้ 
ก็ต้องทำมาหากินเหมือนคนอื่นๆนั่นแหละ 

สุดท้ายเรายอมที่จะอยู่แบบพอเพียง ไม่ฟุ่มเฟือย 
เพื่อที่จะได้ดูแลพ่อแม่ไปด้วย .... 

ตัดความอยากได้อยากมีออกไป เพื่อตรงนี้ น่าจะดีที่สุดสำหรับตัวเอง และสำหรับพ่อกับแม่ 

ที่ทำมาทั้งหมดก็เพื่อพ่อกับแม่แหละค่ะ
คนเราถ้ารู้จักกตัญญูกับพ่อแม่ไม่มีทางอับจน
มีแต่เจริญรุ่งเรือง ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ (ในคำโบราญ) 

และมันก็เป็นการสอนลูกของเราไปในตัวด้วยนั่นแหละ 
ส่วนพี่น้องคนอื่นๆก็แล้วแต่จะคิดได้เลยค่ะ คิดไม่ได้ก็เรื่องของเค้าแล้ว 


อ้าววว อารัมภบทมาซะยืดยาวเลย 
ไว้มาเล่าต่อเนาะ ....  



เมื่อวันศุกร์ ก็ถึงคิวคุณนายอัมพรค่ะ 
ตอนนี้หมอนัด 6 เดือนครั้ง ซึ่งคุณนายพอใจอย่างที่สุด 
เป็นครั้งแรกที่หมอนัดยาวไป ....

อย่างที่บอกค่ะ แม่เปลี่ยนข้อเข่ามา 2 ข้าง 
เปลี่ยนข้อต่อสะโพกอีก 1 ข้าง 
ทั้ง 3 อย่างนี้ก็เป็นปกติ
แต่แม่จะมีอาการเจ็บเวลานอนทับข้างที่ผ่าสะโพก 
ไปคราวนี้หมอให้เอ็กซเรย์หลังด้วย
ปรากฏว่า กระดูกสันหลังขอแม่ทรุดเยอะมาก
เยอะจนมีปัญหา หมอบอกต้องหาทางแก้ไข 

แม่รีบบอกหมอว่า แม่ไหว แม่โอเค แม่ขอยาทาก็พอ 

หมอบอกว่า คุณป้ามันไม่โอเคครับ
คุณป้าต้องไปพบหมออีกท่านหนึ่งที่เชี่ยวชาญโรคกระดูกสันหลังครับ
เดี๊ยวผมจะนัดหมอให้นะครับ ยังไงก็ตองไปตรวจครับคุณป้า 

แม่ดิฉันเริ่มหงอยค่ะ แต่แม่ดีใจที่หมอให้ยาทามาเยอะมาก 
หมอจัดมา 2 โหล คือ 24 หลอด คุณป้าใช้ไปเลยเดือนละ 4 หลอดครับ
นี่ก็คืออิลูกนี่แหละขอหมอ เพราะถ้าหมอให้มาไม่พอ
เราเดือดร้อนค่ะ ต้องไปซื้อให้นางเพิ่ม 123


เล่าย้อนตอนแรกที่ยื่นบัตรรับบัตรคิว
คิดในใจวันนี้จะไม่รบกวนน้องที่อยู่แผนกนี้ 
ไปตามลำดับขั้นตอนล่ะกัน ที่ไหนได้ พอได้คิวมา
แห๊มมม คิวมาซะไกลเลย คิวที่ 29 (ปกติแม่จะคิวที่ 3 ไม่เกิน 5-6 )
แต่คงเพราะหมอเลื่อนนัดคิวแม่เลยไหลไปยาว 

โทรหาพี่เทิดเลยซิคะ  พี่เทิดคือแฟนของน้องที่รู้จักในโรงพยาบาลศิริราช
พี่เทิดก็ใจดีเสมอ พอรับสายก็บอกว่า พี่ธัญเอาใบคิวมาให้ผมเลยครับ
แล้วพี่เทิดก็มารับคุณนายอัมพร เข็นรถพาเข้าไปนั่งรอด้านใน 
สรุปได้คิวที่ 8 ค่ะ ในการตรวจ ทำตัวเนียนๆไป อย่าให้ใครจับได้ว่าใช้เส้น 137











 เสร็จเรียบร้อยก็พาคุณนายไปกินข้าวที่ S&P 
เพราะกลัวว่ารถจะติด เลยเวลากินข้าวของคุณนาย 
น้องป่านไลน์มาเลย แม่พาแม่ใหญ่กินข้าวเลยนะ 
เดี๊ยวรถติดแม่ใหญ่จะหงุดหงิด 119

คุณหลานรู้ค่ะว่า เวลารถติดคุณนายเค้าจะหงุดหงิดมาก 
ยิ่งถ้าถึงเวลากินข้าวกินยาแล้วยังไม่ได้กิน คุณนายจะอารมณ์เสียค่ะ 










ตอนกลางคืนบอกคุณนายว่า พรุ่งนี้ไม่ต้องรีบกลับบ้านนะ
จะพาไปซื้อรองเท้าที่เซ็นทรัล คุณนายบอก ไม่ซื้อ จะซื้อทำไม 
อ้าวๆๆ  พูดกันไม่รู้เรื่องแน่ๆ  เลยต้องอธิบายกันยืดยาวว่า
คราวก่อนที่แม่เลือก แม่ก็ใส่ไม่ได้  มันต้องไปลองถึงจะรู้ว่าใส่ได้ไหม 


