ตุลาคม 2557

 
 
 
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
Eat Pray Love :: EP3 ปายวันที่สองกับการตะลอนแว๊น แมนๆกันค่ะ ^^
 ตื่นมาเช้านี้ที่ปาย สิ่งแรกที่รู้สึกคือ.....หนาวมาก แต่ก็สดชื่นมากด้วยค่ะ

อากาศในห้องปรับอากาศยังไม่ฟินเลยเดินไปเปิดประตูซะเลย

โอ้โห........เย็นเยียบเฉียบเข้าไปในทรวง สะใจชะมัด เปิดดูอุณหภูมิ 11 องศา

อ้าาาาาหหห....ฟิน





ตื่นแต่ไก่โห่ เพื่อจะให้ทันพระอาทิตย์ขึ้น เวลามาเที่ยวตื่นเช้าได้

อยู่บ้านตื่นเช้าแบบนี้หรือไม่....ให้ทาย 5555++





บรรยากาศยามเช้ามันเงียบสงบและสดชื่นมากๆ

สามารถสูดลมหายใจให้อากาศเย็นๆบาดเข้าไปในปอด ขั้วปอดอยู่ไหนรู้เลย

พระอาทิตย์เริ่มจะออกมาทักทายแล้วค่ะ

ฟ้าสว่างแล้วแต่นางยังไม่เผยโฉม เพราะปายเป็นเมืองในหุบ ต้องรอให้พ้นเหลี่ยมเขาซะก่อน






เลยรีบเดินไปที่ริมแม่น้ำปายหน้ารีสอร์ท เพื่อจะได้บันทึกภาพความงาม เงียบ สงบ

แบบที่ชาวบ้านเห็นทุกวัน แต่นังคนเมืองกรุงกรี๊ดกร๊าดนักหนา

เมื่อวานเย็นก็คิดว่าภาพตรงนี้สวยจนลืมหายใจไปแล้ว

พอมาตอนเช้า......มันกลับงามจับใจยิ่งกว่า ทั้งสีสัน บรรยากาศ และมิติที่ 4 

คือความเคลื่อนไหวของสายน้ำ เสียงของน้ำไหล เสียงของนก

ยืนนิ่งๆกำซาบ.......ซะ








พอพระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาก็สาดแสงเต็มที่ นั่งนิ่งๆกันอาบแสงตะวันยามเช้า

อากาศก็ค่อยๆอุ่นขึ้นเล็กน้อย......สองคนผัวเมีย นั่งกันนิ่งๆไม่ต้องพูดกัน

มันมีความสุขมากค่ะ


แสงอ่อนยามเช้า กับเสียงนกร้อง มีเสียงน้ำไหลเป็นแบ็คกราวด์นอยซ์





นั่งกันจนแดดเริ่มแข็ง ร้อนละ ชะนีไทยไม่สู้แดดค่ะ ขอหลบไปทานอาหารเช้าเลยดีกว่า

ตื่นเช้าแล้ว ระบบทางเดินอาหารเริ่มทำงานซะงั้น

ที่รีสอร์ตมีร้านอาหารที่เปิดมาก่อนเปิดรีสอร์ตซะอีก เราจะมานั่งทานอาหารเช้ากันที่นี่ค่ะ









