ตอนที่ 36 <ปลูกรักในรั้วใจ อวสาน_2>


ตอนที่ 36ปลูกรักในรั้วใจ (อวสาน_2)

อีกสองวันก็จะถึงงานสำคัญว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวค่อยมีเวลาพักหายใจหน่อยเพราะทุกอย่างตระเตรียมเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วบ้านทวีกิจไพศาลก็เริ่มคึกคักเมื่อญาติ ๆ บางส่วนเดินทางมาพักที่บ้านเพื่อเตรียมตัวไปร่วมงานมงคลถึงงานเช้าจะไม่ได้จัดที่นี่ แต่เจ้าบ้านอย่างคุณลำเภาก็อดไม่ได้ที่จะต้องจัดเตรียมอาหารคาวหวานสารพัดอย่างเพื่อต้อนรับลูกๆ หลาน ๆ เทียมภพกลับมานั่งดวลคออยู่กับพวกพี่น้องหลังจากช่วยรมย์นลินย้ายข้าวของส่วนตัวเข้าหอเสร็จแทนดาวเพิ่งจะไปรับชุดเพื่อนเจ้าสาววันนี้สด ๆ ร้อน ๆ ก็เห่อออกหน้าออกตาลองแล้วลองอีกอยู่กับลูกผู้น้อง

“ขวัญไม่ชอบกระโปรงยาวทำไมต้องสวมยาว ๆ ด้วยล่ะ เกะกะก็เท่านั้น”แทนขวัญลูกผู้น้องพลิกชุดราตรีที่พี่สาวเลือกให้แล้วก็วางมันลงบนเตียงอย่างเดิมน้ำเสียงบ่งบอกความไม่ถูกใจ

“แบบสั้นเอาไว้ใส่งานกลางวันนี่...พี่จะเดินไปบ้านโน้น ไปยืมเข็มกลัดสวย ๆ ที่พี่ผึ้งสักอัน น้องขวัญจะไปไหม”

“พี่พลูไปเถอะขวัญจะไปลองกล้อง” แทนขวัญตอบเหนื่อย ๆ แล้วฉวยเอากล้องถ่ายรูปที่เพิ่งซื้อมาไม่กี่วันก่อนมาจับเล่นกดปุ่มต่าง ๆ หมุนเลนส์ไปมาอย่างคนเห่อของใหม่

ปลายเดือนกำลังพับเสื้อผ้าและจัดของจำเป็นส่วนที่เหลือลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่กางอ้าบนเตียงมีอีกใบที่จัดเสร็จเรียบร้อยแล้ววางอยู่มุมหนึ่ง ห้องนอนกว้างดูโล่งตาขึ้นเป็นกองเมื่อข้าวของบางส่วนถูกเก็บลงกระเป๋ากำหนดวันเดินทางจะมาถึงหลังเสร็จงานแต่งไปอีกสามวัน

แทนดาวเคาะประตูสองครั้งแล้วเปิดเข้ามาแวบแรกที่เห็นพี่สาวจัดข้าวของก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้ สองปีอาจจะไม่ยาวนานแต่ด้วยความรักและผูกพันก็ย่อมต้องคิดถึงกันมากเป็นธรรมดา หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งบนเตียงข้างๆ กระเป๋าเดินทางแล้วเริ่มพูดเสียงละห้อย

“น้องพลูคงคิดถึงพี่ผึ้งมากแน่ๆ ไม่มีใครทำผม แต่งหน้าแต่งตัว เป็นเพื่อนช้อปปิ้งไปอีกตั้งสองปี”

“ก็คุณแฟงไงอีกไม่กี่วันเธอก็จะมาเป็นพี่สะใภ้เราแล้วนะ”

“พี่แฟงก็ต้องดูแลพี่หมากจะมาดูแลน้องพลูได้ไง”

แทนดาวกระเถิบเข้าไปใกล้อีกปลายเดือนวางกิจกรรมในมือมาลูบผมน้องแผ่วเบา ถึงจะมีช่วงเวลาที่ไม่ลงรอยกันทำให้ความสัมพันธ์ฉันพี่น้องไม่ค่อยจะดีในตอนแรกแต่ในเมื่อทุกอย่างคลี่คลายแล้วปลายเดือนถึงรู้ว่าตนเองรักน้องสาวคนนี้มากเพียงใด

“ในระหว่างที่พี่ไม่อยู่น้องพลูช่วยดูแลคุณย่า พ่อกับแม่ของพี่ด้วยนะ โทรไปคุยกับพี่บ้าง แล้วถ้ามีเวลาก็ไปเยี่ยมกันมั่งนะพี่ก็คงจะคิดถึงเรามากเหมือนกัน”

“ค่ะ...พลูจะทำหน้าที่แทนพี่ผึ้งแล้ววันรับปริญญา...พี่ผึ้งจะมาได้ไหม”

“พี่ยังให้คำตอบไม่ได้หรอกนะแต่ที่แน่ ๆ งานแต่งของน้องพลูกับคุณชล พี่ต้องกลับมาแน่นอนอย่าลืมส่งข่าวแต่เนิ่น ๆ นะ”

แทนดาวโผเข้ากอดเอวพี่สาวด้วยใจเปี่ยมสุขถึงความรักและปรารถนาดีที่พี่สาวคนนี้มอบให้ไม่น่าเชื่อเลยว่าจากคู่ที่ไม่ถูกกันถึงขั้นเกือบตัดญาติขาดมิตรจะมีวันที่กลับมารักใคร่กลมเกลียว จนเสียงประตูแง้มปลุกให้สองพี่น้องหันหน้าไปมองผู้มาใหม่พี่ชายคนโตเดินยิ้มเผล่เข้ามา เทียมภพเดินตามหาน้องสาวคนเล็กไปทั่วบ้านจนแทนขวัญบอกว่ามาอยู่ที่นี่พอเห็นว่าสองสาวกำลังกอดกันกลมก็อดปลื้มใจไม่ได้

“แอบมากอดกันอยู่สองคนไม่เห็นชวนพี่มั่ง ไงสีผึ้ง...เก็บของอยู่เหรอ”

เทียมภพมาหยุดยืนตรงหน้าทั้งคู่แล้วกวาดตามองข้าวของที่วางกองกันอยู่บนเตียงก่อนจะแทรกตัวลงนั่งระหว่างกลาง เขากอดน้องสาวเอาไว้คนละข้างด้วยความรักเปี่ยมล้นมิรู้เหน็ดเหนื่อยที่ได้ทุ่มเทกายใจดูแลทั้งสองคนให้มีชีวิตที่ดีทุกสิ่งทุกอย่างที่น้อง ๆ ต้องการ เขาไม่เคยรีรอที่จะไปเสาะหามาให้ สองสาวต่างตื้นตันที่มีพี่ชายเป็นเทียมภพคนนี้

“พี่มีน้องสาวสองคนคนนึงทั้งสวย ทั้งเก่ง งานการอะไรทำได้ดีเยี่ยม...ไว้วางใจได้เลย ส่วนอีกคนก็เป็นเด็กดีน่ารักสดใส ใครอยู่ด้วยก็สุขกายสุขใจผู้ชายทั้งโลกนี้...จะมีใครน่าอิจฉาเท่าพี่กันล่ะ” เนื้อเสียงประกาศความภาคภูมิเหลือล้น

“เอาไว้จบเรื่องงานก่อนแล้วอีกสักพักพี่จะไปหานะ อาจจะเป็นช่วงหน้าหนาว อากาศกำลังดี”

“ดีค่ะเดี๋ยวผึ้งจะพาเที่ยวเอง”

“นี่น้องพลู...พี่ตั้มถามหาแน่ะตาเต็งหนึ่งก็ร้องเรียกแต่อาพลู ๆ ”

เขาหันมาบอกน้องสาวคนเล็กที่รีบลุกออกไปอย่างว่าง่ายเข้าใจทันทีว่าพี่ชายต้องมีเรื่องสำคัญบางอย่างจะคุยกับพี่สาวเป็นการส่วนตัวพอน้องคนเล็กออกไปแล้วก็หันมาพูดกับน้องคนรองต่อด้วยท่าทีสงบ

“สีผึ้ง...ใจจริงแล้วพี่ไม่ได้อยากให้เราไปหรอกนะแต่ถ้าเรายืนยันว่าต้องการไปเรียนต่อ...พี่ก็ไม่ห้าม แต่ถ้าไปด้วยเหตุผลอย่างอื่นก็อยากบอกว่า...การหลบหนีไม่ใช่ทางออกที่ดี”

“พี่หมาก...”นัยน์ตาสีน้ำผึ้งหล่อด้วยน้ำใส

“แต่ในเมื่อเราตัดสินใจแล้ว...ก็จงทำมันให้ดีพี่เชื่อว่าเราทำได้ รู้ไหม...ปลายเดือนมีความหมายว่าอะไร” เขาถามเสียงอบอุ่นหญิงสาวส่ายหน้าระคนความอยากรู้

“ตอนอารินท้องคุณย่ารู้ว่าได้หลานผู้หญิงก็เลยจะตั้งชื่อเตรียมไว้ตอนนั้นพี่ยังเด็ก...พอคุณย่าถามว่าอยากให้น้องชื่ออะไร พี่ก็ชี้ไปพระจันทร์เต็มดวงสว่างจ้าในคืนนั้นแล้วบอกว่า...ชื่อเดือนหงาย” เทียมภพหยุดขำ คนฟังหัวเราะตาม

“ท่านก็ว่า...ผู้หญิงอะไรชื่อคว่ำๆ หงาย ๆ มันฟังไม่เพราะ ก็เลยเปลี่ยนเป็นปลายเดือนความหมายคือ....ดวงจันทร์ส่องสว่างตรงสุดปลายฟ้า สีผึ้ง...ถึงบางครั้งเราจะคิดว่าตัวเองอยู่ในมุมมืดลับสายตาแต่พระจันทร์ตรงปลายฟ้าก็ส่องสว่าง โดดเด่น”

“ผึ้งรักพี่หมากนะคะ”ปลายเดือนกราบแทบอกพร้อมกับหลั่งน้ำตาแห่งความตื้นตัน

“พี่รู้...พี่เองก็อยากให้เรามีความรักที่สมบูรณ์เสียที”เทียมภพเกริ่นนำเข้าเรื่องที่ต้องการบอกน้องปลายเดือนเข้าใจทันทีว่าพี่ชายต้องการพูดเรื่องอะไรต่อ

“คนที่เราคิดว่าเพียบพร้อมแต่จริงๆ แล้วอาจจะบกพร่องหลายอย่าง กลับกัน...คนที่ดูว่าขาด ก็อาจจะมีครบทุกอย่างสีผึ้ง...พี่อยากให้เราเปลี่ยนมุมมองในการเลือกคบคนเสียใหม่ รูปลักษณ์ภายนอก สังคมชาติตระกูล ล้วนเป็นเปลือกห่อหุ้ม เราอาจจะโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวนี้ แต่อย่าลืมว่าเราไม่ต่างจากคนอื่นความ ‘เท่าเทียม’ หรือ ‘เสมอกัน’ เขาวัดกันที่คุณธรรมความคิด การกระทำ ไม่ใช่ยศถาบรรดาศักดิ์ ตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โตหรือนามสกุลดัง ๆ....”