เช้าวันเสาร์ไปถึงห้าง เราบอกให้คุณนายลองรองเท้า
คุณนายบอกไม่เอาไม่ชอบ 

เอาอีกแล้ว เรื่องมาอีกแล้ว 122
เลยบอกว่า แม่มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า แม่จะชอบรึไม่ชอบ
การใส่รองเท้าตอนนี้มันขึ้นอยู่กับว่า
รองเท้าที่แม่ใส่มันต้องช่วยเซฟเท้าแม่ด้วย
แม่ใส่รองเท้าคู่เดิมขนาดเหยียบหินพลาด
เท้าแม่ยังเขียวบวมไปเป็นเดือน
การใส่รองเท้าแบบนี้เพื่อที่จะไม่ให้เกิดอุบัติเหตุกับเท้าแม่ 
ถ้าเท้าแม่เป็นแผล แล้วแผลสำหรับคนเป็นเบาหวานมันไม่ปกติ แม่ก็น่าจะรู้ดี
เพราะฉะนั้นการซื้อรองเท้าไม่ได้อยู่กับความชอบในรูปแบบรองเท้าแล้วนะแม่
มันขึ้นอยู่กับว่า รองเท้าคู่นั้นแม่ใส่แล้วมันเซฟเท้าแม่  เข้าใจไหม? 
เงียบค่ะ ..... ยอมรับแต่โดยดี 
แต่ยังมีเสียงบ่นให้ได้ยินว่าแพงจัง เกือบสามพันบาท
ก็เลยบอกอีกรอบ เกือบสามพัน ก็ใช้ไปเป็นปีๆ และก็ไม่ต้องกลัวว่าเท้าจะเป็นแผล 
รึเวลาเดินไม่ต้องระวัง คอยเกร็ง เท้า มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้มนะแม่ 
แล้วพูดต่ออีกนิด ใช้อย่างอื่นสุรุ่ยสุร่ายกว่านี้อีก ไม่เห็นจะคิด 118

จริงๆเราก็ไม่ได้จ่ายค่ะ น้องป่านจ่าย 117
ยกความดีให้หลานสาวคนสวยค่ะ 





 



ซื้อรองเท้าเสร็จ ลูกหันถามแม่อยากได้อะไรไหม?

( ที่คอนโดลูกซื้อ รองเท้าไว้ให้อีกคู่นึง บอกใส่เล่นๆ 
กระเป๋าอีกใบนึง สะพายเล่นๆไปร้านกาแฟ ลูกบอก 
ชุดชั้นใน 5  ชิ้น )

จะเอาอะไรอี๊กกกก 
นึกในใจ ถ้าอยากได้อีกก็เกินไปแล้วตรู 

ตอบแบบเสียงอ่อยๆ ไม่อยากได้อะไรหรอกลูก 130






แล้วก็พากันไปหาของอร่อยๆกิน
โดยเกี่ยงกันไปมาใครอยากกินอะไร 
จบที่พาคุณนายไปกินฟูจิค่ะ


มื้อนี้หลานสาวคนหล่อเป็นคนจ่ายค่ะ 
นางบอก เจ้ซื้อรองเท้าให้แม่พรแล้ว น้องก็จ่ายค่าอาหารล่ะกัน 
134น่ารักเนาะ 


 

อีก 2 เดือนจะพาคุณนายไปพบหมอกระดูกสันหลังค่ะ 
น้องป่านสั่งว่ายังไงแม่ใหญ่ก็ต้องไป ห้ามปฏิเสธ  











เรื่องราวระหว่างทางในชีวิตของคนเรามันมีทั้งสุขและทุกข์ 

สิ่งไหนดีก็เก็บไว้สอนตัวเอง 
สิ่งไหนไม่ดีก็เอาไปปรับปรุงแก้ไข 

อย่าทำให้คนที่รักเราที่สุด ต้องเหงาและหว้าเหว่ในบั้นปลายชีวิตเลย
ดูแลพวกเค้าให้ดีดี  ให้กินอิ่ม นอนหลับ มีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง 

หรือคำง่ายๆคือ  เลี้ยงตัวแล้วต้องเลี้ยงใจเค้าด้วยค่ะ 





ขอบคุณเพื่อนๆที่แวะมาทักทายและส่งกำลังใจให้นะคะ
ขอบคุณไลน์ ไอคอนสวยๆจากคุณญามี่ค่ะ





ขอให้เพื่อนๆมีความสุขในทุกๆวันนะคะ 





Create Date : 19 กันยายน 2565
Last Update : 19 กันยายน 2565 17:17:52 น. 34 comments
Counter : 821 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณกะว่าก๋า, คุณtoor36, คุณหอมกร, คุณปัญญา Dh, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณRain_sk, คุณnonnoiGiwGiw, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณkae+aoe, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณThe Kop Civil, คุณSweet_pills, คุณสองแผ่นดิน, คุณJohnV, คุณเริงฤดีนะ, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณอาจารย์สุวิมล


 
ปกติคนอื่นพูดเราอาจจะไม่เชื่อ แต่ถ้าเป็นหมอยังไงก็ต้องยอมเขา เพราะมันเฉพาะทางเกิน มันทางของเขา ต้องชื่อฟัง

ผู้ใหญ่ก็มีวิธีพูดแบบผู้ใหญ่ สยบได้ด้วยเหตุผล ดีแล้วที่ยอมกัน^^

ปิดท้ายได้ดี การกินอะไรอร่อยๆ จะช่วยเยียวยาจิตใจได้เป็นอย่างดี


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 19 กันยายน 2565 เวลา:17:58:26 น.  