บรรยากาศบริเวณที่ทานอาหารเป็นสไตล์วินเทจค่ะ

ที่นั่งจะแบ่งเป็นเหมือนชุดรับแขกเล็กๆ 

ได้ที่นั่งแล้วก็สั่งอาหารค่ะ  อาหารเช้าที่นี่ไม่ได้เป็นแบบบุฟเฟ่ต์อย่างที่คิด

แต่มีให้เลือกสั่งได้คนละเซ็ต ของคาว + ของหวาน + ชาหรือกาแฟ

ระหว่างที่นั่งรออาหาร ก็แอบไปเดินชักภาพตามมุมต่างๆอย่างเพลิดเพลิน










จานแรกมาแล้วค่ะ

เป็นไข่ดาว มันอบ เบคอนและไส้กรอก

มาเสิร์ฟปั๊บก็ถ่ายรูปก่อนเลย ถ่ายเสร็จถามคุณสามีว่าอันนี้ของเธอใช่ไหม

ปรากฎว่า ผิดค่ะ เค้าเสิร์ฟผิดโต๊ะ 5555++

ตอนเช้าพนักงานจะยังมาไม่เยอะ คนขับรถกับรีเซพชั่นเลยต้องมารับออร์เดอร์

และเสิร์ฟอาหาร รวมถึงเข้าไปช่วยในครัวด้วย

เราเห็นแล้วก็รู้สึกน่ารักดี รีสอร์ตเล็กๆ แต่เซอร์วิสมายด์เต็มร้อยมากๆ






เอาล่ะจานของจริงมาแล้วค่ะ

จานนี้เป็นของน้ำตาลเอง สั่ง egg benedict เสิร์ฟมาพร้อมขนมปัง มะเขือเทศอบ

และมันฝรั่งอบ ราดซอสเนยมาเยิ้มๆ......ปริมาณไม่น้อยเลยค่ะ

รสชาติทุกสิ่งดีงามมากกก ไข่ก็สุกกำลังดีไม่สุกเกินไป มันอบก็อร่อย ไม่เค็ม

ขนมปังที่อยู่ด้านล่างก็กำลังดีเลยค่ะ






จานนี้เป็นของหนิงค่ะ

หนิงเลือก scrambled egg ค่ะ ใส่แฮม เห็ดแชมปิยอง แครอท มีมะเขือเทศอบมาด้วย

อันนี้แอบชิมของเค้าเอา มันอร่อยมากกก







ของหวานน้ำตาลเลือกเป็น House Bread เสิร์ฟมาพร้อมเครื่องเคียง 4 อย่าง

เนย, แยม, บัลซามิก+น้ำมันมะกอก, ซอสเหมือนซอสซัลซ่า

ขนมปังรสดีค่ะ เปลือกแข็งๆแต่ข้างในนุ่ม หอมมากเป็นขนมปังอบเอง

มันก็อร่อยดีนะคะ แต่กินแล้วยังไม่ฟินอ่ะ









นี่สิคะ ของหวานที่หนิงเลือก Waffle with Coconut Cream

เป็นวัฟเฟิลกรอบนอกนุ่มในหอมสุดๆ เสิร์ฟมาคู่กับครีมมะพร้าว

ครีมนุ่มหอมมันไม่เลี่ยนเลย กินคู่กันแล้วฟินมากกกกกกกกก





ทานอาหารจนอิ่มแล้ว ตรงที่นั่งทานอยู่ด้านในไม่โดนแดดค่ะ

ค่อนข้างหนาวมากกก เลยขอขยับออกมารับแสงแดดด้านนอก

พร้อมสั่งชาและกาแฟเพื่อจบมื้อเช้าอย่างเป็นทางการซะที






น้ำตาลสั่งชามาทานค่ะ เป็น Earl Grey มาเป็นกาเลย ชอบมากกก

แถมน้ำตาลที่ให้มาเป็นน้ำตาลกรวดไม่ฟอกสีด้วย เลิฟเลยค่ะ





ของหนิงเป็น Latte แก้วบึ้มมากกกก

บาริสต้าที่นี่เยี่ยมมากค่ะ ชงกาแฟได้อร่อยจริงๆ กาแฟที่ใช้ก็ดีมากด้วย









จบมื้อเช้าลงไปอย่างสวยงาม......ด้วยความฟินของหนิงค่ะ 55555++





เมื่ออิ่มแล้วก็เข้าห้องไปเตรียมตัวท่องเที่ยวค่ะ เรากะกันว่าจะเริ่มต้นไปหมู่บ้านยูนนานก่อน