“ดูอย่างเราสิ...ผึ้งกำลังจะมีพี่สะใภ้เป็นลูกกำพร้าเธอเติบโตมาโดยการอุปการะจากคนอื่น แต่พี่ไม่เคยสนใจชาติกำเนิดเชื้อสายอะไรนั่นจิตใจและการกระทำของเธอสูงส่งกว่าลูกคุณหญิงคุณนายบางคนเสียอีกผึ้งลองเปิดใจให้กว้างขึ้นอีกนิดนึงแล้วก็จะมองเห็นคนที่รักและพร้อมจะดูแลน้องพี่ด้วยความรักจากใจจริง”

เทียมภพลูบแก้มน้องสาวแผ่วเบาเขาไม่อาจเดาว่าคนฟังจะมีความเห็นประการใดด้วยรู้ดีว่าน้องสาวคนนี้ค่อนข้างถือตัวและ ‘หยิ่ง’ ในสายเลือดมากปลายเดือนมักเลือกที่จะคบคนที่เสมอด้วย ยศ ศักดิ์ ฐานันดร สังคมมากกว่าจะที่มองลึกลงไปในจิตใจ ด้วยเหตุนี้จึงต้องพบกับผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีกเพราะเปลือกเคลือบที่ดูหรูหราสง่างามแต่เพียงภายนอก

งานมงคลสมรสระหว่างเทียมภพกับรมย์นลินจัดขึ้นอย่างเอิกเกริกสมฐานะพิธีการตอนเช้าทั้งหมดจัดขึ้นที่บ้านธาราพิศุทธิ์ตามความประสงค์ของฝ่ายเจ้าสาวที่อยากให้กระชับและเรียบง่ายที่สุดแต่กระนั้นแขกผู้ใหญ่ที่เชิญให้มาร่วมพิธีล้วนได้รับการ ‘คัดสรร’ มาแล้วทั้งสิ้น เรียกว่ามิได้น้อยหน้าใครเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใหญ่ฝ่ายชายซึ่งเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรีที่กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานส่วนฝ่ายเจ้าสาวก็คือคุณกระสินธุ์คุณลุงของชลธี ท่านเป็นผู้สืบทอดกิจการบริษัทศรีตรังอันเก่าแก่ซึ่งครอบครองกิจการแทบจะทุกอย่างในจังหวัดตรังเป็นนักการเมืองท้องถิ่นผู้กว้างขวางและมีอิทธิพลจนพูดได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จัก

สถานที่และอาหารการกินก็ใช้ออแกไนเซอร์จากธาราจัดการทั้งหมดบ้านทั้งหลังจึงดูถูกเนรมิตให้เป็นปราสาทดอกไม้สดโดยเลือกใช้สีเหลืองเป็นหลักตามรสนิยมของเจ้าสาวเริ่มตั้งแต่ซุ้มโค้งตรงประตูทางเข้าที่ดัดเป็นรูปหัวใจประดับดอกไม้สดกับผ้าแก้วผูกเป็นโบใหญ่สนามหน้าบ้านที่ปลูกไม้ใบไม้ดอกไว้อย่างสวยงามวางร่มผ้ากับชุดเก้าอี้สนามสีเดียวกันสำหรับรับรองแขกที่มาร่วมพิธีในตอนเช้า

ขบวนขันหมากมาถึงตามฤกษ์เจ็ดนาฬิกาพอดีเสียงกลองยาวตีนำขบวนตั้งแต่ปากซอย เจ้าบ่าวนั่งเป็นสง่าอยู่บนเจ้าม้าลำพองสีแดงเพลิงคู่ใจที่วันนี้เปิดประทุนหราให้เจ้านายนั่งลอยหน้าลอยตาตามติดมาด้วยขบวนสินสอดทองหมั้นและสิ่งของอื่น ๆ ครบเครื่องตามตำราเทียมภพอยู่ในชุดไทยแบบประยุกต์ท่อนบนเป็นเสื้อสูทสีแดงทับทิมสวมทับเสื้อกั๊กสีเดียวกันชั้นในสุดเป็นเสื้อเชิ้ตขาวผูกโบผ้าสีทอง ส่วนท่อนล่างนุ่งผ้าโจงกระเบนสีม่วงอ่อนปักแซมด้วยดิ้นทอง ทรงผมหวีปาดเรียบแปล้จนเพื่อน ๆต่างตั้งฉายาเรียกเจ้าบ่าวว่า ‘เจ้าคุณภพ’

ถัดจาก‘เจ้าคุณภพ’ ก็เป็นญาติ ๆ และเฮียสี่ บ. ที่ช่วยกันถือต้นกล้วยต้นอ้อยคนละไม้ละมือใกล้ ๆ กันเป็นสามสาวพี่น้องคือ ปลายเดือน แทนดาว และแทนขวัญ ถือพานสินสอดเดินตามมาทั้งสามอยู่ในชุดไทยรัชกาลที่ 5 สวมเสื้อลูกไม้แขนยาวสีทองกับผ้าซิ่นยาวแค่เข่าสีครีมทอดิ้นทองตรงชายผ้าแทนดาวยิ้มหน้าบานสุดที่วันนี้จะมีพี่สะใภ้ที่หมายตามานาน

พอขบวนเคลื่อนมาถึงกลางซอยเจ้าบ่าวก็มีอันต้องลงเดินเพราะเจอด่านประตูแรก จากนั้นก็มีประตูถัด ๆ เรียงยาวเป็นระยะถี่ไปอีกนับสิบกว่าจะถึงหน้าบ้านเสียงต่อรองค่าผ่านทางกับเสียงหัวเราะครื้นเครงดังอึงอลสร้างความตื่นเต้นให้เจ้าสาวจนอดไม่ได้ที่จะแง้มม่านดูรมย์นลินนุ่งห่มชุดไทยสไบเฉียงปักด้วยปล้องทองเป็นลวดลายวิจิตรบรรจงตลอดผืนบ่งบอกถึงความประณีตและชำนาญในเชิงช่างชั้นสูง ผ้านุ่งสีครีมสอดสลับดิ้นทองจับจีบหน้านางปักปล้องทองเฉกเดียวกับชายผ้านุ่งเนื้อผ้าสีครีมทองขับให้เจ้าสาวแลดูผุดผ่องดุจรัศมีสีทองยามรุ่งอรุณ ใบหน้าหวานแต่งแต้มออกโทนสีทองกลมกลืนกับอาภรณ์ที่สวมใส่ผมรวบตึงเกล้าเป็นมวยต่ำจับช่องดงาม ตรงมวยคาดด้วยมาลัยมะลิกรองละเอียดปักแซมด้วยปิ่นทองคำแท้ที่คุณลำเภามอบให้เป็นการรับขวัญหลานสะใภ้รับกับสายสะพายทองเส้นยาวและหัวเข็มขัดนพเก้าซึ่งคุณหลีออกแบบให้ใหม่และคิดราคาพิเศษให้โดยเฉพาะ

“ตื่นเต้นมากไหมจ๊ะ”

ชลธีเดินเข้ามาหาน้องสาวที่ยืนแอบดูขบวนขันหมากอยู่ริมหน้าต่างหญิงสาวรีบเดินเข้ามาหาแล้วส่งสายตาบอกช่างแต่งหน้ากับเพื่อนอีกสามคนว่าขออยู่ตามลำพังชายหนุ่มทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงแล้วดึงมือน้องสาวให้นั่งลงข้างๆกัน

“เพลียมากกว่าค่ะก่อนวันงานก็ยุ่งเหยิงไปหมด แทบไม่ได้หยุดเลย”

ถึงปากจะบ่นเพลียแต่ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มกับเสียงใสๆ ชี้ชัดว่าเจ้าสาวตื่นเต้นขนาดไหนชลธีมองน้องสาวด้วยสายตาปลาบปลื้มยินดีเป็นที่สุดเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่แม่ของเขารับมาอุปการะตั้งแต่อายุได้วันเดียววันนี้เติบโตเป็นสตรีสวยงามทั้งหน้าตาและนิสัยใจคอ เด็กผู้หญิงแสนอาภัพที่เกิดมาท่ามกลางความไม่พร้อมของผู้ให้กำเนิดหากมารดาเวทนาและสงสาร เขาเองก็อยากมีน้องเล็ก ๆ รมย์นลินจึงกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวและวันนี้ก็กลายเป็นเจ้าสาวแสนสวย

“ต่อไปนี้ใครจะเล่นเพลงให้พี่ฟังในวันหยุดใครจะทำอาหารใต้รสจัด ๆ ให้กิน ใครจะคอยกวนใจพี่อีก”

“พี่ชลคะ...แฟงมีบุญวาสนาเหลือเกินที่ได้เป็นน้องเป็นลูกของแม่ แฟงไม่เคยคิดว่าความกำพร้าหัวเดียวกระเทียมลีบเป็นปมด้อยคุณแม่กับพี่ชลเลี้ยงดูแฟงอย่างดีเกินความคาดหวังของลูกกำพร้าคนหนึ่งจะได้รับเสียอีกชาตินี้จะตอบแทนบุญคุณยังไงถึงจะสมควร”

ใบหน้าหวานเอนซบไหล่ผู้ที่เป็นทั้งพี่และพ่อความซาบซึ้งสำนึกในบุญคุณอาบเอิบอยู่ในหัวใจ ชลธีโอบไหล่น้องสาวกระชับ เขาไม่เคยคิดว่ารมย์นลินเป็นแค่เด็กในอุปการะแต่หล่อนเป็นเสมือนน้องร่วมสายเลือดดังนั้นแล้วจึงอดไม่ได้ที่จะใจหายเมื่อวันนี้มาถึง วันนี้ที่น้องสาวคนเดียวจะต้องไปเป็นของคนอื่น

“แฟงเป็นน้องที่ดีเป็นลูกที่ดี และพี่เชื่อว่าจะต้องเป็นแม่บ้านที่ดีแน่ ไอ้หมากมันโชคดีที่สุดที่ได้น้องแฟงไปส่วนพี่...ก็โชคดีเหมือนกันที่ได้มันมาเป็นน้องเขย ไอ้หมากมันเป็นคนดีถึงภายนอกจะดูไม่ได้เรื่อง พี่ถึงวางใจให้เราได้ใช้ชีวิตคู่กับมัน”

ชายหนุ่มพูดถึงเพื่อนรักที่กำลังตะโกนโหวกเหวกพยายามฝ่าประตูเงินประตูทองเข้ามารมย์นลินเงยหน้ามองพี่ชาย ดวงตาคู่สวยรื้นไปด้วยน้ำตาจนคนเป็นพี่ต้องรีบกรีดให้

“อย่าร้องซี...เดี๋ยวก็หมดสวยกันพอดี”

ชายหนุ่มยื่นซองสีน้ำตาลที่ถือติดมือมาให้น้องสาวรมย์นลินรับมาเปิดดูช้า ๆ ในนั้นมีกระดาษสีขาวคล้ายจดหมายอยู่ปึกหนึ่ง หญิงสาวกวาดตาอ่านข้อความบนแผ่นแรกสุดจากนั้นก็ไล่เปิดที่เหลือดูผ่านๆ แล้วขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

“พี่ชลเอาเอกสารพวกนี้มาให้แฟงดูทำไมคะ”

“อย่างที่พี่บอก...แฟงเป็นลูกที่ดีมาเสมอไม่เคยทำให้พี่กับแม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจ กลับมีแต่ความภาคภูมิใจ นี่เป็นของขวัญวันแต่งงานที่พี่ตั้งใจมอบให้เคียงธารา...จะเป็นของแฟง พี่ขอให้แฟงดูแลรักษามันต่อไปให้ดีเหมือนที่แม่กับพี่ทำมา”

รมย์นลินรีบสอดใบเอกสารสิทธ์ต่างๆ กลับเข้าซองอย่างเดิมแล้วรีบยื่นคืนให้หล่อนไม่ควรได้รับอะไรมากไปกว่าความเมตตาที่บุคคลทั้งสองได้เลี้ยงดูมาจนได้ดิบได้ดีเพียงนี้

“แฟงไม่รับหรอกค่ะเคียงธาราควรจะเป็นของเจ้าของที่แท้จริงโดยสายเลือด ไม่ใช่คนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างแฟงพี่ชลอย่าทำแบบนี้เลยนะคะ”

“แฟงจ๊ะ...สำหรับพี่กับแม่แฟงคือสายเลือด ‘ธาราพิศุทธิ์’ ถึงเราจะใช้คนละนามสกุลไม่ได้มีความเกี่ยวดองเป็นญาติ แต่รมย์นลิน...คือคนในครอบครัว พี่คิดดีแล้วที่ยกมรดกนี้ให้เราไปดูแลต่ออย่างน้อย...รุ่นลูกหลานของแฟงจะได้มีเคียงธาราเอาไว้ระลึกถึง ตา ยาย ลุงที่สร้างมันมาด้วยความรัก เด็ก ๆจะได้รักใคร่กลมเกลียวเหมือนกับที่ครอบครัวเรารักกัน”

น้ำเสียงของชลธีช่างเปี่ยมไปด้วยความรักและเมตตาจนทำให้รมย์นลินรู้สึกแน่นในอกถ้าพี่ชายไว้วางใจให้ตนเป็นผู้รับผิดชอบดูแลมรดกอันประเมินมูลค่าไม่ได้เช่นเคียงธาราแห่งนี้ก็พร้อมที่จะทุ่มเทแรงกายแรงใจดูแลรักษามันอย่างดีที่สุดเป็นการตอบแทนพระคุณ

“แฟงจะดูแลเคียงธาราอย่างดีที่สุดจะปลูกฝังลูกหลานให้รักที่นั่นอย่างที่คุณแม่กับพี่ชลฝากความหวังไว้ แฟงกราบขอบพระคุณจากใจ”

รมย์นลินน้ำตารื้นเมื่อก้มกราบลงแทบตักด้วยความซาบซึ้งชลธีดึงตัวน้องสาวมากอดแนบแน่น หญิงสาวสัญญา