 
ไม่มีใครอยากเข้าโรงพยาบาลแน่ๆ
เพราะใช้เวลานานมากกว่าจะเสร็จ
แต่เมื่อจำเป็นต้องไป
ผมว่าพี่ธัญนี่ล่ะครับ
เป็นตัวอย่างที่ดีเลย
เพราะยังไงการไปหาหมอ
ก็ดีกว่าคิดเอาเอง รักษาเอง
แบบนั้นอันตรายกว่ากันเยอะ

อย่างพ่อผมนี่ดื้อมากครับ
เป็นหลายโรค
แต่ไม่ยอมไปโรงพยาบาล
ดื้อมากๆ จนต้องยอมใจเลย

คุณแม่อัมพรมีลูกๆหลานๆช่วยดูแลเอาใจใส่แบบนี้
น่าชื่นใจแทนเลยครับพี่



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 กันยายน 2565 เวลา:20:28:42 น.  

 
ผมมาคิดถึงบางออฟฟิศที่เขาบังคับให้เราต้องขอฝบรับรองแพทย์ถ้าเราลาป่วยทั้งๆ ที่เราก็ไม่ได้ป่วยถึงขนาดต้องไปโรงพยาบาล แต่ก็จำเป็นต้องไปเพื่อเอาใบรับรอง โรงพยาบาลถ้าไม่ถึงที่สุด หรือจำเป็นจริงๆ คงไม่มีใครอยากไปหรอก โรงพักก็เช่นกัน

ค่อยๆ พูดกันดีที่สุดครับ ผมคิดถึวตอนที่ผมสอนผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่จะซักมากถามมาก ยิ่งกว่าเด็ก แต่เด็กนี่บางทีดูไม่ออกจรองๆ ว่าไม่เข้าใจ ต่างจากผู้ใหญ่ที่จะเอาจนคลายความสงสัยไปเลย ก็ต้องค่อยๆ อธิบายไป บางทีเราก็ต้องยอมเสียเงินเพื่อให้ได้สุขภาพกลับมา ผมเดาว่าเขาก็เสียดายเงินแทนล่ะ

ผมเดาอีกอย่างนึงว่าท่านคงคิดว่าท่านแก่แล้วไม่อยากผ่าตัดอะไรพวกนี้ เพราะคนแก่มันฟื้นฟูยากกว่าคนหนุ่มสาว

จากบล็อก บล็อกล่าสุดนี่ใช้พลังงานมากจริงๆ ครับแหะๆ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 19 กันยายน 2565 เวลา:20:37:10 น.  

 
ซื้อหวยก็ถูกซิคะคุณธัญ
ว่าแล้วเชียวว่าต้องมีรูปมาฝาก
การรอคิวที่ รพ.รัฐนี่น่าเบื่อจริงๆได้วยค่ะคุณธัญ
มีความสุขกว่าตอนอยู่ กทม. นะคะ



โดย: หอมกร วันที่: 19 กันยายน 2565 เวลา:21:17:33 น.  

 
ดูแลคุณแม่ ลูกหลานก็มาดูแลด้วย ดีจังเลยครับ


โดย: ปัญญา Dh วันที่: 19 กันยายน 2565 เวลา:21:21:42 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่ธัญ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 กันยายน 2565 เวลา:5:33:47 น.  

 
ฟ้าใสก็มีช่วงเวลานึงที่ต้องพา สว. ที่บ้านไปหาหมอ
แม่บ้าง พ่อบ้าง แต่ก็ไม่เหนื่อยเท่าไหร่ เพราะเราทำงานเป็นทีม
พี่ ๆ น้อง ๆ ช่วยกันค่ะ ก็ไม่หนักกันที่คนใดคนหนึ่ง

เด๋วนี้เขามีอาชีพพาผู้สูงอายุไปโรงพยาบาลด้วยนะคะ
ค่าแรงแพงเอาเรื่องเลยค่ะ
อย่างพี่ธัญทำได้สบายมากเลยค่ะ

จากบล็อก ...
เรื่องลอกการบ้าน ยินดีมากเลยค่ะ อิอิ



โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 20 กันยายน 2565 เวลา:8:05:14 น.  

 
ผมชอบเดินอ่านคำสอนที่ติดตามต้นไม้มากๆครับพี่

ที่บ้านก็เป็นครับ
พ่อผมต้องกินยา ฉีดอินซูลีนทุกวัน
คนดูแลเรื่องนี้คือน้องสาวครับ
น้องก็จะบ่นว่าถูกเรียกทั้งวัน 555
ผมก็ไม่ค่อยได้ช่วย
เพราะพ่อก็จะไม่ให้ใครทำเลย
นอกจากน้องสาวคนเล็ก
ประมาณว่ารู้ใจที่สุด
ส่วนน้องก็บ่นตลอดครับ
ทำไป บ่นไป 555



พ่อผมนี่ดื้อแบบไม่ยอมเลยครับ
จนผมต้องบอกทุกคนในบ้านว่า
ตามใจเค้าด้วย
ถ้าบังคับมากๆ
เดี๋ยวจะทะเลาะกันครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 กันยายน 2565 เวลา:9:58:22 น.  