และค่อยๆ แวะไปเรื่อยๆตามแผนที่ท่องเที่ยวเมืองปาย

อันไหนดูดีค่อยแวะ อันไหนเฉยๆก็แค่ชะโงกทัวร์ค่ะ

การเตรียมตัวของเราคือแต่งกายรัดกุม เอาทุกอย่างใส่เป้เพียงใบเดียว

และมีเสื้อแจ็คเก็ตแขนยาวใส่ด้วย มันกันได้ทั้งแดดและลม

ขณะที่ออกจากรีสอร์ตก็สายแล้วนะคะ เกือบ 10 โมงเช้าได้ อากาศก็ยังเย็นๆอยู่เลย


พนักงานขับรถของรีสอร์ตไปส่งเราตรงแหล่งเช่ารถมอเตอร์ไซค์ค่ะ

บริเวณนั้นมีให้เลือกหลายร้าน เดินเข้าไปร้านแรก ฝรั่งเยอะเชียว รออยู่สักพักไม่มีใครหืออือ

เลยเดินออกมาที่ร้านเล็กๆข้างๆกัน มีรถจอดอยู่ไม่กี่คันแต่เช่าได้เลยค่ะ

รถพร้อม เติมน้ำมันให้แล้ว มีแผนที่การเดินทางให้พร้อมอธิบายเสร็จสรรพ

วางบัตรประชาชนไว้ให้ รับกุญแจรถแถมหมวกกันน็อคให้ 2 ใบ พร้อมแผนที่

จ่ายเงินไป 380 บาท........แว๊นซ์กันได้เลยค่ะ






เราก็เริ่มต้นแว๊นซ์เที่ยวกันตามแผนที่ที่ทางร้านเช่ารถให้มาค่ะ น้ำตาลเป็นคนดูแผนที่และบอกทาง

ส่วนหนิงก็เป็นแว๊นซ์บอยไป สก๊อยเกิร์ลบอกทางค่ะ

เรามุ่งหน้าไปที่แรก "หมู่บ้านสันติชน" เป็นหมู่บ้านของชาวจีนยูนนานที่อพยพมาตั้งรกรากที่นี่

ป้ายทางเข้าหมู่บ้านเป็นประตูแดง.....ดูจี๊นนน จีน




เข้ามาถึงจะมีลานจอดรถและลานกว้างๆเป็นสถานที่ท่องเที่ยวดักคนที่มาไว้

เราก็ทำการจอดรถในที่ที่เค้าจัดไว้ให้และเริ่มเดินดู....ไปเรื่อยๆค่ะ












สถานที่เป็นเหมือนฉากเซ็ตขึ้นมาแสดงถึงสถาปัตยกรรมและวิถีชีวิตของชาวจีนยูนนาน

มีตัวอาคาร มีเครื่องเล่น มีการเลี้ยงไก่ เลี้ยงม้า มีบ้านที่ก่อสร้างด้วยดิน

รวมถึงมีกำแพงเมืองจีนด้วย.....อันนี้แอบงงว่ามาได้ไง เกี่ยวกันตรงไหน

แต่มันก็เป็นสถานที่เที่ยวได้ดีทีเดียว

ที่นี่เป็นเหมือนที่ดักนักท่องเที่ยวไม่ให้เข้าไปละลาบละล้วงเข้าไปในเขตที่อยู่อาศัยจริงๆ