กับตัวเองว่าจะดูแลรีสอร์ทแห่งความรักความผูกพันให้ดีเพราะเคียงธาราคือความรักคือความเป็นครอบครัวที่หล่อหลอมให้ตนเติบโตขึ้นมา

“ชอบใจมากนะแฟงเอาล่ะ...เสียงแห่เงียบแล้ว เดี๋ยวก็คงมีคนมาตามตัวเรา พี่ลงไปรอข้างล่างก่อนส่วนเรื่องเอกสารนี่...รอให้จบเรื่องแต่งงานเสียให้เรียบร้อยแล้วค่อยไปโอนกรรมสิทธิ์กันให้ถูกต้อง”

ตอนที่คุณวารีจูงบุตรสาวมาส่งให้กับเทียมภพทุกคนที่นั่งรายล้อมอยู่ตรงนั้นต่างเห็นอาการตะลึงตาค้างของ

เจ้าบ่าวแต่พอได้สติก็รีบล้วงกระดาษเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อกาฬ กิริยานั้นเรียกเสียงหัวเราะครืนจากคนที่อยู่รอบๆ ตัว

จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นท่าทางเก้อเขินเหมือนหนุ่มน้อยขาดความมั่นใจเมื่อจีบสาวครั้งแรกยิ่งพอได้รับรอยยิ้มหวานจับจิตจากเจ้าสาวก็ยิ่งทำให้หัวใจชายชาตรีเต้นตึกตักผิดจังหวะ

“นายหมากทำท่ายั้งกะอิเหนาเห็นบุษบาครั้งแรกนี่ยังดีว่าเหงื่อแค่แตก...ไม่ถึงกับสลบ”

ท่านอดีตนายกฯแซวเรียกเสียงหัวเราะได้อีกครั้ง พิธีกรประกาศฤกษ์ให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวกราบญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายและมอบสินสอดทองหมั้นละลานตาอันประกอบด้วยเงินสดใส่พานจำนวนหนึ่งและที่เป็นเช็คอีกสามใบ ทองรูปพรรณทั้งของเก่าของใหม่เครื่องเพชร โฉนดที่ดิน แหวนเพชรซึ่งเป็นแหวนแต่งงานของคุณดวงทิพย์ที่ตั้งใจมอบให้บุตรชายไว้แต่งสะใภ้คนโต

“ยินดีต้อนรับคุณรมย์นลิน ทวีกิจไพศาล”

เทียมภพกระซิบบอกเจ้าสาวของเขาขณะสวมแหวนจังหวะนั้นเกิดเสียงกดชัตเตอร์ถี่รัวจากช่างภาพที่จ้างมาและสื่อมวลชนที่ไม่ได้เชิญแต่ก็แห่มากันเองเทียมภพอวดแหวนที่เพิ่งสวมให้เจ้าสาวแล้วยิ้มชื่นมื่นให้ตากล้องอย่างรู้งาน และโดยที่ไม่ต้องรอให้ใครบอกบทเจ้าบ่าวไวไฟยิ่งกว่าน้ำมันเบนซินก็บรรจงหอมแก้มเจ้าสาวต่อหน้าแขกเหรื่อซึ่งเรียกเสียงตบมือเกรียวกับเสียงโห่ร้องจากเพื่อนฝูง

“คุณหมาก!”รมย์นลินทำเสียงดุแต่แก้มแดง

ส่วนของรับไหว้จากญาติผู้ใหญ่ทางฝ่ายเจ้าบ่าวก็มีพระเครื่องเลี่ยมกรอบทองจากคุณเที่ยงธรรม คุณดวงทิพย์

มอบชุดเครื่องประดับมุกล้อมเพชร คุณลำเภามอบกำไลทองฝังเพชรกับแหวนทองสลักนามสกุลให้เป็นสัญลักษณ์ว่าแต่นี้ต่อไปรมย์นลินคือคนในครอบครัวทวีกิจไพศาล คุณหลีมอบทองคำแท่งกับเงินขวัญถุงส่วนฝ่ายเจ้าสาวก็มิได้น้อยหน้า ญาติจากทางใต้อย่างคุณลุงกระสินธุ์มอบเชคเงินสดตัวเลขเจ็ดหลักให้หนึ่งใบส่วนญาติคนที่ทำฟาร์มมุกให้สร้อยมุกแท้พร้อมต่างหูเข้าชุดกันคุณวารีรับขวัญลูกเขยด้วยสร้อยพระ ส่วนชลธีนั้น นอกจากจะมอบทรัพย์สินบางส่วนให้น้องสาวไปแล้วก็ยังรับขวัญน้องเขยและว่าที่พี่เขยในอนาคตด้วยรถยนต์เอนกประสงค์ขับเคลื่อนสี่ล้อหรูหราสัญชาติอังกฤษ

“ฉันซื้อให้แกพายัยแฟงกับลูกๆ ไปไหนต่อไหน อย่าให้เห็นว่าวันหนึ่งแกให้ใครนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถคันนี้...ไม่งั้นฉันจะฆ่าแก”คนให้ถือโอกาสข่มและขู่ไปด้วย

“เออ...รู้แล้วล่ะน่าสันดานเก่า ๆ ทั้งหลายน่ะ ละ เลิก ลด ไปหมดแล้วเว้ย อ้อ...ถ้าจะมีคนนึงก็คงเป็นยัยพลู”สองหนุ่มหันไปมองคนที่เอ่ยถึงโดยพร้อมเพรียงกันสาวน้อยกำลังเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปอยู่ไม่ไกล ชลธียิ้มมุมปากแล้วพูดต่อ

“ถ้าเป็นผู้หญิงคนนั้น...ฉันอนุญาต”

ในขณะเดียวกัน คนที่ถูกพูดถึงก็เอาแต่ถ่ายรูปเล่นเลยไม่รู้ตัวว่ามีใครคนหนึ่งแอบมองตาละห้อยตั้งแต่เมื่อเช้า ยิ่งตอนที่ถือพานสินสอดคลานเข่ามาวางรวมกับข้าวของอื่นๆ ก็แทบอยากอุ้มมานั่งตักแล้วกอดหอมให้ชื่นใจถ้าจะบอกว่าเจ้าบ่าวอย่างเทียมภพตื่นเต้นตะลึงงันกับความงามของเจ้าสาวเพียงใดความรู้สึกของชลธีเมื่อห็นสาวน้อยในชุดไทยคนนี้ก็แทบไม่ต่างกัน

เมื่อเสร็จจากพิธีรับไหว้ก็ถึงเวลารดน้ำคู่วิวาห์นั่งเคียงกันยิ่งดูเหมาะสมลงตัวตรงหน้าของทั้งสองมีพานดอกไม้สดทรงพุ่มสำหรับรองรับน้ำสังข์ ท่านอดีตนายกฯสวมมงคลให้คู่บ่าวสาว คุณลุงกระสินธุ์เจิมหน้าผาก จากนั้นบรรดาแขกเหรื่อก็เริ่มทยอยมาต่อแถวรดน้ำอวยพรแทนดาวกับปลายเดือนทำหน้าที่ช่วยเติมน้ำสังข์ ส่วนเพื่อนเจ้าสาวอีกสองคนช่วยแจกของชำร่วยเป็นตลับไม้เล็กๆ กลึงเป็นรูปทรงต่าง ๆ ลงแลกเกอร์เงางามบรรจุในถุงผ้าแก้วสีทองนอกจากจะมีประโยชน์ใช้สอยไว้ใส่สิ่งของเล็ก ๆ แล้ว ยังแฝงความหมายอีกอย่าง คือ ไม้เป็นสินค้าเครื่องเรือนยุคแรกของทวีกิจ

พอจบพิธีรดน้ำก็เป็นเวลาพักผ่อนและเลี้ยงรับรองแขก เทียมภพจูงเจ้าสาวไปยังมุมที่พวกนักข่าวนั่งรวมกลุ่มกันหน้าสลอนเพื่อรอสัมภาษณ์และถ่ายรูป แทนดาวหมดหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวแล้วก็ปลีกตัวมาเข้าห้องน้ำบ้างพอกลับออกมาก็เห็นพี่ชายเจ้าสาวยืนยิ้มพยักหน้าเรียกให้ไปหา

ที่สวนหย่อมริมสระน้ำ สองหนุ่มสาวยืนใต้ร่มเงาของต้นปีบ ตั้งแต่เช้าก็เพิ่งจะได้คุยกันตอนนี้เองเพราะต่างคนต่างก็ต้องทำหน้าที่ตอนอยู่ในช่วงพิธีการชลธีวางแก้วเครื่องดื่มลงบนโต๊ะไม้ใกล้ ๆ แล้วเอื้อมมือไปเกลี่ยไรผมของสาวน้อย ตรงขมับมีรอยชื้นเหงื่อจางๆ ริมฝีปากบางแต่งแต้มสีชมพูกลีบบัวน่าสัมผัสเหลือเกิน สายตาฉ่ำเชื่อมจับจ้องอยู่แต่วงหน้าพริ้มเพราที่แอบชะเง้อมองตั้งแต่ตอนเดินอยู่ในขบวนแห่ขันหมากความงามสะคราญสะกดสายตาจนไม่อาจละไปไหนได้เลย ยิ่งเวลาสวมชุดไทยครบเครื่องแบบนี้ก็ยิ่งดูน่ารัก สมสง่าบุตรีอดีตท่านทูต

“ลูกสาวใครเนี่ย...สวยจังจีบได้ไหมครับ”

“ไม่ได้หรอกค่ะแฟนหวงมาก” หญิงสาวยิ้มล้อเลียน

“นี่ขนาดหวงมาก...ก็ยังมีคนแอบมาขอเบอร์”น้ำเสียงเจือความไม่สบอารมณ์ตอนที่เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ เขาเองมัวแต่ยุ่ง ๆคุยกับแขกผู้ใหญ่ก็เลยเป็นการเปิดโอกาสให้ชายคนหนึ่งเข้ามาพูดคุยใกล้ชิดกับแทนดาวจนได้

“คิดมากไปได้เขาแค่อยากติดต่อให้น้องพลูไปสอนเปียโนให้หลานเขา เด็กอายุเจ็ดขวบเอง”

“งั้นพี่ก็ขอพูดแทนไอ้หมากเลยว่า...ไม่ได้ค่ะอยากให้หลานเรียนก็ต้องมาที่โรงเรียน พี่คงยอมให้น้องพลูไปสอนตามบ้านไม่ได้หรอก”

“ว่าแต่พี่หมากไม่มีเหตุผลพี่ชลเองก็ชักจะไม่มีเหตุผลเหมือนพี่หมากเข้าไปทุกทีแล้วนะ”

“ไม่เหมือนกันนะพี่มีเหตุผลอันสมควรจริง ๆ เดี๋ยวพี่จะเดินไปบอก...นายอะไรนะ...วิกฤตเหรอ ? ”

“สุกฤตค่ะ”หญิงสาวหัวเราะพรืดกับชื่อที่เขาจงใจเรียกผิด

“อะไรนั่นแหละ...ว่าน้องพลูไม่สะดวกสอนตามบ้านเพราะว่าแฟนไม่อนุญาต”

“ยี๋...นี่คุณพี่ชายของพี่สะใภ้จะไม่ให้ดิฉันกระดิกกระเดี้ยไปไหนเลยหรือคะคนต้องทำมาหากินนะคะ ถ้าพี่หมากเลิกจ่ายเงินเดือนน้องพลู...แล้วจะเอาอะไรกินกันล่ะทีนี้”

“ก็ไปทำงานกับพี่สิสอนที่โรงเรียนเสร็จก็ไปเล่นที่โรงแรมเหมือนเดิม”

“น้องพลูเรียกค่าจ้างเองได้ไหมล่ะ”

“ก็ได้...แต่ยิ่งรียกแพงพี่บอกก่อนนะครับว่าต้องทำให้คุ้มค่า อาจจะต้องทำล่วงเวลาบางวัน เช่น ไปกินข้าวดูหนัง ฟังเพลงกับเจ้านายบ้างตามโอกาส ถ้าขอโบนัสด้วยก็ต้องมีบริการพิเศษเพิ่ม เช่นเอาอกเอาใจ ชงกาแฟให้ นวดเนื้อตัวให้

แบบนี้ตกลงไหมครับ”

“ใช้แรงงานเยี่ยงทาสแบบนี้น้องพลูไม่เอาด้วยหรอก”

ชลธีหัวเราะอย่างเอ็นดูกับอาการหน้าตางอง้ำแล้วค่อยๆ ใช้สองแขนเกี่ยวเอวคอดเข้ามาใกล้ ยิ่งอยู่ใกล้ชิดก็ยิ่งสัมผัสถึงความอ่อนหวานจนต้องถามตัวเองว่า...จะทนรอต่อไปได้อีกสักกี่วัน