 
สวัสดีครับพี่ธัญ

ผมชอบจังเลยที่พี่ธัญพูดออกมาได้ตรงๆ เลยว่า “ก็เบื่อนะ 5555 แต่มันคือส่วนหนึ่งของชีวิต” อ่านแล้วรู้สึกว่า พี่ธัญรับรู้ความรู้สึกตัวเอง ยอมรับมันได้ว่าเรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ และจูนเข้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ปรับให้รู้สึกสบายๆ ขึ้นได้ มันดีมากๆ ครับพี่

พญาไท 2 ....... ผมเคยไปนอนอยู่คืนสองคืน ซัก 2ครั้งได้ จิงๆ ก็ปี 65 นี่แหละครับ จะพูดว่าชอบก็จะดูแปลกๆ ไหมครับ 55555 แต่สบายดีครับ ของกินเยอะดี สั่งมากินแก้เบื่อได้ เรียกว่าทำเลทองครับ

จากชัยนาทมา กทม ไม่ไกลมากครับ เหมือน กทม-พัทยา มาทุกอาทิตย์พอไหว และเป็นการวางแผนที่ดีมาก ๆ เลยครับที่ให้พี่ป่านมาเรียนพิเศษที่สยามจะได้ไม่เสียเที่ยวด้วย พี่ป่านก็ได้เดินเที่ยว กินขนมอร่อยๆ ที่สยามด้วย
พี่ป่านได้เรียนอังกฤษตั้งแต่ป.5 ตอนนี้ต้องเก่งอังกฤษมากๆ แน่ๆ เลยครับ ดีจังเลย ตอน ป.5 ผมยังเรียนแต่ดนตรีอยู่เลย555555

ผมก็เรียนพิเศษที่สยามครับ แต่มาเรียนตอน ม.2 มั้งครับ ม.1 มั่นใจว่าตัวเองเรียนเก่ง ไม่ต้องเรียนพิเศษก็ได้ แต่พอมาอยู่ห้องคิง หุยยยย ไม่เคยได้ลำดับที่เลข 2 ตัวมาก่อน แถมขึ้นด้วยเลข 2 ด้วย เพื่อนดันเก่งจัด ม.2 เลยต้องเรียนพิเศษครับ เรียนเลขกับวิทยาศาสตร์ที่สยามครับ อังกฤษมาเรียนตอน ม.4-5 แถวศรีย่าน

จริงๆ แล้ว ผมว่าพี่ธัญเป็นคนที่โชคดีที่ได้ดูแลคุณพ่อคุณแม่ใกล้ชิดครับ และการที่พี่ธัญดูแลคุณพ่อคุณแม่ ก็ทำให้พี่ป่านเห็นมาตลอดและรู้สึกดี รู้สึกชื่นชม รู้สึกว่าคือสิ่งที่ทำแล้วดี พี่ป่านก็เลยอยากดูแลพี่ธัญ อ่อนโยนและเห็นอกเห็นใจ และจะเป็น Perfect twin ของพี่ธัญนี่แหละครับ เพราะพี่ธัญคือ Idol ของพี่ป่าน

สงสารคุณแม่ ไม่อยากผ่า บอกว่าโอเค แต่โดนคุณหมอจัดสุดกราฟว่า “ไม่โอเค” ฮือออ

มีคนบอกว่า “รู้อะไรไม่สู้ รู้จักกัน” การมีคนรู้จักมันดีครับ ทีแรกผมคิดว่าไม่จำเป็น
แต่อย่างที่เคยเล่าครับว่าคุณแม่ผมเป็นทีมบริหารของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง การเป็นลูกชายฝ่ายบริหารมันดีมากครับ 55555 ไม่ต้องรอคิว ได้รับการดูแลอย่างดี ดีมากๆ ขออะไรมาเพิ่มก็ได้ รพ เข้าก็ให้ฟรี พอต้องไปหาหมอ หรือต้องนอน รพ ที่ไม่ใช่ที่ทำงานคุณแม่คือ เราเป็น on one ครับ คือคนธรรมดาคนนึง ขออะไรก็ต้องรอ

จำได้ครับว่าพี่ธัญบอกว่าชอบทาน S&P ตอนที่พาคุณแม่มาหาหมอ ^^ ผมก็ชอบครับ

รองเท้ากับคนป่วยเบาหวานเป้นเรื่องสำคัญเลยครับเพราะเป็นแผลอะไรมาทีเรื่องใหญ่เลย
พี่ป่านน่ารักมาก ๆ ครับ มีของเล็ก ๆ น้อยๆ ไว้ให้คุณแม่ด้วย เนี้ยเวลามีคนใส่ใจดูว่าเราต้องใช้อะไรโดยที่ไม่ต้องบอกมันรู้สึกดีครับ ในสิ่งของพวกนั้นมีความรักและความใส่ใจใส่อยู่เต็มเลยครับ

“เลี้ยงตัวแล้วต้องเลี้ยงใจเค้าด้วย” ทำไมไม่รู้อ่านประโยชน์นี้แล้วจุกอกยังไงบอกไม่ถูก บางทีที่ใจเราเหนื่อย ทำงานที่เอาไว้เลี้ยงตัวเองก็ไม่ไหวเหมือนกันครับ ^^