สร้างความเป็นสัดส่วนของหมู่บ้าน แต่จริงๆนะ เราก็ไม่ได้อยากจะเข้าไปเท่าไหร่

เพราะทางเข้าเป็นภูเขาทางชันมากกกก เดินไม่ต้องพูด ขี่มอเตอร์ไซค์ยังยากเลยค่ะ

และบ้านชาวบ้านก็ไม่ได้น่าดูเท่าไหร่ มันกลืนๆกลายๆเหมือนบ้านทั่วไปหมดแล้วค่ะ

บ้านดินในตำนานก็มีให้เห็นไม่กี่หลัง แถมเป็นบ้านที่ทำไว้โชว์ซะส่วนใหญ่













ก่อนจะกลับเราก็แวะซื้ออาหารกลางวันจากหมู่บ้านยูนนานกลับไปด้วย

เพราะจะนั่งทานเลยก็ยังไม่หายอิ่มจากมื้อเช้าเลยค่ะ

แต่เชื่อไหมคะ ว่าเราซื้ออะไรได้อีกจากที่นี่.......ที่นี่มีสาวยาคูลท์ค่ะ

เราเลยซื้อยาคูลท์มา 4 ขวด ในราคาขวดละ 8 บาท แพงกว่าใน กทม. นิดเดียวเอง

ตลกมากกก....มากินยาคูลท์ที่ปายกัน 5555++



เราก็ขึ้นรถแว๊นซ์กันต่อไป.....ขับกันไม่เร็วหรอกค่ะ ชมนกชมไม้ไปเรื่อยๆ

และทางกลับนั้นเราก็เห็นวัดที่อยู่กลางทาง หมายตามาแต่แรกแล้วว่าจะแวะวัดขากลับ

"วัดน้ำฮู"

ขี่รถเข้าไปจอดในวัด ชะโงกหน้าดูพระอุโบสถแล้ว.....เห็นพ้องกันว่าน่าสนใจมาก

สันดานเด็กถาปัดเริ่มเข้าสิง ทั้งผัวและเมีย ควักกล้องคล้องคอแล้วเดินเพลิดเพลินมาก

พระอุโบสถเป็นสถาปัตยกรรมล้านนาค่ะ ทรงเตี้ยแจ้

สัดส่วนสวยงามใช้ได้ทีเดียว ไม่ได้มีการตกแต่งอะไรหวือหวา

เป็นอุโบสถเรียบๆ แต่สวยค่ะ







ด้านหลังมีเจดีย์สีทองตั้งอยู่ ทรงเจดีย์แปลกๆค่ะ ฐานเป็นย่อมุมเหมือนเจดีย์ภาคกลาง

ตัวองค์เจดีย์กลับเป็นทรงเหลี่ยมที่ไม่เหมือนอะไรในตำราเลย

แต่ยอดกลับเริ่มเป็นระฆังคว่ำอีก......คาดว่าเป็นเจดีย์ทรงตามใจฉันค่ะ



วันที่มาเที่ยวโชคดีมากค่ะ ที่วัดมีพิธีงานศพของเจ้าคณะอำเภอพอดี

เป็นงานศพของพระชั้นผู้ใหญ่ที่นี่ เลยมีงานพิธีใหญ่โต ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน

มีทหารยกมาทั้งกองพล มาเคารพศพ มีชาวบ้านมาทำบุญเยอะแยะไปหมด





และก่อนจะกลับก็เหลือบไปเห็นคุณยาย แม่อุ๊ย ท่านนึงซ้อนมอเตอร์ไซค์ลูกสาวเข้ามา

ที่เตะลูกกะตาอิชั้นพั่บๆๆ คือ ผ้านุ่งของแม่อุ๊ยค่ะ

ผ้านุ่งสวยมากกกก เป็นผ้ามันสีดำ ทอแทรกด้วยดิ้นสีทองเป็นลวดลายแปลกตา

แม่อุ๊ยโพกผ้าสีขาวบนศีรษะด้วย ลองสอบถามดู คุณยายก็ตอบเป็นภาษาเหนือที่แปลก

ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง เลยให้ลูกสาวที่มาด้วยช่วยแปลให้ฟัง

เค้าอธิบายว่า คุณยายเป็นชาวไตค่ะ การโพกผ้าและนุ่งซิ่นสีดำคือชุดสวยที่เอาไว้มางานศพ





