สิงคโปร์เป็นประเทศในแถบอาเซียนที่เราคนไทยคงจะคุ้นเคยกันดี โดยเป็นเกาะอยู่ทางตอนใต้สุดของคาบสมุทรมลายู (ก็คือประเทศมาเลเซีย) และเป็นประเทศที่เล็กที่สุดในอาเซียน
ปัจจุบันสิงคโปร์เป็นหนึ่งในศูนย์กลางการค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก มี GDP ต่อหัวสูงที่สุดในอาเซียน และประชากรมีรายได้สูงสุดเป็นอันดับสามของโลก นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังได้รับการจัดอันดับว่ามีการศึกษาอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก มีการเข้าถึงบริการสุขภาพ และความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจก็อยู่ในเกณฑ์สูง
ปัจจุบัน สิงคโปร์มีประชากร 5.5 ล้านคน โดยกว่า 2 ล้านคนถือสัญชาติอื่นด้วย จึงถือว่าเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติสูงมาก
สิงคโปร์ ปกครองแบบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา และมีประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศ แต่มีหน้าที่เฉพาะในเชิงพิธีการต่างๆ ส่วนอำนาจบริหารประเทศอยู่กับนายกรัฐมนตรี (ปัจจุบัน คือ ลีเซียนลุง ซึ่งเป็นบุตรชายของอดีตนายกรัฐมนตรี ลีกวนยู) อย่างไรก็ตาม มีอยู่พรรคเดียวคือ พรรคกิจประชาชน (PAP) ที่ชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลายทุกครั้ง นับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศเป็นต้นมา
ประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์
หลายๆคนอาจจะคิดว่า สิงคโปร์เป็นประเทศเกิดใหม่ไม่น่ามีประวัติศาสตร์อะไรยาวนานมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วประวัติศาสตร์ของดินแดนแห่งนี้ สามารถย้อนกลับไปได้ถึงศตวรรษที่ 14 (800 กว่าปีก่อน) เลยทีเดียวครับ
ในช่วงศตวรรษที่ 14 สิงคโปร์ถูกเรียกว่า เทมาเส็ก หรือ ตูมาสิก อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรมัชปาหิตที่มีศูนย์กลางอยู่บนเกาะชวา และต่อมาสิงคโปร์ก็ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสุโขทัย, มะละกา, โปรตุเกส และฮอลันดา ตามลำดับ
ในศตวรรษที่ 17 มีเจ้าชายจากเมืองปาเล็มบังพระองค์หนึ่ง (ปัจจุบันอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย) ได้เดินทางทางทะเลและเรืออับปางลง พระองค์ได้มาขึ้นฝั่งที่เกาะนี้ และได้พบกับสัตว์คล้ายสิงโต นับแต่นั้นเกาะแห่งนี้จึงถูกเปลี่ยนชื่อเป็น สิงหปุระ ตั้งแต่บัดนั้น (คำว่า สิงคโปร์ เพี้ยนมาจากชื่อนี้)
ในปี 1817 อังกฤษได้ส่ง เซอร์ โทมัส สแตมฟอร์ต แรฟเฟิล (ในรูป) มาสำรวจเกาะนี้และได้มีการตั้งสถานีการค้าขึ้น ก่อนจะถูกยึดเป็นอาณานิคมในเวลาต่อมา
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นก็เคยมายึดสิงคโปร์ไว้ แต่อังกฤษก็สามารถยึดสิงคโปร์คืนมาได้หลังสิ้นสุดสงคราม อย่างไรก็ตาม ด้วยกระแสความต้องการเอกราชในหลายๆดินแดนอาณานิคมทั่วโลก ในที่สุดอังกฤษก็ต้องยอมปลดปล่อยดินแดนต่างๆให้เป็นอิสระ ทำให้สิงคโปร์ได้รับเอกราชในปี 1963 ในช่วงแรกสิงคโปร์ยังอยู่รวมกับมาเลเซีย ภายใต้ชื่อ สหพันธรัฐมาลายา แต่ต่อมาความขัดแย้งทางเชื้อชาติระหว่างสิงคโปร์ที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นคนเชื้อสายจีน กับมาเลเซียที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นคนเชื้อสายมลายู ก็ได้ประทุขึ้น ทั้งในระดับประชาชน และรัฐบาล จนในที่สุด สิงคโปร์จึงถูกขับออกจากสหพันธ์ และกลายเป็นประเทศอิสระในปี 1965