ขอบคุณที่พี่ธัญกลับมาเม้นซะยาวเลยครับ ดีใจมาก ผมชอบอ่านคอมเม้นครับ
เหมือนได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องเล่ากัน ได้พูดคุยกัน
ดีนะวันนั้นผมไม่ปักตะไคร้ ไม่งั้นน้ำท่วมแน่นอนครับ 55555 ใครเค้าให้ผู้ชายไปปัก!!!
ขับรถนานๆ บางทีก็เมื่อยจริงๆ ครับ เข้าใจพี่ธัญเลย ไม่แก่หรอกครับ ผมก็เมื่อย รถผมเตี้ยด้วย เมื่อยขา เข่าก็ชนข้างรถ แต่เค้าว่ากันว่าท่านั่งคือ feel รถสปอร์ต แต่แหม่....เมื่อยจัง ขนาดผมเป็นคนชอบขับรถนะครับ

อากาศเปลี่ยนจริงจังมากครับ ระวังเปียกฝน ดูแลสุขภาพด้วยครับพี่


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 20 กันยายน 2565 เวลา:11:15:31 น.  

 
สวัสดีครับพี่
เห็นด้วยเลยครับว่าความกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดาจะช่วยให้เรามีแต่ความเจริญนะครับ ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยแต่ก็พ่อแม่เรานะ
ไปโรงพยาบาลทีนึงเสียเวลาไปครึ่งค่อนวันจริง ๆ ครับ ผมเคยพาพ่อไปผ่าตาที่ รพ.รามา ลางานไปครึ่งวัน เย็นไปรับกลับ เหนื่อยมากครับพี่ แต่ก็สุขใจนะ
ผมว่าเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก ๆ เลยครับ อาจจะมีเถียงกันนิดหน่อย แต่เป็นสีสันภายในครอบครัวนะครับ


โดย: The Kop Civil วันที่: 20 กันยายน 2565 เวลา:16:02:21 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่ธัญ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 กันยายน 2565 เวลา:5:22:23 น.  

 
เข้าบล็อกเพื่อนๆบางคนไม่ได้ค่ะ
พยายามเข้าตั้งแต่เช้า หลายรอบมากๆ
เข้าไม่ได้เลยค่ะ ไม่รู้สาเหตุเลย

nonnoiGiwGiw

The Kop Civil

อาจารย์สุวิมล

newyorknurse


โดย: tanjira วันที่: 21 กันยายน 2565 เวลา:7:21:14 น.  

 
ส่งกำลังใจให้เสมอค่ะ

แม่มี้น้องสาวเป็นคนดูแลค่ะ เพราะแม่ยกบ้านให้ ส่วนมี้ก็ตักสินใจปลูกใกล้ๆ บ้านแม่เพราะอยากช่วยดูแล ก็คิดไม่ผิดค่ะเพราะถ้าน้องคนเดียวคงเหนื่อยมาก จริงๆ ตอนแรกสามีอยากไปอยู่หมู่บ้านเค้ารักความสงบอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว 55555


โดย: kae+aoe วันที่: 21 กันยายน 2565 เวลา:8:15:47 น.  

 
คุณแม่ไม่สบายตัวเพราะข้อเข่า
เลยย่อมมีอารมณ์หงุดหงิดบ้างค่ะคุณธัญ
มีความสุขทุกๆ วันนะคะ



โดย: หอมกร วันที่: 21 กันยายน 2565 เวลา:10:51:14 น.  

 
โหยยย เป็นครอบครัวที่น่ารักมากเลยค่ะพี่
มีแต่คนแย่งกันจ่าย ของน้องจะไปรับแม่มาอยู่ด้วย
ต้นเดือนหน้านี้แล้วค่ะ มาถึงแม่ก็น่าจะทะเลาะกับแมวทั้งวัน
แล้วก็จะต้องโทรหาลูกสาวเพื่อนินทาแมว แน่นอน 55+


บ้านน้อง แม่ยังไม่ยอมมาอยู่กับน้องแบบจริงจัง
ตอนอยู่บ้านนางไปหาหมอคนเดียวค่ะพี่
แต่นางไป รพ.สต ก็ไม่ได้ไกลบ้านมาก
ถ้ามาอยู่กับน้อง น้องก็ไปเป็นเพื่อน

นี่ตอนแรกนางจะมาสองเดือน
แต่ไหนๆ มันใกล้ปีใหม่แล้วน้องเลยบอก
สามเดือนเหอะ จะได้อยู่ฉลองปีใหม่เลย
ไม่ต้องกลับไปกลับมา นางเลยยอมสามเดือน
นี่ยังพูดว่า กลับไปไม่รู้จะยังมีเด็กเหลือให้สอนพิเศษไหม
ไม่มีก็ดีค่ะพี่ จะได้อยู่กับน้องยาวๆ ไปเลย

ล่าสุดน้องก็ไปเอายาที่ รพ มาค่ะวันเสาร์
แต่ไปแห้ว เพราะเค้าบอกว่ามาเอานอกเวลา
ยาจะโดนตัดจากหกเดือนเหลือเดือนเดียว
นี่จะต้องลางานไปเอาใหม่อีกทีนึงค่ะ

พวกยาพ่นหอบ บางตัว มันไม่ได้มีขาย
ที่ร้านขายยาด้วยนะคะ มันต้องตามหมอสั่ง
เพราะงั้น เค้าบอกว่ายังไงก็ต้องตามเขาบอกเลยค่ะ



โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 21 กันยายน 2565 เวลา:11:26:46 น.  

