ไปเที่ยวมหานคร ฉงชิ่ง กัน ตอนที่ 1 วันที่ 23-27 มิถุนายน 59 ชีพจรลงเท้าอีกครั้งหนึ่ง พี่เจ๋มาชวนไปเที่ยว "ฉงชิง" เพราะ อิม ขาดคู่ เนื่องจาก อ้อยไม่อยากไป สุขภาพไม่ค่อยดี กลัวจะเดินไม่ไหว ฉันไม่ค่อยอยากไปนัก เพราะต้องใช้เงินมาก ในทริป คานาเสือ ในเดือน ตุลาคม แต่ก็ไปจนได้ ทริปนี้ ค่าเครื่องบินราคา 5,400 บาท ค่าคนนำทางอีก 9,800 บาท อาหารการกิน ต้องจ่ายกันเอง รวมค่าวีซ่าจีนอีก ราคาเพิ่มอีก 500 บาท จากเดิม 1,000 บาท รวมทั้งสิ้น ก็น่าจะประมาณ 20,000บาท ต้น ๆ คืนวันที่ 22 มิ.ย. พี่เจ๋ ลุงสม และน้องอิม (มาจากท่ายางพร้อมน้องชายและน้องสะใภ้ คือ หนุ่มและใจ) มารับฉันที่บ้านไปค้างที่บ้านพี่เจ๋ เนื่องจาก เครื่องจะบินประมาณ 6,20 น. ต้องไปถึงสนามบิน ประมาณ ตี่ 4 ตามที่ คุณพี คนนำทัวร์บอกไว้ วันที่ 23 มิ.ย.พวกเราต้องเรียกแท็กซี่ 2คันไปส่งที่สนามบิน ดอนเมืองโดยสายการบิน แอร์เอเซีย FD 556 เวลา 06.20 น. พวกเรามาเป็นกลุ่มแรก 6 คน ทริปนี้ มี 16 คน ซึ่งไม่เคยร่วมทริปกันมาก่อน ฉันไปเอาใบขาเข้า ขาออก มาให้พวกเรากรอกไว้ก่อนไว้ยื่นกับเจ้าหน้าที่ที่เราจะต้องให้เขาตรวจ เพื่อออกนอกประเทศ วันนี้คนออกนอกประเทศมีมากเหลือเกิน ช่องตรวจเครื่องด้วยนิ้วมือ ก็ยังไม่เปิด กว่าจะผ่านด่านตรวจเพื่อไปขึ้นเครื่อง ก็เหลือเวลาค่อนข้างน้อย กึ่งเดินกึ่งวิ่ง ฉันสะดุดเท้าตัวเองล้มอีก หัวเข่าเขียวเป็นจ้ำเลย อิอิ ดีที่ไม่เป็นอะไรมาก ใช้เวลาในการเดินทางจากดอนเมืองไปเมืองฉงชิ่ง ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง เวลาของเมืองฉงชิ่ง เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง ถึงสนามบินของเมืองฉงชิ่งก็ประมาณ 10.30น. กว่าจะผ่านการตรวจคนเข้าเมือง ก็ประมาณ 11.00 น.ของเวลาที่จีน คุณพี หัวหน้านำทริป จ้างเท็กซี่ 4 คัน คันละ นั่งได้ 4 คน เพื่อไปโรงแรม ซึ่งคงจะจองเอาไว้แล้ว รถติดมาก ๆ สนามบินกับโรงแรมที่พักไกลกันพอสมควร กว่าจะไปถึง ก็บ่ายโมงน่าจะได้แล้ว มาชมภาพพวกเราที่สนามบิน ค่ะ
หลังจากเช็คอิน คือ โรงแรม 168 ชงคิงจีฟางไบ เอากระเป๋าเข้าห้องพักเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ไปทานข้าวมื้อกลางวัน (น่าจะบ่ายสอง) ที่ร้าน คาร์ฟู ซึ่งเป็นฟาสฟู้ด มีอาหารหลาย ๆ อย่าง ให้เราเลือก เราเลือกอาหาร 5 อย่าง ข้าว6 ชาม น้ำคนละขวด มาใส่ถาดแล้ว ก็ไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์