ในช่วงแรก มีการคาดการณ์กันว่า สิงคโปร์ในฐานะที่เป็นประเทศเอกราชจะไปไม่รอด แต่ด้วยวิสัยทัศน์อันยอดเยี่ยมของอดีตนายกรัฐมนตรี ลีกวนยู ที่ได้วางรากฐาน ทั้งในด้านอุตสาหกรรม การจัดสรรที่ดิน และการศึกษาประกอบกับการมีอำนาจเบ็ดเสร็จในสภา และการคอร์รัปชันในระดับต่ำ ทำให้สิงคโปร์มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ในปี 1960-1970 เศรษฐกิจโตเฉลี่ยปีละ 9% ทำให้ในปี 1990 สิงคโปร์กลายเป็นชาติที่พัฒนามากที่สุดชาติหนึ่งของโลกจนถึงปัจจุบัน
(ขวา) นายลีกวนยู อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้วางรากฐานที่สำคัญของประเทศสิงคโปร์
(ซ้าย) นายลีเซียนหลุง บุตรชาย ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของสิงคโปร์
เที่ยวช่วงไหนดี
อากาศที่สิงคโปร์มีอยู่แค่สองแบบครับ คือร้อนกับฝน (อันนี้ต้องทำใจ) ช่วงที่ผมไปตอนเดือนเมษายน เจอทั้งสองแบบเลย ทั้งร้อน (มาก) และฝน (พอสมควร) ส่วนตัวผมว่าไปช่วงไหนก็ไปเหอะไม่ต่างกันมาก แต่ควรเลี่ยงเดือนพย.ถึง มค. จะดีกว่า ถ้าไม่อยากเจอฝนเยอะ
เวลา
เวลาที่สิงคโปร์เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมงครับ (อย่าลืมปรับล่ะ)
ตม.และวีซ่า
ไปสิงคโปร์ไม่ต้องใช้วีซ่า ขอแค่คุณมี passport ที่มีอายุเหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ก็สามารถอยู่ที่นี่ได้ไม่เกิน 30 วันครับ
ในส่วนของตม.ที่หลายๆคนอาจจะกังวล แต่จากประสบการณ์ส่วนตัว ตม. ที่สนามบินชางงี ไม่ถามอะไรผมเลยสักคำ ปั๊มให้แทบจะทันที แต่เห็นมีรายงานจากหลายๆคน ใน pantip (โดยเฉพาะผู้หญิง) ที่โดนเรียกเข้าห้องเย็นเยอะอยู่ ยังไงผมว่าควรเตรียมเอกสาร เช่น ใบจองโรงแรม ตั๋วเครื่องบินขากลับ และแผนการเดินทางไปให้พร้อมนะครับ
ผู้คน
สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีความเป็นพหุวัฒนธรรม ประชากรประกอบไปด้วย ชาวจีน (75%) ชาวมลายู (15%) และชาวอินเดีย (8%) ทำให้มีภาษาราชการถึง 4 ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษามลายู และภาษาทมิฬ โดยประชากรส่วนใหญ่สามารถพูดได้มากกว่า 1 ภาษา และทั้งหมดที่ผมเจอ สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ในระดับดีมากครับ
ในส่วนของอุปนิสัยจากการสัมผัส (ในระดับผิวเผิน) คนสิงคโปร์ส่วนใหญ่น่ารักและให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวต่างๆเป็นอย่างดี ตอนที่ผมหาที่พักไม่เจอก็มีลุงคนนึงเดินเข้ามาถามเลยว่ามีอะไรให้เค้าช่วยไหม โดยที่เราไม่ต้องร้องขอ
ส่วนเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากที่นี่กฎหมายแรง บ้านเมืองจึงมีความปลอดภัยในระดับที่สูงมาก ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษครับ
ป้ายบอกทางของสิงคโปร์จะเห็นว่ามีถึง 4 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ จีน มลายู และทมิฬ (จาก Wikipedia)
ระบบเงินตรา
เงินสิงคโปร์เรียกว่า ดอลลาร์สิงคโปร์ (Singapore dollar, SGD) โดย 1 ดอลลาร์มีค่าประมาณ 25 บาท หรือใครจะคิดแปลงจากเงินบาทง่ายๆ ก็คูณหรือหาร 25 เข้าไป
ระบบขนส่งมวลชน
ถ้าใครเดินทางเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกด้วยตัวเองแล้วยังเกิดความลังเล ผมคิดว่าสิงคโปร์เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการหัดเที่ยวครับ