“โอเค...เลิกเถียงกันดีกว่าว่าแต่...วันนี้เหนื่อยไหมคะ น้องพลูกินอะไรหรือยัง เดินทั้งวันเมื่อยไหมเนี่ย”

“ไม่หรอกค่ะปลื้มใจจนหายหิว พี่แฟงสวยมากเลยค่ะ น้องพลูดีใจมาก ๆ ที่ได้พี่แฟงมาเป็นพี่สาวอีกคน”

“ขอบคุณที่ยอมรับแฟงแล้วพี่ชายของพี่สะใภ้คนนี้ล่ะ...รักไหมครับ”

เอวบางถูกรั้งเข้าจนชิดมากขึ้นจนสัมผัสได้ถึงไออุ่นของกันและกันคนถูกถามเอาแต่นิ่งเงียบ บนใบหน้าปรากฏแต่รอยยิ้มประหม่าจนคนมองอดรนทนไม่ไหวต้องเอียงหน้าไปสูดความหอมกำจายจากพวงแก้มเอิบอิ่มเสียฟอดใหญ่

“หืม...รักพี่ชลไหมคะ”เขาถามย้ำ

“ไม่รู้ค่ะ”

“ว้า...อะไรกันลุ้นแทบแย่แต่ตอบมาแค่…ไม่รู้ค่ะ”

“พี่ชลชอบแกล้ง”

“ก็น่ารัก...ก็เลยน่าแกล้งไงไหน...วันนี้คนสวย คิส คิส พี่ชลหรือยังคะ” คนตัวเล็กส่ายหน้าไปมาแทนการปฏิเสธ

“นะ....เพิ่งจะมีโอกาสอยู่ใกล้ก็ตอนนี้เดี๋ยวจบพิธีแล้วก็ต้องแยกย้ายเตรียมตัวไปงานเลี้ยงตอนเย็นอีก คืนนี้คงยุ่งอีกบาน แล้วเมื่อไหร่จะได้คุยกันพ้นคืนนี้ก็ได้พักแค่วันเดียวแล้วก็ต้องเดินทางไปเพชรบูรณ์อีก อยู่โน่นตั้งสามวันกว่าจะกลับ”

ชายหนุ่มชักเหตุผลร้อยแปดเพื่อโน้มน้าวให้หญิงสาวเห็นใจแทนดาวก้มหน้างุดไม่พูดอะไรแล้วโน้มคอคนน่าสงสารลงมา คิส คิส ตามที่ขอปลายจมูกเล็กแตะลงบนแก้มสีน้ำผึ้งทั้งสองข้าง หน้าผากกว้างปลายจมูกโด่งแล้วหยุดเพียงเท่านั้น

“ยังไม่ครบขาดอีกทีนึง...” เขาทวงยิก

“ไม่เอาค่ะพี่ชลนี่ไม่รู้จักพอ”

“กับน้องพลู...เท่าไหร่ก็ไม่พอ”

ไม่ทันสิ้นคำแขนแข็งแรงก็ตวัดเอวบางให้ล้มตัวในอ้อมกอดแล้วกำลังจะโน้มหน้าลงไปจุมพิตตรงจุดที่เว้นไว้แต่เสียงกระแอมกระไอกับเสียงกดชัตเตอร์ทำให้ทั้งคู่แทบจะผลักออกจากกันในทันที พอหันไปทางต้นเสียงก็พบว่าเทียมภพยืนตาโปนอยู่กับแทนขวัญลูกผู้น้องที่ถือกล้องคาในมือ

“มาหลบร้อนอยู่ตรงนี้นี่เองนะ...ไอ้พี่เขย ! ”

เสียงเหี้ยมมาพร้อมกับเจ้าบ่าวในชุดโจงกระเบนเดินอาดๆ เข้ามาแทนดาวเดินเลี่ยงไปหาลูกผู้น้องเพราะกลัวถูกรังสีอำมหิตที่กำลังแผ่กระจายอยู่รอบตัวคนเกิดก่อน

“ว้าว...ขวัญถ่ายรูปเมื่อกี้ได้พอดีเลยพี่พลูดูสิ...สวีทกว่าคู่แต่งงานอีกนะ”แทนขวัญโชว์ภาพที่จับได้ตอนที่ทั้งคู่กำลังจะจูบกันให้ดู

“ลบออกเดี๋ยวนะขวัญ”แทนดาวพยายามแย่งกล้องในมือน้องสาวแต่ก็ไม่สำเร็จ

“พี่ตามหาเราตั้งนานนะยัยพลูคุณพ่อจะพาไปกราบท่านรังสิตเสียหน่อย ดีว่าน้องขวัญเห็นเราเดินมาตรงนี้ไม่งั้นคงจะสบายปากไอ้เข้” คนพูดเน้นพยางค์สุดท้ายแล้วตวัดตามอง ‘ไอ้เข้’ที่ยืนทำหน้าตาไม่รู้ร้อน

“งั้นน้องพลูไปหาคุณพ่อก่อนนะคะน้องขวัญ...รีบไปจากตรงนี้กันเถอะ”

หญิงสาวรีบจูงมือน้องออกไปเพราะกลัวระเบิดเวลาจะบึ้มเอาพอลับหลังสองสาว จอมโวยวายก็หันมาคุยกับคนที่ลักพาตัวน้องสาวคนเล็กอย่างไม่ค่อยจะอารมณ์ดีนัก

“เผลอไม่ได้เลยนะมึง ! ”

“ฉันยังไม่ทันทำอะไรเลยที่จริงแกไม่น่าจะมาขัด คนมีมารยาทควรจะรอให้คนอื่นทำ ‘ธุระ’ เสร็จเสียก่อน”

“ไอ้นี่...”

ชลธีแกล้งยั่วให้เพื่อนที่เพิ่งจะเปลี่ยนสถานะเป็นน้องเขยอย่างเป็นทางการหงุดหงิดเล่นๆ เทียมภพทำปากขมุบขมิบคล้ายกำลังสาปแช่ง แต่สักเดี๋ยวก็กลับมาทำหน้าตาจริงจัง

“ตั้งแต่กลับมาเป็นเพื่อนกันเรายังไม่ได้คุยกันในฐานะญาติเลยนะ แกรู้สึกยังไงวะ...ที่ได้ฉันเป็นน้องเขย” เทียมภพเปิดประเด็นขึ้นก่อนชลธียกมือกอดอกแล้วมองเพื่อนรักนิ่งนานกว่าจะตอบ

“ถ้าจะว่ากันตามจริง...ก็คงต้องพูดว่าชอบใจก็ไม่เต็มร้อย เกลียดก็ไม่เชิง ถ้าแกรู้จักเข้าตามตรอก ออกตาม

ประตู ไม่รวบรัดเอาเปรียบน้องสาวฉันยังงั้นก็คงจะรู้สึกยินดีเต็มร้อยอยู่หรอก”

“แต่ฉันก็ไม่ได้ทิ้งขว้างแฟงนะแกก็เห็นนี่ว่าฉันให้เกียรติเธอขนาดไหน” คนพูดทำหน้าเหมือนกินยาขม

“แล้วถ้าฉันพลั้งมือทำแบบนั้นกับน้องพลูมั่งแล้วมาบอกแกแบบนี้...จะคิดยังไงล่ะ”

“ไม่ได้โว้ย! กูเอาตาย” คนพูดขยับตัวจนหางกระเบนส่าย

“เอาเถอะ...ยัยแฟงก็รักแกเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยังไงเสีย...ฉันขอฝากน้องสาวคนนี้ด้วยก็แล้วกัน ยัยแฟงมีชีวิตที่ไม่สมบูรณ์นักเธอมีแค่ฉันกับแม่ที่เลี้ยงดูมา ถึงจะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันแต่ก็รักเหมือนน้องแท้ๆ แกอย่าทำให้เธอเสียใจแม้แต่นิดเดียว”

เนื้อเสียงสงบเรียบเยียบเย็นแต่แฝงด้วยอำนาจประหลาดถ้าเขาเปล่งวาจาด้วยเสียงและท่าทางแบบนี้กับผู้ใต้บังคับบัญชาคนใดนั่นหมายถึงคำสั่งของเขาต้องได้รับการปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้นไม่อาจต่อต้านหรือบิดเบือนได้

“เรื่องนั้นแกไม่ต้องห่วงฉันไม่เคยสนใจว่ารมย์นลินมีเทือกเถาเหล่ากอมาจากไหน ใครคือพ่อแม่ของเธอฉันไม่ได้คบคนเพราะนามสกุลหรือชาติกำเนิด รมย์นลินเป็นผู้หญิงที่ฉันเลือกแล้ว...”เทียมภพบีบบ่าเพื่อน ต่างสบตากันนิ่ง

“ชล...ฉันรักรมย์นลินเท่าๆ กับที่แกรัก ในฐานะสามี...ฉันจะยกย่องและให้เกียรติเธอจะเป็นคุณผู้หญิงของทวีกิจ เป็นภรรยาฉัน เป็นแม่ของลูกฉันและเป็นพี่สาวของน้องพลู”

สองหนุ่มสบตากันแน่วแน่มีรอยยิ้มบาง ๆ จากใบหน้าคร้ามคมแสดงความพึงพอใจ เมื่อเทียมภพเห็นว่าเพื่อนรักวางใจในตัวเองมากพอแล้วก็ล้วงวัตถุชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อยื่นให้พี่เขยชลธีเพ่งมองถุงผ้ากำมะหยี่สีดำสนิทใบเล็กจิ๋วอย่างแปลกใจไม่คิดหรอกว่าอีกฝ่ายจะมีของกำนัลมาเอาใจพี่ชายภรรยา เขาหยิบวัตถุในถุงผ้าใบจิ๋วออกมาแล้วก็ต้องนิ่งงันไปหลายนาทีมันคือแหวนเพชรรูปหัวใจสีน้ำเงินคล้ายกับวงที่อันตรธานหายไปด้วยฝีมือของเพื่อนรักเพื่อนแค้นเมื่อหลายเดือนก่อน

“สั่งทำจากที่ไหน..เหมือนหมาก”เขายกวงแหวนขึ้นพิจารณาให้ชัด ๆ

“ไอ้บ้าเอ๊ย...มีลูกกะตาไว้คั่นจมูกหรือไงจำไม่ได้เหรอวะ ? เป็นคนสวมให้เองแท้ๆ ”

คำบอกเล่ายิ่งทำให้งงหนักก็เทียมภพเองที่เป็นคนบังคับถอดมันออกจากนิ้วของแทนดาวแล้วปาทิ้งไปในทะเลตอนนั้นเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตทีเดียว ส่วนเทียมภพก็อดทนกับท่าทางฉงนสนเท่ห์ของเพื่อนต่อไปอีกไม่ไหวไอ้ครั้นจะรอให้ตรัสรู้เองก็ไม่รู้ต้องใช้เวลาถึงเมื่อไหร่

“ก็แกทิ้งมันไปแล้วนี่”

“จริงๆ แล้วฉันไม่ได้ทิ้ง คืนนั้นแค่ทำท่าให้ดูเหมือนว่าทิ้งมันไปแล้วจริง ๆเพราะไม่อยากให้ยัยพลูมีพันธะผูกพันกะแก ใครวะ...จะโง่ทิ้งของมีค่าขนาดนี้ตั้งใจจะเอาไปคืนนานแล้วล่ะ แต่หาโอกาสเหมาะไม่ได้ซะทียิ่งเจอเรื่องยุ่งเหยิงไม่หยุดหย่อนก็เลยลืมไป”

“ทีหลังถ้าจะทำแบบนี้ก็เตี๊ยมกันก่อนนะ”ชลธียิ้มกว้างแล้วเก็บแหวนใส่ถุงผ้ากำมะหยี่อย่างเดิม

“ไอ้ชล...ขอบใจแกมากนะที่ช่วยดูแลใบพลูตอนที่ฉันยุ่ง ขอบใจที่อดทนกับน้องสาวขี้แย แกทำช่วยให้น้องโตขึ้นมากจนฉันพอจะกล้าปล่อยได้บ้างที่สำคัญ...ขอบคุณมากที่เป็นสุภาพบุรุษกับแทนดาวมาเสมอ”

ชลธียิ้มหยันนิดๆ ให้กับความหมายในประโยคสุดท้ายที่อีกฝ่ายต้องการสื่อ เทียมภพไม่มีวันเข้าใจหรอกว่า...เขาต้องใช้ความพยายามข่มอกข่มใจเพียงใดที่ต้องบังคับตัวเองให้เป็นสุภาพบุรุษอย่างที่ว่าเกือบจะพลาดท่าห้ามตัวห้ามใจไม่อยู่ก็หลายครั้งหลายหน

