ทำ..ในสิ่งที่อยากจะทำ ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้นแต่ความอดกลั้นน้อยลง เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ ครอบครัวเรากลับเล็กลง เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลงเรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้นเราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้วแต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง เรามีอาหารดี ๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลง ทุกวันนี้ ทุกบ้านมีคนหา รายได้ได้ถึง 2 คน แต่การ หย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น ชายผู้ใช้ชีวิตโดยปราศจากเงิน...Mark Boyle เป็นคนไอริช เขาพยายามใช้ชีวิตโดยไม่มีรายได้ ไม่มีบัญชีธนาคาร ไม่มีการใช้จ่าย และต่อไปนี้คือบทสรุปที่เขาค้นพบ...การเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตผมเกิดขึ้นในค่ำวันหนึ่ง ในขณะที่ผมกับเพื่อนกำลังถกปรัชญาแล้วก็พลางดื่มเหล้าไปด้วย ผมก็เกิดแรงบันดาลใจจากคำพูดของมหาตะมะว่า "หากอยากปลี่ยนแปลงให้โลกเป็นแบบใด ให้เริ่มจากตัวเอง" ตอนนั้นผมไม่รู้สึกเลยว่ามันจะเปลี่ยนอะไรได้ ผมกับเพื่อนเริ่มพูดถึงปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลกแล้วคิดกันว่าจะถกเรื่องไหนดี ไม่ว่าจะเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม การแย่งชิงทรัพยากร การทำฟาร์มแบบโรงงาน การใช้แรงงาน ที่เราคุยกันตอนนั้นไม่ใช่ว่าผมคิดว่าผมกับเพื่อนจะสามารถแก้ไขอะไรได้ เราเป็นแค่หยดน้ำเล็กๆสองหยดในมหาสมุทรที่สกปรกสุดขีด...
ดังนั้นผมอยากเห็นโลกเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ผมอยากให้เป็น ผมเลยต้องเลิกใช้เงิน ซึ่งผมใช้เวลาเตรียมการปีนึง ผมทำรายการขึ้นมาว่าผมต้องการอะไรบ้างเพื่อที่จะไม่อดตาย ผมชอบกิน ดังนั้นเอาไว้รายการสำคัญที่สุด การหาของกินฟรีๆมีกฏง่ายๆ 4 ข้อ หาของป่า ปลูกผักเอง แลกกับเพื่อนบ้าน ไม่ก็กินแมลงซึ่งมีเยอะแยะไปหมด วันแรกของผม ผมเลี้ยงอาหาร 3 มื้อให้คน 150 คนด้วยอาหารที่เหลือกินและก็ทั้งที่หามาได้ ตลอดทั้งปีผมปลูกพืชผักและหาอาหารกินเอง ซึ่งผมเหลือทิ้งไม่เกิน 5% ของอาหารทั้งหมด ผมทำอาหารกลางแดดกลางฝนด้วยเตาฟืนถัดมาก็ที่พัก ผมได้รถคาราวานฟรีๆมาจากที่รีไซเคิล ผมจอดมันไว้ที่กลางสวนออร์แกนิคของผม ผมอยู่โดยไม่ใช้ไฟฟ้า ผมใช้ฟืนเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ที่พัก แล้วก็ทำปุ๋ยหมักจากของเสียผมเองเพื่อปลูกผัก ผมอาบน้ำในแม่น้ำ
ถ้าลัทธิบริโภคนิยม การทำลายสิ่งแวดล้อมสามารถนำความสุขมาได้ มันก็คงมีเหตุผลที่คนเราจะยึดถือตาม แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกความทุกข์ทั้งหลายเช่น ความเครียด อาชญากรรม การป่วยทางจิต โรคอ้วน การฆ่าตัวตาย ฯลฯ ล้วนเกี่ยวข้องกับเงินทั้งนั้น ซึ่งดูเหมือนมันไม่ได้ทำให้มีความสุขขึ้นเลย น่าแปลกที่ผมพบว่าหนึ่งปีที่ปราศจากเงินนี้เป็นปีที่ผมมีความสุขที่สุดในชีวิต ผมมีเพื่อนมากกว่าที่เคยมี ผมไม่เคยป่วยเลยและก็โคตรฟิต ผมค้นพบว่ามิตรภาพต่างหากที่ทำให้ผมรู้สึกมั่นคงและอุ่นใจ ไม่ใช่เงิน สิ่งที่โลกตะวันตกขาดแคลนและยากจนมากที่สุดก็คือเรื่องทางจิตใจ การเป็นอิสระที่แท้จริงคือการพึ่งพาซึ่งกันและกัน
แล้วพวกเราทั้งหมดจะใช้ชีวิตแบบนี้ทันทีได้มั้ย ไม่มีทาง มันจะเป็นหายนะใหญ่เลย พวกเราเสพย์ติดเงินตรา พลังงาน แล้วก็สร้างระบบที่ครอบงำโลกโดยมีพื้นฐานจากสองสิ่งนี้ไปแล้ว แต่ถ้าเราลองลดขนาดชุมชนลงไม่เกิน 150 คน แล้วเป็นสังคมพึ่งพาตนเอง ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ ตั้งแต่มีมนุษย์เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ 90% ของเวลาเผ่าพันธุ์เรา เราก็อยู่กับธรรมชาติ อยู่โดยไม่ใช้เงิน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเราเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่ใช้เงิน อาจเป็นเพราะว่าเราเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่ห่างเหินธรรมชาติมากที่สุด
แต่ต้องเริ่มต้นที่ตัวก่อน ไงดีน้าาาา