พัฒนาการความมั่งคั่งและวรรณกรรมในยุโรป คริสต์ศตวรรษ15-20
ความมั่งคั่งของยุโรปและอาณานิคมเศรษฐกิจในคริสต์ศตวรรษที่15 ชาวยุโรปเปลี่ยนอำนาจจากทหารบกไปหาอำนาจทางทะเล โดยใช้พระเจ้าฯ นำทางสู่การแข่งขันการครอบครองทรัพยากรและดินแดนต่างๆเพื่อแสวงหาความมั่งคั่ง วาสโก ดามา หาวิธีเดินเรือออ้มทวีปอเมริกามาได้... โปรตุเกสมีกองเรือที่เข้มแข็งทางทะเล สิ่งล่อใจคือความมั่งคั่งอย่างน่าอิจฉาของพ่อค้าอาหรับที่ครอบครองตลาดเครื่องเทศ ทองคำและเงินซึ่งเป็นสินค้าหายากในยุโรปผ่านแรงกระตุ้นอีกทางในการเผยแพร่คริสต์ศาสนาร่วมด้วย
ในอินเดียใต้โปรตุเกสตั้งสถานีการค้าที่เมืองกัวเป็นแหล่งรวบรวมเครื่องเทศเช่นกานพลู และ ลูกจันทร์ แล้วเข้ายึดเมืองมะละกาเมืองท่านานาชาติในยุคนั้น ในปี ค.ศ 1511แต่งทูตมายังราชสำนักอยุธยาสมัยพระรามาธิบดีที่2 (โอรสพระบรมไตรโลกนาถ)พร้อมขอทำการค้าที่เมืองมะริด ตะนาวศรี ปัตตานี และ นครศรีธรรมราช ซึ่งขึ้นกับอาณาจักรทองคำอยุธยา
กลางคริสต์ศตวรรษที่15 มะละกาเป็นชุมทางการค้าในการแลกเปลี่ยนสินค้าของพ่อค้าอาหรับ เปอร์เซีย อินเดีย จีน ชวา อยุธยา ชวา มอญ สยาม ในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ (AEC)และเป็นศูนย์กลางเผยแพร่ศาสนาอิสลาม อันเนื่องจากอิทธิพลของ อาหรับ เปอร์เซียและอินเดีย ที่เป็นพ่อค้ามุสลิมที่ค้าขายเก่งที่สุดในโลกในยุคนั้น
พัฒนาการความมั่งคั่งและวรรณกรรมของฝรั่งเศส...วรรณกรรมของแต่ละชาติคือกระจกเงาสะท้อนภาพสังคมและเป็นดัชนีชี้แนวของกระบวนการทางวัฒนธรรม ตลอดจนเสนอให้เห็นการยึดถือคุณค่าต่างๆของคนในสังคมแต่ละยุคสมัย ความเป็นไปทางการเมือง ความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจ ระดับการศึกษาเป็นต้น พัฒนาการของวรรรกรรมฝรั่งเศสได้กลายเป็นแผนผังสากลที่มักถูกนำไปใช้อธิบายตัวบทและบริบทของวรรณกรรมในสังคมอื่นเสมอ วรรณกรรมฝรั่งเศสยุคแรกอยู่ในรูปของบทเพลงขับร้อง บอกเล่าตำนานทางศาสนา วีรกรรมของอัศวินหรอเรื่องรักใคร่ในราชสำนัก ฯ
ช่วงคริสต์ศตวรรษที่16-17 ได้เข้าสู่ยุคเรอเสช็องหรือสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ความก้าวหน้าทางการค้าและวิชาความรู้ ก้าวขึ้นสู่ความเป็นมหาอำนาจ ราชสำนักและนครปารีสกลายเป็นศูนยกลางทุกสิ่งทุกอย่าง คริสต์สตวรรษที่18เข้าสู่ยุคความรู้แจ้งหรือEnlightenment ชนชั้นกลางมีอำนาจในสังคมมากขึ้นเกิดวรรณกรรมแนวปรัชญา ฯ หรือ วรรณกรรมแนววิจารณ์การเมืองและสังคม
ช่วงคริสต์ศตวรรษที่19 เป็นยุคแห่งการปฏิวัติสู่ความเป็นสมัยใหม่ ในสังคมฝรั่งเศสเกิดความขัดแย้งกันของอุดมการณ์สามแนวทาง/สามชนชั้น คือ เสรีนิยมของชนชั้นกลาง อนุรักษ์นิยมของชนชั้นสูง และสังคมนิยมของชนชั้นล่าง และในคริสต์ศตวรรษที่20เป็นยุคแห่งความสับสน จากสงครามโลกครั้งที่2 และความเสื่อมโทรมของวัฒนธรรม-สิ่งแวดล้อม ทำให้ความเชื่อมั่นในระบอบเหตุผลของมนุษยกร่อนทลายทิ้งไว้แต่ความไร้สาระ ไร้เหตุผล และไร้คำอธิบาย วรรณกรรมก็เปลี่ยนโฉมไปตามบริบทใหม่ (วิปัศยา เบาสันเทียะ ในกรุงเทพธุรกิจ
8มิย2557)
ตอนนี้ลมความมั่งคั่งกำลังพัดหวนกลับมายังเอเซียโดยมีจีนและอินเดียเป็นหัวหอกในการสะสมความมั่งคั่งและจะพากันเจริญเติบโตต่อไปอีกดังข่าวด้านล่าง
//www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?newsid=9570000065257

อ่านเพิ่มเติม //haab.catholic.or.th/history/history01/protuget13.html




Create Date : 13 มิถุนายน 2557
Last Update : 14 มิถุนายน 2557 10:32:13 น.
Counter : 4746 Pageviews.

1 comments
  
รอดูกันต่อไปค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 13 มิถุนายน 2557 เวลา:14:32:07 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

surya21
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 50 คน [?]



New Comments
มิถุนายน 2557

1
2
3
4
5
6
9
11
12
15
16
17
18
19
20
21
23
26
27
28
 
 
All Blog