 
คิดถึงพี่ธัญในบล็อกมากค่าาาาาาา

น้องลองกลับมาเขียนบล็อกดูค่ะ

ต้องเริ่มต้นใหม่หมดเลย ลืมไปหมดแย๊วววววว


โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ วันที่: 21 กันยายน 2565 เวลา:12:56:46 น.  

 
ถ้าไปบ้านมาดามตอนหน้าหนาว
ได้เจอหมอกตลอดครับ
ผมอยู่ที่นั่นทุกเช้าจะเดินไปอ่างเก็บน้ำคนเดียว
เงียบ สงบ วิเวกมากๆครับ

ใช่ครับพี่
ขนาดน้องสาวไม่อยู่
มาดามจะช่วยฉีดยาให้ก็ไม่เอาครับ 555
ต้องรอจนกว่าน้องจะกลับมา

เพื่อนผมขายของกิน
ก็บ่นครับ
ทุกเย็นฝนจะตกหนักเลย
เชียงใหม่ฝนตกตอนเช้ากับตอนกลางคืน
พอกลางวันก็แดดจ้า
ผมก็ว่าดีนะครับพี่
กตเป็นเวลาเลย 555



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 กันยายน 2565 เวลา:14:12:29 น.  

 
สวัสดีครับพี่ธัญ

ขอบคุณมาก ๆครับที่แวะไปทักทายตอนเช้า
อย่างที่บอกว่าผมค่อนข้าง extrovert พอได้อยู่กับเพื่อนๆ ความรู้สึกdown ๆ ก็ค่อยๆ ดีขึ้นครับ
แต่ก็ยังมีเรื่องที่ขุ่นเคืองใจ เห็นเมื่อไหร่ก็ยังเคืองอยู่ 55555 คงต้องใช้เวลาครับ
เสาร์อาทิตย์ก็ต้องห่างกับเพื่อนอีก แต่มีงานแต่งงานก็คงได้เจอเพื่อนๆ กันครับ ได้ปาร์ตี้น่าจะหัวโล่ง ปลงๆ ได้เยอะ

วันนี้เหนื่อยงานมากครับ แต่โชคดีเจอแต่คนดี ๆ ถึงเหนื่อยก็ยังไม่แย่
มีแย่อย่างเดียวคือ ผมจะขับรถฮาร์ดคอร์หน่อย เหนียบได้เหยียบ มุดปาดหวาดเสียวหน่อย ระบายอารมณ์ดีครับ


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 21 กันยายน 2565 เวลา:17:27:18 น.  

 
จากบล็อกที่มาคุย
เราเจอคนที่รู้จักคนใหญ่โตแล้ว~ ดีแล้วไม่พูดเรื่องนี้ มันเสี่ยงบ้านแตก ตัดญาติได้เลยเหมือนกัน บางเรื่องก็ลำบากที่จะพูดนะ เราก็ยังอยากมีชีวิตที่สงบสุขอยู่


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 21 กันยายน 2565 เวลา:18:44:21 น.  

 
สวัสดีครับพี่ธัญ

เพิ่งได้เข้ามาคุยครับ
อ่านจบแล้ว มีความสุข ยิ้มตามไปด้วยครับ
ผมเชื่อว่าความกตัญญูที่พี่ธัญดูแลพ่อแม่
ส่งผลให้พี่ธัญได้รับการปฏิบัติที่ดีจากลูกสาวครับ
ครอบครัวพี่ธัญอบอุ่นมากเลย

รักษาสุขภาพด้วยนะครับ


โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 21 กันยายน 2565 เวลา:23:40:41 น.  

 
เรื่องสุขภาพนี่ถึงแม้ว่าเบื่อที่จะต้องไปหาหมอ แต่ก็ต้องไป Take care ครับคุณธัญ


โดย: JohnV วันที่: 21 กันยายน 2565 เวลา:23:54:42 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับพี่ธัญ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 กันยายน 2565 เวลา:5:44:00 น.  

 
น้องป่านน่ารักมาก..รับผิดชอบทั้งคุณแม่ และคุณยาย
ครอบครัวผูกพันอยอุ่นๆอย่างแท้ทรู
สมัยแม่เจ้าโว้ย ยังอยู่ กับ 3 อ.
ก็ต้องชักแม่น้ำทั้ง 5 เช่นกัน
ในกรณีจะให้แม่เจ้าโว้ย ทำ หรือ ไม่ทำอะไร

อนึ ผู้มีความกตัญญู..ตกน้ำไม่ไหล
ตกไฟไม่ไหม้

คุณพระคุ้มครองตลอดไป


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 22 กันยายน 2565 เวลา:7:19:56 น.  

 
คนหน้าสุดนี่หน้าคล้ายเพื่อนสนิทคุณธัญ
ที่คุณธัญเคยเล่าให้ฟังเลยนะคะ
มีความสุขกว่าเมื่อวานค่ะ



โดย: หอมกร วันที่: 22 กันยายน 2565 เวลา:8:19:21 น.  

 
ชีวิตอยู่กับการเดินทางจริง ๆ เลย

ไปหาหมอเมื่อสัก 10 ปีไม่อยากไปเลยเบื่อมาก ๆ
ตอนหลังทำใจได้ เพราะมองราอบตัวเขาก็เหมือน ๆ
เรา.

...

