ยุคทองของมุสลิม ราชวงศ์อับบาซียะห์ได้ยึดอำนาจส่วนใหญ่ด้วยการบังคับ พวกเขาสร้างกองทัพที่มั่นคงขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นพลังสำหรับการต่อสู้เพื่อให้ได้รับการดูแลในช่วงเวลาแห่งความสงบสุขเช่นเดียวกับการทำสงคราม อับบาซิตวางหน่วยกองทัพ ณ ที่มั่นทางทหารไปทั่วจักรวรรดิเพื่อจะได้แก้ปัญหาใด ๆ ให้ลุล่วงไปอย่างรวดเร็วอับบาซียะห์ประกาศว่าชาวมุสลิมทุกคนไม่ว่าจะเป็นอาหรับหรือไม่เป็นอาหรับก็ตาม ก็เสมอภาคกัน นโยบายนี้ช่วยเกลี้ยกล่อมคนทั่วอาณาจักรให้ยอมรับการปกครองของพวกเขา
ค.ศ.762-800 กาหลิบในยุคราชวงศ์แอบบาซียะห์กลายเป็นเงาของพระผู้เป็นเจ้า บนผืนปฐพี(Shadow of God on earth) ต่อมากาหลิบก็ได้กลายเป็นผู้ปกครองที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้ในท้ายที่ สุด อาณาจักรอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้นจากการปกป้องของกอง ทัพอันเกรียงไกร นำพาสันติภาพมาสู่ดินแดนและชนเผ่าต่างๆ โลกมุสลิมในห้วงขณะนี้มุ่งไปสู่การพัฒนาทางเศรษฐกิจ ผู้ปกครองแห่งราชวงศ์แอบบาสิดได้สร้างระบบชลประทานขนาดใหญ่เพื่อใช้ในการ เพาะปลูก ทำการเกษตร ทำให้ภาคอุตสาหกรรมขยายตัว วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมี
ความก้าวหน้าทั้งด้านช่างฝีมือและการสร้างบ้าน ชาวมุสลิมมีการติดต่อทำมาค้าขายกับเมืองขึ้นทั้งอียิปต์ ซีเรีย และอิหร่าน เศรษฐกิจเกิดการขยายตัวขนานใหญ่ การค้าระหว่างอาณาจักรและความเจริญรุ่งเรือทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ ดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ปกครองซึ่งมั่งคั่งร่ำรวยกันถ้วนหน้า ในคริสต์ศักราช 762 กรุงแบกแดดตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำไทกริส ตามเส้นทางการค้าขายเก่าแก่ระหว่างตะวันออก สู่ตะวันตก มันจะกลายเป็นตลาดแห่งหนึ่งที่พลุกพล่านและเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของโลกแห่งหนึ่ง...จึงอยากเห็นสังคมไทยสามัคคึปรองดองกันเพื่อก้าวเข้าสู่ยุคทองในศตวรรษที่21