ก็เลยขอคุณยายถ่ายรูปเอาไว้ คุณยายก็เลยให้ศีลให้พร 

พอดีคุณยายเป็นทำบุญที่อีกวัดแล้วเค้ามีพิธีสืบชะตา เลยได้ด้ายสายสิญจน์มา

เลยเอาด้ายมาผูกข้อมือให้......เราทั้งคู่รู้สึกปลาบปลื้มมาก

เป็นทริปที่ EAT PRAY LOVE ได้สมบูรณ์แบบมาก







จากนั้นเราก็แว้นซ์กันต่อค่ะ เราจะไปที่ร้านกาแฟ Coffee in Love

ร้านกาแฟที่เค้าว่า วิวสวยที่สุดในเมืองปาย

จากโลเคชั่น.....มันสวยจริงๆแหละ มองเห็นปายทั้งเมืองเลย สวยจริง

แต่คนเยอะมาก ทุกคนอยากมาชิลล์กินกาแฟชมวิวกันทั้งหมด มันเลยงั้นๆไปซะ

เราสองคนลงมาเดินๆ ดูๆ แล้วก็กลับรีสอร์ตกันดีกว่า

เริ่มอยากเข้าห้องน้ำค่ะ คิดไม่ออกจะไปเข้าที่ไหน กลับรีสอร์ตไปตั้งหลักกัน





กลับมาถึงห้องเข้าห้องน้ำ ล้างมือ ล้างหน้าเรียบร้อย

ก็ออกมาแกะอาหารกลางวันที่ซื้อมา เตรียมจะเสพให้หนำ พร้อมชมวิวสวยๆจากระเบียงห้องพัก

นี่ค่ะ อาหารกลางวันของเราสองคน

"ขาหมูยูนนาน และ หมั่นโถว"

อย่าไปคิดว่าหมู่บ้านยูนนานเค้าจะเลี้ยงหมูเอง เชือดเองมาต้มขาหมูนะคะ

ป้ายติดหราหน้าร้านเลยค่ะ เนื้อหมูจากเบทาโกร.....สะอาด ปลอดภัย

โอเค...หมูอะไรก็ตาม สุกแล้วอร่อยด้วยก็กินได้หมดล่ะค่ะ 555++


สั่งขาหมูมา 1 ขา พร้อมหมั่นโถวแบบนึ่ง 4 ก้อน แบบทอดอีก 4 ก้อน

ไม่คิดว่ามันจะมากมายขนาดนี้ ดูจากในรูปที่เมนูมันไม่ใหญ่ขนาดนี้นี่นา ><"





ขาหมูยูนนานต่างจากขาหมูพะโล้ที่เราคุ้นเคยยังไง

มันเป็นขาหมูพะโล้ที่ใส่เครื่องเทศ พริกแห้ง หัวหอม รสชาติจะเข้มข้น

ออกจะเผ็ดๆ และกลิ่นเครื่องเทศแรง แต่มันอร่อยมากกกกกก

อยากวิ่งออกไปซื้อแล้วแพ็คกลับบ้านมากมาย แต่จนปัญญาจริงๆ

หมั่นโถวที่เอามาทานคู่กันก็อร่อยมากค่ะ เนื้อแป้งนุ่มและเหนียว เคี้ยวเพลิน

ทานจะขาหมูด้วยยิ่งอร่อย ฉีกแป้งแล้วจิ้มน้ำพะโล้ยิ่งฟิน


กินกันไปคนละ 2 ลูกก็เริ่มจุกกันแล้วค่ะ....เลยตัดใจ ยังไงก็ต้องกินเนื้อให้หมด

แป้งเหลือช่างมัน เดี๋ยวดึกๆค่อยมาเล็มต่อได้ เลยฟาดกันแต่ขาหมูจนเกลี้ยงค่ะ

ฟินกันไป....5555







กินอิ่มแล้วก็พักผ่อนสักครู่ ให้กระเพาะได้จัดเรียงอาหารซะก่อน

บ้วนปาก เข้าห้องน้ำ และเติมครีมกันแดดกันอีกรอบ


แล้วก็ออกแว๊นซ์กันต่อค่ะ.....คราวนี้เรามาแวะที่ "สะพานประวัติศาสตร์"