ตอบเรื่องบล๊อกเกี่ยวกับ จักรยาน ทำไมไม่มีขาตั้ง
จักรยาน 555

คืองี้ครับ ผมพยายามจะเป็นนักปั่นเท้าเอ้ยมือโปร
กะเขาบ้าง ส่วนใหญ่นักปั่นแนวหน้าจะทำให้
จักรยานเบาที่สุดจะไดเ้ปั่นเร็ว ยอมเสียเงินเยอะๆ
จะได้จักรยานเขา เขาเลยไม่ติดขาตั้ง ผมก็เลยเอา
กะเขาด้วย เวลาไปไหนก็พิงต้นไม้ หรือยกตัวรถ
วางเบาะจักรยาน ไว้บนราวแขวนครับคุณธัญ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 22 กันยายน 2565 เวลา:8:19:29 น.  

 

สวัสดีครับพี่ธัญ

“ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี”
ประโยคนี้ผมได้ยินมาตั้งแต่เด็กเลยครับ
คนดีนั้น ก็ต้องได้รับสิ่งดีๆ ตอบแทนแน่นอนครับ
กฏแห่งการกระทำ หรือ กฏแห่งกรรม มันตรงไปตรงมา

แต่เราจะได้ยินบางคนพูดบ่อยนะครับ กับคำว่าทำดีไม่เห็นจะได้ดี
ทำดีเท่าไหร่ ชีวิตก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นเลย

เรื่องนี้มันมีเบื้องหลังอยู่ครับ
กรรมดี กับ กรรมไม่ดี มันก็มีคิวของมันครับ
และมีปัจจัยช่วยลัดคิวด้วย คือ จิตของเรานี่แหละ
จิตคนเรามี power มีอานุภาพ ช่วยลัดคิวบุญบาปได้เลยครับ

นี่พูดไปมาแล้ว จะออกแนวธรรมะแล้วสิครับพี่ อิอิ

พี่ธัญทำดีขนาดนี้ ต้องได้ดีแน่นอน
ผมเห็นดัชนีอันนึงชี้วัดอยู่คือ น้องป่าน นี่แหละครับ
น้องป่านเป็นคนน่ารักนะครับ แววตาและรอยยิ้มเป็นคนแสนดี

เหตุการณ์ไม่ว่าจะดีหรือร้ายในวันนี้ ในปัจจุบัน มันเป็นผลมาจากอดีตของเรา
และสิ่งที่เราทำในปัจจุบัน มันคืออนาคตของเรา

อนาคตอยู่ในมือของเราแล้วครับพี่



โดย: สีเมจิก (สมาชิกหมายเลข 5106714 ) วันที่: 22 กันยายน 2565 เวลา:9:37:39 น.  

 
ตอเป็นเด็ก
ไม่ค่อยคิดอะไร
อยากทำอะไรก็ทำ
พอโตมา
คิดเยอะ
แต่ไม่ค่อยได้ลงมือทำ
ความเป็นเด็กในตัวเราหายไปเลยนะครับพี่

เช้านี้เพื่อนที่กรุงเทพ
บ่นเรื่องฝนตกหนัก
น้ำท่วม รถติด
วิ่งไม่กี่กิโล
รถติด 2-3 ชั่วโมง
เหนื่อยเลยนะครับพี่



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 กันยายน 2565 เวลา:11:19:28 น.  

 
สวัสดีตอนบ่ายๆค่ะพี่ธัญ

น้องอู้งานมาเล่นบล็อก


โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ วันที่: 22 กันยายน 2565 เวลา:14:42:04 น.  

 
สวัสดีครับพี่ธัญ

5555 ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ธัญ แวะมาเวลาว่างๆ สบายๆ ได้เลยครับ ^^

หุย ทีแรกที่ผมเครียดผิดปกติ ผมไลน์ไปหาเพื่อนที่เป็นหมอเลยนะครับว่า นี่เป็นเพราะยาอะไรรึป่าว ใช้ยาโดสสูงแล้วมีผลกับเคมีในสมองรึป่าว เพื่อนก็บอกว่า อาจจะทำให้นอนไม่หลับ แต่นอนเยอะไม่ใช่ ผมเป็นเอง 55555 เพราะผมปกติเป็นคนเฮฮา ไม่เครียด ไม่เก็บอะไรมาคิด ปลงๆ ไปซะหน่อยใหญ่ พอเครียดปรี๊ดขึ้นมาแปลกๆ เลยงงตัวเองครับ

คิดเหมือนกันครับว่าเรื่องงานด้วย เรื่องคุณยาย เหตุการณ์ก่อนคุณยายเสีย ที่ผมไม่มีโอกาสเจอคุณยาย เพราะผมติดประชุมกระทันหัน ก็ผิดหวัง ไหนจะไม่ค่อยสบาย

แฟนดีครับ รู้ว่าผมเครียดก็ปล่อยๆ ไป ไม่พูดไม่ถามให้เยอะเรื่อง เอาจริงๆ มีเรื่องที่ผมน้อยใจเค้าด้วยแหละ 55555 แต่เค้าก็พยายามดีกับผม ถึงแม้ผมจะตึงๆ ไปก็ตาม ก็จะค่อยๆ ดีขึ้นครับ

อ่านเรื่องของพี่ธัญแล้ว พี่ธัญเป็นคนจิตใจดีครับ และทำในสิ่งที่ถูกแล้ว ทำอะไรที่เรารู้สึกสบายใจ ทำแล้วไม่ต้องมานึกเสียใจ เสียดายทีหลังว่าทำไมเราถึงไม่มีโอกาสได้ทำ

ที่พี่ธัญพูดจริงครับ การมีคนรู้จักก็ต้องมีขอบเขต ต้องเกรงใจคนรู้จัก เกรงใจคนอื่นด้วย แต่การมีคนรู้จักมันก็ดีครับ^^

ฝนตกอีกแล้ว พี่ธัญดูแลสุขภาพด้วยนะครับ
ตอนนี้ดีขึ้นมากครับ อยู่กับเพื่อน รอบข้างผมอบอุ่นมาก ทุกอย่างมันดีครับ



โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 22 กันยายน 2565 เวลา:17:24:53 น.  

