สิ่งที่น่าวิตกกังวลด้านพลังงานในประเทศไทยคือเรื่องนโยบายอุดหนุนราคาพลังงานจากภาครัฐ ทีบิดเบือนกลไกตลาด ก่อให้เกิดความเสียหายในด้านการค้าและการลงทุนนับแสนล้านในแต่ละปี นอกจากนี้นโยบายด้านพลังงานทดแทนยังไม่มีความชัดเจนในรายละเอียดตลอดจนกฎหมายหรือระเบียบที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนพัฒนาใช้ประโยชน์และส่งออกนำรายได้เข้าประเทศ ข้อมูลจาก Wood Meckencie ระบุว่าประเทศในภูมิภาคเอเซียนส่วนใหญ่มีแนวโน้วการพึ่งพาการนำเข้าพลังงานเพิ่มมากขึ้น ถือเป็นการตอกย้ำว่าพลังงานทดแทนจะเป็นพลังงานแห่งอนาคตและเป็นกลไกในการยกระดับเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ทั้งในภูมิภาคนี้อย่างมีศักยภาพและดีที่สุดที่โลกเคยค้นพบมาแล้ว
ปี2556 ประเทศไทยมีการบริโภคพลังงานจำนวนมากและเป็นประเทศนำเข้าพลังงานสุทธิทั้ง ก๊าซ น้ำมันและไฟฟ้า โดยการนำเข้าน้ำมันดิบของไทยมีสัดส่วนร้อยละ80ของการนำเข้าพลังงานทั้งหมด และการนำเข้าพลังงานมีสัดส่วนร้อยละ20ของการนำเข้าสินค้าทั้งหมด( Green Network,กุมภาพันธ์2014) ในขณะทีเรามีแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก25%ใน10ปี (พ.ศ 2555-2564)...การพัฒนาพลังงานทดแทนในบ้านเราวันนี้จึงมิใช่เพียงเพื่อลดการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศและเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานของประเทศเท่านั้น แต่ควรมองการณ์ไกลไปถึงศูนย์กลางการพัฒนาพลังงานในระดับภูมิภาคหรือ BIO-HUB OF GREENOVATION ในอนาคต
สุดท้ายพลังงานทดแทนแต่ละชนิดจะเกิดหรือเกิดมาแล้วพิกลพิการก็คือเงินอุดหนุนพลังงานทดแทน... รัฐบาลสมควรเลิกอุดหนุนราคาพลังงาน ดีเซล ,LPG, NGV ปีละหลายหมื่นล้านบาท โดยนำเงินมาเพิ่มadderและFiT พลังงานสีเขียวจากขยะและพืชพลังงานจากภาคเกษตร-ป่าไม้ โดยสมควรอุดหนุนadderอย่างน้อยที่สุดคือเท่าพลังงานลม 4.50 บาท เพื่อเป็นค่าซื้อวัตถุดิบจากหยาดเหงือแรงงานของชุมชน พลังงานแสงอาทิตย์รัฐบาลให้ไปได้อย่างไรadderสูงที่สุดทั้งๆที่รู้ว่ามีการนำเข้าเทคโนโลยีมากและจ้างงานน้อยที่สุด
Pandora Charms //www.tnsi.com/onlines.aspx