ระบบรถไฟใต้ดินของสิงคโปร์ครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยว ส่วนใหญ่ของประเทศนี้ หรือต่อให้เข้าไม่ถึงก็มีรถเมล์ให้บริการอย่างสะดวกสบายทั่วประเทศ
การไปเที่ยวสิงคโปร์ ผมแนะนำให้ใช้บัตรเติมเงินที่เรียกว่า EZ-link ซึ่งสามารถหาซื้อได้ที่สนามบิน เวลาจะใช้กับพวกรถไฟหรือรถเมล์ก็แค่แตะกับเครื่องชำระเงินเท่านั้น จะได้ไม่ต้องเสียเวลาซื้อตั๋วบ่อยๆ (สะดวกมากครับ อันนี้แนะนำ) นอกจากนี้การใช้บัตรนี้ยังช่วยลดค่าโดยสาร เมื่อเทียบกับใช้วิธีการซื้อตั๋วปกติได้เยอะเลย
ดูแผนที่รถไฟฉบับขยายได้ที่นี่
แผนเที่ยว ทริปนี้ใช้เวลา 5 วัน 4 คืนดังนี้ครับ
Day 1
- เช้า: ออกเดินทางจากกทม. ไปยังสิงคโปร์ (Lion air: SL100)
- บ่าย: check in (bohemian chic hostel), เก็บกระเป๋า, เที่ยว Singapore botanic garden
- ค่ำ: เดินเล่นที่ Clarke quay และ boat quay, ชมอาคารรัฐสภาเก่า และห้องทำงานของอดีตนายกรัฐมนตรี ลีกวนยู
Day 2
- เช้า: เที่ยว Jurong bird park
- บ่าย: เที่ยว Singapore zoo, River safari
- ค่ำ: เที่ยว Night safari
Day 3
- เที่ยว Universa Studio Singapore
- เที่ยวรอบๆ Sentosa เช่น Palawan beach, Merlion ยักษ์
- ชม S.E.A aquarium
- ค่ำ: ชมการแสดง Crane dance
Day 4
- เช้า: เที่ยวรอบๆ Chinatown ได้แก่ วัดพระเขี้ยวแก้ว,มัสยิดจาแม และวัดศรีมารีอัมมัน
- เช้า: เที่ยวแถวๆ ย่าน Little India/ เยี่ยมชมวัดศรีวีระมากาลีอัมมัน
- บ่าย: เที่ยวย่าน Bugis ได้แก่ Arab street และชมมัสยิดสุลต่าน
- เย็น: เที่ยวชม Graden by the bay/ Marina bay sand/ Helix bridge และ Singapore Flyer
Day 5
- เยี่ยมชม Asian Civilisation museum
- เดินชมรอบๆเมือง ได้แก่ St.Andrew Catedral, Chijmes, Suntec city/ Fountain ofwealth, Raffle hotel, Raffle statue และ Merlion
- เดินทางกลับประเทศไทย (Lionair: SL105)
ที่พัก
ผมเลือกที่พักที่นี่ครับ The bohemian Chic hostel ตั้งอยู่แถวๆ Chinatown โดยห้องที่ได้แม้จะเป็นห้องนอนรวม แต่ก็มีลักษณะเป็นห้องคล้ายๆแคปซูลทำให้มีความเป็นส่วนตัวดีมาก นอกจากนี้ในแคปซูลยังมีจอทีวีส่วนตัวไว้ดูคลิปจาก youtube ได้ด้วยครับ
ข้อดี
- สะอาดมาก
- Wifi สัญญาณแรงมาก
- รวมอาหารเช้า
ข้อเสีย
- ราคาค่อนข้างสูงคือคืนละ 30 ดอลลาร์ หรือประมาณ 750 บาท (แต่ต้องยอมรับครับว่า สิงคโปร์เป็นเมืองที่ค่าครองชีพสูงจริง)
- เนื่องจากไม่มีป้ายที่พักอาจจะทำให้หายากนิดนึง (แต่จริงๆใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดิน Chinatown มาก)
ข้อมูลเพิ่มเติม: https://the-bohemian-chic-hostel.bestsingaporehotels.net
งบประมาณ
ทริปนี้ผมเสียค่าใช้จ่ายไปประมาณ 14,000 บาท แบ่งเป็นค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ 6,000 บาท (เดินทางช่วงสงกรานต์ ราคาเลยสูง) ค่าที่พัก 3,000 บาท นอกนั้นเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าอาหาร ค่าเข้าชมสถานที่ ค่าของฝาก และอื่นๆ
ตอนอื่นๆ
(ใครอ่านในมือถือ เลื่อนขึ้นไปด้านบนสุดเพื่อเปลี่ยนเป็น desktop version ก่อนนะครับ ถึงจะคลิกเข้าไปอ่านตอนอื่นๆ ตาม link ด้านล่างนี้ได้)
ตอนที่ 1: เตรียมตัวเที่ยวสิงคโปร์
ตอนที่ 2: สวนพฤกษศาสตร์แห่งชาติสิงคโปร์