 
ครอบครัวน่ารักอบอุ่นมากค่ะคุณธัญ
ความกตัญญูคุ้มครองคนดี
อีกสองเดือนคุณแม่พบคุณหมอกระดูกสันหลัง
ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีนะคะ

ขอบคุณคุณธัญมากค่ะสำหรับกำลังใจ
ฝันดีนะคะ



โดย: Sweet_pills วันที่: 23 กันยายน 2565 เวลา:1:03:26 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับพี่ธัญ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 กันยายน 2565 เวลา:5:43:30 น.  

 
เรื่องน้ำถึงตอนนี้ยังปลอดภัยดีค่ะ
แต่ยังต้องเฝ้าระวัง เพราะขยันตกมากค่ะปีนี้
วันนี้ก็อึมครึมมาแต่เช้าเลยค่ะ

ทางนู้นฟ้าฝนเป็นยังไงบ้างคะพี่ธัญ


โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ วันที่: 23 กันยายน 2565 เวลา:9:51:58 น.  

 
เมื่อวานผมกับมาดามนั่งรอหมิงออกกำลังกายในรถ
มาดามบ่นเป็นระยะๆ
ผมเลยบอกให้เธอภาวนาคำว่า

"หงุดหงิดไปทำไม"

เธอบอกว่าไว้จะลองทำ
แต่ยังไม่ทำวันนี้หรอกนะ 555

ปกติหมิงจะออกกำลังกายแค่ 1 ชั่วโมง
ก็พอรอได้สบายๆ
ผมอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ
เธอก็ดูซีรี่ย์ในมือถือไป

แต่เมื่อวานเพื่ออีกสองคนตามมาด้วย
จาก 1 ชั่วโมงกลาย 3 ชั่วโมงทันทีครับ 555

เช้านี้ก็อีกเช่นกัน
ฝนตกหนัก รถติดยาว
ไปส่งหมิงที่ รร.
ออกบ้าน 7 โมงครึ่ง กลับมาถึงบ้าน 10 โมง
ปกติ 8 โมงครึ่งก็ถึงบ้านแล้ว

ผมก็เลยบอกเธอว่า
ภาวนาดูสิ ประโยคที่บอกเมื่อวานนี้น่ะ 555

ทั้งหมดที่ผมเล่ามา
ตรงกับประโยคที่พี่ธัญเม้นท์ไว้เลยครับ
.
.

สุดท้ายแล้วเราก็ต้องเปลี่ยนความคิดของเรา
และเราต้องมองสิ่งต่างๆที่เราไม่ชอบใจนั้น
ด้วยความเข้าใจ
.
.
.
ปีนี้พายุมาหลายลูกจริงๆครับ
และเราทำอะไรกับพายุเหล่านั้นไม่ได้เลย
นอกจากทำใจ
และยอมรับความจริง



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 กันยายน 2565 เวลา:13:59:54 น.  

 
สวัสดี จ้ะ น้องธัญ
วันนี้ครูก็ไปหาหมอตามนัด หมอกระดูกเหมือน
กันจ้ะ ตื่นแต่ตีสี่ ออกจากบ้าน 5.45 น. ยังได้คิว 29
เลย หลังเกษียณ ได้เบอร์มาก ๆ หน่อยไม่ค่อยมีปัญหา เพราะไม่ต้องรีบกลับไปสอนหนังสือ นั่นเอง
เลยไม่อยากไปรบกวนใคร เป็นหนี้บุญคุณ จ้ะ
กลับถึงบ้านเที่ยงเศษ ๆ ง่วงมาด ๆ อิอิ

อ่านบล็อกเล่าเรื่องพาพ่อ พาแม่ไปหาหมอ นับ
เป็นหน้าที่ของคนเป็นลูก แสดงถึงความกตัญญูของ
ลูก ธัญภูมิใจได้เลยว่า เป็นสิ่งดีงาม เป็นตัวอย่างที่ดี
แก่ลูก ที่ต่อไปในอนาคต ลูกก็จะเห็นตัวอย่างที่ดี และเช่ื่อเถอะ ธัญก็จะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จาก
น้องป่าน เช่นเดียวกัน จ้ะ
โหวดหมวด บันทึกประสบการชีวิต


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 23 กันยายน 2565 เวลา:14:30:26 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

tanjira
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




บางเรื่องราว...
ผ่านเข้ามาให้เราแค่จำไว้เพียงสิ่งดีดี
อาจมีบางครั้งทำให้เราเสียน้ำตา...
แต่เชื่อเถอะว่า...
ไม่นานทุกอย่างก็ผ่านไป เป็นอดีต




Group Blog
 
<<
กันยายน 2565
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
19 กันยายน 2565
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tanjira's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.