“ฉันว่า...มันคงคิดถึงเจ้าของจะแย่แล้วล่ะแล้วแกล่ะ...ยังมั่นคงต่อความรู้สึกเหมือนเดิมหรือเปล่า” เทียมภพมองถุงแหวนในมือของเพื่อนและพี่เขยแล้วเอ่ยถามด้วยวาจาแช่มชื่นเจ้าของแหวนไม่ตอบในทันทีแต่ทำอะไรบางอย่างกับตัวเองนาทีต่อมาเทียมภพก็ได้เห็นรอยสักรูปดาวสีน้ำเงินบนหน้าอกด้านซ้ายเหนือหัวใจ เพียงแค่นี้เขาก็รู้คำตอบทุกอย่างแก่ใจดีแล้ว

“หมาก...ตั้งแต่วันที่ฉันได้รู้จักแทนดาวจนถึงเดี๋ยวนี้...ความรักที่มีต่อเธอไม่เคยลดลงเลย”

งานเลี้ยงฉลองสมรสตอนค่ำจัดขึ้นที่โรงแรมThe Prestige Thara โดยฝีมือทีมออแกไนเซอร์ทีมเดิมทุกคนที่ได้สัมผัสบรรยากาศยามเช้าแบบไทย ๆ ก็จะได้เปลี่ยนรูปแบบมาสัมผัสกับสุนทรียะแห่งดนตรีตลอดทั้งชั้นกราวด์ฟลอร์ไปจรดหน้าห้องบอลรูมซึ่งจุคนได้มากถึงแปดร้อยคนถูกประดับด้วยดอกไม้สดแต่งโบด้วยผ้าโปร่งสีเหลืองทอง ตามมุมต่าง ๆ มีลวดดัดเป็นโครงตัวโน้ตเสียงต่างๆ แล้วเสียบด้วยดอกไม้สดอีกทีจนกลายเป็นตัวโน๊ตดอกไม้สวยงามน่ารัก

เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวยืนต้อนรับแขกอยู่หน้าทางเข้าห้องจัดเลี้ยงเทียมภพอยู่ในชุดทักซิโด้สีครีมส่วนรมย์นลินแปลงโฉมจากแม่หญิงไทยเป็นเจ้าหญิงในชุดราตรีเปิดไหล่สีขาวปักเลื่อมพราวทั้งชุดผมมวยเมื่อตอนเช้าถูกปล่อยลงมาระแผ่นหลังนวลเนียนใบหน้าหวานถูกเติมสีให้เข้มขึ้นแต่ก็ยังคงความหวานละมุนอันเป็นเอกลักษณ์ทั้งคู่ยืนอยู่หน้าฉากประดับดอกไม้สดจัดเป็นรูปม้วนโค้งไปมาคล้ายเถาดอกไม้ ทั่วบริเวณงานประดับภาพถ่ายพรีเว้ดดิ้งริมทะเลของคู่บ่าวสาว

และเนื่องจากงานค่ำนี้ได้เชื้อเชิญแขกแทบจะทุกวงการและยิ่งคึกคักมากขึ้นไปอีกเพราะมีดาราและคนมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงมาร่วมด้วยห้องบอลรูมที่ใหญ่ที่สุดจึงดูคับแคบลง แต่ด้วยความรอบคอบของชลธีจึงสั่งให้ตกแต่งพื้นที่หน้าห้องบอลรูมทั้งหมดเพื่อรองรับจำนวนแขกดั้งนั้นผู้มีเกียรติที่ส่วนใหญ่สวมชุดสีเหลือง ครีม ทองเดินขวักไขว่ไปทั่วทั้งในห้องและภายนอกอย่างอิสระ โต๊ะลงทะเบียนต้องแบ่งเป็นสามจุดโดยเกณฑ์กำลังบรรดาเพื่อนเจ้าสาวนับสิบคนมาช่วยกัน

“เมื่อไหร่จะจบพิธีเสียทีผมอยากส่งตัวเร็ว ๆ” เทียมภพเพียรกระซิบบอกเจ้าสาวอยู่หลายหนแล้วแต่ก็มีเพียงตาเขียวปั้ดค้อนใส่เพราะทั้งรำคาญและเขินคนใจร้อน

ตรงกลางห้องบอลรูมชิดฝาด้านหนึ่งเป็นเวทีขนาดใหญ่ต่อทางเดินมาถึงกลางห้องสุดปลายทางโต๊ะวางเค้กแต่งงานเจ็ดชั้นตรงตำแหน่งพอดีกับโคมไปคริสตัลระย้าย้อยบนเวทีใหญ่มีแกรนด์เปียโนสีดำที่ย้ายมาจากล็อบบี้ตั้งเด่นรายล้อมด้วยกระถางดอกไม้ มันกำลังเปล่งท่วงทำนองเพลงรักจากฝีมือบรรเลงของสตรีร่างอรชรในชุดราตรียาวไหล่ปาดสีครีมทองตัวกระโปรงแต่งผ้าโปร่งรูปดอกไม้ดูน่ารัก แทนดาวผู้รับหน้าที่ขับกล่อมแขกผู้มีเกียรติในช่วงก่อนเริ่มพิธีการ

กว่าที่แขกเหรื่อจะนั่งประจำที่จนครบก็กินเวลาเป็นชั่วโมงแล้วจากนั้นพิธีการก็เริ่มขึ้นเวลาหนึ่งทุ่มตรง ทั้งสองเดินขึ้นขึ้นไปบนเวทีรับฟังคำอวยพรจากท่านประธานบิดามารดารวมทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ที่นับถือจากนั้นก็เป็นคิวของทั้งคู่กล่าวขอบคุณแขก รมย์นลินไม่พูดอะไรมากเพราะตื้นตันไปหมดนอกจากกล่าวขอบคุณผู้มีพระคุณและแขกที่มาไปตามบทแต่บทพูดของเทียมภพเล่นเอาคนทั้งห้องซาบซึ้งกินใจไปตาม ๆ กัน

“ผู้หญิงที่ยืนข้างๆ ผม ทำให้ผมรู้จักกับคำว่าดนตรี ชีวิตของผมจึงมีทั้งจังหวะสนุก เศร้า ซึ้ง ผมนึกไม่ออกเลยว่า...ชีวิตที่ไม่มีรมย์นลินมันจะเรียบเรื่อยจืดชืดขนาดไหน ขอบคุณทุกอย่างบนโลกใบนี้ไม่ว่าจะเป็นโชคชะตาหรือความบังเอิญที่ทำให้เราได้พบกันถ้าถามว่ารักเธอมากแค่ไหน....ผมไม่รู้จะตอบยังไงเพราะไม่รู้ว่าจะเอาไปเรียบกับอะไรดี มองไปทางไหนก็ไม่เจออะไรที่ใหญ่และกว้างมากพอที่จะสามารถบรรจุความรักที่ผมมีต่อเธอได้หมด”

เสียงปรบมือกราวสนั่นผสมกับเสียงเป่าปากดังลั่นเทียมภพยกมือขึ้นซับน้ำตาบนใบหน้าของเจ้าสาวที่ไหลออกมาอย่างสุดกลั้นด้วยความตื้นตันแล้วบรรจงจุมพิตแก้มนวลต่อหน้าสักขีพยานเบื้องล่างเสียงเปียโนหวานดังขึ้นอีกครั้งขณะที่เจ้าบ่าวประคองตัวเจ้าสาวไปตัดเค้ก ปิดท้ายรายการด้วยการโยนช่อดอกไม้พอถึงตอนนี้สาว ๆ ก็มารวมตัวกันหน้าเวทีสลอน พอพิธีกรให้สัญญาณ ช่อบูเก้กุหลาบเหลืองก็ปลิวไปตกที่ไหนสักแห่งเสียงวี้ดว้ายของสาวโสดที่ต่างกรูกันเข้าไปแย่งช่อดอกไม้สร้างความครื้นเครงให้คนที่นั่งดู

“ว้าย! ขอโทษจริง ๆ ค่ะ”

สาวผู้โชคดีที่รับดอกไม้ได้ไม่ใช่ใครที่ไหนคือ แทนขวัญ ทวีกิจไพศาล ลูกผู้น้องของเจ้าบ่าวที่สามารถคว้าดอกไม้แห่งความไม่เป็นโสดไว้ได้แต่ในความโชคดีก็เหมือนเป็นความโชคร้ายของบุรุษคนหนึ่งที่ไปยืนอยู่ในรัศมีการต่อสู้เข้า

“ขอโทษนะคะไม่ทราบจริง ๆ ว่ามีคนอยู่ข้างหลัง” หญิงสาวรีบเข้าไปช่วยชายเคราะห์ร้ายเก็บของที่ร่วงพื้นจากแรงปะทะเมื่อกี้

“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ...แต่...”ชายโชคร้ายชูแว่นตาขาหักกับกระจกที่ถูกเหยียบจนร้าว แทนขวัญหน้าจ๋อยสนิท

“ตายแล้วน้องขวัญ ! ว่นตาพี่อชิหักเลย” แทนดาวเดินลิ่ว ๆมาหาน้องสาวแล้วก็พบว่าชายโชคร้ายคืออชิตะยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ตรงนั้น

“ขวัญไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะคะ ก็ดอกไม้มันลอยมาทางนี้อ่ะ ขวัญไม่เห็นคุณ...เอ...คุณหมอคิมโดฮัน”

แทนขวัญเพิ่งจะเห็นใบหน้าคนที่เพิ่งประทุษร้ายเต็มตาเค้าหน้าละม้ายคล้ายกับตัวละครในซีรีย์เกาหลีเรื่องหนึ่งที่ทั้งตนและพี่สาวชื่นชอบแต่คนถูกเรียกเหมือนจะไม่ปลื้มปริ่มเลยสักนิดเดียว

“น้องขวัญ...นี่คุณหมออชิตะ”แทนดาวแนะนำใหม่เพราะมั่นใจว่าหมอหนุ่มต้องงงกับชื่อนั้นแน่ ๆ

“คุณหมออชิตะ...ขวัญขอโทษนะคะ”

แทนขวัญยกมือไหว้ในอ้อมแขนยังกอดช่อดอกไม้เอาไว้ อีกมือหนึ่งถือกล้องถ่ายรูปอย่างระมัดระวังด้านอชิตะแว่นหักก็พยักหน้าส่ง ๆ ไปเพราะตอนนี้มองอะไรก็พร่ามัวไปหมด แทนดาวรู้ดีว่าอันสายตาของหมอเนิร์ดคนนี้สั้นกุด ซึ่งถ้าไม่สวมแว่นก็เหมือนถูกปิดตา

“ไม่เป็นไรครับมีแว่นสำรองในรถอีกอัน เดี๋ยวผมจะไปเอา” หมอหนุ่มรีบบอก

“งั้นหรือคะน้องขวัญพาพี่อชิไปสิ พาเดินไป...เร็ว” แทนดาวรุนหลังน้องสาว

แทนขวัญจูงข้อมืออชิตะออกมาข้างนอกความโลภไม่ระวังทำให้เกิดอุบัติเหตุจนได้ยิ่งรู้ว่าเป็นคนรู้จักของคุณเที่ยงธรรมก็ยิ่งทำให้หญิงสาวใจฝ่อเข้าไปอีกเพราะถ้าถูกตำหนิขึ้นมาก็จะเสียชื่อผู้ใหญ่ไปด้วย ในขณะที่ผู้เสียหายก็ยังไม่เอ่ยปากอะไรอยู่ดีจนเมื่อเดินมาได้สักระยะหนึ่ง

“แล้วคุณหมอจอดรถไว้ชั้นไหนเหรอคะ”

“ชั้นสิบครับ”

เพียงเท่านั้นแทนขวัญก็รีบจูงจนเกือบจะเป็นฉุดให้คนสายตาสั้นเดินตามมาไวๆ ในความลางเลือน ชายหนุ่มเห็น

เพียงรูปร่างหญิงสาวคนหนึ่ง หน้าตาดูไม่ค่อยชัดนักสวมชุดออกสีขาวยาวกรอมเท้า ที่คอสะพายกล้องถ่ายรูป

“ถึงชั้นสิบแล้วค่ะรถคุณหมออยู่แถวไหนคะ”

“เอห้าคันสีเงิน เอาล่ะ...พอผมกดสัญญาญาณกันขโมยก็เดินไปตามเสียงนะ”

ไม่ใช่เรื่องยากนักที่จะตามหารถยนต์คันนั้นแทนขวัญรอเขาเปิดประตูแล้วจะมุดตัวเข้าไปช่วยหา แต่ความรีบ

ก็เลยเอาศีรษะโขกกับคานประตูเท่านั้นเอง

“อูย...”