สร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ใช้เป็นเส้นทางลำเลียงกำลังพลและอาวุธเข้าสู่พม่า

เป็นสะพานที่สร้างโดยกองทัพญี่ปุ่น เช่นเดียวกับสะพานข้ามแม่น้ำแควที่กาญจนบุรี

ตอนนี้เป็นสะพานที่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ไม่ได้ใช้งานจริงจัง

มีสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กที่สร้างใหม่ แข็งแรงคู่ขนานใช้อยู่ในปัจจุบันค่ะ










สะพานเป็นโครงสร้างเหล็กถัก พื้นสะพานเป็นไม้

มีนักท่องเที่ยวมาเดินเล่นเยอะเหมือนกันค่ะ

และมีน้องเด็กผู้ชายใส่ชุดทหารญี่ปุ่นเดินไปเดินมา ให้คนถ่ายรูปด้วย

พร้อมได้สตางค์เล็กๆน้อยๆ น้องน่ารักดีค่ะ ตัวสูงเชียว





เราสองคนก็เดินกันเรื่อยๆจนถึงกลางสะพานเพื่อดูแม่น้ำปายค่ะ

เลยพบว่าแม่น้ำปายเป็นแม่น้ำตื้นๆ ที่ไหลเรื่อยๆ ไม่ใช่แม่น้ำกว้างใหญ่อะไรเลย

อากาศดีนะคะ แต่แดดแรงมาก เริ่มร้อน เราเลยถ่ายรูปคู่กันไว้แชะนึง

แล้วเผ่นค่ะ.....ไปต่อดีกว่า








เราแว๊นซ์มาต่อกันที่บ่อน้ำพุร้อน ท่าปายค่ะ

เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานห้วยน้ำดังค่ะ เป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ

มีคนมาเล่นน้ำ แช่ตัวกันเยอะทีเดียว ส่วนใหญ่จะอยู่ปลายๆน้ำ เพราะน้ำมันร้อนมากค่ะ

ตรงที่อุ่นกำลังดีคนจะเยอะมาก ส่วนใหญ่ก็เป็นฝรั่ง









ธารน้ำพุร้อนเป็นธารน้ำธรรมชาติมากๆค่ะ

มีการก่อสร้างที่จะทำให้เป็นบ่อแช่ตัวอยู่ แต่ยังไม่เสร็จ

ก็เลยยังเป็นธารน้ำร้อนแบบนี้ล่ะค่ะ

น้ำตาลว่ามันดีนะ.....มันเป็นธรรมชาติดีออก





จุดที่เราสองคนจะนั่งเล่นแช่น้ำร้อนเขยิบหนีขึ้นไปห่างจากคนหน่อย

เห็นน้ำใสๆ น่าจะอุ่นๆเนอะ.....หย่อนก้นลงเป็นก้อนหิน ถอดรองเท้า

เอาเท้าจุ่มลงไป

......


......


จ๊าาาากกกก.....มันร้อนมากค่ะ เหมือนจุ่มลงไปในแก้วกาแฟนี่กินแล้วปากพองได้เลย

เลยทำได้แค่เอาเท้าแตะๆจุ่มๆ นิดๆหน่อยๆเท่านั้นเองค่ะ

ทนร้อนไม่ค่อยได้ ผิวค่อนข้างบางค่ะ แค่นี้ก็เริ่มแดงแล้วล่ะ -_-"