อิ่มท้องกันไปเลย อาหารก็พอกินได้ ราคาไม่แพงนัก ตกเฉลี่ยคนละ 10 กว่าหยวน แล้วกลับโรงแรม ไปพักผ่อนก่อน นัดกันอีกทีเวลาบ่าย 4 โมงเย็น เพื่อไปนั่งกระเช้าเมืองฉงชิ่ง ข้ามแม่น้ำแยงซีเกียง ความยาวของเส้นทางที่จะข้ามไป มี 1,166 เมตร สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 1987 ขึ้นไปด้านบนจะเป็นจุดชมวิว ชมเมืองฉงชิ่ง ที่สวยที่สุด ก่อนจะไปชมภาพบ้านเมือง ฉงชิ่ง เรามาศึกษา ความเป็นมาของเมืองนี้ สักเล็กน้อยค่ะ เมืองฉงชิ่ง (หรือจุงกิง) เป็นเมืองใหญ่อันดับ 8 ของประเทศจีน ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ ของจีน ทางตอนบนของแม่น้ำแยงซีเกียง มีพื้นที่ติดกับมณฑลหู เป่ย หูหนัน กุ้ยโจว เสฉวน และซ่านซี ตัวเมืองฉงชิ่ง มีแม่น้ำไหลผ่านหลายสาย ฉงชิ่ง เป็นแหล่งแร่ธาตุสำคัญของประเทศจีน เช่น ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ สตรอนเดียม อะลูมิเนียม แมงกานิส หินปูน ยิบซั่ม ปรอท หินเขี้ยวหนุมาน หินเกลือ มีมากกว่า 38 ชนิด มีสตรอนเดียมมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ และเป็นอันดับที่สองของโลก ฉงชิ่ง เคยเป็นเมืองหลวงของรัฐบาลจีน พรรคก๊กมินตั๋ง เป็นเมืองเอกของมณฑลเสฉวน ต่อมาในวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 1997 รัฐบาลจีน ประกาศให้ฉงชิ่ง เป็นเขตปกครองพิเศษแยกออกจาก มณฑลเสฉวน มาเป็นมหานครฉงชิ่ง เป็นศูนย์กลางของการคมนาคม ทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ฉงฉิ่งได้รับสมญานามว่า "ฮ่องกงน้อย" ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวฮั่น ราคาแท็กซี่เริ่มต้นที่ 7 หยวน เมื่อถึงเวลานัดหมาย คือ บ่าย สี่โมง คุณพี ก็พาพวกเราเดินจากโรงแรม เพื่อไปที่สถานีรถไฟฟ้า ซื้อ บัตร แต่ไม่ได้ขึ้นรถไฟ เพียงอาศัยเป็นทางผ่านเข้าไป ไม่ต้องเดินทางไกล เพื่อไปยังสถานที่ ที่จะซื้อบัตร นั่งกระเช้าไฟฟ้า เพื่อไปที่สูง คือจุดชมวิว ดูเมืองฉงชิ่งในมุมสูง มาชมระหว่างทางไปสถานีรถไฟฟ้าและ สถานีรถไฟฟ้า มาชมกัน ค่ะ
เราไม่ได้อยู่รอจนมืด แต่จ้างรถไปเที่ยวจุดชมวิวอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสวนป่า เราต้องซื้อบัตรเข้าไป นัดรถมารับสองทุ่ม ในสวนนี้ ส่วนหนึ่งเป็นสวนป่า มีลานกว้าง มีหอสูง ที่มีลีฟให้ขึ้นไปชมทิวทัศน์ในมุมสูง มาชมภาพต่าง ๆ ที่ฉันรวบรวมมาให้ชม ค่ะ
รถที่นัดไว้ให้มารับตอน 2 ทุ่ม ไม่ได้มา พวกเราลงมติกันว่า วันนี้มืดแล้ว ไม่ไปดูแสงสีเมือง ฉงชิ่ง ที่เรานั่งกระเช้าไปชมเมื่อช่วงบ่าย พวกเราจะกลับโรงแรมและหาอาหารมื้อเย็นทานกัน แล้วนอนพักผ่อน โดยจ้างรถแถว ๆ สวนป่านั้น ส่งเราที่โรงแรม จบทริปของวันที่ 23 มิถุนายน 59 ค่ะ โปรดติดตามตอนที่ 2 ต่อไปในเร็ว ๆ นี้ นะคะ จะได้ไม่ต้องอ่านยาวเกินไป อิอิ สวัสดีค่ะ
Create Date : 27 กรกฎาคม 2559 |
Last Update : 28 กรกฎาคม 2559 15:50:42 น. |
|
41 comments
|
Counter : 2486 Pageviews. |
|
|
+อาจารย์สุวิมล Travel Blog ดู Blog