“กรรมตามสนอง”

เสียงทุ้มดังมาจากคนที่กำลังเดินอ้อมมาเปิดลิ้นชักตรงคอนโซลด้านหน้าไม่ช้าแว่นตาอันใหม่ก็สวมทับลงบนใบหน้าสะอาดใจดีของอชิตะ ชายหนุ่มมองภาพรอบ ๆที่แจ่มชัดขึ้น สายตาราบเรียบกวาดมายังสาวน้อยที่ยังยืนหน้าง้ำเอามือคลึงขมับอยู่ที่เดิมริมฝีปากปากเม้มเข้าหากันเหมือนระงับอารมณ์อะไรบางอย่างอิริยาบถนี้ช่างคุ้นตาเหลือเกิน

“เป็นไงครับ...เจ็บมากไหมแต่...ถึงผมจะเป็นหมอก็ไม่ได้พกยาหม่องมาด้วยหรอกนะ” อชิตะถามสาวน้อยที่เปลี่ยนเป็นยืนกอดอกจ้องมองมาที่ตนอย่างเอาเรื่อง

“ถือว่าหายกันก็แล้วกันนะคะรถคุณหมอทำให้ขวัญต้องเจ็บตัว”

“หือ...คุณเหยียบแว่นตาผมหักนะแล้วรถก็อยู่ของมันดี ๆ คุณไปโดนมันเองนะ ผมสิ...ต้องถามว่ารถเป็นอะไรหรือเปล่า จะบุบมากไหมนะ”

คำตอบสุภาพอ่อนโยนแต่ยียวนต่อมโกรธคนฟังเป็นอย่างมากแทนขวัญรีบสะบัดตัวเดินหนีออกมาจากตรงนั้นแล้วรีบไปกดลิฟต์ อชิตะรีบล็อกรถแล้วตามมาทันพออยู่ในลิฟต์ตามลำพัง เขาก็เพิ่งสังเกตว่าที่นิ้วชี้ข้างขวาของสตรีตรงหน้าสวมแหวนทองสลักนามสกุลแบบเดียวกับที่แทนดาวสวม

“เป็นญาติเจ้าบ่าวหรือครับ”ไม่มีเสียงตอบรับนอกจากอาการพยักหน้าหนึ่งครั้ง

“เวลาผู้ใหญ่พูดด้วยก็ควรจะตอบให้ดี ๆ ไม่ใช่แค่พยักหน้า”

ถึงสีหน้าและแววของคนพูดจะดูเป็นปรกดีแต่แทนขวัญก็รู้สึกว่าหน้าชาด้วยรู้ว่าถูกตำหนิเข้าอย่างจังมือที่กอดช่อดอกไม้รัดเข้าหากันแน่นขึ้น ดวงตาจับจ้องอยู่ที่เลขบอกชั้นไม่กระพริบ

“ค่ะ”

คำตอบสั้นและห้วนแต่กลับทำให้คนฟังยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวอันกิริยาปากเชิด หน้างอเช่นนี้ดูละม้ายคล้ายกับแทนดาวเวลางอนอย่างไรอย่างนั้น ทั้งคู่เดินกลับเข้างานมาเจอแทนดาวที่กำลังถ่ายรูปกับพวกหลานๆ และญาติคนอื่น ๆ พอเห็นน้องสาวก็รีบปราดเข้ามาดึงตัว

“น้องขวัญ...มาถ่ายรูปเร็วพี่อชิโอเคแล้วนะคะ”

“สบายมากครับ”หมอหนุ่มตอบเสียงสุภาพแล้วปรายตามามองสาวน้อยอีกคนแทนดาวมองตามแล้วนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้แนะนำให้รู้จัก

“พี่อชิคะ...นี่น้องขวัญหรือ แทนขวัญ น้องสาวของพลูเอง”

อชิตะยิ้มมากขึ้นเมื่อรู้ชัดเจนแล้วว่าหล่อนเป็นใครสายตาหลังกรอบแว่นมองสาวน้อยที่ยืนเคียงข้างพี่สาวอย่างพิจารณาใบหน้าหงุดหงิดยังมีเค้าความสวยสดใสฉายชัดให้เห็นแทนขวัญรู้ตัวว่าถูกมองอยู่นานก็เกิดอาการ ‘ขวาง’ ขึ้นมาดื้อ ๆ

“พี่พลูถือดอกไม้ให้หน่อยขวัญจะอุ้มตาเต็งหนึ่ง” หญิงสาวส่งช่อดอกไม้ให้พี่แล้วอุ้มหลานเล็กเข้าร่วมเฟรมถ่ายรูปแทนดาวกลัวพลาดช็อตนี้ด้วยก็รีบยัดช่อดอกไม้ใส่มืออชิตะที่ยังคงมองสาวน้อยในชุดราตีสีขาวไม่วางตา

“ฝากพี่อชิถือแป๊บนึงนะคะ”

“แทนขวัญ...ท่าทางจะเอาเรื่องน่าดู”

อชิตะพูดกับตัวเองแล้วมองช่อดอกไม้ในมือดอกไม้เจ้าสาว...แสดงว่าแทนขวัญยังโสด สายตาอ่อนโยนมองดอกไม้กับสาวน้อยสลับกันไปมาแทนดาวสวยสะคราญดุจดอกไม้แรกแย้มฉันใด แทนขวัญก็สดใสดุจดอกไม้ต้องน้ำค้างยามเช้าฉันนั้นชายหนุ่มได้ตัดใจจากแทนดาวโดยสิ้นเชิงเหลือเพียงความเป็นพี่ชายแต่...เขาจะไม่มีวันทำแบบนั้นกับแทนขวัญแน่นอน

พิธีการต่างๆ จบลงอย่างเรียบร้อยสวยงาม ตอนนี้เจ้าบ่าวเจ้าสาวกำลังยืนส่งแขกที่เริ่มทยอยกลับเหลือแต่บรรดาญาติของทั้งสองครอบครัวที่ยังคุยตามประสานาน ๆ เจอกันทีพวกลูกหลานวัยรุ่นก็ยังสนุกกับการถ่ายรูปตามซุ้มที่จัดไว้ ส่วนรุ่นเล็ก ๆก็วิ่งเล่นไล่ดึงลูกโป่ง ดอกไม้ วุ่นวายทีเดียว งานนี้นอกจากจะเป็นการต้อนรับสมาชิกใหม่ของทวีกิจก็ยังเป็นการเลี้ยงส่งปลายเดือนไปในตัวด้วยหญิงสาวมีกำหนดการเดินทางไปศึกษาต่อในอีกสามวันถัดไป

“น้องผึ้งเตรียมตัวพร้อมแล้วใช่ไหมครับ”

บุรินทร์เอ่ยถามขึ้นเมื่อได้คุยกันตามลำพังหนุ่มหน้าตี๋แกว่งแก้วเครื่องดื่มสีอำพันในมือซึ่งเป็นภาพที่ออกจะแปลกตาไปปรกติแล้วบุรินทร์จะไม่ข้องเกี่ยวกับของมึนเมาแตกต่างกับพี่ชายอีกสามคนที่ชอบสังสรรค์ไม่รู้ว่าการดื่มนี้คือ อยากดื่มเพื่อเฉลิมฉลองงานมงคลหรือต้องการใช้น้ำเมาล้างอะไรในใจ

“เรียบร้อยทุกอย่างแล้วจ้ะกว่าจะเปิดเทอมก็อีกสามเดือน แต่ผึ้งอยากไปอยู่ก่อนเพื่อนคนนึงแต่งงานมีครอบครัวอยู่นั่น เขาก็เลยอาสาพาเที่ยวพักผ่อนก่อนกลับไปเรียนจ้ะ”

ใบหน้าหวานหยดปนแววเศร้าจางๆ จนคนมองอดใจหายไม่ได้ ปลายเดือนคงจะคิดถึงบ้าน คิดถึงงานแต่ไม่ว่าหล่อนจะตัดสินใจ ‘ไป’ เพราะเหตุใด สิ่งที่บุรินทร์ทำได้ก็คือยินดีด้วยในทุกสิ่ง

“แล้วเฮียบุ้งอยากจะไปเที่ยวบ้างไหมจ๊ะ”หญิงสาวยิ้มหวานให้เขาแบบที่ไม่เคยยิ้มให้มาก่อน ซึ่งทำให้บุรินทร์ใจเขวไป

“คือ...เฮียก็อยากไปนะแต่ว่าเป็นห่วงร้าน ทิ้งไปนาน ๆ ไม่ได้” อาการติดขัดยามตอบคำถามแลดูชอบกล คงจะเป็นเพราะมัวแต่แช่มชื่นกับรอยยิ้มเมื่อกี้อยู่

“ก็ฝากเฮียอีกสามบ. ช่วยดูประเดี๋ยวประด๋าวไม่ได้หรือจ๊ะ พี่หมากวางแผนว่าจะไปช่วงหน้าหนาวเฮียบุ้งก็ไปด้วยกันสิจ๊ะ”

“แล้วน้องผึ้งอยากให้เฮียไปจริงๆ เหรอ”

บุรินทร์ถามกลับอย่างอยากรู้เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ปลายเดือนไม่เคยให้ความสนใจตนมากเกินกว่าถามสารทุกข์สุกดิบทั่วๆ ไป ไม่เลยแม้แต่สักครั้งที่จะถามว่าชอบอะไร อยากไปไหน หรือแม้กระทั่งยิ้มสวย ๆอย่างเมื่อกี้

“จริงสิจ๊ะผึ้งจะพาเฮียบุ้งทัวร์มหานครนิวยอร์ก ไปแต่เมืองจีน...ไม่เบื่อหรือไง”

“ถ้ายังงั้นจะได้รีบเตรียมตัวเก็บข้าวของเดินทางไปพร้อมน้องผึ้งเลยดีไหม” ถึงจะพูดเล่นแต่น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความดีใจปลายเดินหัวเราะเบา ๆ

“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอกจ้ะผึ้งไม่ได้ไปไหน ถ้าเฮียบุ้งจะ...รอ...ผึ้งก็จะกลับมา”

เสียงหัวเราะและสีหน้าเปื้อนยิ้มขันจางหายไปแทนที่ด้วยใบหน้าแดงซ่าน นัยน์ตาสีน้ำผึ้งเปล่งประกายจรัสปลายเดือนเพ่งมองลึกลงไปในดวงตาเรียวเล็กของคนที่วางตำแหน่งเสมอพี่ชายมาทั้งชีวิต จริงอย่างที่เทียมภพพูดไว้ถ้าลองเปิดใจมองดู...ก็จะเห็นว่าใครที่รักตนอย่างจริงใจ บุรินทร์วางแก้วในมือแล้วเปลี่ยนมาจับมือนุ่มนิ่มของปลายเดือนความฟูฟ่องประทุขึ้นในโพรงอกเมื่ออีกฝายมิได้บ่ายเบี่ยงหรือชักมือกลับ

“เฮียบุ้งรอน้องผึ้งมาตลอดจนตอนนี้ก็ยังรอ...และจะรอต่อไปเรื่อย ๆ เอาไว้น้องผึ้งกลับมาเมื่อไหร่ เฮียบุ้งจะ...ลองขอน้องผึ้งเป็นแฟนดู”

“แล้วทำไมไม่ขอตอนนี้ล่ะจ๊ะ”คำถามนี้ทำเอาคนฟังต้องเอียงคออย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“น้องผึ้ง...”