พอเล่นน้ำให้หายอยากแล้วก็เช็ดเท้าใส่รองเท้าแล้วเดินขึ้นไปดูตาน้ำกัน

เดินผ่านจุดที่น้ำไหลลงมารวามกันเป็นลำธาร


โห้.....ร้อนควันโขมงกันเลยทีเดียว








เดินมาถึงตาน้ำ....มีป้ายอธิบายเรื่องพลังงานความร้อนใต้พิภพ

และมีตะกร้าไข่ต้มขาย....บ่อนี้ต้มไข่ได้ค่ะ

ไม่เหม็นกำมะถัน

อุณหภูมิประมาณ 90-100 องศาเซลเซียส



น้ำพุร้อนจะผุดขึ้นมาจากบ่อแล้วล้นไปตามลานหินแล้วค่อยรวมไปเป็นลำธาร

ด้านล่างที่ให้เราเล่นน้ำแช่ตัวกันค่ะ

มีอีกบ่อนึงที่ต่อท่อไปใช้ในหมู่บ้าน บ่อนั้นไม่อนุญาตให้คนเข้าไปใช้ค่ะ





จบทริปบ่อน้ำพุแล้วเราก็ขี่รถกลับรีสอร์ตกันค่ะ

กลับอีกทางนึง ชมนกชมไม้ยามบ่าย ผ่านทุ่งนา ผ่านภูเขา แวะชมวิวข้างทาง

ไปเรื่อยๆ ทิงนองนอย จนถึงรีสอร์ตประมาณสี่โมงครึ่งค่ะ



เพิ่งรู้ตัวว่าแก่....เพราะรู้สึกเหนื่อยและหมดแรงมากกกก

จากที่ตั้งใจไว้ว่าจะไปเวียนเทียนที่วัดพระธาตุแม่เย็น เป็นอันว่าไม่ไหวค่ะ

หลับคร่อก....กันทั้งผัวทั้งเมีย



ตื่นอีกทีก็ทุ่มกว่าแล้ว


จองเซ็ตดินเนอร์วาเลนไทน์ไว้ที่โรงแรม....ฉลองฮันนีมูนในวันวาเลนไทน์ซะเลย

อาหารจัดเป็น 5 Course มีให้เลือก 2 เซ็ตค่ะ

เราเลยเลือกคนละเซ็ต จะได้แบ่งกันชิม








เริ่มด้วยน้ำตาลเลือก prosecco มาเรียกน้ำย่อยก่อนค่ะ

ส่วนของคุณสามีเป็นไวน์แดงรสดีทีเดียว





จานแรกเป็น Leek Soup กับ Caprese Salad

ซุปต้นกระเทียมรสดีมากค่ะ อากาศตอนค่ำเริ่มเย็นๆแล้ว ทานซุปอุ่นๆมันดีจริงๆ

รสชาติก็ดี กลิ่นก็หอม เข้มข้นพอประมาณไม่เลี่ยนค่ะ

ส่วนสลัดของคุณสามีก็อร่อยมาก เนื้อมะเขือเทศเต็มปากเต็มคำ

มอสซาเรลลาชีสก็เนื้อเนียนและชิ้นกำลังดี 














จานที่สอง Charred Salmon และ Smoked Duck

แซลมอนย่างราดครีมมะเขือเทศกับร็อคเก็ตสลัด ปลาย่างสุกกำลังดีมากๆค่ะ

เนื้อปลายังชุ่มฉ่ำอยู่เลย ครีมมะเขือเทศก็รสดี ทานด้วยกันก็ไม่เลี่ยน

ส่วนอกเป็ดอบราดซอสสตรอเบอรี่ เนื้อเป็ดเหนียวไปนิดนึง 

ทานกับซอสก็ได้รสชาติที่ดีนะคะ อาจจะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็อร่อยดีค่ะ













จานที่สาม เป็น Lamb Shank กับ Snow fish

Lamb Shank เสิร์ฟมาพร้อมกับผักโขม มันบด ขนาดจานขอใช้คำว่ามหึมา

มันใหญ่จริงๆค่ะ ยังคิดกันเลยว่าจะกินไงหมดเนี่ย

แต่รสชาติมันดีมากๆ กินไปเรื่อยๆเพลินๆ หมดค่ะ 5555++

เนื้อแกะไม่เหนียวเลย นุ่มมาก มีกลิ่นแกะนิดหน่อยไม่ถึงกับเหม็นแต่มีกลิ่นแกะนะ

เครื่องเคียงที่ประกอบมาด้วย ยิ่งทำให้รสมันดีขึ้นอีกค่ะ มันเข้ากันมากๆ


ส่วนอีกจานที่เป็นปลาหิมะ เสิร์ฟพร้อม Lemon Risotto ถั่ว มะเขือเทศ

และ เนยพริกไทยดำ

ปลาย่างมาได้ที่มากๆ เนื้อปลาชุ่มฉ่ำมาก สุกกำลังดีไม่สุกเกินไปจนแข็ง

รสชาติจานนี้ดีมากๆค่ะ ผู้หญิงน่าจะชอบเพราะมันเบาๆ ทานสบายๆ







จะว่าไปนะคะ เมื่อหมดอาหารคาวเราสองคนก็เริ่มอิ่มมากกันแล้ว

Portion ของแต่ละจานค่อนข้างใหญ่เลยค่ะ บางจานนึกว่าจะทานไม่หมดด้วยซ้ำไปค่ะ

มาถึงของหวานกันบ้างค่ะ



จานแรกเป็น Lavender Panna Cotta

รสแปลกดีค่ะ หวานๆ หอมๆ กลิ่น Lavender ชัดมากกกก

ถ้าชอบก็จะชอบมาก ถ้าไม่ชอบจะคิดว่ากลิ่นเหมือนยาหม่อง

ขนมที่นี่ไม่หวานจัดค่ะ รสกลางๆแต่อร่อยดีค่ะ







จานสุดท้ายเป็น Dark Chocolate Cake

ราดมาด้วย White Chocolate Sauce และ มาพร้อมกับสตรอเบอรี่

อันนี้อร่อยสุดค่ะ ช็อกโกแลตเข้มข้น ราดซอสไวท์ช็อกหอมหวาน

มีสตรเบอรี่รสเปรี้ยวตัดแก้เลี่ยน  เป็นขนมที่มีครบทุกรสชาติค่ะ






สนนราคามื้อนี้คือ 1,000 บาท/คน 

จบการทานอาหารแล้วค่ะ อิ่มตื้อกันทั้งคู่

เป็นดินเนอร์วาเลนไทน์ฉลองฮันนีมูนที่ประทับใจมากๆค่ะ

กว่าจะทานเสร็จจากอากาศเย็นธรรมดาเริ่มหนาวแล้ว

อุณหภูมิเมื่อตอนกลางวันประมาณ 33 องศา ตอนเย็นประมาณ 24 องศา

พอทานอาหารเสร็จประมาณสามทุ่มนิดๆก็เหลือแค่ 18 องศา

และก็จะลดต่ำลงเรื่อยๆ........ฟ้าก็ใสปิ๊ง พระจันทร์ก็สว่างสวยขึ้น 15 ค่ำด้วย







จบวันที่สองที่ปายได้อย่าง.... Perfect มากๆค่ะ





Create Date : 01 ตุลาคม 2557
Last Update : 22 ตุลาคม 2557 13:54:23 น.
Counter : 1216 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

bemynails
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 69 คน [?]



ผู้หญิงธรรมดาที่ชอบช๊อปปิ้ง แต่งหน้า เพื่อความสุขเล็กน้อยๆของตัวเอง ในโลกการทำงานที่ผู้ชายเป็นใหญ่
งานออกแบบเป็นชีวิต....ก็ขอออกแบบชีวิตประจำวันด้วยสีสันบ้าง....

เพราะผู้หญิงก็ยังเป็นผู้หญิงวันยังค่ำ.... ^_^


ไม่อนุญาตให้ใช้ข้อมูลหรือชื่อ bemynails ในการนำไปอ้างอิงเพื่อขายสินค้าใดๆค่ะ


แอดเป็นเพื่อนกันใน facebook ได้ค่ะ

bemynails