“ถ้าขอตอนนี้...ก็จะได้คำตอบตอนนี้แต่ถ้ารอผึ้งกลับมา...ก็ต้องรออีกสองปีกว่าเชียวนะ” หญิงสาวหลบสายตาเป็นประกายของคนตรงหน้าในขณะที่ตัวเองก็ต้องซ่อนความขัดเขินเช่นกัน ได้ยินเสียงบุรินทร์สูดหายใจลึก

“เป็นแฟนกับเฮียบุ้งนะ...ปลายเดือน”

“จ้ะ”

สิ้นคำตอบเพียงสั้นๆ ก็ปรากฏรอยยิ้มแจ่มใสบนใบหน้าของทั้งคู่บุรินทร์ยิ้มทั้งปากทั้งตาขณะยกมือนุ่มจุมพิต เกิดความสุขประหลาดในใจของปลายเดือนเมื่อตัดสินใจส่งมอบความรักให้กับบุรุษที่มีจิตใจมั่นคงต่อตนเพียงผู้เดียวสำหรับบุรินทร์...การรอคอยอย่างไร้ความหวังได้สิ้นสุดลงแล้วจากนี้ก็จะเริ่มต้นสร้างเรื่องราวดี ๆ กับสตรีที่ผูกใจรักมานานแสนนาน

“สมใจแล้วสินะ...ยัยแม่สื่อ”เทียมภพวางมือบนไหล่เปลือยของน้องสาวคนเล็กที่ยืนแอบอยู่หลังพุ่มดอกไม้ดัดโค้งเป็นรูปโน้ตเพลงแทนดาวหันมายิ้มให้พี่ชายอย่างมีความสุขกับภาพที่เห็น

“นึกว่าจะจบไม่สวยเสียอีกลุ้นแทบแย่เลยค่ะ”

“ของแบบนี้มันต้องใช้เวลาสีผึ้งคงยอมรับเอาวันนี้มั้ง”

“หวังว่าพี่ผึ้งจะรักเฮียบุ้งมากขึ้นเรื่อยๆ นะคะ”

“ไม่ต้องหวังหรอกพี่สาวเราน่ะ...รักเฮียบุ้งมาตั้งนานแล้วแต่ไม่ยอมรับ” คำเฉลยทำให้คนฟังต้องขมวดคิ้ว

“รักมานาน....พี่หมากรู้ได้ยังไงคะ”

“โธ่เอ๋ย...พี่เป็นคนดูแลเราสองคนมาตั้งกะตัวแดงๆ นะ ต้องรู้สิว่า...ใครนิสัยเป็นยังไง สีผึ้งมีทิฐิมากและปากแข็ง บวกกับเหตุผลส่วนตัวบางอย่างก็เลยทำใจยอมรับเฮียบุ้งไม่ได้ก็อย่างที่รู้ ๆ กัน พี่สาวเราคนนี้ ถ้าไม่แบรนด์เนม...ก็ไม่หยิบ”เทียมภพอธิบายลักษณะนิสัยของน้องสาวคนรองอย่างเข้าใจถ่องแท้แทนดาวพยักหน้าเห็นด้วย

“เฮ้อ...ดีใจจังว่าที่พี่เขยเป็นเฮียบุ้ง พี่สะใภ้เป็นพี่แฟง ทั้งโลกนี้ใครจะโชคดีเหมือนน้องพลู”

หญิงสาวพูดล้อเลียนประโยคของพี่ชายพลางยิ้มร่าเทียมภพโอบตัวน้องสาวพาเดินห่างออกมาจนอยู่ในที่ปลอดคน สายตาอ่อนโยนยามทอดมองน้องสาวไม่ผิดแผกจากวันแรกที่ได้โอบอุ้มร่างน้อยเมื่อแรกเกิด

“มัวแต่สมหวังในความรักของคนอื่นแล้วหนูล่ะ...ตัดสินใจเรื่องของตัวเองว่ายังไง”

ดวงตาคู่สวยสบตาสีนิลของคนถามแล้วหลุบเปลือกตาลงคำตอบมีอยู่แก่ใจแต่ไม่กล้าที่จะเอื้อนเอ่ย หล่อนมั่นใจแล้วว่ารักบุรุษหน้าคมผู้นั้นหมดทั้งหัวใจ

“น้องพลู...รักพี่ชลค่ะถ้าเขาถามอีก....หรือมีโอกาสที่จะบอก น้องพลูจะไม่ลังเลหรือกลัวอะไรอีกแล้วทั้งพี่ผึ้ง พี่หมาก ต่างก็ต้องฝ่าฟันและผ่านอะไรมามากมายกว่าจะได้สมหวังแล้วน้องพลูยังจะรอให้เสียเวลาอีกทำไมกัน”

เทียมภพยิ้มอย่างภูมิใจกับคำตอบมั่นอกมั่นใจของน้องมันถึงเวลาเสียทีจะยอมปล่อยมือหล่อนแล้วเดินตามอยู่ห่าง ๆ แทนดาวเติบโตแข็งแรงจนวางใจได้ว่าน้องสาวคนนี้จะสามารถก้าวเดินบนเส้นทางที่เลือกเองได้อย่างมั่นคง

“ถ้าหนูมั่นใจแล้วพี่จะพาหนูไปส่ง...”

ชายหนุ่มกุมมือเล็กของน้องสาวกระชับแล้วจูงให้เดินตามมาแทนดาวไม่รู้ว่าพี่ชายจะพาไปที่ไหนแต่ก็ไม่ได้

ซักถาม เทียมภพพาน้องสาวเข้าลิฟต์พิเศษสำหรับผู้บริหารแล้วแตะคีย์การ์ดพร้อมกับกดปุ่มขึ้นไปชั้นบนสุดจนเมื่อลิฟต์เปิดออก เลยอดที่จะหยุดถามไม่ได้

“จะไปไหนคะนี่เดี๋ยวก็ได้ฤกษ์ส่งตัวแล้วไม่ใช่เหรอคะ”

“เพราะยังงี้พี่ถึงต้องรีบพาเรามา เอาล่ะ...ขึ้นบันไดทางโน้น”

พี่ชายยังคงจูงมือพาเดินไปเรื่อยๆ จนขึ้นมาสุดบันไดชั้นบน เบื้องหน้าเป็นประตูที่เปิดสู่ระเบียงดาดฟ้าเทียมภพหยุดอยู่แค่ตรงนั้นแล้วมองหน้าน้องสาวอย่างพินิจ

“น้องพลูครับ...พี่หมากพาหนูมาส่งให้กับคนที่จะมาจูงมือหนูเดินต่อไปบนทางชีวิต”เทียมภพลูบศีรษะเล็กอย่างอ่อนโยน

“พี่หมากไม่กลัวเขาจะปล่อยมือน้องพลูสักวันหรือคะ”

“วันนั้นจะไม่มีคนอย่างพี่...ถ้าไม่มั่นใจว่า ‘ใคร’ จะรักและหวังดีกับน้องพลูของพี่จริง ๆ ก็จะไม่มีวันมอบหัวใจดวงนี้ให้อยู่ในอุ้งมือคนนั้น”จมูกเนียนแตะที่แก้มพี่ชายแทนคำขอบคุณ เทียมภพจูบหน้าผากเกลี้ยงเกลาแล้วปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระ

“พอน้องพลูเปิดประตูออกไป...เขาจะรออยู่”

แทนดาวทอดสายตามองพี่ชายที่เดินกลับไปด้วยความรู้สึกหลากหลายความตื่นเต้นส่งผลให้หัวใจเขย่าโยน ความพองฟูแผ่ขยายอยู่ในอก ถึงจะเดาถูกแต่ก็ยังลุ้นว่าหลังประตูบานนั้นจะมีใครคอยอยู่หญิงสาวสูดหายใจยาวลึกแล้วค่อย ๆ ทาบฝ่ามือกับบานประตูเหล็กผลักออกไป เท้าทั้งสองข้างพาร่างก้าวออกไปสู่ดาดฟ้าใต้แสงจันทร์นวลสกาวและดวงดาวไหวระยิบ

หลังเสร็จสิ้นพิธีส่งตัวตามประเพณีและพวกผู้ใหญ่กลับออกไปกันหมดก็เหลือเพียงคู่บ่าวสาวหมาดๆ รมย์นลินมองพานส่งตัวที่วางอยู่เบื้องหน้าแล้วเหลือบมองบนเตียงนอนหลังใหม่ที่โปรยทับด้วยกลีบดอกไม้สดปนกับธนบัตรและเหรียญที่ญาติผู้ใหญ่โปรยไว้เป็นเคล็ดพอกวาดสายตามาข้าง ๆ ก็พบเจ้าบ่าวของตัวเองนั่งตาเชื่อมกรุ้มกริ่ม ลักษณะนี้เตือนให้รมย์นลินต้องรีบหลบตา

“เหนื่อยมากไหมครับวันนี้คนเยอะมาก ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร พรุ่งนี้คอยดูเถอะ...หนังสือพิมพ์ทุกฉบับต้องลงข่าวแต่งของเราอย่างวันนี้หน้าฟีดบนเฟสบุ๊คมีแต่ข่าวเราเต็มไปหมด เพราะใคร ๆ ก็อยากเห็นหน้าคุณอยากรู้จักผู้หญิงที่ทำผู้หญิงด้วยกันอกหักครึ่งค่อนประเทศ” เจ้าบ่าวป้ายแดงคุยอวดคนฟังค้อนให้อย่างนึกหมั่นไส้

“แฟงไม่ได้อยากเป็นข่าวด้วยสักหน่อยแสดงว่าคุณน่ะ...ไปก่อเรื่องไว้มาก ก็เลยมีแต่คนสนใจ”

เทียมภพเชยคางมนเพื่อพิศดูใบหน้าเจ้าสาวแสนสวยความงดงามตรึงใจที่มองเท่าไหร่ก็ไม่มีวันเบื่อแต่สิ่งนี้มิใช่สิ่งที่เกี่ยวหัวใจของชายหนุ่ม หากแต่เป็นจริยาวัตร ทัศนคติการดำรงชีวิตที่เทียมภพเห็นสมควรแล้วว่ารมย์นลินมีความเพียบพร้อมที่จะมาเป็นคู่ชีวิต

“รมย์นลิน...นับจากวันนี้ไปคุณคือคุณผู้หญิงแห่งบ้านทวีกิจไพศาล คุณพ่อคุณแม่ของผม...คือพ่อแม่ของคุณคุณมีคุณย่าที่เมตตาเอ็นดูคุณ จะมีน้องสาวอีกสองคนที่จะเป็นเพื่อนคุณ คุณจะเป็นนายหญิงคอยดูแลความเป็นไปในบ้านให้เรียบร้อยบริวารจะเชื่อฟังและพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของคุณผู้หญิงและอีกไม่นาน...คุณจะให้กำเนิดทายาททวีกิจรุ่นที่สี่ คุณจะเป็นแม่ของลูก ๆ เป็นศรีภรรยาของผม”

เทียมภพจูบแก้มปลั่งฝาดสีเรื่อของเจ้าสาวรมย์นลินรับฟังด้วยความตื้นตันในหัวใจที่เขาให้เกียรติเชิดชูถึงเพียงนี้ และแม้เทียมภพจะไม่ให้อะไรเลยหล่อนก็พอใจเพียงแค่ได้ตำแหน่ง ‘ศรีภรรยา’ ของเขาสองมือยกขึ้นประนมแล้วก้มกราบลงแทบตักสามีเหมือนจะฝากตัว

“แฟงกราบขอบคุณที่กรุณาและเมตตาและจะทำหน้าที่ทุกอย่างให้ดีที่สุดแฟงขอฝากชีวิตนี้ทั้งชีวิต...ไว้กับคุณ”

เทียมภพประคองร่างระหงขึ้นมากอดแนบชิดเขาเชื่อมั่นว่ารมย์นลินจะเป็นภรรยาและแม่ที่ดี และเขา...จะดูแลครอบครัวให้มีความสุขที่สุดเป็นสามีและพ่อที่ดีตามที่ได้รับโอวาทจากผู้ใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้เป็นสำคัญกับเพื่อนรัก

“ผมรักคุณนะครับ”

เขาจูบหน้าผากมนแล้วระเรื่อยมาหยุดที่ริมฝีปากอวบอิ่มจากนั้นก็ถอดพวงมาลัยคล้องคอทั้งของตัวเองและรมย์นลินแขวนไว้ที่หัวเตียงแล้วค่อย ๆช้อนร่างบางขึ้นวางบนเตียงกว้าง มือข้างหนึ่งจับชายผ้าปูตลบลงเพียงเท่านั้นเศษกลีบดอกไม้กับธนบัตรและเหรียญก็กระจายไป เปิดทางให้ร่างสองร่างนอนอิงแอบกันโดยไร้สิ่งกีดขวาง

“จะไม่อาบน้ำก่อนหรือคะ”เสียงหวานกระซิบถาม

“เดี๋ยวค่อยอาบนี่รู้ไหม...ใกล้จะถึงวันเกิดน้องพลูแล้ว เธอมาขอของขวัญกับผมเมื่อวานนี้เอง”ชายหนุ่มบอกเสียงหวานขณะปลดเปลื้องเสื้อสูทออกจากร่าง

“ปีนี้มาแปลกบอกว่าอยากได้ของขวัญมีชีวิต”

“น้องพลูอยากได้อะไรเหรอคะ”คนถามพาซื่อเพราะคิดไปถึงพวกสัตว์เลี้ยงน่ารัก เทียมภพยิ้มเป็นปริศนาแล้วก้มลงกระซิบชิดริมหูเล็กขณะที่อีกมือรูดซิปด้านหลังชุดแต่งงานสีขาวลงจนสุด

“หลาน...น้องพลูบอกว่าอยากได้หลานถ้าไม่รีบทำให้เดี๋ยวจะงอน คุณก็รู้ว่าผมตามใจน้อง งั้นเรารีบมาผลิตกันกันดีกว่าเผื่อจะมีข่าวดีมอบให้น้องพลูเป็นของขวัญวันเกิด” คำตอบของคนตัวโตกระตุ้นให้เกิดริ้วแดงประดับพวงแก้มในทันที เทียมภพไม่อยากให้เสียเวลาอีกจึงมอบจุมพิตแสนรัญจวนให้เจ้าสาวในอ้อมกอด

ร่างสูงในชุดสูทสากลสีเทาหันมาเมื่อได้ยินเสียงเปิดบานประตูนัยน์ตาสีเหล็กทอประกายระยับแข่งกับดาวพราวบนผืนฟ้าสีดำสนิท ร่างอรชรเดินจับชายกระโปรงยาวก้าวเข้ามาช้าๆ เจ้าของใบหน้าคมเดินเนิบ ๆ เข้าไปหาจนทั้งคู่หยุด ณ จุดกึ่งกลางดาดฟ้า บรรยากาศบนนี้เงียบสงบมองลงไปเบื้องล่างก็จะเห็นแสงสียามราตรีของเมืองหลวง ทุกครั้งมันดูวุ่นวายไร้ความสงบแต่วันนี้แทนดาวรู้สึกว่าเป็นค่ำคืนที่น่าพิสมัยเหลือเกิน

“นึกว่าจะเจอใครที่แท้...เป็นคุณอาธารานี่เอง”

แทนดาวทักขึ้นก่อนสรรพนามที่ใช้เรียกทำให้คนฟังยิ้มขันนึกย้อนไปถึงวันแรกที่เจอกันแล้วหล่อนเรียกชื่อผิด ๆ อยู่นาน ชายหนุ่มเจ้าของนามแฝงว่า‘คุณอาธารา’ รั้งไหล่ลาดให้เข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นจนได้กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ของกันและกัน

“แล้วที่ยืนตรงหน้าพี่นี่...คน...หรือนางฟ้า”มือหนาสอดเกี่ยวลอนผมยาวอย่างหลงใหล ยิ่งยามเมื่อสายลมปะทะก็ปลิดปลิวพลิ้วไหวราวยอดหญ้าต้องลม

“ลองพิสูจน์ดูสิคะ...ว่าเป็นอะไรกันแน่”สิ้นคำ ริมฝีปากหยักก็ยื่นเข้ามาจุมพิตริมฝีปากกระจับสีชมพูเรื่อ

“รู้แล้วนี่มัน...นางฟ้า...ในร่างมนุษย์”

“ปากหวานจังนะคะแล้วทำไมมาหลบที่นี่คนเดียว”

“มายืนดูดาวแต่น้องพลูเชื่อไหม...พี่แหงนจนปวดคอก็ยังไม่เจอดวงไหนจะสวยเท่า...ดาวที่อยู่ตรงหน้าพี่”

ปลายนิ้วอุ่นเชยคางเล็กขึ้นดวงตาตรงอัลมอนด์สดใสจนเห็นเงาสะท้อนของเขาในนั้น คนถูกมองสานมือกันไว้ด้านหน้าอย่างรู้สึกประหม่าถึงจะรู้จักกันมานานแต่ก็ยังไม่คุ้นเคยกับแววเกี้ยวพาเช่นนี้เสียที

“พี่หมากพาน้องพลูมาส่งให้คนที่...รักน้องพลูเท่าชีวิตคน ๆ นั้น...ใช่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าน้องพลูไหมคะ”

“ไม่ผิด”

วลีหนักแน่นตอบออกมาแทบจะทันทียิ่งพาให้หัวใจดวงน้อยลอยสูงขึ้นมือบางยกขึ้นสัมผัสผิวละเอียดสีทองแดงที่ประกอบขึ้นเป็นใบหน้าคมคายของบุรุษที่ตนรักสุดหัวใจ

“ถ้าอย่างนั้น...น้องพลูอยากให้พี่ชลถาม‘คำถาม’ เดิมอีกครั้งได้ไหมคะ”

“แล้วถ้าคำตอบมันเหมือนเดิม...”

“มันจะไม่เหมือนเดิมค่ะ”

เสียงหวานบอกหนักแน่นพร้อมกับมือเรียวบีบกระชับมืออุ่นชลธีจ้องวงหน้างามลลออไม่วาง ริมฝีปากแย้มรอยยิ้มหวานอบอุ่น เขาจุมพิตมือนุ่มคู่นั้นแล้วส่งสายตาสะกดให้คนตรงหน้าอยู่นิ่ง

“แต่งงานกับพี่ไหม”

“แต่งค่ะ”

รอยยินดีฉายชัดในดวงตาสีเหล็กนาทีต่อมาวงแขนแข็งแกร่งก็รัดร่างอรชรเอาไว้แนบอกหัวใจทั้งสองดวงลอยสูงขึ้นไปอยู่คู่กัน ณ ผืนฟ้าพร่างดาว เป็นนานกว่าที่แขนแข็งแรงข้างเดียวกันจะผละร่างบางออกแต่ก็ห่างอยู่เพียงนิดเดียว “แทนดาว...กลับมาอยู่เคียงคู่ทะเลเหมือนเดิมนะครับอย่าทิ้งท้องทะเลมืดมิดไปอีกเลย ในวันที่หัวใจของพี่ไร้ดวงดาวมาส่องสว่าง ทุกอย่างมันสิ้นหวังไปหมดชีวิตพี่จะเป็นยังไงถ้าไม่มีแทนดาว”

หญิงสาวอิ่มเอมกับคำหวานที่เขาจาระไนออกมาแต่นั่นก็ยังไม่เท่าความรู้สึกลิงโลดเมื่อนิ้วนางข้างขวาสัมผัสกับวัตถุเย็น ๆพอเพ่งมองดูก็เห็นแหวนทองคำขาว หัวแหวนเป็นบลูแซฟไฟร์หรือเพชรสีน้ำเงินรูปหัวใจ ใบหน้าหวานยิ้มกว้างพอๆ กับดวงตาที่เบิกโตอย่างตั้งคำถาม

“มันกลับมาอยู่กับเจ้าของของมันพี่ชายเรา...ไม่ได้ใจร้ายอย่างที่คิดหรอกนะ”

“ไม่มีวันไหนที่น้องพลูไม่คิดถึงมัน...พี่ชลเชื่อไหมคะ”หญิงสาวลูบคลำแหวนด้วยความดีใจและคิดถึงอย่างที่พูด

“เชื่อสิคะ...น้องพลูรักพี่ขนาดนี้ก็ต้องรักทุกอย่างที่พี่ให้เหมือนกัน”

“ต๊าย...พูดเองเออเองนะคะนั่น” ชายหนุ่มหัวเราะร่วนแล้วดึงร่างเล็กมากอดอีกครั้งจมูกโด่งกดลงบนกระหม่อมที่ปกคลุมด้วยผมหอม

“ถ้าไม่อยากให้พี่ทึกทักเอาเองน้องพลูก็ต้องพูดออกมา” เกิดความเงียบนานช้าแทนดาวซุกหน้ากับอกอุ่นทำเหมือนไม่ได้ยินที่จนคนพูดต้องถามย้ำ

“พี่รักน้องพลูเหลือเกินแล้วแล้วน้องพลูล่ะคะ...รักพี่ชลไหม” คนตัวเล็กอมยิ้มอยู่สักครู่ก็เขย่งปลายเท้าขึ้นแตะกลีบปากกับริมฝีปากหยักเบาๆ

“น้องพลูรักพี่ชลค่ะดาวดวงนี้จะอยู่เคียงคู่ทะเลตลอดไป”

ภายใต้ท้องฟ้ามืดดุจกำมะหยี่ประดับดาวเป็นจุดเล็กๆ สองร่างตระกองกอดกันแนบแน่นถ่ายทอดความรู้สึกล้ำลึกให้กันและกัน ไออุ่นของลมหายใจจากคนร่างสูงค่อยๆ รดไล่ลงมาตั้งแต่หน้าผากมนจนมาจรดที่ริมฝีปากระเรื่อ รสสัมผัสผิวเนิบนาบนุ่มนวลราวกลีบดอกไม้ต้องเกร็ดน้ำค้างช่างหวานและสุขล้น ต้นรักที่ทั้งคู่ช่วยกันดูแลตั้งแต่เริ่มหว่านเมล็ดบัดนี้งอกงามผลิดอกเบ่งบาน ถึงบางครั้งจะมีหนอนแมลงมารบกวนให้รำคาญ แต่ทว่ารั้วใจที่มั่นคง...เหล่าหนอนแมลงต่างก็ล่าถอยไปในที่สุด

-อวสาน-



ความรัก...เคยทำให้เขา...บุรุษผู้แข็งแกร่งดังเหล็กกล้าทรุดกายลงด้วยอาการใจแตกสลายเพราะพิษร้ายของมัน

ความรัก....ได้หล่อหลอมให้เธอ...สตรีบอบบางกลับแข็งแกร่งด้วยอานุภาพของมัน

สองคน สองใจ ช่วยกันเพาะปลูกต้นรัก...ในรั้วแห่งใจคนหนึ่งเป็นดิน คนหนึ่งเป็นน้ำ ความเอาใจใส่เอื้ออาทรซึ่งกันและกันคือปุ๋ยชั้นดีจากเมล็ดเล็ก ๆ ค่อยแทงรากแตกยอดอ่อนจนฝังรากแก้วลึกลงในหัวใจของทั้งคู่...ปลูกรักในรั้วใจ




Create Date : 19 พฤษภาคม 2559
Last Update : 19 พฤษภาคม 2559 23:17:20 น.
Counter : 562 Pageviews.

1 comments
  
ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ
โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:15:38:04 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อิสวารายา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ถ้าย้อนกลับไปเมื่อปี 2007 นักเขียนหน้าใหม่นามปากกาว่าอิสวารายาได้ถือกำเนิดขึ้นพร้อมๆกับนวนิยายรักอบอุ่นหัวใจเรื่อง ปลูกรักในรั้วใจ จำได้ว่าเมื่อ 9 ก่อนนั้นนวนิยายเรื่องยาวนี้เป็นที่นิยมของแฟนนักอ่านที่น่ารักหลายท่าน เนื้อเรื่องได้ดำเนินมาถึงตอนใกล้จบแต่ writer ก็หยุด update ต่อจนจบเนื่องจากเกิดเหตุคอมพิวเตอร์ขัดข้อง เนื้อหาที่เป็นต้นฉบับไม่สามารถเรียกมาได้ ก็เลยหมดกำลังใจที่จะนั่งพิมพ์ใหม่ เนื้อเรื่องที่ได้ post ไว้ทั้ง 3 pages (Dek-D, Bloggang, Jamsai) ก็ไม่เหมือนฉบับ rewrite ที่ได้วางพลอตเอาไว้จนถึงตอนอวสาน พอทิ้งไปนานๆเข้าก็เริ่มไม่มีเวลาเพราะยุ่งกับงานรวมถึงการศึกษาต่อ

จนกระทั่งวันนี้ ผ่านไปแล้ว 9 ปี ก็คิดถึงปลูกรักในรั้วใจขึ้นมา เลยลอง search ใน google ก็ยังพบว่าปลูกรักในรั้วใจยังคงอยู่ ประกอบกับมีนักอ่านบางท่านยังคงมา comment อยู่ อิสวารายาก็รู้สึกผิดและคิดว่าควรจะสานต่อปลูกรักในรั้วใจให้สมบูรณ์เสียที ให้สมกับที่แฟนนักอ่านรอคอยให้น้องพลูกับพี่ชลกลับมา ดังนั้นจึงนั่ง copy เนื่อเรื่องจากเวบเอามาเขียนใหม่ โดยอิสวารายาเริ่มหยิบเนื้อหามาค่อยๆ rewrite ใหม่ตั้งแต่เดือน พ.ย. 58

น้องพลูกับพี่ชลกำลังจะกลับมา พร้อมกับเนื้อหาที่ปรับแต่งใหม่ให้เข้ากับยุคสมัย นอกจากนั้นยังพิ่มบท ตัวละคร เพื่อให้มีอรรถรสมากขึ้น

นวนิยายเรื่องนี้จะได้รับการตีพิมพ์หรือไม่นั้นไม่สำคัญ แต่อิสวารายาคิดถึง น้องพลู พี่หมากและพี่ชล และต้องการให้พวกเขากลับมา มาร่วมสร้างความรัก ความอบอุ่น กับนวนิยายรักน่ารักเรื่องนี้กันใหม่อีกครั้งนะคะ

รักและคิดถึงที่สุด
อิสวารายา
20 ก.พ. 2559
New Comments
  •  Bloggang.com